เปิดใจคุย! แชร์หลากมุมมองจากคนหลายบทบาท ต่อกิจกรรม “กราบแม่” ในโรงเรียน

       สวัสดีค่ะชาว Dek-D ในที่สุดวันแม่ก็เวียนมาถึงอีกครั้ง หลายคนมีความสุขกับเทศกาลนี้ แต่บางคนกลับเศร้าเพราะบรรยากาศโดยรอบพาไป อย่างปีที่แล้วโซเชียลก็พากันแชร์ภาพเด็กหญิงกราบเก้าอี้เปล่าๆ ในขณะที่เพื่อนๆ เค้ากราบแม่กันหมด ทำเอาบางคนเรียกร้องให้โรงเรียนยกเลิกกิจกรรมนี้ซะ แล้วถ้าให้ว่ากันตามจริง เรื่องนี้ก็เป็นประเด็นถกเถียงกันทุกปี วันนี้เราเลยขอลงไปสำรวจความคิดเห็นจากคนในแต่ละบทบาทว่า พวกเค้าคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมนี้ยังไง? และอยากให้กิจกรรมถูกปรับเปลี่ยนยังไงให้แฟร์กันทุกฝ่าย?


       ส่วนตัวหนูคิดว่ากิจกรรมกราบแม่ดูไม่ค่อยเหมาะสมค่ะ เหมือนไปตอกย้ำให้คนที่ไม่มีเค้ารู้สึกแย่มากกว่าเดิม แต่เท่าที่เห็น เพื่อนบางคนที่ไม่มีแม่ ก็เลือกใช้โอกาสวันแม่เป็นช่วงเวลาแสดงความรักกับคนที่เลี้ยงเค้ามาได้เหมือนค่ะ” 



   
    
“กิจกรรมกราบแม่อาจกระทบกระเทือนจิตใจบางคนจริงๆ ครับ ถ้าให้เสนอทางออกคือเราไม่จำเป็นต้องเชิญพ่อแม่ แต่เชิญคนที่เลี้ยงดูมาแทนก็ได้

 

   
      
“คิดว่ากิจกรรมที่โรงเรียนควรเป็นการเทิดพระเกียรติ ส่วนความรักความผูกพันก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล กราบแม่ที่บ้านก็ได้ค่ะ”

 


       “ผมเองไม่ได้อยู่กับแม่เหมือนกัน ในวันแม่ผมมีคุยกับเค้า พาเค้าไปเที่ยวเหมือนกันแหละ แต่ไม่ได้รู้สึกมีปัญหาอะไรที่ไม่ได้มาร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนครับ  กิจกรรมวันแม่ทำให้เราได้แสดงความกตัญญู และยังมีคนอีกมากมายที่มีความสุขกับกิจกรรมนี้อยู่ สำหรับผมคิดว่า มันเป็นกิจกรรมที่ทำให้คนที่แม่ไม่อยู่แล้ว ได้นึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ ไม่จำเป็นต้องมองว่าเศร้าตลอด ส่วนคนที่สะเทือนใจแล้วไประบายในเน็ตสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ก็ไม่โอเคเหมือนกันครับ”

 

     
      
“กิจกรรมวันแม่ที่โรงเรียน มีให้แม่ลูกใส่ชุดไทยค่ะ แต่เป็นแค่ตัวแทนห้องนึงประมาณ 1-2 คู่ สำหรับเรื่องกราบแม่ คงได้แค่ยอมรับจริงๆ เคยเห็นเพื่อนที่เค้าเศร้าเสียใจเหมือนกันนะ เค้ามาร่วมกิจกรรมวันแม่ก็จริง แต่ร้องไห้ตอนที่ไหว้แม่ ตอนเปิดเพลง แล้วนั่งมองการกราบแม่แบบเศร้าๆ


 
 
       "จริงๆ ผมว่ามันเป็นกิจกรรมที่ดีแหละครับ แต่ว่ามันไม่จำเป็นต้องทำที่โรงเรียนก็ได้หรือเปล่า? คนเรามีวิธีการแสดงความรักแม่เยอะมาก อย่างตอนเราเป็นเด็ก แม่เราติดงานตลอดเลยไม่ว่างมาที่โรงเรียน เราเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนะ เพราะสุดท้ายเราก็ทำเองที่บ้านก็ได้ แต่กลับบางคนที่เค้าไม่มีแม่ เราอาจจะได้คำตอบอีกแบบก็ได้"

 


