เพราะอะไร? กรีนแลนด์...จึงเป็นประเทศที่ติดอันดับคนฆ่าตัวตายเยอะที่สุดในโลก!

    สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com วันนี้ พี่นิทาน นำเรื่องราวจากกรีนแลนด์มาเล่าให้ฟังกันค่ะ หลายคนคงรู้จักประเทศกรีนแลนด์กันอยู่แล้ว คือประเทศที่อยู่เหนือสุดของโลก เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ใหญ่ที่สุดก็ไม่ได้แปลว่ามีประชากรเยอะที่สุดนะคะ เพราะกรีนแลนด์มีประชากรทั้งหมดแค่ 56,000 กว่าคน หากเคยเห็นภาพทุกคนคงคิดว่าเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง สวยงามดูสบายตา บ้านเรือนน่ารักน่าอยู่ แต่รู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังความสวยงามและสงบเงียบแห่งนี้ มีความหดหู่และเยือกเย็นซ่อนอยู่

Photo credit : pixabay 
    เป็นเรื่องที่ฟังดูน่าหดหู่เมื่อรู้ว่ากรีนแลนด์เป็นประเทศที่ติดอันดับคนฆ่าตัวตายเยอะที่สุดในโลก ด้วยสถิติ 100 ต่อประชากร 100,000 คน ทั้งๆ ที่ประชากรในกรีนแลนด์มีไม่ถึง 100,000 คนด้วยซ้ำค่ะและบุคคลที่ฆ่าตัวตายในกรีนแลนด์มักเป็นชายวัยรุ่นที่อยู่ในช่วงอายุ 18 - 20 ปลายๆ ผิดกับประเทศอื่นๆ ที่ส่วนมากสถิติการฆ่าตัวตายจะเป็นประชากรวัยกลางคนหรือผู้ใหญ่ ส่วนผู้หญิงก็มีเช่นกันแต่ไม่มากเท่า และส่วนมากก็มีแนวโน้มจะฆ่าตัวตายเช่นกันค่ะ ด้วยประชากรที่มีน้อยคนจึงทำให้ชาวกรีนแลนด์ทุกคนมักจะต้องมีคนรู้จักที่ฆ่าตัวตายกันทั้งนั้น ฟังดูโหดมาก แต่การฆ่าตัวตายกลายมาเป็นเรื่องธรรมดาของที่นี่จนได้ 

Photo credit : pixabay 
   
    อาจเป็นเพราะว่าสมัยก่อนชาวอินูอิท (ชนพื้นเมืองของกรีนแลนด์) ใช้ชีวิตอยู่กันอย่างเรียบง่าย มีกิจกรรมง่ายๆ ตามวิถีชีวิตที่ทำกันจนคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นการตกปลา ล่าสัตว์ ทุกคนอยู่กันง่ายๆ และเป็นหมู่บ้านเล็กๆ และในสมัยนั้นไม่เคยมีเรื่องร้ายๆ อย่างการฆ่าตัวตายเข้ามาเกี่ยวข้องเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงปี ค.ศ. 1953 กรีนแลนด์ตกเป็นเมืองขึ้นของเดนมาร์ก จึงมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างให้ทันสมัยมากขึ้น เช่น การนำวัฒนธรรมจากเดนมาร์กมาใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ แต่ที่ทำให้ชาวกรีนแลนด์เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดน่าจะเป็นการถูกย้ายบ้านไปอยู่ในอพาร์ทเมนต์ที่ทันสมัยขึ้น จากบ้านเล็กๆ หลังอบอุ่นที่อาจดูไม่มีความสะดวกหรือเชยในสายตาคนเมือง ต้องมาอยู่ในอพาร์ทเมนต์แคบๆ ที่ต่อให้มีความอำนวยสะดวกเพิ่มขึ้น ก็ไม่ได้ทำให้ชาวบ้านรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาเท่าไหร่นัก จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมอย่างฉับพลันในช่วงปี 1970 และยังเป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรมการฆ่าตัวตายด้วย...

   
    การฆ่าตัวตายที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในคนรุ่นใหม่หรือวัยรุ่นอาจเกิดจากหลายสาเหตุ แต่ที่สำคัญคือพวกเขาไม่ได้มีการสนับสนุนและการดูแลสภาพจิตใจหรือสถานบำบัดที่พอจะช่วยเหลือได้ และแม้แต่คนเหล่านั้นที่รู้สึกหดหู่อยากฆ่าตัวตายก็ยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น เพราะเหมือนความรู้สึกพวกนี้มันติดตัวมาตั้งแต่เกิดแล้ว และการที่ยิ่งไม่มีนักจิตวิทยาหรือนักบำบัดมาคอยช่วยเหลือหรือรองรับเวลามีปัญหา ก็ยิ่งเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ความรู้สึกเหล่านี้สะสมอยู่ในใจ นอกจากนั้นสาเหตุที่สำคัญและอันตรายที่สุดก็คือทุกบ้านมีปืน ชาวกรีนแลนด์มีวัฒนธรรมการล่าสัตว์อยู่ในสายเลือด ทุกบ้านจะต้องมีปืนไรเฟิลหรือปืนสักอย่างไว้ จึงเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากหากมีใครคิดอยากฆ่าตัวตาย นอกจากนั้นการดื่มเหล้า ความจน และปัญหาครอบครัว (เช่น มีความสัมพันธ์และสืบทอดกันในครอบครัวและญาติด้วยกัน) ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งค่ะ

   
    แต่ก็เชื่อว่าหลายคนคงคิดว่าความหดหู่และความเศร้าน่าจะเกิดจากความหนาวเย็น? จริงอยู่ที่กรีนแลนด์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่หนาวเย็นและมีหน้าหนาวเกือบทั้งปี ทั้งมืด หนาว ลมแรงและไร้แสงอาทิตย์ แต่ความจริงคือสถิติการฆ่าตัวตายจะสูงที่สุดในช่วงหน้าร้อนที่นี่ โดยเฉพาะเดือนมิถุนายน จึงมีข้อสรุปได้ว่าความจริงสาเหตุหนึ่งของการฆ่าตัวตายก็คือการ 'นอนไม่หลับ' ที่มักเกิดขึ้นเพราะช่วงหน้าร้อนที่นี่พระอาทิตย์แทบไม่ตกดินกันเลย ในหน้าร้อนของกรีนแลนด์พระอาทิตย์จะขึ้นตลอดทั้งวัน ทั้งคืน ตั้งแต่เดือนเมษายน - เดือนสิงหาคม ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่นานพอสมควรเลยค่ะ ด้วยสภาพอากาศ สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่แบบนี้จึงทำให้ชาวกรีนแลนด์ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากและไม่มีทางออก บางคนอาจคิดว่าแค่พระอาทิตย์ไม่ตกเนี่ยนะทำให้เครียดได้ ใช่แล้วค่ะ มันมีผลทำให้คนนอนไม่หลับ นอนหลับยาก และการนอนไม่หลับจะทำให้ระบบอื่นๆ ของร่างกายทำงานได้ไม่สมบูรณ์และเต็มที่ ความเครียดจึงเกิดขึ้น สถิติเวลาการฆ่าตัวตายของชาวกรีนแลนด์จึงอยู่ที่ช่วงนี้กัน


    เมื่อมีการฆ่าตัวตายเกิดขึ้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะส่งผลต่อคนรอบข้างและวงกว้าง (ในประเทศที่คนน้อยแบบนี้) จึงมีการรณรงค์จากรัฐบาลและองค์กรที่ช่วยเหลือและลดอัตราการฆ่าตัวตาย ด้วยการให้ประชาชนที่เป็นทุกข์หรืออยากฆ่าตัวตายให้โทรมาที่เบอร์ขององค์กร และมีการติดป้ายตามสถานที่ต่างๆ หรือตามถนนว่า "The call is free. no one is alone. Don't be alone with your dark thoughts. Call." หรือประมาณว่า 'โทรมาเถอะค่ะ โทรฟรี คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว อย่าโทษตัวเอง โทรมาเลย' ด้วยประเทศที่มีขนาดใหญ่และคนจำนวนน้อย ผู้คนจึงอยู่กันเป็นหมู่บ้านเล็กๆ หรือเมืองเล็กๆ บางครั้งสาเหตุสำคัญที่สุดคือเรื่องของความรักและความรู้สึก ไม่มีใครที่อยากอยู่คนเดียว แต่ก็อาจจะต้องใช้เวลาและความเข้าใจกันมากขึ้นเพื่อจะให้คนกรีนแลนด์ช่วยเหลือกันได้มากกว่านี้ แม้กระทั่งหมอหรือนักจิตแพทย์ที่มีน้อยมากแล้ว ก็ยังอยู่ไกลจากตัวเมืองต่างๆ และหมู่บ้านต่างๆ อีกด้วย 
   
    หวังว่าประเทศที่สวยงามแบบนี้จะมีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นหลังจากนี้นะคะ ความรักและความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการอยู่ร่วมกัน อย่าลืมว่าหากมีเรื่องไม่สบายใจ ให้ลองหาคนรับฟังและเล่าเรื่องให้เขาฟังเพื่อความสบายใจ เพราะไม่มีใครบนโลกนี้ที่อยู่คนเดียวหรอกค่ะ ทุกคนย่อมยินดีที่จะช่วยเหลือกันและกันเสมอค่ะ 

