รวมไว้ให้แล้ว! 7 เทคนิคการอ่านหนังสือให้ได้ผล (ฉบับนักเรียนญี่ปุ่น)

        สวัสดีชาว Dek-D ทุกคนค่ะ หลายคนน่าจะเข้าสู่ช่วงใกล้สอบแล้ว น้องคนไหนกำลังมองหาเทคนิคการอ่านหนังสือสอบอยู่ไหมคะ? วันนี้พี่ภัทรจะมาแนะนำเทคนิคการอ่านหนังสือสอบที่น่าสนใจในแบบฉบับ “นักเรียนญี่ปุ่น” ให้น้องๆ ลองนำไปใช้กันค่ะ จะมีอะไรบ้างตามมาดูกันเลย!
 

1. เลือกมุมอ่านหนังสือเหมาะๆ
 

        เริ่มกันด้วยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสมาธิในการอ่านหนังสือของเรา นั่นคือ “การเลือกมุมอ่านหนังสือ” สิ่งสำคัญคือโต๊ะต้องเรียบร้อย ไม่รก มีพื้นที่ที่สามารถวางหนังสือได้หลายๆ เล่ม แสงสว่างเพียงพอ (ถ้าอยากหาโต๊ะที่นั่งสบาย ควรอยู่สูงกว่าระดับข้อศอกนิดนึงจะทำให้ไม่ต้องก้มเยอะจนปวดคอ)
 
        นอกจากนี้เรื่องระดับเสียงก็สำคัญ บางคนอาจจะชอบให้เงียบสนิทไร้เสียงรบกวน ในขณะที่บางคนอาจชอบเปิดเพลงขณะอ่านหนังสือ น้องๆ อาจต้องลองสังเกตว่าตัวเองจำได้ดีเวลานั่งอ่านในบรรยากาศแบบไหน
 

Photo by Avel Chuklanov on Unsplash
 

2. ตั้งเป้าหมายในแต่ละวัน & ทำตารางอ่านหนังสือ
 

        เด็กญี่ปุ่นจะทำเช็กลิสต์ (Checklist) หัวข้อ/วิชาที่ต้องอ่านในแต่ละวัน จดลงในสมุดบันทึกหรือแอปพลิเคชัน Note บนสมาร์ทโฟนของเรา ขอแชร์นิดนึงว่าพี่เคยลองใช้วิธีนี้ เวลาอ่านเสร็จแล้วได้ทยอยขีดทิ้งจะฟินมาก เหมือนได้ระบายความเครียดเลยค่ะ 555
 
        และนอกจากทำเช็กลิสต์แล้ว อีกหนึ่งเทคนิคของนักเรียนที่เตรียมสอบมหาวิทยาลัยโตเกียวซึ่งอยู่ระดับ Top ของญี่ปุ่น คือการทำ “ตารางการอ่านหนังสือ” ของตัวเองลงในกระดาษ สิ่งสำคัญคืออย่าอ่านต่อเนื่องเกิน 1 ชั่วโมง และใน 1 ชั่วโมงให้แบ่งเป็นการอ่านย่อยๆ ครั้งละ 15-25 นาที แล้วพักสั้นๆ 5 นาที หลังจากอ่านครบ 1 ชั่วโมงก็ให้พักหรือว่าเปลี่ยนวิชาที่อ่านค่ะ วิธีนี้จะช่วยให้เราจดจำเนื้อหาได้ดีขึ้น
 

3. ใช้ไฮไลท์สีเขียว & แผ่นพลาสติกสีแดง
 

        บอกเลยว่า 2 สิ่งนี้คือไอเทมยอดฮิตของนักเรียนญี่ปุ่น (แต่ยังไม่ค่อยแพร่หลายในหมู่นักเรียนไทย) วิธีง่ายๆ คือให้ใช้ปากกาสีส้มจดหรือใช้ปากกาไฮไลท์สีเขียวเข้มขีดข้อความที่ต้องการท่องจำไว้ จากนั้นให้นำแผ่นพลาสติกสีแดง(แบบใส หาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียน) มาวางทับ ทำให้เราเห็นข้อความรอบๆ ยกเว้นตรงที่เราจดด้วยปากกาสีส้มหรือไฮไลท์ด้วยสีเขียวไว้
 
        *เราสามารถสลับสีเป็นปากกาไฮไลท์สีแดงกับแผ่นพลาสติกสีเขียวได้เหมือนกันนะ
 

photo credit: https://unboxjapan.com

 

4. ทำ Mind Map 
 

        น้องๆ น่าจะเคยลงมือทำ Mind Map ตอนทำงานวิชาต่างๆ ในโรงเรียนใช่ไหมคะ? เด็กญี่ปุ่นเองก็ใช้เทคนิคนี้ตอนอ่านหนังสือเหมือนกัน โดยเขาจะเขียนเชื่อมโยงความรู้ที่อ่านมาให้มากที่สุดอย่างเป็นระบบระเบียบ ทำให้ทั้งเข้าใจและจดจำได้ง่ายขึ้นกว่าการจำเนื้อหาเป็นก้อนใหญ่ ถ้าใครยังไม่แม่น รอบแรกให้เขียนแบบเปิดหนังสือดูไปด้วย แล้วรอบหลังๆ ค่อยเขียนออกมาจากความจำของตัวเอง 
 

 

5. สร้าง Quiz ทดสอบตัวเอง
 

        ถ้าน้องๆ นั่งอ่านซ้ำไปซ้ำมาอย่างเดียว เราอาจไม่รู้ว่าตัวเองเข้าใจและจำเนื้อหาได้แล้วจริงรึเปล่า หนึ่งในเทคนิคฮิตที่นักเรียนเตรียมสอบมอดังใช้กันคือ การทำ Quiz เพื่อทดสอบตัวเอง ถึงยังอ่านไม่ละเอียดก็อย่าเพิ่งกลัว ให้ลองทำดูก่อน เช็กความเป๊ะของตัวเองเป็นระยะก็ได้ วิธีนี้จะช่วยพัฒนาความจำให้ดีขึ้นด้วยนะคะ
 

Photo by Mesh on Unsplash
 

6. อธิบายให้ตัวเองฟัง
 

        นอกจากทดสอบตัวเองแล้ว ก็ต้องสอนตัวเองด้วยนะ บางคนอาจงงว่าจะสอนตัวเองยังไงเนี่ย? วิธีง่ายๆ คือ พูดให้ตัวเองฟังเลยค่ะ 555 อาจฟังดูตลก แต่การพูดอธิบายสิ่งที่ตัวเองอ่านมา จะช่วยทำให้เราเข้าใจเรื่องนั้นๆ ได้มากขึ้น และทำให้เรารู้ด้วยค่ะว่าตอนนี้เข้าใจส่วนไหนและไม่เข้าใจส่วนไหนบ้าง
 

Photo by JESHOOTS.COM on Unsplash
 

7. กดติดตาม “Studygram”
 

        ขอปิดท้ายด้วยเทคนิคที่เหมาะสำหรับคนชอบสไลด์มือถือตอนขี้เกียจอ่านหนังสือ (เช่นพี่เป็นต้น แฮ่!!) พี่จะมาบอกวิธีที่ช่วยให้ได้ทบทวนความรู้พร้อมเล่นมือถือ นั่นคือการติดตามแชนเนลหรือแอคเคานต์ตามโซเชียลที่รวบรวมเนื้อหาการสอบ เช่น ดูคลิป “มาอ่านหนังสือด้วยกัน” หรือกดติดตาม Studygram หรือแฮชแท็ก #studywithme #studygram ที่ช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือหรือทำสรุป (เผลอๆ ได้ไอเดียจัดโต๊ะด้วย)
 
        หลังจากกดฟอลแล้ว เวลาเล่นมือถือยังไงก็ต้องมีความรู้ผ่านตาแน่นอน แต่อย่าไถผ่านไปเฉยๆ นะ อ่านด้วย!! 555 แล้วถ้าใครมีแชนเนลเจ๋งๆ โดนๆ ลองหยิบมาแชร์กันได้นะคะ ><
 
ช่อง youtube แนะนำ
 

 

 

 
เพจสรุปเนื้อหา
 

 
(อ่านบทความแนะนำ Studygram ของนักเรียนต่างประเทศที่นี่ )


 
        เป็นยังไงบ้างคะกัน 7 เทคนิคการอ่านหนังสือสอบแบบเด็กญี่ปุ่น ใกล้ช่วงสอบแล้วลองเลือกไปใช้กันดูนะคะ น้องคนไหนลองแล้วก็อย่าลืมมาบอกกันด้วยนะว่าเป็นยังไงบ้าง หรือใครมีเทคนิคอะไรดีๆ ก็มาแนะนำกันได้นะคะ ^-^//


 
source:
พี่ภัทร

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น