สวัสดีค่ะชาว Dek-D พบกับคอลัมน์ "เด็กพลังบวก" ที่จะพาน้องๆ ไปค้นหาแรงบันดาลใจจากวัยรุ่นเจ๋งๆ ที่ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และทำกิจกรรมเพื่อตัวเองและสังคมกันค่ะ
วันก่อนพี่ไปเจอเรื่องราวประทับใจจากผู้ใช้ทวิตเตอร์แอคเคานต์นึง เขาพูดถึงร้านค้าในอินสตาแกรมชื่อ "yaipoengnaipran_shop" ที่ Bio เขียนไว้ว่า "ผลงานศิลปะที่จับต้องได้ ร่วมสร้างสรรค์กับเด็กพิเศษให้มีอาชีพและเกิดความภาคภูมิใจ แถมได้ทำบุญด้วย" พอไปลองส่องๆ สืบค้นข้อมูลก็พบว่าเจ้าของร้านนี้คือคู่พี่น้องที่น่ารักมากกคู่หนึ่งค่ะ น้องชายเป็นเด็กพิเศษที่เก่งศิลปะ ส่วนพี่สาวก็จบสายอาร์ตเหมือนกัน เดี๋ยวเราจะพาไปฟังเบื้องหลังสุดประทับใจของร้านนี้ไปพร้อมๆ กันดีกว่า รับรองว่าต้องยิ้มในความน่ารักแน่นอน ^^
อันนี้ดี เขาเป็นเด็กออทิสติกแต่มีความสามารถด้านศิลปะงี้ พี่สาวเลยเอามาทำเสื้อ ลายสวยด้วย ลองดูคนับๆๆๆ pic.twitter.com/3VYBVatetK
— nam suh (@thisisnamnam) February 10, 2019
แนะนำตัว
“สวัสดีค่ะ ชื่อ ‘จิตตกานต์ สุวรรณภัฏ’ (ยายเพิ้ง) อายุ 29 ปี จบการศึกษาจากคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากรค่ะ ส่วนน้องชายชื่อ ‘ธณัฐ สุวรรณภัฏ’ (นายพราน) อายุ 23 ปี ผ่านการเรียนในโรงเรียนเฉพาะทาง จนเขาอ่านออกเขียนได้ และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แล้วครอบครัวก็ให้ฝึกทำงานบ้านและใช้ศิลปะบำบัดค่ะ”
เมื่อศิลปนิพนธ์ ทำให้มองความรักใกล้ตัวลึกซึ้งขึ้น
“สมัยทำศิลปนิพนธ์ตอนปี 56 เพิ้งอยากหาเรื่องใกล้ตัวที่สะเทือนอารมณ์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานศิลปะค่ะ พอเราเริ่มมองหาที่ครอบครัว ก็พบว่าเรามีน้องชายเป็นเด็กพิเศษที่ชอบทำงานศิลปะ แล้วยังมีคุณแม่ทุ่มเทเอาใจใส่ด้วยความรัก เมื่อคุณแม่ + น้องชาย = ความรักที่ยิ่งใหญ่ เลยเกิดเป็นศิลปนิพนธ์ที่ชื่อว่า ‘ศิลปะบำบัดจากสัมพันธ์แห่งความรัก’”
“เราเริ่มจากให้น้องชายเขียนรูปของในบ้าน พวกแจกัน ดอกไม้ (ส่วนใหญ่เป็นของใช้คุณแม่) เขาจะวาดแยกเป็นชิ้นๆ ส่วนเพิ้งจะเอามาจัดองค์ประกอบไว้ในเฟรมเดียวกัน กลายเป็นงานที่กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันค่ะ ซึ่งปกติแล้วเวลาศิลปินทำงานจะมีความ Individual สูงเพื่อถ่ายทอดความเป็นตัวเอง แต่เราทำแบบนั้นไม่ได้ เราต่างต้องละทิ้งความเป็นตัวเองเพื่อฟังเหตุผลและหาความลงตัว ในการทำงานเราไม่เน้นว่าต้องออกมาสวย แต่มันเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการทำ เราอยากให้เขาแฮปปี้ที่ได้ทำงานร่วมกับเรา”