      คุณแม่ลูกสองผู้ซึ่งเคยทำงานเป็นกองบรรณาธิการนิตยสารเด็ก แสดงความเห็นว่า “พี่ไปงานวันแม่ของลูกทุกปี ลูกเรามีเราอยู่เลยไม่รู้สึกเสียใจอะไร แต่จากประสบการณ์ที่ทำแม็กกาซีนเด็กมา 7 ปี เราได้เห็นความเฟลของเด็กที่เกิดขึ้นกับพิธีกราบแม่ทุกปี บางคนก็นั่งจ๋อย สีหน้าไม่ดี ยิ่งเป็นเด็กประถม ปกติเด็กทุกคนที่มีพ่อแม่ก็จะบิวด์อยู่แล้วว่าต้องมานะ เพราะไม่อยากกราบครู ซึ่งคนไม่มีก็ไม่รู้จะหาพ่อแม่จากไหน ได้แต่กราบครูไป”
 
       จริงๆ ไม่อยากให้มีพิธีกราบแม่ที่โรงเรียน เพราะปัจจุบันมีซิงเกิ้ลมัม ซิงเกิ้ลแดดเยอะมาก เด็กไม่อยู่กับพ่อแม่ก็เยอะ ควรให้ลูกกราบคนที่เป็นผู้ปกครอง เปลี่ยนคำเชิญทั้งวันพ่อวันแม่เลย เพราะ detail ของกิจกรรมคือการกราบเสร็จไม่จบแค่นั้น พ่อแม่จะพาลูกไปกินขนมกันตรงนั้น เด็กที่ไม่มีพ่อแม่ก็จะเหงาๆ ขนาดลูกพี่แค่วันไหนไม่ว่างไปก็ร้องไห้ ไม่ยอม โทรตามให้ไปเดี๋ยวนี้ก็มี”      



       “เรื่องดราม่าคงเลี่ยงไม่ได้ เพราะการที่พ่อแม่เด็กจะไม่มามันก็เป็นเรื่องจริง และด้วยวุฒิภาวะของเด็กที่เขาอาจยังไม่เข้าใจหรือยอมรับได้ก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา”
 
       แต่ส่วนตัวมองว่าโซเชียลมีเดียทำให้เรื่องนี้ดูกระทบแรงไปหมด คนที่ออกมาชี้ให้เห็นปัญหาเป็นเรื่องเป็นราวไม่ใช่เด็กที่กำลังเผชิญปัญหา ณ ตอนนั้น แต่อาจมีปมในวัยเด็กเรื่องการกราบแม่ในวันแม่ เพราะเอาจริงๆ เด็กที่กำลังเผชิญปัญหาอยู่ยังอยู่ในช่วงวัยประถม มัธยม ที่มีวุฒิภาวะไม่มากถึงขั้นจะเรียบเรียงประเด็นต่างๆ มาสร้างกระแสในสังคมอย่างจริงจังได้ ซึ่งจุดนี้อาจทำให้เด็กรุ่นใหม่ได้เสพดราม่าแล้วไม่ได้กลั่นกรองให้ดี ตอนแรกอาจไม่อิน แต่หลังจากเห็นหน้าฟีดบ่อยๆ ก็อาจจะคล้อยตามได้ ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร”       


 

      ปิดท้ายด้วยความเห็นจากอาจารย์โรงเรียนมัธยมชายล้วนแห่งหนึ่ง "จริงๆ เราก็ไม่เห็นด้วยกับการที่ต้องพาแม่มา เพราะเราเข้าใจว่าหลายคนไม่ได้อยู่กับแม่ แต่นั่นมันเป็นปัญหาส่วนตัว จุดหลักที่ทำให้เด็กรู้สึกแย่คือการเชิญแม่ทุกคนมาหน้าเสาธงมากกว่า ซึ่งมันทำให้เด็กเห็นข้อแตกต่างว่าคนอื่นมีแม่มาแต่เราไม่มีต่างหาก
 
       "อีกเรื่องคือการ์ดวันแม่ ที่หลายโรงเรียนเคยให้เด็กทำแล้วเอากลับไปให้ผู้ปกครองเซ็นแล้วเอากลับมา อันนี้เราก็ไม่เห็นด้วย จริงๆ แล้วเราว่าสิ่งที่ทำให้เด็กรู้สึกแย่ คือการตีกรอบให้เด็กเขียนความรู้สึกเกี่ยวกับแม่ในด้านบวกมากกว่า (ส่วนใหญ่มักออกมาในรูปแบบนั้น) ซึ่งถ้ามองให้กว้างกว่านั้น มันควรจะเป็นการให้เด็กได้เขียนความในใจถึงคนที่เลี้ยงดูมา เด็กบางคนไม่ได้โตมากับแม่ หรือเด็กบางคนมีความฝังใจกับด้านลบ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความรักกับแม่ เพราะพ่อแม่ก็เป็นคนที่ทำผิดหรือเห็นแก่ตัวได้ เขาก็มีสิทธิ์ที่จะพูดความในใจตรงนี้เหมือนกัน แม้แต่การก่นด่าแม่ เราเองก็มองว่าไม่ผิด หรือคนที่ไม่เคยบอกรักแม่ ก็จะได้ใช้โอกาสนี้พูดออกมา หรือจะเป็นการพูดถึงคนที่เลี้ยงดูมาเช่นปู่ย่าตายายก็ย่อมได้ เพราะมันเป็นวิธีการสนับสนุนให้เด็กได้ฝึกทักษะการสื่อสารด้วยการเขียนที่ดี"
     
