อยากเรียนต่อนอกต้องรู้! การเขียน "Motivation Letter" พร้อมแชร์เทคนิคเขียนปังจนคว้าทุน

สวัสดีค่ะชาว Dek-D เชื่อว่าหลายคนที่เปิดอ่านบทความนี้คงกำลังเตรียมสมัครทุนเรียนต่อต่างประเทศและกำลังเตรียมเอกสารอยู่ แล้วจู่ๆ ดันไปเจอ Requirements เอกสารอันนึงเรียกว่า ‘Motivation Letter’ แล้วอาจจะสงสัยว่ามันคืออะไร แล้วต้องเขียนยังไงกันใช่มั้ยคะ? เจ้าหนังสือนี้มันคืออันเดียวหรือแตกต่างกับ personal statement หรือเปล่านะ? แล้วเราควรจะเขียนยังไงให้พิชิตใจกรรมการ วันนี้พี่โมริจะพาทุกคนไปทำความรู้จักและจดเคล็ดลับปังๆ กันค่ะ ตามมาเล้ยย~    

Photo Credit : Photo by Green Chameleon on Unsplash
Photo Credit : Photo by Green Chameleon on Unsplash

Motivation Letter คืออะไร ?

‘Motivation Letter’ หรือบางที่จะใช้คำว่า Letter of Motivation (จดหมายจูงใจ) ถ้าให้อธิบายง่ายๆ ก็คือ การเขียนเรียงความเพื่อบ่งบอกถึง passion ของเรานั่นเองค่ะ เพราะว่าเราอยากจะเรียนต่อที่นี่หรืออยากได้ทุนเรียนฟรีจากเค้า ดังนั้นก็ต้องแสดงให้กรรมการเห็นหน่อยว่า “เรานี่แหละคือผู้ที่สมควรได้รับเลือก” ซึ่งเจ้าจดหมายแรงจูงใจนี้ หลายที่ก็ขอให้ผู้สมัครแนบไปด้วย ทั้งสมัครเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย (ป.ตรี-เอก) งานอาสาสมัคร โครงการแลกเปลี่ยน ทุนวิจัย รวมถึงบางบริษัทก็ใช้เพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานด้วย  

โดยทั่วไปแล้ว Motivation Letter นี้จะมีความยาว 1,500 คำ หรือประมาณ 1-2 หน้าค่ะ (ปล. ต้องดูตามกำหนดการของโครงการด้วยนะ) จึงเป็นเหตุผลที่ผู้สมัครต้องเขียนให้ชัดเจน กระชับ สอดคล้องกับสิ่งที่เราสมัคร และอย่าลืมนับคำด้วยนะคะ

Motivation Letter VS. Personal Statement 

เชื่อว่าหลายคนต้องสงสัยเหมือนกันแน่ๆ เพราะมองเผินๆ เจ้าเอกสาร 2 ตัวนี้ดูคล้ายกันแต่ความจริงจุดประสงค์การใช้งานนั้นมีความแตกต่างกันอยู่ที่ Motivation Letter เน้นอธิบายแรงบันดาลใจที่ทำให้เราอยากเรียนในสาขานี้ ส่วนการเขียน Personal Statement จะเป็นการเขียนเรียงความที่พูดถึงตัวเราให้กรรมการรู้จัก  

แชร์ทริคเขียน ‘Personal Statement’ 

เช็กลิสต์ สิ่งที่ต้องมีใน Motivation Letter 

  • ชื่อและรายละเอียดการติดต่อของคุณ (Your name and contact details)
  • ชื่อบริษัทหรือชื่อมหาวิทยาลัยที่คุณกำลังสมัคร //แนบที่อยู่ไปด้วย (The name of the company or University you are applying to and its address)
  • วันที่ (The date)
  • การขึ้นต้นอย่างเป็นทางการ เช่น Dear Sir/Madam
  • เนื้อหาที่ต้องเขียน (The body of the paper)
  • การเขียนลงท้าย เช่น Sincerely
  • ลายเซ็นด้วยปากกา (ไม่ใช่รูปแบบตัวพิมพ์)

ควรจัดรูปแบบยังไงดี?