ไม่ก้าวก่ายจนเสียศิลปะที่บริสุทธิ์ของเขา
คุณเพิ้งพูดถึงสไตล์การสร้างงานศิลปะของนายพรานให้ฟัง “เด็กกลุ่มนี้จะบริสุทธิ์มาก ซื่อตรง ไม่คิดโกง ไม่โกรธ ไม่อิจฉา และงานที่ถ่ายทอดออกมาคือศิลปะเด็กที่บริสุทธิ์ค่ะ ถ้าเทียบกับสมัยก่อนคือ ‘โฟวิสม์’ (Fovism) ที่เกิดหลัง ‘อิมเพรสชันนิสม์’ (Impressionism) เห็นอะไรก็ถ่ายทอดออกมา ไม่กังวลทฤษฎีหรือความถูกผิด เวลาวาดเขาไม่ได้วาดจากจินตนาการ แต่จะมีต้นแบบ เช่น เสือหรือม้า แต่เราอาจจะเข้าใจไม่ได้ว่าเขาเห็นและคิดอะไรถึงถ่ายทอดออกมาแบบนั้น”
“เมื่อก่อนนายพรานมีเรียนวาดรูปก็จริง แต่เพิ้งเพิ่งจะมาเห็นความพิเศษของเขาตอนที่ฝึกทำงานด้วยกันค่ะ เราสังเกตเวลาเขาเขียนรูปสัตว์ มันไม่เหมือนคนปกติโดยสิ้นเชิง และพัฒนาการที่เห็นชัดๆ เลยคือเขาวาดสวยขึ้น มีสมาธิขึ้น เชื่อมั้ยว่าช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยวาดสัตว์ตัวเดิมซ้ำกันเลย”
เดาว่าช่วงที่พยายามปรับตัวเข้าหากันแรกๆ น่าจะยากพอสมควร? “ช่วงแรกยากเลยค่ะ เรารับฟังเต็มที่แต่ไม่รู้ว่าเขาอยากให้ออกมายังไงบ้าง เพราะยังไม่เข้าขากัน พอทำงานด้วยกันสักพักก็ค่อยๆ ปรับจนเข้าใจกันและกัน และพัฒนารูปแบบมาเรื่อยๆ นอกจากนี้ทักษะการสื่อสารของเขาดีขึ้นด้วยนะ แต่ก่อนพูดบางเรื่อง 10 ครั้งยังไม่เข้าใจ เช่น เราถามว่าตรงนี้จะวาดอะไร? เขาไม่เก็ตคำถาม แต่สักพักเขารับรู้และโต้ตอบได้ดีขึ้น”
“เวลาสอนเราสอนน้องเขียนรูป เราจะไม่ก้าวก่ายจนเสียศิลปะที่บริสุทธิ์ของเขา เพิ้งจะชี้ให้ดูว่ารูปตรงนี้มีโค้ง มีมุม กลม แบน แต่ไม่วาดให้ดู เพราะจะเกิดการเลียนแบบ เราอยากสอนให้เหลือความเป็นเขามากที่สุด”
“ไม่ว่าจะเด็กปกติหรือเด็กพิเศษก็ล้วนมีตัวตนต่างกัน เราต้องเรียนรู้ก่อนว่าเด็กคนนี้รับรู้แบบไหนถึงยินดีที่จะทำตาม ยิ่งเพิ้งทำศิลปะบำบัด ต้องสุขทั้งผู้ให้และผู้รับบำบัด เราก็จะมาดูว่าเขารับตรงไหนแล้วมีความสุข รับฟังและทำได้แบบแฮปปี้ นี่คือวิธีการสอนของเพิ้ง”
ส่งต่อความสุขให้กับเด็กพิเศษที่ขาดโอกาส
“จริงๆ ร้านไม่ได้ต่อยอดจากศิลปนิพนธ์ แต่เชื่อมโยงตรงที่เราเอางานศิลปะที่ทำด้วยกันมาผลิต Product มันเกิดจากเราเห็นความพิเศษในตัวเขา แล้วอยากให้คนทั่วไปเห็นด้วย ต่อมาเพิ้งก็คิดว่าอยากทำออกมาเป็นของที่หยิบจับใช้สอยได้ง่าย เช่น เสื้อเชิ้ต เสื้อยืด จานเซรามิก (เพิ้งสอนน้องวาดและพาไปเรียนปั้นดินและทำเซรามิกด้วย)”
“ส่วนเสื้อยืดเกิดจาก Charity การกุศล เราเห็นว่าใครๆ ก็ใส่เสื้อยืด มันคือของคลาสสิกที่ไม่มีวันเอาท์ เลยหยิบงานเขียนสเก็ตช์รูปสัตว์ของนายพราน พี่เพิ้งเขียนลาย แล้วเอามาขาย แบ่งรายได้ 50% ไปช่วยเด็กพิเศษที่ยากจนที่มูลนิธิศิรราช ตั้งแต่กันยา 58 เราทำมา 2 ครั้งแล้ว แต่อธิบายก่อนว่าเราไม่ได้ทำ Charity ทุกครั้ง ถ้าครั้งไหนทำจะระบุไว้ว่า ‘เสื้อยืดช่วยน้อง’ ถ้าไม่มีคือช็อปขายของปกติ แต่ยังคงเป็นลายเสื้อที่เกิดจากเด็กพิเศษ”
“จริงๆ แคมเปญนี้เกิดจากเพิ้งขี้สงสาร ตอนเราพาน้องไปบำบัด ก็เห็นว่าเด็กออทิสติกไม่ได้มีชีวิตที่สบายทุกคน ยิ่งต่างจังหวัดยิ่งเห็นความไม่เท่าเทียม การพัฒนาต่างๆ ที่เข้าไม่ถึง บางคนเดินทางมาหลายร้อยกิโลเพื่อหาลูกมาบำบัด แล้วเขาไม่มีรถยนต์ พอลำบากก็กลายเป็นไม่อยากพาลูกมาบำบัด เราเลยอยากเอาเงินส่วนนี้ไปช่วยเขา จ่ายค่ายาส่วนที่รัฐไม่ได้ซัพพอร์ต"
"ส่วนนายพรานเองก็ชอบทำบุญมากกก เวลามีงานทำบุญไหว้พระเขาจะไปทุกงาน เขาอยากบริจาคเลือดด้วยซ้ำ แต่ทำไม่ได้เพราะเป็นเด็กพิเศษแล้วมียาประจำ เลยพยายามมองหาทางอื่นที่สามารถทำได้ กลายเป็นอีกที่มาของแคมเปญนี้ค่ะ”
ถ้าเปิดใจ คุณจะเจอคนที่เก่งเพิ่มอีก 1 คน
“เพิ้งอยากให้ลองเปิดรับฟังความพิเศษของเด็กเหล่านี้ ถ้าเราให้โอกาส เปิดใจ เราจะได้คนนึงที่มีความพิเศษมาทำงานให้คุณ และเขาทำได้ดีด้วย ที่สำคัญคือเขารับรู้ ไม่ใช่ทำไปงั้นๆ อย่างนายพรานเขาภาคภูมิใจที่ขายเสื้อได้ ทำงานได้ มีอาชีพเหมือนคนปกติทั่วไป”
นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ประทับใจมากกก ตอนแรกบางคนอาจคิดว่าพี่สาวแค่นำผลงานของน้องมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ขาย แต่จริงๆ แล้วมีอะไรมากกว่านั้น ทั้งคู่ได้พยายามผสมผสานความสามารถและความเป็นตัวของตัวเอง กลายเป็นผลงานที่มีคุณค่า ผู้ที่อุดหนุนก็ได้ทั้งสินค้าเก๋ๆ และได้ทำบุญช่วยเหลือกลุ่มเด็กพิเศษในสังคมด้วย สำหรับใครที่สนใจอยากชมและอุดหนุนสินค้าของยายเพิ้งและนายพราน ขอเชิญที่อินสตาแกรม @yaipoengnaipran_shop หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ Yaipoeng & Naipran Art Therapy Studio นะคะ งานเขาดีจริงๆ! ^^
อย่าลืมย้อนอ่านเด็กพลังบวกคนก่อนนะคะ ><











2 ความคิดเห็น
ชื่นชมและเป็นกำลังใจครับ