 


หลายปัจจัยทำให้กิจกรรมวันแม่เปลี่ยนไป
 

        จากการเข้าไปพูดคุยกับเด็กนักเรียนยุคปัจจุบัน เราพบว่าทุกโรงเรียนในกลุ่มตัวอย่างที่เราสำรวจ ไม่มีการเชิญคุณแม่ "ทุกคน" ให้มาโรงเรียนแล้วนั่งให้ลูกกราบแล้ว ส่วนใหญ่ปรับเป็นการเชิญเฉพาะตัวแทนคุณแม่ บางแห่งมีกิจกรรมที่ส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีไทยร่วมด้วย และบางแห่งก็เน้นไปทางการเทิดพระเกียรติ
 
       คุณครูโรงเรียนหนึ่งเล่าเปรียบเทียบให้ฟังว่า “เมื่อก่อนตอนเด็กๆ อนุบาล ประถม มัธยม ก็มีกิจกรรมแบบนี้ในโรงเรียน รวมถึงพิธีกราบแม่หน้าเสาธง ถึงแม้ตอนเด็กๆ จะจำรายละเอียดมากไม่ได้ แต่เราจะมีรูปตอนอนุบาลที่เราได้เอาดอกมะลิมากราบแม่ เป็นรูปที่ถ่ายเก็บไว้ พอวันนี้ได้ย้อนมาดูก็รู้สึกว่าเป็นโมเมนต์หนึ่งในชีวิตที่น่ารักดี เป็นความทรงจำดีๆ ที่มีกับแม่เพราะเรากับแม่รักกัน
   
Photo Credit: https://pixabay.com

       “แต่ปัจจุบันด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น จำนวนนักเรียน หรือกระแสสังคมเองเรื่องการกราบแม่ ก็ต้องยอมรับว่ามีผลทำให้รูปแบบกิจกรรมเปลี่ยนไปบ้าง แต่ไม่มากพอที่การกราบแม่จะต้องถูกยกเลิกไป แค่มีการลดแรงปะทะจากสังคมภายนอกและคิดถึงใจเด็กที่ไม่มีผู้ปกครองมา หรือไม่ได้อยู่กับแม่ ด้วยการให้ครูที่ปรึกษาของแต่ละห้องคัดตัวแทนคู่แม่ลูกที่สมัครใจและสะดวกมาร่วมพิธี ด้วยการสอบถามตัวเด็กและแม่ และความรู้จักมักคุ้นกันแทนการเชิญแม่ของเด็กทั้งโรงเรียนมา ซึ่งการกราบแม่ก็จะไม่ใช่ไฮไลต์หลักที่ใช้เวลานาน กราบเสร็จก็มูฟ รันสคริปต์อื่นๆ ต่อไป” 
 
       เช่นเดียวกับคุณแม่ของน้องคนหนึ่ง “ในมุมมองพี่คิดว่ากิจกรรมกราบแม่ดูจริงจังน้อยลงกว่าเมื่อก่อน สมัยพี่เป็นเด็กแม่ทุกคนต้องมา แต่เดี๋ยวนี้อาจเป็นแค่ตัวแทน และเน้นกิจกรรมเทิดพระเกียรติมากกว่า”

       ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนเล็กๆ เท่านั้นนะคะ เราได้เห็นว่าแม้จะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่พวกเขาล้วนอยากให้ลองหาตรงกลางเพื่อให้ไม่มีใครต้องเสียน้ำตากับเทศกาลนี้ คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของทางโรงเรียนแล้วค่ะว่าจะเลือกจัดรูปแบบไหนให้เหมาะสมที่สุด ถ้าชาว Dek-D มีไอเดียดีๆ ในใจ อย่าลืมมาเล่าให้ฟังนะคะ เพราะอาจเข้าตาผู้ที่เกี่ยวข้องที่แวะมาทางนี้ก็ได้ 
สายสืบเด็กดี

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

3 ความคิดเห็น

มัณทนา Member 11 ส.ค. 61 14:29 น. 1

ไม่เคยขอร้องให้แม่ไปร่วมงานกิจกรรมวันแม่ที่โรงเรียนค่ะ

เพราะไร้สาระมาก

ถ้าจะกราบแม่ก็ไปกราบที่บ้านเถอะ

0
กำลังโหลด
เรโกะ จิทาคุ Member 5 ธ.ค. 61 07:13 น. 2

ไม่ล่ะ ไม่เสียใจ ตอนประถม-แม่ไม่มาเพราะไม่ว่าง มัธยม-เหมือนเดิม ส่วนอนุบาล-ลืมแล้ว อะไรไม่สำคัญก็ทิ้ง จบ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด