'พี่แก้ม' เด็กทุนรัฐบาลเกาหลี สู่การเรียน ป.ตรี วิศวะ 'ม.แห่งชาติโซล' เบอร์ต้นของเกาหลี!

안녕 สวัสดีค่ะชาว Dek-D นอกจาก ​"เกาหลีใต้” จะสามารถนำเสนอของดีในประเทศของตนได้น่าสนใจแล้ว สิ่งที่ผลักดันให้เศรษฐกิจและเทคโนโลยีในเกาหลีเติบโตแบบก้าวกระโดดจากในอดีต ก็คือการทุ่มทุนเพื่อสร้างรากฐาน “การศึกษา” ให้แข็งแรงนั่นเองค่ะ ทุกวันนี้มีมหาวิทยาลัยดังที่เป็นตัวตึงในหลายแขนง เครื่องมือเพียบพร้อม และยังมีทุนมากมายที่เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาศึกษาวิจัยในประเทศ

หนึ่งในทุนฮิตติดชาร์ต ก็คือ “ทุนรัฐบาลเกาหลี” มอบแบบเต็มจำนวน ใครกำลังเตรียมตัวขอทุนนี้ เราจะพาไปอ่านรีวิวจาก “พี่แก้ม” เจ้าของช่องยูทูบ Gam PRP  และหนึ่งในนักเรียนทุนรัฐบาลเกาหลีใต้ปี 2016 ปัจจุบันเรียนจบด้าน Chemical and Biological Engineering จาก Seoul National University และเพิ่งกลับไทยมาปีกว่าๆ~

1. Let’s get started!

สวัสดีค่ะน้องๆ พี่ชื่อ “แก้ม” พัชรพร กาญจโนภาส เรียนจบ ม.ปลาย แผนวิทย์-คณิต (ห้องเรียนพิเศษ) จากโรงเรียนระยองวิทยาคม

ย้อนไปตั้งแต่ ม.ปลาย แก้มมีโอกาสได้เจอคนเกาหลีค่อนข้างเยอะ รู้สึกชอบในความมุ่งมั่น ความขยัน แนวคิด และการทำงานหลายๆ อย่าง บวกกับเราอยากเรียนเมืองนอกมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ตั้งใจหาทุนมาเรื่อยๆ จนมารู้จักกับ ทุนรัฐบาลเกาหลี (ตอนนั้นยังเป็นชื่อ KGSP ปัจจุบันคือ GKS) ทุนนี้เป็นทุนเต็มจำนวน เลือกคณะและมหาวิทยาลัยได้ ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ หลังเรียนจบค่ะ

ทุนนี้โควตาไม่เยอะ แต่ความอยากของเรามีเยอะกว่า 

พอแก้มรู้ตัวว่าอยากเรียนคณะอะไร ก็หาอ่านข้อมูลการเรียนคณะนั้นๆ ตามในเน็ต และมีเพื่อนคนเกาหลีช่วยแนะนำชื่อมหาวิทยาลัยให้ด้วยค่ะ ตอนนั้นยังเด็ก ปัจจัยหลักๆ ที่ดูคือเรื่อง World Rank ดูว่าที่ไหนติดอันดับต้นๆ ของโลกบ้าง

คิดกลับไปก็กลัวๆ กังวลนะว่าจะได้มั้ย แต่อย่างน้อยถ้าส่งใบสมัคร โอกาสเราจะไม่เป็นศูนย์ พอเราฝัน เราเริ่มคิดวางแผนต่อว่าจะเตรียมเก็บพอร์ตและคะแนนอะไรบ้างเพื่อให้ตัวเองเป็นหนึ่งในผู้สมัครทุนที่น่าสนใจ ในขณะเดียวกันเราก็เตรียมแผน B แผน C ไว้ด้วยว่าถ้าไม่ได้ทุนจะไปทางไหนต่อ การมีแผนสำรองจะช่วยให้มั่นใจและพร้อมทำตามความฝันได้เต็มที่มากขึ้นค่ะ 

2. เลือกสมัครที่ไหนบ้าง?

ในการสมัครทุนรัฐบาลเกาหลี เราสามารถเลือกสมัครได้ 2 วิธีคือ 1. สมัครผ่านสถานทูต (Embassy Track) และ 2. สมัครตรงกับมหาวิทยาลัย ตอนนั้นแก้มเลือกแบบแรก สามารถเลือกได้ 3 อันดับค่ะ ตอนนั้นที่เลือกไปมีดังนี้ค่ะ

1. KAIST คณะ Chemical and Biomolecular Engineering
2. Seoul national university (SNU) คณะ Chemical and Biological Engineering *ได้เรียนที่นี่ค่ะ
3. Hanyang University คณะ Chemical Engineering

3. แชร์ประวัติและคะแนนช่วงสมัครทุน

• เกรดเฉลี่ยรวม ม.ปลาย 3.97
• คะแนน TOEIC 835
• มีส่งผลงานเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ กับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษและเกาหลีบ้างนิดหน่อย
• ขั้นตอนที่คิดว่ายากที่สุดคือการเขียน Personal Statement หรือ SoP เตรียมตัวค่อนข้างนานเลยค่ะ เพราะทุนนี้ไม่มีสอบข้อเขียน กรรมการจะคัดรอบแรกจากเอกสารที่ส่งไปเท่านั้น