  • แบ่งโครงสร้างเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ บทนำ เนื้อเรื่อง และสรุป
  • เขียนประมาณ 3~7 ย่อหน้า ขึ้นอยู่กับโครงการและจำนวนคำหรือหน้าที่กำหนด ยกตัวอย่างกรณี 7 ย่อหน้า เราอาจแบ่งสัดส่วนให้เหมาะสมเป็นส่วนบทนำ 3 ย่อหน้า / ส่วนเนื้อหา 3 ย่อหน้า / ส่วนสรุป 1 ย่อหน้า
Photo Credit :  Photo by Dan Counsell on Unsplash
Photo Credit :  Photo by Dan Counsell on Unsplash

How to write a Motivation Letter?

การเขียน Motivation Letter มีขั้นตอนหลักๆ ที่สำคัญอยู่ 4 ขั้นตอนดังนี้ 

1. วางโครงร่าง (Outline) ของเนื้อหาคร่าวๆ ก่อนลงมือเขียน 

ตัวอย่างเช่น

  • เราเป็นใครและสมัครอะไร
  • ทำไมถึงอยากเรียนหลักสูตรและมหาวิทยาลัยนี้?
  • รู้จักมหาวิทยาลัย/ปริญญา/หลักสูตรนี้ได้อย่างไร
  • เหตุใดคุณจึงควรได้รับการยอมรับ/พิจารณาให้เข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย และ/หรือ โครงการนี้
  • ประสบการณ์การทำงานอะไรบ้าง?
  • คุณมีทักษะหรือคุณสมบัติอะไรบ้าง?
  • ถ้าหากได้ทุนหรือได้เรียนต่อจะนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างไร

2. เขียนคำนำ

เขียนแนะนำตัวให้คณะกรรมการรู้จักมากว่าเราเป็นใคร บอกความสนใจอยากเรียนสาขาและมหาวิทยาลัยนี้ โดยต้องพยายามนำเสนอตัวเองให้น่าสนใจที่สุด เพื่อดึงดูดให้กรรมการอยากอ่านต่อ

3. เขียนเนื้อหา

ขยายประเด็นจาก Outline ที่วางไว้ ใช้ย่อหน้าใหม่สำหรับทุกหัวข้อใหม่ อธิบายถึงแพสชันในการเรียนของเราอย่างจัดเต็มไปเลยค่ะ ว่าทำไมอยากเรียนสาขานี้ มหาวิทยาลัยนี้ เมื่อเราได้เข้าเรียนแล้วจะนำความรู้ใช้ทำอะไรได้บ้าง และที่สำคัญคือมันเกิดประโยชน์กับคนอื่นๆ หรือในวงกว้างยังไง **โน้ตเอาไว้ว่าต้อง impact มากๆ (ส่วนนี้ถือว่ามีความสำคัญมากและเป็นตัวตัดสิน Motivation Letter ของน้องๆ เลยค่ะ) 

4. เขียนสรุปปิดท้ายให้กินใจ 

มาถึง Conclusion ก็เป็นการสรุปอีกครั้งถึงสิ่งเราเขียนไป หลักๆ ควรย้ำเป้าหมายแท้จริงและทิ้งข้อความที่สร้างความประทับใจกับผู้อ่าน (เหมือนเป็นกิมมิกเล็กๆ พออ่านแล้วต้องจำเราแน่ๆ) เช่น “I know I could be of great help to your company/department. When can I start?” เป็นต้น รวมถึงขอบคุณคณะกรรมการที่รับพิจารณาในจดหมายของเรา และทิ้งช่องทางการติดต่อของเราไว้หากมีคำถามหรือต้องการสอบถามข้อมูลใดๆ เพิ่มเติมค่ะ 

Photo  Credit  :  Photo by Gabrielle Henderson on Unsplash
Photo  Credit  :  Photo by Gabrielle Henderson on Unsplash

5 Tips เขียนยังไงให้เป๊ะปังเข้าตากรรมการ

1.เข้าใจความแตกต่างระหว่างเขียน Motivation Letter แต่ละรูปแบบ

การเขียน Motivation Letter ของการสมัครเรียนต่อและการขอทุนการศึกษาจะมีความแตกต่างกัน อย่างสำหรับสมัครเรียนจะเขียนเน้นเรื่องแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและหลักสูตรนั้นๆ อีกทั้งมีการบอกเป้าหมายของตัวเองทั้งระหว่างเรียน และอนาคต ส่วนสำหรับขอทุนการศึกษาจะขึ้นอยู่กับประเภทของทุนการศึกษาที่สมัครไป เช่น สมัครขอทุนวิจัย ก็ต้องเขียนบอกไปว่า เราจะนำทุนที่ได้ไปพัฒนางานวิจัยอะไรยังไงบ้าง และเกิดประโยชน์กับใคร ตอนนี้ดำเนินถึงขั้นตอนไหนแล้ว เป็นต้น 

2.เขียนพรีเซนต์ตัวเองให้เข้ากับสิ่งที่เราสมัคร

สิ่งแรกที่น้องๆ ต้องทำคือ ศึกษาคุณสมบัติผู้สมัครหรือเกณฑ์ที่ทางโครงการใช้พิจารณาทุน แล้วย้อนดูที่ตัวเราว่าเข้ากับเรามั้ย และในแต่ละข้อเราจะดึงจุดเด่นอะไรออกมาเพื่อเรียกคะแนนจากคณะกรรมการ เช่น ทุนนี้ระบุไว้ว่า ‘ผู้สมัครควรมีความเป็นผู้นำสูง’ ดังนั้น เราต้องเขียนแสดงและยกผลงานมาซัพพอร์ตว่าเราเป็นแบบนั้นจริงๆ อาจจะยกตัวอย่างถึง การเข้าค่ายผู้นำระดับประเทศ, การเป็นตัวแทนโรงเรียนไปพูดสุนทรพจน์ในงานต่างๆ หรือ เคยจัดทำโครงการเพื่อสังคมและเราเคยรับบทเป็นหัวหน้าโครงการ เป็นต้น    

แต่ละทุนการศึกษาจะมีการกำหนดคุณสมบัติที่มีความแตกต่างกันไป ซึ่งเราต้องแสดงให้คณะกรรมการได้เห็นว่าเรามีความเหมาะสมที่จะได้รับทุนนั้นๆ ตามคุณสมบัติที่กำหนดด้วย เช่น ทุนการศึกษาสำหรับผู้มีผลการเรียนดี  ต้องแสดงให้คณะกรรมการเห็นว่าเรามีประวัติและผลการเรียนทางวิชาการที่โดดเด่น เพราะทุนนี้เค้าต้องการดึงดูดผู้มีศักยภาพสูงเพื่อเข้ามาสมัคร

3.ต้องรู้จักตัวเองก่อน

หลังจากที่น้องๆ รู้จักทุน รวมถึงรูปแบบ Motivation Letter ที่ตัวเองต้องการเขียนแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องมานั่งลิสต์กันว่าเรามีคุณสมบัติที่โดดเด่นยังไงบ้าง อย่างแรกเลยให้ลองทบทวนตัวเองและลิสต์เป็นข้อๆ แต่ถ้าจะมองแค่ในมุมเรามันก็อาจดูเข้าข้างตัวเองมากไป น้องๆ อาจจะลองขยับไปถามเพื่อนสนิท คนใกล้ตัว หรืออาจารย์ที่สนิทกับเราและรู้จักตัวตนของเราดูก็ได้นะ  เพื่อเพิ่มน้ำหนักและให้เขียนออกมาได้ปังและเป็นตัวของเรามากที่สุด ตัวอย่างคำถามที่ใช้ในการระดมความคิด เช่น  

  • คุณสมัครหลักสูตรอะไร เกี่ยวข้องกับแผนของคุณอย่างไร และสอดคล้องกับเป้าหมายทุนการศึกษายังไงบ้าง?
  • คุณสมบัติของเรามีความโดดเด่นและแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร? (ข้อนี้สำคัญมากกก)
  • คุณเคยประสบความสำเร็จอะไรมาบ้าง? (ยกตัวอย่างผลงานที่เกี่ยวข้อง จะยิ่งดูเริ่ดไปอีก)
  • แผนของคุณหลังจากได้รับทุนคืออะไร? (บอกเป็นขั้นตอนให้เห็นภาพชัดๆ ให้เราดูเป็นคนวางแผนดี)
  • ทุนการศึกษานี้จะส่งผลอย่างไรต่อคุณและสังคม? (เน้น impact)

4.ใช้คำสื่อชัด ตรงประเด็น เข้าใจง่าย  

อย่างที่บอกว่าหลายแห่งจะกำหนดให้เขียน Motivation Letter ว่าห้ามเกินกี่คำหรือกี่หน้า ดังนั้นการเขียนให้กระชับตรงประเด็น (เนื้อเน้นๆ ไม่เอาน้ำ) จึงสำคัญมาก 

  • ควรพุ่งเป้าในการนำเสนอว่า เราเป็นใคร? มีความโดดเด่นอย่างไร? ทำไมเราถึงสมควรได้รับทุน?
  • แต่ละย่อหน้าควรสื่อถึงใจความสำคัญเพียงประเด็นเดียว
  • พยายามหลากคำ เลี่ยงการใช้แพตเทิร์นประโยคซ้ำๆ ในประโยค เช่น ถ้าจะบอกว่า เราต้องการที่จะ…. แทนที่จะใช้ I want to ซ้ำๆ ติดต่อกันหลายประโยค มันก็อาจจะดูไม่น่าสนใจ น้องๆ อาจสลับมาใช้ synonyms อื่นเพื่อให้ดูมีอะไรมากขึ้น เช่น I would like หรือ I believe แทน
  • เลือกใช้คำที่ทำให้กรรมการเห็นภาพ เช่น แทนที่จะใช้คำว่า “Motivated Leader Hardworking” ที่ดูเป็นนามธรรมเกินไป ให้ลองยกตัวอย่างกิจกรรมที่เคยทำมาสนับสนุน เพื่อแสดงให้เห็นภาวะความเป็นผู้นำของเราชัดเจนขึ้น

**พี่มีตัวอย่างในการเขียนทั้ง 2 แบบ มาให้น้องๆ ได้ลองพิจารณากันว่าคนไหนสมควรได้รับทุนมากกว่ากัน 

Example 1:

“I believe that I am motivated and that getting this scholarship will allow me to fulfil my professional and personal goals as well as create an impact in my society”

Example 2:

“I plan to set up a women’s community education centre after I graduate to empower women with basic accounting skills to run small and medium-sized businesses. The scholarship and master programme will allow me to acquire skills that will help me to create tools and resources for their training”

5.ตรวจทานก่อนส่ง 

สำคัญมากกกกก ก่อนจะส่งอย่าลืมอ่านทวนซ้ำสิ่งที่เราเขียนก่อน ว่ามีเนื้อหาไปด้วยกันไหม รวมทั้งเช็กตัวสะกด และรูปแบบไวยากรณ์ หรือจะให้เพื่อน คุณครู อาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญทางภาษา รวมถึง native speaker สักคนช่วยดูให้เพื่อความมั่นใจของเรา แต่ก็อย่าให้เค้าแก้เนื้อความมากจนเกินไป เพราะมันจะไม่แสดงความเป็นตัวตนของเรา อีกทั้งยังดูไม่เป็นธรรมชาติอีกด้วยค่ะ (ย้ำอีกรอบ! อย่าลืมนับคำนะ ><)

ตัวอย่าง Motivation Letter สมัครเรียนมหาวิทยาลัย

Example1: 

 

Dear Mr. Thomas,

 

[Intro] My name is Stephanie Ruiz, and I am a high school student at Seattle City High School with a keen interest in computer studies and visual art. I am writing to apply for the multimedia design and communication degree at Seattle University.

 

I hope to become a web designer, so I would like to learn more about multimedia design. I feel your course would help me understand the digital design process and the way websites and their visual imagery can help businesses present an image to consumers.

 

[Body] I love the way different colors and images can evoke emotions in viewers. I enjoy experimenting with the power of color and imagery and think I have a natural creative flair. I am confident that I will be able to apply this flair to new projects at your school and increase my design abilities with you.

 

I respect Seattle University's reputation for academic and sporting excellence. I appreciate that yours is a school that encourages students to achieve their potential in the classroom and outside it. As a social person who has participated in several extracurricular activities, including the school band and softball team, I feel my diverse interests would make me a great fit for your school.

 

[Conclusion] Studying at your school would help me develop my aptitude for design while having fun, whether it is on the sporting field or in another arena. I am open to whatever experiences life at Seattle University would bring me and hope I could achieve them through your multimedia design and communication degree. Thank you very much for considering my request. Please email me at stephanie_ruiz@email.com if you have any questions about my application.

 

Yours faithfully,

 

Stephanie Ruiz

ตัวอย่างจาก https://www.indeed.com/career-advice/resumes-cover-letters/motivation-letter

 

Example 2 

 

To Mr. Bradman,

 

[Intro] My name is Zoe Hooper, and I am writing to show my interest in a scholarship for your Bachelor of Science in Nursing program. I have a passion for helping people, and I hope my financial limitations will not hold me back in harnessing this passion in my career.

 

I grew up in a lower-class family with a single mother who worked three jobs to provide for my brothers and I. My mother taught me the value of hard work and the importance of taking care of others who cannot take care of themselves. She also stressed the importance of education to us, teaching us that it would help us access an easier life. Her encouragement along with my own determination helped me earn some of the best grades in my high school class.

 

[Body] As my mother worked long hours, I spent a lot of time caring for my youngest brother who has cerebral palsy. I feel the time I spent caring for him sparked interest in nursing. I learned to be compassionate and patient and was rewarded by his smiles. I hope to make my own patients smile in the face of their own health concerns in the future.

 

I feel my natural work ethic and drive to succeed would make me an asset to Los Angeles University. I know your school has an excellent nursing program, and feel it would give me the perfect environment to gain the degree I need to secure my dream job and give back to the community. Rest assured that I would make the most of the scholarship opportunity and make you and my mother proud.

 

[Conclusion] I am very grateful for the time you have taken to consider my application and look forward to hearing from you soon. Please do not hesitate to contact me at zoe.hooper@email.com if you have any questions about my application.

 

Kind regards,

 

Zoe Hooper

ตัวอย่างจาก https://www.indeed.com/career-advice/resumes-cover-letters/motivation-letter

 

Note: น้องๆ สามารถดูเป็นแนวทางได้ แต่ไม่ควรคัดลอก และเขียนนำเสนอความเป็นตัวเองให้กรรมการเห็นความมุ่งมั่นของเราให้มากที่สุดนะคะ 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ Motivation Letter ไม่ได้เขียนยากอย่างที่คิดเลยใช่ไหมคะ สำหรับใครที่ต้องใช้เอกสารตัวนี้เตรียมการไว้แต่เนิ่นๆ จะดีที่สุดค่ะ ส่วนใครมี Tips and Tricks ปังๆ ในการเขียนก็อย่าลืมมาแชร์ให้ชาว Dek-D อ่านกันได้นะคะ พี่โมริหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับน้องๆ ในการนำไปใช้ในการสมัครทุนต่างๆ และขอเป็นกำลังให้กับทุกคนที่กำลังจะยื่นทุนให้ประสบความสำเร็จดังใจหวังด้วยนะคะ Figthing! 

Photo  Credit : Photo by Aaron Burden on Unsplash
Photo  Credit : Photo by Aaron Burden on Unsplash
Sourceshttps://www.indeed.com/career-advice/resumes-cover-letters/motivation-letterhttps://ascholarship.com/motivation-letter-for-scholarship-with-examples-experts-guidance-on-writing-a-winning-scholarship-motivation-letter/https://studyinsweden.se/blogs/2019/02/07/7-scholarship-motivation-letter-tips/https://scholarshipfellow.com/motivation-letter-template-scholarship-motivation-letter-template-university/

 

ติดตามทุนต่อนอกง่ายๆ กับ Dek-D  

www.dek-d.com/studyabroad/

Twitter: @tornokandcourse

IG: @tornokandcourse

Facebook: Study Abroad เรียนต่อนอก by Dek-D

พี่โมริ
พี่โมริ - Columnist มนุษย์เป็ด หลงรักน้องมูมิน มีความฝันเดินทางท่องเที่ยวทุกมุมโลก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด