ถ้าตั้งใจอะไรก็ทำได้! พูดคุยกับ “เจนนิษฐ์” #BNK48 กับการเตรียมสอบสู่รั้วจุฬาฯ



 
          Spoil 
  • ทั้งทำงานไปด้วยเตรียมสอบไปด้วย แต่เจนนิษฐ์นอนตั้งแต่ 3 ทุ่ม!
  • นั่งติวนานถึง 8 ชั่วโมง เจนนิษฐ์ก็เคยทำมาแล้ว!
  • ไม่ผิดที่จะลองมาสมัคร #BNK48 เพราะโอกาสมาแล้วถ้าไม่ลองเดี๋ยวเสียดายนะ
     
          _____________

 
          ก่อนอื่นต้องปรบมือ ดังๆ ให้กับเจนนิษฐ์ BNK48 ที่สอบติดเข้าเป็นนิสิตจุฬาฯ คณะวิทยาศาสตร์ สาขาเคมีประยุกต์ หลักสูตรนานาชาติ เรียกได้ว่าทั้งสวย ทั้งเก่งสมกับเป็นไอดอลของเหล่าโอตะและน้องๆ ชาว Dek-D จริงๆ แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ เจนนิษฐ์ ต้องเตรียมตัวสอบยังไง ต้องใช้อะไรบ้างอะไร อยากรู้กันแล้วใช่มั้ยล่ะ ถ้าอยากรู้แล้วตามมาเลยค่า!

 
 
 
เจนนิษฐ์สอบ GED 4 ตัว ผ่าน ใช้เวลาเพียงแค่ 2 อาทิตย์!!!

          ตอนแรกหนูมีวุฒิแค่ IGCSE 5 ตัว ตอนนี้มันไม่พอแล้ว ต้องสอบ A-Level เพิ่มอีก 3 ตัว ซึ่งเราไม่มีเวลาไปสอบและมันค่อนข้างใช้เวลานาน อาจจะต้องเข้าปีหน้าเลย ก็รู้สึกว่า gap year นานเกินไปแล้ว แล้วที่สอบเก็บพวก CU-TEP หรือ SAT ที่ผ่านมามันจะหมดอายุซะก่อนในสองปี เราก็เลยต้องรีบสอบจะได้ไม่ต้องไปสอบใหม่ทั้งหมด ก็เลยตัดสินใจสอบ GED ให้ทันภายในสองอาทิตย์ 4 ตัว สอบไปก็ผ่านพอดี ก็ยื่นเข้าไปเลยค่ะ ใช้ CU-AAT ค่ะ เคมี ใช้ CU-AAT เป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็ CU-ATS ที่เป็นเคมีและฟิสิกส์ค่ะ
 

เรียนเอง อ่านเอง แต่ถ้ามีคนคอยแนะนำก็จะทำได้ดีกว่า

          จริงๆ GED เนื้อหามันสามารถเรียนเองได้ แต่ถ้ามีคนช่วยชี้แนะหรือว่าเก็งข้อสอบก็ดีค่ะ ถ้าเกิดว่าสามารถหาติวเตอร์ที่เราเรียนแล้วเรารู้สึกเข้าใจได้ก็จะยิ่งดีเลย เขาจะเล่าพวกเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ให้เราเข้าใจได้ง่ายกว่าเราอ่านเอง
 


 
GED แค่เข้าใจโจทย์ก็ตอบได้!

          สอบ GED ไม่ต้องใช้ความจำเลยโชคดีมาก เหมือนให้วิเคราะห์จากโจทย์มากกว่า โจทย์ก็มีตารางมาให้ หรือว่าจะวิเคราะห์ข้อมูลจากกราฟ อย่างคณิตก็ไม่ต้องจำอยู่แล้วเขามีสูตรมาให้หมดเลย แล้วก็มีเครื่องคิดเลขให้ด้วย สบายมาก ถ้าคำนวณไม่ผิดพลาดก็จะตอบถูก โจทย์ไม่ได้ซับซ้อนสักเท่าไหร่ ส่วน Reading กับ History ก็วิเคราะห์จาก Passage วิทยาศาสตร์ก็วิเคราะห์จากโจทย์เหมือนกัน เลยไม่ได้จำมาก แต่เราต้องไปติวให้รู้ว่าข้อสอบจะออกประมาณไหน เพราะเราไม่เคยสอบ เราไม่รู้ว่าออกคำนวณ หรือออกทฤษฎี 



เจนนิษฐ์ไม่เคยปล่อยให้เวลาว่าง ว่างเมื่อไหร่ก็ต้องติว

          ถ้าวันไหนว่างก็ไปติวค่ะ ติวก่อนวันสอบ แล้วก็สอบเลยค่ะ ติววิชาละครั้ง ติวยาวๆ ทีละ 4-5 ชั่วโมง บางคนอาจจะติวแค่ 2 ชั่วโมงแล้วต้องพัก ลิมิตคนมันไม่เท่ากัน แต่อย่างหนู 4-5 ชั่วโมงยาวๆ ไปเลยให้จบไปในวันเดียว หนูเคยติวมากสุด 8 ชั่วโมง หนูนั่งเรียนแบบ S.E.L.F ใช่มั้ยคะ เราก็ซื้อของกินเข้าไป ละก็นั่งยาวๆ เลยไม่ไปไหน ถ้าไม่ง่วงนะคะ  


 
          จริงๆ ก็มันก็มีช่วงที่หนูเที่ยวเล่นนะ ช่วงที่หนูไม่ได้เรียน แต่ว่าพอถึงจุดที่มันต้องสอบจริงๆ ก็ตัดทุกอย่างออกไปแล้วเรียน เอาให้มันจบ ไม่งั้นเราก็ไม่เสร็จสักที ถ้าไม่ผ่านเราก็ต้องรอรอบต่อไปก็จะอยู่ในวังวนแห่งการเตรียมตัวสอบซึ่งมันลำบากมากๆ แต่ถ้าเกิดเราฮึบเดียวจบ มันก็จะโล่งแล้วเราก็ไม่ต้องมานั่งกังวลต่อไปแล้ว เรามีที่เรียนแล้ว 
 

ในชีวิตจะต้องเจออะไรที่ยากขึ้นเรื่อยๆ 

          ถ้าสอบไม่ผ่านอาจจะมีท้อเหมือนกันแต่ว่าเราก็ทำไรไม่ได้เพราะว่ายังไงเราก็ต้องสอบให้ผ่านอยู่ดี เป็นพวกก็เหนื่อยแต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะพอแล้ว คิดแค่ว่าเราต้องรอด! มันหนักมากเลยการเข้ามหาลัยแต่เดี๋ยวพอเข้ามหาลัยก็หนักกว่าเดิม ยังไงเราก็ต้องข้ามลิมิตการเจออะไรแบบนี้ไปเรื่อยๆ ยากขึ้นเรื่อยๆ อยู่ดี
 


แบ่งเวลาเก่งและยังมีเวลาพักผ่อนด้วย

          สมมติจะสอบอีกสองวันก็ติววันนี้ค่ะ พักอ่านวันนึงแล้วไปสอบ บางทีติวแล้วพรุ่งนี้สอบเลยก็มี แล้วแต่ว่าว่างมั้ย ส่วนใหญ่ก็จะว่างไม่เหมือนกันค่ะ ต้องดูตารางงานแล้วมาดูว่า เออ ติวอันนี้ดีกว่า อันนี้ไปทำงานแล้วจะได้ไปสอบเลย ส่วนใหญ่ก็จะติววิชาละวันสองวัน ถ้ามีงานเช้าแล้วสอบบ่าย สอบก็ไม่ได้นานมาก ก็จะกลับไปอ่านต่อ แต่ว่าไม่อ่านดึกค่ะ เพราะถ้าอ่านดึกจะตื่นไม่ไหว สามทุ่ม สี่ทุ่ม ก็อาบน้ำนอนแล้วค่ะ ไม่งั้นเราตื่นสาย นอนเร็วเถอะแล้วตื่นเช้ายังมีเวลาอ่าน มีเวลาเดินทาง ไม่ต้องรีบค่ะ



โชคดีที่รู้ตัวเร็ว เลยมีแนวทางที่ชัดเจน

          หนูไม่ชอบเลขกับฟิสิกส์  ถ้าจะไปฟิสิกส์จ๋าหรือคำนวณจ๋าเลยก็รู้สึกว่ายังไม่ค่อยเข้าใจ ยังไม่เคยเรียนแล้วเข้าใจร้อยเปอร์เซ็นต์ขนาดนั้น แต่ถ้าวิทย์ยังพอมีความเป็นไปได้ แล้วก็อยากเรียน  Business ในสาขาเคมีประยุกต์จริงๆ มันจะมี ให้เลือกที่จะต้องเรียนตอนปีสอง หนูอยากเลือก Industrial Management ที่มันจะมีเรียน Marketing เรียน Business ตอนแรกก็นึกว่าจะต้องไปเรียนเองซะแล้ว เหมือนคอร์สธุรกิจที่เขาไปเรียนกัน ปรากฏว่า BSAC มี มันมีอยู่ในคณะเลย หนูก็อยากเรียนหลายอย่างอยู่แล้ว และก็เผื่อไปทำธุรกิจของตัวเองในอนาคต



ไม่ได้บอกใครว่าเป็นเจนนิษฐ์ BNK48 แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

          สาขามีกลุ่มไลน์ค่ะ แต่ไม่ค่อยได้เข้าไปแสดงตัวไม่ได้เข้าไปตอบ คนทักมาเต็มไปหมดแต่ว่าหนูก็ไม่ตอบเลย แต่ว่าจะมีอยู่คนนึง เขาเห็นว่าหนูเข้ากลุ่มไลน์ยังไม่ครบเขาก็ไปลากเข้าให้ แล้วก็ส่งทุกอย่างที่จำเป็นมาให้ หนูก็ขอบคุณๆ  แล้วเขาถามว่าใช่เจนนิษฐ์เปล่า หนูก็ไม่ได้ตอบ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือยอมรับนะคะว่าเป็นเรา แต่เขาก็คงรู้แล้วแหละ 
 


ไม่ผิดที่จะลอง

          จริงๆ อยากจะบอกว่าอยากให้คนที่ชอบการเป็นไอดอลจริงๆ มาสมัคร BNK48 แต่จริงๆ หนูว่าใครก็สมัครได้ ถ้าติดก็คือคุณมีความสามารถ ไม่ผิดที่จะคิดว่าแค่มาลองเฉยๆ เพราะหลายคนในรุ่นหนึ่งจริงๆ ก่อนที่จะรู้ว่าตัวเองชอบก็แค่ลอง คือมันมีโอกาสแล้วมันได้โอกาสเราก็แค่อยากลองทำ แล้วดูว่าที่เรามาทำเนี่ยมันเป็นทางที่เราชอบรึเปล่า มันไม่ผิดที่เราจะอยากลองนะสำหรับหนู ก็มาลองได้ค่ะหาประสบการณ์ ถ้าลองแล้วไม่ชอบเราก็ไปหาทางอื่นทำได้ค่ะ ส่วนถ้าชอบก็อยากจะบอกว่าจริงๆ มันก็มีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่นครอบครัว การเรียน ที่เราอาจจะไม่ได้ keep มันได้หมด เราอาจจะต้องเสียสละบางอย่างซึ่งถ้าคุณรับได้ก็โอเคค่ะ ถ้าพ่อแม่สนับสนุนก็เอาเลย เต็มที่เลย! มีโอกาสแล้วถ้าไม่ลองเดี๋ยวเสียดายนะ
 