ส่วนตัวแก้มพยายามเขียนให้น่าสนใจและเป็นตัวเองมากที่สุด ให้หลายๆ คนช่วยอ่าน ประกอบกับดูตัวอย่างจากรุ่นพี่ด้วย (ขอบคุณรุ่นพี่อีกครั้ง ><) กว่าจะยื่นก็หลาย draft มากกก แก้จนวินาทีสุดท้ายก่อนส่งค่ะ

ในช่อง @GamPRP แก้มเคยทำคลิปแนะนำทุนและการเขียน SoP & Study Plan ไว้แบบละเอียดเลย ใครสนใจคลิปชมได้เลยค่า

4. บินไปเกาหลี เรียนปรับภาษาก่อนขึ้นปี 1

ก่อนอื่นเราจะได้เรียนปรับภาษาก่อนค่ะ แน่นอนว่าแก้มเพิ่งจบ ม.6 กำลังอินกับเพื่อนๆ ม.ปลาย แล้วตัดภาพมาอยู่ปูซานเลย ต้องปรับตัวหนักเยอะมากๆ!

เราได้มาเรียนปรับภาษาที่ Dongseo University ที่ปูซาน เป็นบรรยากาศการเรียนที่สนุกและเข้มข้น ทุกคนตั้งใจเรียนกันสุดๆ เลยค่ะ เริ่มมาถึงเราจะได้สอบวัดแบ่งนักเรียนเป็นคลาส A-E (แก้มซึ่งไปแบบแทบไม่มีพื้นฐานอะไรเลย ก็ได้อยู่คลาส A ซึ่งก็คือระดับเริ่มต้นนั่นเองค่า 555) 

ตอนนั้นได้เรียนวันละ 4-6 ชั่วโมง หรือบางวันมีคลาสเขียนกับวิชาอื่นๆ ที่สามารถลงเพิ่มได้ เช่น การปั้นดินเหนียว การเป่าขลุ่ยเกาหลี วัฒนธรรมเกาหลี ฯลฯ และความน่าสนใจคือเมืองปูซานมีเทศกาลและสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก ตอนเรียนภาษามหาวิทยาลัยก็เคยจัดกิจกรรมพาไปดูดอกพ็อดกด (ดอกซากุระของเกาหลี) ที่เมืองข้างๆ ด้วย แต่ตอนนั้นพลาดเพราะป่วยช่วงนั้นพอดี ㅠㅠ 

ช่วงปรับภาษามีบ้างที่รู้สึกกดดันหรือคิดว่าตัวเองไปช้ากว่าเพื่อน แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ และแม้ว่าทุน KGSP (GKS) จะกำหนดว่าเราต้องผ่าน TOPIK 3 ก็อาจยังไม่ใช่ระดับที่เรียน ป.ตรีได้แบบสบายๆ เพราะก่อนหน้านี้เราเรียนกับชาวต่างชาติทั้งคลาส และเรียนเพื่อใช้สอบเป็นหลัก ดังนั้นพอขึ้นปี 1 ที่ SNU ได้เรียนกับเพื่อนเกาหลีล้วนๆ + วิชาการเข้มข้น เราต้องปรับตัวและสปีดตัวเองเยอะๆ เพราะถ้าภาษาเกาหลีไม่แข็งแรงก็จะยากทั้งกับการเรียนและการหาเพื่อนค่ะ

5. เรียนวิศวะในสภาพแวดล้อมที่พร้อม

จุดเด่นของ Seoul National University (SNU) คือเป็นมหาวิทยาลัยท็อปของเกาหลี อาจารย์จบนอกเยอะ และจากประสบการณ์ส่วนตัวที่แก้มเรียนสายวิศวะฯ มหาวิทยาลัยนี้เต็มไปด้วยโอกาส เครื่องมือ และสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมสนับสนุนในการทำวิจัยเต็มที่ ถือว่าดีมากๆ เลยค่ะ

ถ้าเป็นวิชาคณะที่แก้มเรียน ชอบวิชา lab เกือบทุกอันเลย มหาวิทยาลัยมีอุปกรณ์เครื่องมือให้เราได้เรียนรู้และทดลองแต่ละเรื่องอย่างเต็มที่ แล้วยังมีวิชาเลือกที่หลากหลายมาก เช่น ตีกอล์ฟ เครื่องปั้น ทำเครื่องดนตรี หรือวิชาเกี่ยวกับนวัตกรรมต่างๆ *ส่วนใหญ่เป็นคลาสภาษาเกาหลีล้วนนะคะ

จากที่เรียนสาขาฝั่งวิทย์ ประทับใจตั้งแต่ตอนเรียน อุปกรณ์พร้อม และยังมีบริษัทใหญ่ๆ ในประเทศเยอะ ที่เกาหลีจะมีการซัปพอร์ตกันและกันค่ะ ในมหาวิทยาลัยมีอาจารย์ช่วยทำวิจัยต่อยอดให้บริษัท -> บริษัทก็เลยมีเงินทุนให้กับมหาวิทยาลัย -> สิ่งที่อาจารย์กับนักเรียนทำวิจัยมาจะถูกนำไปใช้จริง แล้วได้เงินทุนจากบริษัทมาทำวิจัยต่ออีกเรื่อยๆ 

เกาหลียังเป็นประเทศที่ส่งเสริมให้นักเรียนทำกิจกรรม ถึงชาวต่างชาติอาจมีให้เลือกทำได้น้อยกว่าแต่ก็เยอะอยู่ดี เช่น เรามีลงโปรแกรมพาเที่ยวในกรุงโซล เที่ยวเมืองที่ชนบทหน่อย ทำกิจกรรมของหน่วยงานต่างๆ หรือโปรเจ็กต์ (ฟรี และบางกิจกรรมมีค่าตอบแทนให้ด้วย)

6. ทุกอย่างต้องเร็ว ต้องรีบ และต้องออกมาดี

 เมื่อก่อนแก้มคิดว่าการเรียนเมืองนอกต้องสนุก 100% มีภาพที่ดีงามในหัวต่างๆ นานา แต่ชีวิตจริงเราต้องรับมือกับทุกเรื่องด้วยตัวเอง เกาหลีเองก็เป็นประเทศที่การแข่งขันสูง มีความกดดัน ทุกอย่างเร่งรีบและผลลัพธ์ต้องออกมาเพอร์เฟ็กต์ที่สุด แนะนำให้เตรียมพร้อมเผชิญบรรยากาศการแข่งขันที่สูงของประเทศเกาหลี

สุดท้ายแล้วถึงหลายอย่างอาจจะยาก แต่ความท้าทายนี่แหละคือเรื่องสนุก ในบางครั้งที่รู้สึกท้อหรือรู้สึกเจ็บปวด ก็ทำให้เราเติบโตขึ้นจากเดิมมากค่ะ 

7. ประเทศที่สะดวกและปลอดภัย

แก้มได้ทุนรัฐบาลเกาหลีตั้งแต่ปี 2016 ผ่านมาหลายปีก็จริง แต่รู้สึกประทับใจความสะดวกสบายและรวดเร็วตั้งแต่ตอนนั้นแล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งของออนไลน์ที่ถึงมือแบบรวดเร็วมากก เส้นทางรถไฟและรถบัสครอบคลุม มีแผนที่ของเกาหลีที่เข้าใจง่าย และสามารถเปิดให้แอปแจ้งเตือนเวลาถึงป้ายที่เราเตรียมลงได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าทำงานมาเหนื่อย เผลองีบหลับแล้วจะเลยป้าย

8. ชีวิตหลังเรียนจบ

แก้มทำงานช่วงสั้นๆ ที่เกาหลีเพราะช่วงนั้นโควิดหนักระบาดจนกลับไทยไม่ได้ ㅠㅠ ล่าสุดกลับไทยมาได้ประมาณ 1 ปี และกำลังทำงานด้าน consult ค่ะ

9. ทิ้งท้ายถึงน้องๆ ที่เตรียมขอทุนนี้

การยื่นทุน การไปเรียนต่อนอก ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเราหาข้อมูลทุกด้านแล้วคิดว่าเหมาะกับเราจริงๆ ทุ่มเทให้เต็มที่เลยค่ะ ที่สำคัญคือพยายามติดตามข่าวสารและระวังเรื่องเอกสารเล็กๆ น้อยๆ เพราะมีโอกาสพลาดได้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่า สู้ๆ น้าา ^ ^

. . . . . . . . .

You’re Invited!
อยากปรึกษา 1:1 กับพี่แก้มตัวจริง
พบกันที่ไบเทคบางนา 27 เม.ย. 2024

รอบนี้พิเศษมากก!! Dek-D’s Study Abroad Fair ได้รับเกียรติจากรุ่นพี่นักเรียนทุนและจบนอกจากประเทศยอดนิยมตอบรับคำเชิญมาประจำบูธใหญ่ของพวกเรา เพื่อให้น้องๆ และผู้ปกครองในงานสามารถ Walk-in ปรึกษาได้ตัวต่อตัว ไม่ว่าจะเป็น รุ่นพี่ทุน Erasmus+ (ยุโรปและอเมริกา), Fulbright (อเมริกา), Chevening (สหราชอาณาจักร), DAAD (เยอรมนี), Franco-Thai (ฝรั่งเศส), ทุนรัฐบาลอิตาลี, จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, ทุนรัฐบาลไทย (ก.พ./UiS) รวมถึงรุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยใน "สกอตแลนด์" และ "ออสเตรเลีย" 

 “พี่แก้ม” จะสแตนด์บายที่บูธปรึกษากับน้องๆ แบบ 1:1 ในวันที่ 27 เมษายน 2024 ห้ามพลาดนะคะ เรามีไฮไลต์ในงานอีกเพียบ!