ข้อมูลจาก
พี่นิทาน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

with J Member 3 มิ.ย. 59 17:09 น. 1

คิดไปคิดมาประเทศที่สงบมากๆก็มีข้อเสียเหมือนกันเนอะ กรีนแลนด์คนอยู่น้อย ไม่ค่อยมีธุรกิจอะไรมากมาย คนเลยไม่มีงานทำด้วยรึเปล่าคะ พอประกอบกับเหตุผลที่ว่ามาในกระทู้ก็ไม่ค่อยแปลกใจเลย หดหู่แทนพวกเค้าเลยค่ะ

0
กำลังโหลด
Novalist Member 5 มิ.ย. 59 20:27 น. 3

กรีนแลนด์นี่คนอยู่น้อยมาก เมืองใหญ่สุดยังมีกันแค่ไม่กี่คน เครื่องอุปโภคบริโภคก็ต้องนำเข้าจากแผ่นดินใหญ่ แถมยังหนาวจนทำการเกษตรลำบาก อาจจะดูสวยแต่มันไม่น่าอยู่เลยนะครับ แต่คนที่อยู่มาตั้งแต่แรกยังไงก็มองเป็นบ้านครับ แต่ไม่ให้เครียดคงไม่ไหวจริง

0
กำลังโหลด
ฮิจินะ Member 3 มิ.ย. 59 21:18 น. 2

มันเงียบถึงขนาดนั้นก็ไม่แปลกหรอกคะ แต่อยากคิดถึงฆ่าตัวตายมากเลย มันไม่ดี 

ถ้าเป็นไปได้ อยากให้เบอร์ด้วยนะจะได้โทรมาเราก็จะโทรไปอะไรประมาณนี้ปิ้งปิ้ง

0
กำลังโหลด

7 ความคิดเห็น

with J Member 3 มิ.ย. 59 17:09 น. 1

คิดไปคิดมาประเทศที่สงบมากๆก็มีข้อเสียเหมือนกันเนอะ กรีนแลนด์คนอยู่น้อย ไม่ค่อยมีธุรกิจอะไรมากมาย คนเลยไม่มีงานทำด้วยรึเปล่าคะ พอประกอบกับเหตุผลที่ว่ามาในกระทู้ก็ไม่ค่อยแปลกใจเลย หดหู่แทนพวกเค้าเลยค่ะ

0
กำลังโหลด
ฮิจินะ Member 3 มิ.ย. 59 21:18 น. 2

มันเงียบถึงขนาดนั้นก็ไม่แปลกหรอกคะ แต่อยากคิดถึงฆ่าตัวตายมากเลย มันไม่ดี 

ถ้าเป็นไปได้ อยากให้เบอร์ด้วยนะจะได้โทรมาเราก็จะโทรไปอะไรประมาณนี้ปิ้งปิ้ง

0
กำลังโหลด
Novalist Member 5 มิ.ย. 59 20:27 น. 3

กรีนแลนด์นี่คนอยู่น้อยมาก เมืองใหญ่สุดยังมีกันแค่ไม่กี่คน เครื่องอุปโภคบริโภคก็ต้องนำเข้าจากแผ่นดินใหญ่ แถมยังหนาวจนทำการเกษตรลำบาก อาจจะดูสวยแต่มันไม่น่าอยู่เลยนะครับ แต่คนที่อยู่มาตั้งแต่แรกยังไงก็มองเป็นบ้านครับ แต่ไม่ให้เครียดคงไม่ไหวจริง

0
กำลังโหลด
มองมุมเรา 31 ส.ค. 59 00:54 น. 4
โหพระอาทิตย์ไม่ตกตลอด3เดือน ประสาทกินแน่ๆ แค่ช่วงหน้าร้อนบ้านเราปีนี้ทุ่มครึ่งฟ้ายังสว่างแดงๆเรายังรู้สึกแปลกๆเลย
0
กำลังโหลด
ดาวเหนือในสายลมหนาว Member 18 พ.ย. 59 10:24 น. 5

คิดว่าเชื่อถือไม่ได้ค่ะ ลองคิดดูนะ ถึงพระอาทิตย์จะไม่ตกเลยสามเดือน แต่คือ เขาเกิดมาอย่างนัน อยู่มาอย่างนั้น พบเจอสิ่งเหล่านั้นตั้งแต่เกิด ยังไงก็หลับลงอยู่แล้ว มันยากที่จะเชื่อว่าคุ

ณหลับไม่ลงกับสภาพแวดล้อมที่คุณเจอมาตั้งแต่เกิด อย่างเด็กที่พ่อแม่อุ้มไปทำงานผับบาร์ด้วยเสียงเพลงอึกทึกขนาดนั้นยังหลับลงได้ เพราะเขาเจอสภาพแบบนั้นจนชินแล้ว มันเป็นเรื่องปกติของร่างกาย ธรรมชาติของร่างกายเราจะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้เองอยู่แล้ว

[jj-006]

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด