เชื่อหรือไม่? “เสียงเพลง” เป็นตัวช่วยที่ทำให้คนเราตกหลุมรักง่ายขึ้น

สวัสดีเดือนแห่งความรักค่ะ หนุ่มโสด/สาวโสด หลายคนคงเบื่อเดือนนี้น่าดู หรือไม่ก็คงแอบหวังเล็ก ๆ ว่าเดือนนี้ฟ้าจะส่งใครมาให้รักกันไหมนะ? หรือคนที่เราแอบปิ๊งอยู่จะสารภาพความในใจกับเขายังไงดี แล้วเขาจะรับรักเราหรือเปล่า? แม้แต่คนที่มีคู่รักหวานใจอยู่แล้ว จะน่าจะคิดอยู่ว่าทำอะไรเติมความหวานให้กับความรักของเราต้อนรับเดือนแห่งความรักนี้ดี? 

เปิดมาด้วยคำถามมากมายให้ทั้งคนโสด คนมีคู่ หรือสถานะอธิบายยากได้คิดมโนกัน บอกเลยว่า  ไม่ได้มาเล่นๆ ค่ะ วันนี้จะขอต้อนรับวันวาเลนไทน์ 2020 ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ เชื่อหรือไม่ว่าความรักแอบบอกผ่านเสียงเพลงได้ และเสียงเพลงนั้นยังเป็นสื่อของหัวใจที่จะทำให้คนที่เรารักประทับใจและตกหลุมรักเรามากขึ้นด้วย วิธีนี้จะใช้ได้จริงหรอ? ไปหาคำตอบกันค่ะ

 

 
เสียงเพลง คือ สื่อของหัวใจ
จากงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นระบุว่า เสียงเพลง หรือเสียงดนตรี ช่วยเพิ่มระดับความรู้สึกประทับใจให้อีกฝ่ายหนึ่งได้จริง นอกจากนั้นเสียงดนตรียังอาจช่วยให้แต่ละฝ่ายมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง เพื่อดึงดูดอีกฝ่ายหนึ่งมากขึ้นเช่นกัน

สำหรับเดทแรกของสาวโสดหนุ่มโสดนั้น บทสนทนาแรกคือสิ่งสำคัญที่อาจบอกได้ว่า อนาคตของคู่เรานั้น จะยาวนานหรือไม่ ยาวนานแค่ไหน แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ สถานที่ออกเดทค่ะ ถ้าหากที่ๆ เราไปเดทนั้น มีเสียงเพลงคลอไปด้วยระหว่างการเจอกันครั้งแรก หรือสนทนาครั้งแรก หรือออกเดทครั้งแรกยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เพราะเสียงเพลงจะไปกระตุ้นระบบประสาทในสมอง ช่วยให้แต่ละฝ่ายเกิดความประทับใจกันและกันง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับการไม่มีเสียงเพลง 

หากใครที่กำลังแอบรักอยู่ หรือมีคู่อยู่แล้ว วิธีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่านำไปใช้ได้เลยนะคะ ในการเติมความหวานหรือสารภาพรัก เช่น การส่งเพลงแทนใจให้คนที่เรารัก เพราะบางทีคำพูดอาจยากเกินกว่าจะเอ่ยออกมาตรงๆ  อย่างเพลงของพลอยชมพูที่ว่า “อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ บอกให้เธอฟังไม่ได้สักคำ” ก็ส่งเพลงบอกแทนความรู้สึกไปเลยค่ะ 

เหนือสิ่งอื่นใด “เสียงเพลง” ยังสร้างความสุขให้กับตัวเองและคนที่เรารักได้ด้วย เพราะความสุขจากการฟังเพลง สามารถกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขอย่าง
โดพามีน (Dopamine) สารเคมีในสมองที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ปลาบปลื้ม หลงรักได้ ดังนั้นลองมอบเสียงเพลงให้กับคนรักของเราดูนะคะ
 
ทำไม “เสียงเพลง”  ถึงทำให้เราเกิดความรู้สึกได้
จากที่เคยบอกไว้ว่า เสียงเพลง เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ตกหลุมรัก ดึงดูดใจได้ แล้วสงสัยกันไหมคะว่า ทำไมเสียงเพลงถึงมีอิทธิพลขนาดนั้น หรือเวลาตอนเราฟังเพลงเฉยๆ ทำไมบางเพลงที่เป็นเพลงสนุกทำให้เรามีความสุขลั้นลาเหมือนคนบ้า แต่พอถ้ามาฟังเพลงเศร้าบางครั้งกลับอยากร้องไห้ขึ้นมาทั้งๆ ที่ไม่มีเรื่องอะไร ซะอย่างงั้น

ก็เพราะว่าขณะฟังเพลง สมองส่วนฮิปโปแคมปัสซึ่งมีหน้าที่กำหนดความทรงจำใหม่ และกำหนดการตอบสนองอารมณ์ต่างๆ และในทางกลับกัน สมองส่วนคอร์เทกซ์ที่อยู่ตรงหน้าผากส่วนหน้า จะทำหน้าที่จัดการกับอารมณ์ต่างๆ เปรียบเหมือนตัวช่วยใช้วิจารณญาณ ให้ร่างกายแสดงออกอย่างเหมาะสม ส่วนสมองกลีบข้างช่วยรับรู้และประมวลผลความรู้สึก

การที่เรามีความรู้สึกร่วมไปกับเพลงที่ฟังมากๆ นั้น ในทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า
Induction Mechanism หรือกลไกเหนี่ยวนำ คือจะมีสิ่งเร้ามาเหนี่ยวนำอารมณ์ของเราให้รู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมา ซึ่งกลไกที่ว่านี้เป็นได้หลายอย่าง ตั้งแต่การพบเห็นเรื่องบางเรื่อง การจินตนาการ หรือประสบการณ์ทางกาย รวมไปถึงการแสดงออกของตัวเองที่ตัวเองรับรู้ด้วย แต่สิ่งที่มีอิทธิพลมากที่สุดก็คือ ความทรงจำที่อยู่ในส่วนต่างๆ ของสมอง โดยสิ่งที่ไปมีอิทธิพลต่อความทรงจำมากที่สุดก็คือเสียงเพลง หรือเสียงดนตรีนั่นเอง
 

ภาพประกอบจาก www.freepik.com
 
รักจริงหรือแค่เผลอใจ
การที่เราฟังเพลงแล้วรู้สึกไปตามเพลงๆ นั้น แต่พอเราเปลี่ยนแนวเพลงความรู้สึกกลับเปลี่ยนตามไปด้วย แล้วถ้าบอกว่า "เสียงเพลงทำให้คนที่เรารักตกหลุมรักเรา" แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่าเขารักเราจริง หรือแค่เผลอใจเคลิ้มไปตามบรรยากาศ และสิ่งแวดล้อมกันแน่ มีวิธีทดสอบง่ายๆ ดังนี้

ความคิดถึงมันห้ามไม่ได้
เขาคนนั้นจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เจอเราอีก เวลาคนเราตกหลุมรักจะเกิดสารเคมีในสมอง และหนึ่งในสารนั้นคือ
สารเซโรโทนิน เป็นสารควบคุมความรู้สึกและความคิด ซึ่งจะทำให้เกิดความคิดถึงคนที่เรากำลังตกหลุมรักอยู่บ่อยๆ ดังนั้น ถ้าเขาสนใจเรา เขาจะพยายามมาเจอเราบ่อยๆ คุยกับเราบ่อยๆ เพื่อทำอะไรสักอย่างให้เราประทับใจ

ภาษากายบางครั้งก็ชัดเจน
พยายามมาใกล้ชิด เพื่อจะได้รู้สึกสนิท เขยิบเข้ามาอีกนิด ประชิดเข้ามาอีกหน่อย เขาอาจจะเอียงตัวเข้าหาเรา เมื่อได้พูดคุยกัน เพื่อที่จะได้ไม่พลาดในสิ่งที่เราพูดไปเลยสักประโยคเดียว ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงว่าสนใจในสิ่งที่เราพูดแล้ว ก็หมายความว่าเขาอยากจะใกล้ชิดกับเราด้วย ซึ่งระดับความใกล้ชิดอยู่มากขนาดไหน ก็สามารถบ่งบอกถึงความสนใจที่เขามีต่อตัวคนได้เช่นกัน

 
เพราะสำคัญจึงจำได้
จำทุกเรื่องราวของเราได้ขึ้นใจ ยิ่งกว่าตัวเราเองอีก ไม่ว่าจะเป็นเราชอบกินอะไร? เราชอบไปเที่ยวที่ไหน? วันเกิดของเราคือวันไหน ? อาจเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราพูดถึงเมื่อนานมาแล้ว แต่เชื่อสิว่าคนที่ชอบเราต้องจำทุกอย่างได้เป็นอย่างดี เรียกว่ารู้ใจใส่ใจไปหมดซะทุกเรื่องเลย

รู้สึกพิเศษกว่าคนอื่น
เป็นสัญญาณที่คุณสังเกตได้ เวลาเห็นเขาอยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงหลายๆ คน แล้วเราจะรู้เลยว่า สายตาที่เขามองคนอื่นไม่เหมือนกับที่เขามองเรา ถ้ายิ่งเอาอกเอาใจ เทคแคร์ก็ยิ่งชัดเจนเลยค่ะว่าเขาแอบมีใจแน่นอน

 

เพราะมีเธออยู่ในอนาคตของเรา
ถ้าเจอเขาเล่าแผนชีวิตของเขาฟังเมื่อไหร่ นอกจากอยากฟังความเห็นว่าคุณสนใจ หรือเห็นด้วยกับเขา หรือไม่ ยังเป็นการบอกเป็นนัยๆ อีกว่า เขาเริ่มคิดจริงจังกับคุณ อยากพัฒนาความสัมพันธ์กับคุณ และอยากมีคุณเป็นส่วนหนึ่งในอนาคตของเขานั่นเองค่ะ

ตามหลักวิทยาศาสตร์อาจมีหลายทฤษฏีที่พูดถึงเกี่ยวกับความรัก แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าทฤษฏีไหนที่เหมาะกับความรักของเรา หากเราไม่ลองใช้มัน เราจะรู้ผลลัพธ์ต่อเมื่อลงมือทำ ลองนำหลักวิทยาศาสตร์ เสียงเพลงสื่อหัวใจ ไปใช้ดูนะคะ บางทีอาจได้ผล และ สมหวังก็เลยได้ค่ะ สู้ ๆ :) 
พี่ใบเฟิร์น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น