สวัสดีค่ะน้อง ๆ โหราศาสตร์เป็นศาสตร์เก่าแก่ที่อยู่คู่สังคมไทยเรามาช้านานนะคะ เรื่องราวเกี่ยวกับโหราศาสตร์นอกจากจะมีการบอกเล่ากันปากต่อปาก หลักฐานหนึ่งที่ค้นพบก็มีปรากฏในวรรณคดีไทยหลายเรื่องตั้งแต่สมัยสุโขทัยนู่น ไม่งั้นจะมีตำแหน่งท่านโหราธิบดีที่เรารู้จักกันได้ยังไง
ช่วงปี 2551 - 2552 ก็เคยมีการสำรวจพฤติกรรมคนกรุงเทพฯ กับการใช้บริการหมอดูอย่างจริงจัง โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมาแล้ว พบว่าธุรกิจหมอดูนั้นสร้างเม็ดเงินสะพัดในแวดวงธุรกิจถึง 2,550 ล้านบาทเลยละค่ะ O_O! เรามาดูกันดีกว่าว่าปรากฎการณ์ดูดวงนี้มีความน่าสนใจยังไงบ้าง
บทความวิจัยเรื่อง “พฤติกรรมการดูดวงของคนเมืองในเขตกรุงเทพมหานคร โดยคุณอัครกิตติ์ สินธุวงศ์ศรี” ได้นำเสนอให้เห็นปรากฎการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อการดูดวงในเขตพื้นที่เมืองไว้ว่า ความเป็นเมืองส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต พฤติกรรม และความมั่นคงของคนในสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สังคมเมืองทำให้การใช้ชีวิตในปัจจุบันของแต่ละคนเปลี่ยนไป บางคนเมื่อเกิดปัญหาก็ไม่สามารถแก้ปัญหาหรืออยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางความโดดเดี่ยวได้ จึงต้องหาที่พึ่งหาทางออกที่ดีกว่าให้กับชีวิตและจิตใจเพื่อความอยู่รอด นั่นคือการใช้บริการดูดวง
การดูดวงเป็นสิ่งที่มีความคลุมเครืออยู่ ทำให้ผู้คนสามารถตีความคำทำนายเพื่อโยงกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนได้ การดูดวงแต่ละครั้งส่วนมากจะมุ่งเน้นเรื่องทางบวก อาจมีแง่ลบบ้างแต่ต้องไม่รุนแรงจนเกินไป สิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจาก “ปรากฎการณ์บานัม (Barnum Effect)” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่คำทำนายของหมอดูมักจะตรงกับข้อเท็จจริงส่วนตัวของผู้ได้รับคำทำนาย แม้ว่าคำทำนายนั้นจะค่อนข้างเป็นสากลหรือมีส่วนตรงเพียงเล็กน้อยก็ตาม อย่างไรก็ตามที่คนส่วนมากสนใจดูดวงก็เพื่อตอบสนองความต้องการบางอย่าง แต่จะช่วยให้ลดความทุกข์เกิดความสุขทางใจหรือทำให้ชีวิตแย่ลงจิตตกกว่าเดิมก็มาพิสูจน์ไปพร้อมกันค่ะ
ในการศึกษาพฤติกรรมการดูดวงฯ ดังกล่าว ผู้วิจัยได้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ โดยเลือก 6 พื้นที่ศึกษาที่สำคัญของการดูดวงนั่นคือเป็นศูนย์รวมของหมอดูจำนวนมากและมีผู้เข้าใช้บริการเป็นประจำ ได้แก่ 1.ตรอกท่าพระจันทร์ 2.ตรอกวังหลัง 3.สี่แยกห้วยขวาง รัชดาภิเษก 4. สมาคมโหรแห่งประเทศไทย 5.สมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ 6. วัดมหาบุศย์ มีกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 385 คน ในการทำวิจัยเชิงสำรวจ เก็บแบบสอบถามที่พัฒนาขึ้นตามผลของปรากฎการณ์บาร์นัม และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม SPSS ผลการศึกษา ดังนี้
บทความวิจัยเรื่อง “พฤติกรรมการดูดวงของคนเมืองในเขตกรุงเทพมหานคร โดยคุณอัครกิตติ์ สินธุวงศ์ศรี” ได้นำเสนอให้เห็นปรากฎการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อการดูดวงในเขตพื้นที่เมืองไว้ว่า ความเป็นเมืองส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต พฤติกรรม และความมั่นคงของคนในสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สังคมเมืองทำให้การใช้ชีวิตในปัจจุบันของแต่ละคนเปลี่ยนไป บางคนเมื่อเกิดปัญหาก็ไม่สามารถแก้ปัญหาหรืออยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางความโดดเดี่ยวได้ จึงต้องหาที่พึ่งหาทางออกที่ดีกว่าให้กับชีวิตและจิตใจเพื่อความอยู่รอด นั่นคือการใช้บริการดูดวง
การดูดวงเป็นสิ่งที่มีความคลุมเครืออยู่ ทำให้ผู้คนสามารถตีความคำทำนายเพื่อโยงกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนได้ การดูดวงแต่ละครั้งส่วนมากจะมุ่งเน้นเรื่องทางบวก อาจมีแง่ลบบ้างแต่ต้องไม่รุนแรงจนเกินไป สิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจาก “ปรากฎการณ์บานัม (Barnum Effect)” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่คำทำนายของหมอดูมักจะตรงกับข้อเท็จจริงส่วนตัวของผู้ได้รับคำทำนาย แม้ว่าคำทำนายนั้นจะค่อนข้างเป็นสากลหรือมีส่วนตรงเพียงเล็กน้อยก็ตาม อย่างไรก็ตามที่คนส่วนมากสนใจดูดวงก็เพื่อตอบสนองความต้องการบางอย่าง แต่จะช่วยให้ลดความทุกข์เกิดความสุขทางใจหรือทำให้ชีวิตแย่ลงจิตตกกว่าเดิมก็มาพิสูจน์ไปพร้อมกันค่ะ
ในการศึกษาพฤติกรรมการดูดวงฯ ดังกล่าว ผู้วิจัยได้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ โดยเลือก 6 พื้นที่ศึกษาที่สำคัญของการดูดวงนั่นคือเป็นศูนย์รวมของหมอดูจำนวนมากและมีผู้เข้าใช้บริการเป็นประจำ ได้แก่ 1.ตรอกท่าพระจันทร์ 2.ตรอกวังหลัง 3.สี่แยกห้วยขวาง รัชดาภิเษก 4. สมาคมโหรแห่งประเทศไทย 5.สมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ 6. วัดมหาบุศย์ มีกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 385 คน ในการทำวิจัยเชิงสำรวจ เก็บแบบสอบถามที่พัฒนาขึ้นตามผลของปรากฎการณ์บาร์นัม และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม SPSS ผลการศึกษา ดังนี้
ผู้ใช้บริการดูดวงส่วนใหญ่เป็นสาวโสด
จากการเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการดูดวงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยทำงานมีอายุระหว่าง 20 - 40 ปี โดยอาชีพที่พบมักเป็นพนักงานเอกชนและข้าราชการ ผู้มีรายได้ระหว่าง 10,000 - 29,999 บาทต่อเดือน ผู้มีรายได้มากกว่า 30,000 บาทขึ้นไปจะใช้บริการดูดวงลดลง เพศหญิงสนใจดูดวงมากที่สุด และผู้ที่มาดูดวงนั้นมักมีสถานภาพโสด
จบ ป.ตรี สนใจดูดวงมากที่สุด
ในแง่การศึกษาภาพรวมของคนที่มาใช้บริการดูดวงมักจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีมากที่สุด (ร้อยละ 66.8) และในระดับสูงกว่าปริญญาตรีอีก (ร้อยละ 19.1) สะท้อนให้เห็นว่าเป็นผู้ที่มีความรู้การศึกษาอยู่ในระดับสูง
ดูดวงจากการบอกต่อ
การการสำรวจการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการดูดวงพบว่า ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เข้าถึงข้อมูลจากการที่คนรอบข้างแนะนำบอกต่อ และเกือบ 1 ใน 3 เข้าถึงจากรีวิวตามสื่อออนไลน์ เช่น Facebook Line Instagram Twitter ฯลฯ ทำให้เข้าถึงข้อมูลได้สะดวกรวดเร็ว
ไพ่พยากรณ์ศาสตร์มาแรงสุด!
ผลการศึกษารูปแบบของการดูดวงพบว่าคนชอบดูดวงตามตำราหลักไพ่พยากรณ์ศาสตร์มากที่สุด รองลงมาคือหลักตำราหัตถศาสตร์ หลักเลขศาสตร์ และหลักตำรานรลักษณ์ศาสตร์ตามลำดับ
จากการเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการดูดวงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยทำงานมีอายุระหว่าง 20 - 40 ปี โดยอาชีพที่พบมักเป็นพนักงานเอกชนและข้าราชการ ผู้มีรายได้ระหว่าง 10,000 - 29,999 บาทต่อเดือน ผู้มีรายได้มากกว่า 30,000 บาทขึ้นไปจะใช้บริการดูดวงลดลง เพศหญิงสนใจดูดวงมากที่สุด และผู้ที่มาดูดวงนั้นมักมีสถานภาพโสด
จบ ป.ตรี สนใจดูดวงมากที่สุด
ในแง่การศึกษาภาพรวมของคนที่มาใช้บริการดูดวงมักจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีมากที่สุด (ร้อยละ 66.8) และในระดับสูงกว่าปริญญาตรีอีก (ร้อยละ 19.1) สะท้อนให้เห็นว่าเป็นผู้ที่มีความรู้การศึกษาอยู่ในระดับสูง
ดูดวงจากการบอกต่อ
การการสำรวจการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการดูดวงพบว่า ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เข้าถึงข้อมูลจากการที่คนรอบข้างแนะนำบอกต่อ และเกือบ 1 ใน 3 เข้าถึงจากรีวิวตามสื่อออนไลน์ เช่น Facebook Line Instagram Twitter ฯลฯ ทำให้เข้าถึงข้อมูลได้สะดวกรวดเร็ว
ไพ่พยากรณ์ศาสตร์มาแรงสุด!
ผลการศึกษารูปแบบของการดูดวงพบว่าคนชอบดูดวงตามตำราหลักไพ่พยากรณ์ศาสตร์มากที่สุด รองลงมาคือหลักตำราหัตถศาสตร์ หลักเลขศาสตร์ และหลักตำรานรลักษณ์ศาสตร์ตามลำดับ
เสียค่าดูหมอเฉลี่ย 300 - 499 บาท/ครั้ง
ผลการศึกษาค่าใช้จ่ายในการดูดวงพบว่าการดูดวงแต่ละครั้งเสียเงินโดยเฉลี่ย 300 - 499 บาท รองลงมาเฉลี่ย 100 - 299 บาท และเฉลี่ยไม่เกิน 100 บาทตามลำดับ โดยส่วนใหญ่นิยมดูดวงเฉลี่ย 1 - 2 ครั้งต่อปี ที่น่าสนใจคือมีผู้ใช้บริการดูดวงปริมาณเดือนละครั้งมากถึงร้อยละ 14.6
กว่า 80% เชื่อว่าการดูดวงแม่นยำ!
คนส่วนใหญ่ตัดสินใจดูดวงเมื่อเกิดความรู้สึกคาดหวังค่ะ รองลงคือดูดวงเมื่อเกิดความเครียด และเกิดอารมณ์สนุกสนานตามลำดับ ส่วนมุมมองด้านการรับรู้ของการดูดวง ส่วนมากเชื่อว่าการดูดวงใช้หลักสถิติในการเก็บข้อมูลแล้วนำมาให้ความหมายทำให้เกิดความแม่นยำ จึงเป็นศาสตร์ที่เชื่อถือได้โดยมีการอ้างอิงจากตำราที่เกี่ยวข้องแล้วนำมาทำนายโชคชะตา รองลงมามองว่าการดูดวงเป็นเรื่องอัศจรรย์ ลี้ลับ ที่ใช้สำหรับการทำนายอนาคตและเป็นสิ่งที่สามารถเชื่อถือได้ ส่วนน้อยที่สุดคือรับรู้ว่าเป็นเรื่องราวที่หมอดูทำนายหรือสร้างเรื่องขึ้นมาเอง
ถอดรหัสดูดวงจาก Barnum Effect
จากการศึกษาความคิดเห็นของผู้ใช้บริการดูดวงพบว่ามีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกันคือ “มีความเชื่อมั่นและยึดถือศาสตร์หมอดูเป็นอย่างมาก” และคาดหวังว่าหลังจากดูดวงจะได้รับคำปรึกษา คำแนะนำ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ อีกสิ่งที่น่าสนใจคือผู้ใช้บริการดูดวงไม่เห็นด้วยมากที่สุดกับการกล่าวว่าคำพูดหรือคำทำนายของหมอดูเป็นเรื่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเขาเชื่อว่าสิ่งที่หมอดูพูดหรือทำนายเป็นเรื่องจริงทุกอย่าง!
ผลการศึกษาค่าใช้จ่ายในการดูดวงพบว่าการดูดวงแต่ละครั้งเสียเงินโดยเฉลี่ย 300 - 499 บาท รองลงมาเฉลี่ย 100 - 299 บาท และเฉลี่ยไม่เกิน 100 บาทตามลำดับ โดยส่วนใหญ่นิยมดูดวงเฉลี่ย 1 - 2 ครั้งต่อปี ที่น่าสนใจคือมีผู้ใช้บริการดูดวงปริมาณเดือนละครั้งมากถึงร้อยละ 14.6
กว่า 80% เชื่อว่าการดูดวงแม่นยำ!
คนส่วนใหญ่ตัดสินใจดูดวงเมื่อเกิดความรู้สึกคาดหวังค่ะ รองลงคือดูดวงเมื่อเกิดความเครียด และเกิดอารมณ์สนุกสนานตามลำดับ ส่วนมุมมองด้านการรับรู้ของการดูดวง ส่วนมากเชื่อว่าการดูดวงใช้หลักสถิติในการเก็บข้อมูลแล้วนำมาให้ความหมายทำให้เกิดความแม่นยำ จึงเป็นศาสตร์ที่เชื่อถือได้โดยมีการอ้างอิงจากตำราที่เกี่ยวข้องแล้วนำมาทำนายโชคชะตา รองลงมามองว่าการดูดวงเป็นเรื่องอัศจรรย์ ลี้ลับ ที่ใช้สำหรับการทำนายอนาคตและเป็นสิ่งที่สามารถเชื่อถือได้ ส่วนน้อยที่สุดคือรับรู้ว่าเป็นเรื่องราวที่หมอดูทำนายหรือสร้างเรื่องขึ้นมาเอง
ถอดรหัสดูดวงจาก Barnum Effect
จากการศึกษาความคิดเห็นของผู้ใช้บริการดูดวงพบว่ามีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกันคือ “มีความเชื่อมั่นและยึดถือศาสตร์หมอดูเป็นอย่างมาก” และคาดหวังว่าหลังจากดูดวงจะได้รับคำปรึกษา คำแนะนำ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ อีกสิ่งที่น่าสนใจคือผู้ใช้บริการดูดวงไม่เห็นด้วยมากที่สุดกับการกล่าวว่าคำพูดหรือคำทำนายของหมอดูเป็นเรื่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเขาเชื่อว่าสิ่งที่หมอดูพูดหรือทำนายเป็นเรื่องจริงทุกอย่าง!
ดูดวงลดเครียด!
สำหรับน้อง ๆ ที่ค้างคาใจว่าหลังจากดูดวงจะสดชื่นสดใสหรือจิตตกกว่าเดิม จากผลการสำรจแล้วส่วนใหญ่ทุกคนเห็นว่า “การดูดวงช่วยทำให้ความทุกข์ทางใจลดลงมากกว่าครึ่ง” ดูดวงแล้วหายเครียด คลายความกลัว สลายความหดหู่ ช่วยสร้างกำลังใจให้ตัวเอง รวมถึงช่วยให้มีแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยค่ะ ว่าด้วยผลทางบวกของการดูดวงทำใหัผู้ดูมีสติ มีเหตุผล รู้จักตัวเองมากขึ้น และมีความระมัดระวังเพิ่มขึ้น ส่วนทางลบนั้นทำให้เกิดความงมงาย และการเชื่อคำทำนายมากเกินไปกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ก็ทำให้เสพติดหรืออาจเกิดความหวาดกลัวได้ค่ะ
ทุกครั้งที่เสี่ยงดวงเรามักตื่นเต้นว่าคำทำนายจะออกมาในรูปแบบไหน ถ้าดวงรุ่งวันนั้นเป็นยิ้มหน้าบานทั้งวัน แต่ถ้าดวงกุดก็มีนอยด์กันบ้างละค่ะ อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะทำให้การดูดวงเป็นผลดีกับเรามากที่สุดก็คือการรู้เท่าทันดวงชะตานั่นเอง สิ่งใดที่ดีอยู่แล้วเราก็จงมีความเชื่อมั่นที่จะทำให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ส่วนสิ่งใดที่แย่ก็อย่าเพิ่งจิตตกมาตั้งหน้าตั้งตาปรับเปลี่ยนไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นกับตัวเราดีกว่า พี่เมก้าก็เคยเป็นอีกคนที่ถูกทำนายดวงไว้แย่มาก แต่ข้ามผ่านมันมาได้แล้วค่ะ เย่! ว่าแต่น้อง ๆ ชอบดูดวงกันรึเปล่า มาแชร์ความรู้สึกกันหน่อย ><”
สำหรับน้อง ๆ ที่ค้างคาใจว่าหลังจากดูดวงจะสดชื่นสดใสหรือจิตตกกว่าเดิม จากผลการสำรจแล้วส่วนใหญ่ทุกคนเห็นว่า “การดูดวงช่วยทำให้ความทุกข์ทางใจลดลงมากกว่าครึ่ง” ดูดวงแล้วหายเครียด คลายความกลัว สลายความหดหู่ ช่วยสร้างกำลังใจให้ตัวเอง รวมถึงช่วยให้มีแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยค่ะ ว่าด้วยผลทางบวกของการดูดวงทำใหัผู้ดูมีสติ มีเหตุผล รู้จักตัวเองมากขึ้น และมีความระมัดระวังเพิ่มขึ้น ส่วนทางลบนั้นทำให้เกิดความงมงาย และการเชื่อคำทำนายมากเกินไปกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ก็ทำให้เสพติดหรืออาจเกิดความหวาดกลัวได้ค่ะ
ทุกครั้งที่เสี่ยงดวงเรามักตื่นเต้นว่าคำทำนายจะออกมาในรูปแบบไหน ถ้าดวงรุ่งวันนั้นเป็นยิ้มหน้าบานทั้งวัน แต่ถ้าดวงกุดก็มีนอยด์กันบ้างละค่ะ อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะทำให้การดูดวงเป็นผลดีกับเรามากที่สุดก็คือการรู้เท่าทันดวงชะตานั่นเอง สิ่งใดที่ดีอยู่แล้วเราก็จงมีความเชื่อมั่นที่จะทำให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ส่วนสิ่งใดที่แย่ก็อย่าเพิ่งจิตตกมาตั้งหน้าตั้งตาปรับเปลี่ยนไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นกับตัวเราดีกว่า พี่เมก้าก็เคยเป็นอีกคนที่ถูกทำนายดวงไว้แย่มาก แต่ข้ามผ่านมันมาได้แล้วค่ะ เย่! ว่าแต่น้อง ๆ ชอบดูดวงกันรึเปล่า มาแชร์ความรู้สึกกันหน่อย ><”
1 ความคิดเห็น