สวัสดีค่ะ สถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ระบบการศึกษาของไทยเราก็โดนไปด้วย ตอนนี้ถึงน้องๆ มัธยมฯ จะปิดเทอมอยู่ แต่ก็อยู่ในสถานะเลื่อนเปิดเทอมไปวันที่ 1 ก.ค. 63 ส่วนพี่ๆ มหา’ลัยก็ก้มหน้าก้มตาเรียนออนไลน์กันอย่างขะมักเขม้น
แอบเห็นนะคะว่ามีน้องๆ กังวลอยู่ไม่น้อยว่าเปิดเทอมมากลัวความรู้จะคืนครูหมด ไหนจะต้องเตรียมสอบเข้ามหา’ลัย ปิดเทอมนี้ควรจะเตรียมตัวยังไง บอกเลยว่า ช่องทางเรียนออนไลน์ ก็ช่วยให้น้องๆ เติมเต็มทักษะความรู้ในส่วนที่ต้องการได้มากกว่าที่คิดค่ะ ขอแค่มีระเบียบวินัยเท่านั้นเอง ไปดูเคล็ดลับดีๆ กัน
ข้อดีของการเรียนที่บ้านก็คือสุดแสนสบายอกสบายใจ ไม่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่กดดัน อย่างไรก็ตามความสบาย (ที่มากเกินไป) อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้การเรียนที่บ้านของเราเป็นเรื่องยากขึ้นมาได้ โดยเฉพาะถ้าน้องๆ เป็นคนที่ผัดวันประกันพรุ่ง หรือถูกล่อลวงจากสิ่งบันเทิงใจทั้งหลายโดยง่าย ไม่ว่าจะดูซีรีส์สนุกๆ แอบงีบ แอบส่องแอพฯ ดูดเวลาอย่าง twitter , facebook , instagram , tiktok บอกเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นนักฆ่าที่ทำให้น้องๆ ห่างไกลจากเป้าหมายการเรียนหรือการทำภารกิจต่างๆ ที่หวังให้สำเร็จ มาจดทิปส์เหล่านี้ไว้เตือนตัวเองกันว่าเราควรทำอะไร
1. กำหนดเป้าหมายรายวัน
ก่อนเรียนให้น้องๆ ถามตัวเองก่อนว่าวันนี้สนใจจะเรียนเนื้อหาอะไร เรียนแบบไหน เช่น วันนี้จะเรียนปรับพื้นฐานการฟังภาษาอังกฤษในยูทูป 2 คลิป แล้วลองฝึกทักษะด้วยการดูหนัง soundtrack 1 เรื่อง การตั้งเป้าหมายจะทำให้น้องๆ มีแรงจูงใจอยู่ตลอดเวลา และเอาชนะการผัดวันประกันพรุ่งได้ เพราะเรามีแพลนที่ชัดเจน และอย่าลืมให้รางวัลตัวเองทุกครั้งที่พิชิตเป้าหมายได้นะคะ
2. เรียนในที่ที่เหมาะสม
น้องๆ จะจดจำข้อมูลได้ดีขึ้น ถ้าเรียนอยู่ในพื้นที่เฉพาะและเหมาะสมกับการเรียนออนไลน์ โดยสถานที่นั้นจะต้องไม่มีสิ่งรบกวน เช่น ไม่ควรเรียนในที่ที่มีน้องหมาตัวเล็กๆ วิ่งวนอยู่รอบตัว และถ้าเป็นไปได้ควรแยกโต๊ะเรียนออกห่างจากเตียงหรือโซฟาเลย เพราะเป็นพื้นที่ที่สบายเกินไปเอื้อต่อการล้มตัวนอนเลยล่ะค่ะ ถ้าแยกให้ชัดเจนได้ระหว่างพื้นที่เรียนหนังสือกับพื้นที่พักผ่อน ก็จะช่วยให้เรามีสมาธิจดจ่อกับการเรียนได้
3. กระตือรือร้นกับการจดโน้ต
ข้อดีของการเรียนที่บ้านก็คือสุดแสนสบายอกสบายใจ ไม่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่กดดัน อย่างไรก็ตามความสบาย (ที่มากเกินไป) อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้การเรียนที่บ้านของเราเป็นเรื่องยากขึ้นมาได้ โดยเฉพาะถ้าน้องๆ เป็นคนที่ผัดวันประกันพรุ่ง หรือถูกล่อลวงจากสิ่งบันเทิงใจทั้งหลายโดยง่าย ไม่ว่าจะดูซีรีส์สนุกๆ แอบงีบ แอบส่องแอพฯ ดูดเวลาอย่าง twitter , facebook , instagram , tiktok บอกเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นนักฆ่าที่ทำให้น้องๆ ห่างไกลจากเป้าหมายการเรียนหรือการทำภารกิจต่างๆ ที่หวังให้สำเร็จ มาจดทิปส์เหล่านี้ไว้เตือนตัวเองกันว่าเราควรทำอะไร
1. กำหนดเป้าหมายรายวัน
ก่อนเรียนให้น้องๆ ถามตัวเองก่อนว่าวันนี้สนใจจะเรียนเนื้อหาอะไร เรียนแบบไหน เช่น วันนี้จะเรียนปรับพื้นฐานการฟังภาษาอังกฤษในยูทูป 2 คลิป แล้วลองฝึกทักษะด้วยการดูหนัง soundtrack 1 เรื่อง การตั้งเป้าหมายจะทำให้น้องๆ มีแรงจูงใจอยู่ตลอดเวลา และเอาชนะการผัดวันประกันพรุ่งได้ เพราะเรามีแพลนที่ชัดเจน และอย่าลืมให้รางวัลตัวเองทุกครั้งที่พิชิตเป้าหมายได้นะคะ
2. เรียนในที่ที่เหมาะสม
น้องๆ จะจดจำข้อมูลได้ดีขึ้น ถ้าเรียนอยู่ในพื้นที่เฉพาะและเหมาะสมกับการเรียนออนไลน์ โดยสถานที่นั้นจะต้องไม่มีสิ่งรบกวน เช่น ไม่ควรเรียนในที่ที่มีน้องหมาตัวเล็กๆ วิ่งวนอยู่รอบตัว และถ้าเป็นไปได้ควรแยกโต๊ะเรียนออกห่างจากเตียงหรือโซฟาเลย เพราะเป็นพื้นที่ที่สบายเกินไปเอื้อต่อการล้มตัวนอนเลยล่ะค่ะ ถ้าแยกให้ชัดเจนได้ระหว่างพื้นที่เรียนหนังสือกับพื้นที่พักผ่อน ก็จะช่วยให้เรามีสมาธิจดจ่อกับการเรียนได้
3. กระตือรือร้นกับการจดโน้ต
การจดโน้ตช่วยกระตุ้นความคิด ความเข้าใจ และขยายขอบเขตความใส่ใจของเราได้อย่างกว้างไกลเลยนะคะ ถือว่าเป็นกลยุทธิ์ดีๆ ที่ทำให้ความรู้ของน้องๆ เข้าไปฝังลึกอยู่ในสมอง ดังนั้น ทุกครั้งที่เรียนออนไลน์ก็อย่าลืมที่จะหยิบสมุดโน้ตมาจดประเด็นสำคัญที่สังเคราะห์ออกมา และถ้ามีข้อสงสัยก็อย่าลืมจดคำถามไว้หาความรู้เพิ่มเติมนอกรอบนะคะ
4. ฝึกให้ตัวเองมีความรับผิดชอบ
การช่วยฝึกให้ตัวเองมีความรับผิดชอบได้อย่างหนึ่งก็คือ น้องๆ ต้องรายงานความคืบหน้าของตัวเองอยู่เสมอค่ะ ลองบอกพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนๆ ของเราดูว่าตอนนี้เรากำลังมีแพลนเรียนอะไรอยู่ ลองโพสต์แชร์ลงโซเชียลมีเดียดูสิว่าเราบรรลุเป้าหมายอะไรไปแล้วบ้าง คนที่เห็นจะได้เป็นหน่วยซัพพอร์ตหรือส่งกำลังใจให้สู้ต่อไป สำหรับทิปส์นี้พี่เมก้าก็นึกถึงการทำ studygram การเขียน blog ต่างๆ เราจะเห็นผลงานแบบจับต้องได้ เช่น วันนี้เรียนเนื้อหาชีววิทยา มี short note มาแชร์เพื่อนๆ ด้วย หรือ วันนี้ลองทำข้อสอบเก่าออนไลน์อัพเดทคะแนนครั้งล่าสุดเพิ่มจากครั้งก่อนมา 70% ก็ทำให้รู้ว่าการเรียนออนไลน์ของเราก็คืบหน้าและได้ผลที่ดีนะ
5. เข้าร่วม course discussion
Course discussion ก็คือเครื่องมือสร้างกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านทางห้องสนทนา ที่เปิดโอกาสให้น้องๆ ได้เข้าไปตั้งคำถาม แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ หรือแชร์ข้อมูลในหัวข้อที่น่าสนใจกับผู้สอนหรือเพื่อนร่วมกิจกรรมได้ ช่วงนี้พี่เมก้าเห็นว่ามีกิจกรรมการเรียนรู้แนวนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งค่ายออนไลน์ เวิร์คช็อปออนไลน์ รูปแบบกิจกรรมก็จะให้น้องๆ มาลองเรียนรู้ผ่านกิจกรรมเวิร์คช็อป ค้นหาศักยภาพของตัวเอง วางแผนหรือตั้งเป้าหมายการเรียน ได้รู้จักเพื่อนใหม่
ตอนนี้ Dek-D ก็กำลังมี ค่ายออนไลน์เตรียมเข้ามหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรกของไทย นะคะ แน่นอนว่ามี discussion boards ให้น้องๆ ได้ซักถามทุกเรื่องเกี่ยวกับคณะที่อยากเรียนจากรุ่นพี่ตัวจริงโดยตรงเลย ถ้าสนใจก็รีบเปิดไปดูข้อมูลและสมัครกันได้เลย คลิกที่นี่
6. เรียนก็คือเรียน
สิ่งนี้พี่เมก้าแทบจะเน้นย้ำน้องๆ มาโดยตลอดก็คือ multitasking หรือการทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันในเวลาเดียวกันนั่นเองค่ะ สิ่งนี้จะทำให้น้องๆ หลุดโฟกัสจากสิ่งที่เรียนอยู่ วิจัยจาก Stanford University ค้นพบว่าผู้ที่ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันมักจะถูกโจมตีจากข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มากมาย ซึ่งทำให้คนผู้นั้นไม่มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำ และไม่สามารถเรียกข้อมูลต่างๆ มาใช้งานได้ ตรงข้ามกับคนที่ทำงานอย่างเดียวจะมีประสิทธิภาพมากกว่า
4. ฝึกให้ตัวเองมีความรับผิดชอบ
การช่วยฝึกให้ตัวเองมีความรับผิดชอบได้อย่างหนึ่งก็คือ น้องๆ ต้องรายงานความคืบหน้าของตัวเองอยู่เสมอค่ะ ลองบอกพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนๆ ของเราดูว่าตอนนี้เรากำลังมีแพลนเรียนอะไรอยู่ ลองโพสต์แชร์ลงโซเชียลมีเดียดูสิว่าเราบรรลุเป้าหมายอะไรไปแล้วบ้าง คนที่เห็นจะได้เป็นหน่วยซัพพอร์ตหรือส่งกำลังใจให้สู้ต่อไป สำหรับทิปส์นี้พี่เมก้าก็นึกถึงการทำ studygram การเขียน blog ต่างๆ เราจะเห็นผลงานแบบจับต้องได้ เช่น วันนี้เรียนเนื้อหาชีววิทยา มี short note มาแชร์เพื่อนๆ ด้วย หรือ วันนี้ลองทำข้อสอบเก่าออนไลน์อัพเดทคะแนนครั้งล่าสุดเพิ่มจากครั้งก่อนมา 70% ก็ทำให้รู้ว่าการเรียนออนไลน์ของเราก็คืบหน้าและได้ผลที่ดีนะ
5. เข้าร่วม course discussion
Course discussion ก็คือเครื่องมือสร้างกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านทางห้องสนทนา ที่เปิดโอกาสให้น้องๆ ได้เข้าไปตั้งคำถาม แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ หรือแชร์ข้อมูลในหัวข้อที่น่าสนใจกับผู้สอนหรือเพื่อนร่วมกิจกรรมได้ ช่วงนี้พี่เมก้าเห็นว่ามีกิจกรรมการเรียนรู้แนวนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งค่ายออนไลน์ เวิร์คช็อปออนไลน์ รูปแบบกิจกรรมก็จะให้น้องๆ มาลองเรียนรู้ผ่านกิจกรรมเวิร์คช็อป ค้นหาศักยภาพของตัวเอง วางแผนหรือตั้งเป้าหมายการเรียน ได้รู้จักเพื่อนใหม่
ตอนนี้ Dek-D ก็กำลังมี ค่ายออนไลน์เตรียมเข้ามหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรกของไทย นะคะ แน่นอนว่ามี discussion boards ให้น้องๆ ได้ซักถามทุกเรื่องเกี่ยวกับคณะที่อยากเรียนจากรุ่นพี่ตัวจริงโดยตรงเลย ถ้าสนใจก็รีบเปิดไปดูข้อมูลและสมัครกันได้เลย คลิกที่นี่
6. เรียนก็คือเรียน
สิ่งนี้พี่เมก้าแทบจะเน้นย้ำน้องๆ มาโดยตลอดก็คือ multitasking หรือการทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันในเวลาเดียวกันนั่นเองค่ะ สิ่งนี้จะทำให้น้องๆ หลุดโฟกัสจากสิ่งที่เรียนอยู่ วิจัยจาก Stanford University ค้นพบว่าผู้ที่ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันมักจะถูกโจมตีจากข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มากมาย ซึ่งทำให้คนผู้นั้นไม่มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำ และไม่สามารถเรียกข้อมูลต่างๆ มาใช้งานได้ ตรงข้ามกับคนที่ทำงานอย่างเดียวจะมีประสิทธิภาพมากกว่า
ดังนั้น เวลาเรียนออนไลน์ น้องๆ ไม่ควรทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน เช่น ไม่ควรเรียนไปด้วย ทำข้อสอบเก่าไปด้วย ควรทำให้เสร็จเป็นอย่างๆ เพราะทำไปพร้อมๆ กัน ไม่มีทางรู้เรื่องและจะมีปัญหากับการจัดระเบียบความคิดแน่ๆ ยิ่งพวกเกม นิยาย หนังต่างๆ ยิ่งแล้วใหญ่ ควรปิดโทรศัพท์ รวมถึงแถบหน้าต่างอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนให้หมด แล้วโฟกัสแค่เรื่องเรียนเท่านั้น จะทำให้น้องๆ เก็บข้อมูลได้ครบถ้วน และจัดการตัวเองให้ทำภารกิจต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าพยายามทำอะไรหลายอย่างในเวลาเดียวค่ะ
7. พักสมองบ้าง
พักสมองทุกครั้งหลังเรียนรู้สิ่งต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญต่อประสิทธิภาพของเรามากค่ะ เมื่อน้องๆ เรียนอะไรมาหนักๆ เจอความรู้ยากๆ สุดจะท้าทายมาร่วมชั่วโมง ให้พักผ่อนสมองด้วยการออกไปเดินเล่นหาอะไรอร่อยๆ ทาน พักอาบน้ำให้สดชื่น หรือคุยกับเพื่อนๆ ก็จะช่วยเพิ่มพลังให้กับเราได้ หลายคนบอกว่าเวลาทำงานแล้วหัวตัน พักท่องอินเตอร์เน็ตสัก 10-15 นาที กลับมาได้ไอเดียใหม่ๆ เฉยเลย น้องๆ ลองนำไปทำตามกันได้
ทั้งหมดนี้ก็เป็นทิปส์เล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้การ study at home ของน้องๆ ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไปค่ะ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ รับรองว่าเปิดเทอมมาสมองไบรท์พร้อมเรียนและเก่งขึ้นแน่นอน
7. พักสมองบ้าง
พักสมองทุกครั้งหลังเรียนรู้สิ่งต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญต่อประสิทธิภาพของเรามากค่ะ เมื่อน้องๆ เรียนอะไรมาหนักๆ เจอความรู้ยากๆ สุดจะท้าทายมาร่วมชั่วโมง ให้พักผ่อนสมองด้วยการออกไปเดินเล่นหาอะไรอร่อยๆ ทาน พักอาบน้ำให้สดชื่น หรือคุยกับเพื่อนๆ ก็จะช่วยเพิ่มพลังให้กับเราได้ หลายคนบอกว่าเวลาทำงานแล้วหัวตัน พักท่องอินเตอร์เน็ตสัก 10-15 นาที กลับมาได้ไอเดียใหม่ๆ เฉยเลย น้องๆ ลองนำไปทำตามกันได้
ทั้งหมดนี้ก็เป็นทิปส์เล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้การ study at home ของน้องๆ ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไปค่ะ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ รับรองว่าเปิดเทอมมาสมองไบรท์พร้อมเรียนและเก่งขึ้นแน่นอน
2 ความคิดเห็น
เป็นคำแนะนำที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ จะจำและนำไปใช้นะคะ กำลังหาหลักการอยู่พอดี