ถ้าตั้งใจอะไรก็ทำได้

          คนที่หาตัวเองเจอว่าชอบอะไรก็จะโชคดี เราก็จะมี goal ที่ชัดเจนว่าเราจะอ่านวิชานี้ เพื่อจะเข้าคณะนี้ สมมติมีเป้าหมายคณะเดียวเราก็เต็มที่ได้เลย แต่ถ้าใครที่เผื่อก็อาจจะต้องอ่านเยอะกว่าคนอื่นหน่อยแล้วก็ใช้เวลาเยอะกว่าคนอื่น ซึ่งอันนี้ก็ต้องให้รู้ตัวเองด้วยว่า ลิมิตตัวเองของการอ่านหรือการเรียนของเรามันไม่เหมือนกันนะ คือบางคนอาจจะ เฮ้ย! เห็นเพื่อนเรียนเยอะลงเรียนบ้าง บางทีเราอาจจะไม่ไหวก็ได้เพราะว่าเดี๋ยวแย่กว่าเดิม บางทีเราอาจจะถนัดแบบค่อยๆ อ่านไปแต่มีการวางแผนที่เรื่อยๆ ไม่ได้อัดแน่นมาก แต่วางไว้ให้พอดีกับการเรียนพิเศษหรือว่าการนอนของเราด้วยก็จะดี 


          ต้องทดลองค่ะเรื่องแบบนี้ เราต้องลองไปเรื่อยๆ เราจะเจอวิธีที่มันเหมาะกับเรา บางคนอ่านซ้ำเยอะๆ บางคนอ่านแล้วจด มันแล้วแต่เลย บางคนชอบวาดรูป ต้องหาเทคนิคการเรียนของตัวเองซึ่งหนูว่าถ้าตั้งใจก็ทำได้อยู่แล้ว


ใช้ความผิดพลาดมาเป็นบทเรียน

          ความล้มเหลวคือพลาดแล้วก็ปล่อยให้พลาดไป อย่าไปนอยด์ ถ้านอยด์ปุ๊ปเราจะไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำอะไรต่อไป พอเราพลาด เราก็ต้องใช้มันเป็นบทเรียนและตั้งใจทำให้มันดีกว่าเดิมค่ะ บางครั้งอาจจะช้ากว่าคนอื่นสักหน่อยแต่ว่ามันจะมีสักวันที่เราประสบความสำเร็จใน way ของเราเอง



          เชื่อว่าหลายๆ คนอ่านจบแล้วต้องปรบมือให้กับสาวน้อยคนเก่งคนนี้อีกครั้งแน่นอน น้องๆ ชาว Dek-D ก็อย่าลืมเอาคำแนะนำของพี่เจนนิษฐ์ ไปปรับใช้กันนะคะ ถ้าน้องๆ ตั้งใจ ต้องทำทุกอย่างได้สำเร็จอย่างที่พี่เจนนิษฐ์บอกแน่นอนค่ะ! น้องๆ คนไหนลองทำตามคำแนะนำของพี่เจษนิษฐ์แล้วผลเป็นยังไงบ้าง แวะมาคอมเมนต์บอกกันได้น้า
พี่มิ้นมิ้น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

6 ความคิดเห็น

TKz 26 มิ.ย. 62 20:23 น. 1

โชคดีกับชีวิตมหาลัยนะน้องเต็น มันอาจจะเหนื่อย ยากเท่าไหร่ ถ้าท้อก็มองกลับมานะ อย่างน้อยก็มีแฟนคลับคอยเอาใจช่วยอยู่นะ สู้ๆ #คามิเจนนิษฐ์ <3

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
minakata 28 มิ.ย. 62 04:08 น. 3

เก่งจริงๆ ขนาดปีที่แล้ว BNK ดังมาก ออกงานแทบทุกวัน ไหนจะถ่ายหนัง ถ่ายละคร ขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ ซ้อมเต้น ซ้อมร้อง ถ่ายโฆษณา ถ่ายรายการ ยังอุตสาห์แบ่งเวลามาสอบเข้าจุฬาติดอีก

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด