ไขข้อสงสัยแบบจัดเต็ม! ดรุณสิกขาลัยฯ (DSIL) และ ดรุณสิกขาลัย วมว. (ESC) | ความแตกต่างที่เหมือนกัน
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีจ้า ช่วงนี้ก็เป็นมหกรรมสมัครสอบของน้องๆ ม. 3 ที่จะมาสอบมหิดลวิทยานุสรณ์และโครงการ วมว. เนอะ ตอนสมัครสอบที่ต้องเลือกโรงเรียน หลายคนที่เห็นชื่อโรงเรียน “ดรุณสิกขาลัย” แล้วเกิดข้อสงสัยว่า เอ๊ะ โรงเรียนนี้อยู่ตรงไหนของกรุงเทพฯ นะ โรงเรียนนี้เป็นยังไงกันแน่นะ ก็มักจะเอาชื่อโรงเรียนไปค้นหาใน Google แล้วพบว่ามี 2 โรงเรียนที่ใช้ชื่อดรุณสิกขาลัยเหมือนกัน หรือบางคนอาจจะกำลังเข้าใจผิดว่าโรงเรียนดรุณสิกขาลัยที่เข้าโครงการ วมว. เนี่ย เรียน 3 เทอมและเป็นโรงเรียนเอกชน จขกท. แอบเห็นผู้ปกครองหลายท่านไปคอมเมนต์ในกระทู้ต่างๆ เกี่ยวกับโรงเรียนว่า “ค่าเทอมแพง” “เอกชน” ฯลฯ เลยอยากจะอธิบายความเหมือนและแตกต่างให้ได้อ่านกันโดยละเอียดเพราะเราเคยเรียนมาทั้ง 2 โรงเรียนแหละ
ก่อนอื่นอยากจะขออธิบายตัวย่อโรงเรียนกันนิดนึง
ก่อนอื่นอยากจะขออธิบายตัวย่อโรงเรียนกันนิดนึง
- ห้องเรียนวิศว์-วิทย์ ดรุณสิกขาลัย (โครงการ วมว.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี หรือ Engineering Science Classroom KMUTT (ESC KMUTT) คือโรงเรียนที่ จขกท. เรียนอยู่ในปัจจุบัน แต่ในช่วง 5 ปีแรกที่เริ่มก่อตั้งโรงเรียนมาหรือจะเรียกว่าช่วงเฟสที่ 1 จะใช้ชื่อว่า Darunsikkhalai Science School (DSS) ซึ่งยังใช้ชื่อ DSS เป็นชื่อเพจของเฟสบุคโรงเรียนเราอยู่ ยังไม่ได้เปลี่ยนเป็น ESC นะตามลิงค์นี้เลยจ้า https://www.facebook.com/DSS.KMUTT/ ดังนั้นจะเรียกเราว่า ESC หรือ DSS ก็ยังถือว่าเป็นโรงเรียนเดียวกันนะ ในที่นี้จะใช้ตัวย่อว่า ESC ไปเลย
- ดรุณสิกขาลัย โรงเรียนนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้ หรือ Darunsikkhalai School for Innovative Learning คือโรงเรียนที่ จขกท. เคยเรียนตอนอยู่ ป.5-ป.6 จะย่อว่า DSIL
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เราจะอธิบายเป็นประเด็นๆ แล้วกัน
- รูปแบบโรงเรียน (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ESC ได้ที่กระทู้แนะนำโรงเรียน http://www.dek-d.com/board/view/3684072/ และ http://www.dek-d.com/education/38113/ )
ขอบอกก่อนว่าจริงๆ แล้ว ทั้ง ESC และ DSIL มีความเกี่ยวข้องกันน้อยมาก เราไม่ได้ใช้บุคลากรร่วมกัน นักเรียนนานๆ เจอกันที และแบ่งโซนบนตึก (เดียวกัน) อย่างชัดเจน DSIL อยู่ชั้นล่างสุด-ชั้น 10 และแวะเวียนไปใช้ชั้น 14 บ้าง ส่วน ESC ใช้ชั้น 12 และ 13 ที่ตึก LI บางมดในวันจันทร์และศุกร์ ส่วนวันอังคารถึงพฤหัสฯ เราเรียนที่บางขุนเทียน จำนวนนักเรียนของทั้งสองโรงเรียนใกล้เคียงกัน ประมาณ 100+ คน แต่ DSIL จะมีตั้งแต่อนุบาล-ม.6 ส่วน ESC มีแค่ชั้นมัธยมปลาย
อย่างที่น่าจะเคยผ่านตาใครหลายคนมาบ้างว่า ESC คือโรงเรียนประจำ และมีทุนสนับสนุนโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เรียนฟรีนั่นแหละ) แล้วก็เรียนด้วยรูปแบบ Story-Based Learning และ Hands-on (การได้ลงมือทำจริง) ทาง DSIL ก็มีหลักสูตรที่น่าสนใจไม่แพ้กัน DSIL เป็นโรงเรียนสหฯ เรียนไปเช้า-เย็นกลับ และมีค่าเทอม แต่สิ่งที่แหวกกว่านั้นคือ โรงเรียนนี้เรียน 3 เทอม!!! แถมหลักสูตรเป็นการเรียนแบบ Project-Based Learning โปรเจคที่ว่านี่ไม่ใช่แค่โครงงานปกติ แต่เป็นการเรียนโดยใช้โครงงานหรือหัวข้อที่สนใจเป็นแกนกลาง แล้วเชื่อมโยงวิชาต่างๆ เข้าด้วยกัน ในปัจจุบันไม่รู้ว่าระบบการเรียนยังเป็นแบบเดิมไหม เพราะล่าสุดที่ไปดูปีที่แล้วเค้ามีแบ่งเป็นบ้านๆ ตามหัวข้อหลักๆ ของแต่ละโปรเจคด้วย ซึ่งการจับกลุ่มเป็นโปรเจคเนี่ย ทำให้เราได้เรียนอะไรลึกมากๆ ในเรื่องที่เราเลือกนะ อย่างเช่นตอนป. 6 เราอยู่กลุ่ม Architory หรือ Architecture + History นั่นเอง เราได้เรียนเนื้อหาครบทุกสาระวิชาโดยเอาเรื่องสถาปัตยกรรมกับประวัติศาสตร์เป็นแกนกลางในการบูรณาการ เราได้เรียนเรื่องสงครามโลกอย่างละเอียด และเจาะลึกสถาปัตยกรรมกรีกโรมันแบบสะใจมากๆ นอกจากนั้นยังมี Exhibition ตอนท้ายเทอม เป็นการนำเสนอหัวข้อที่เรียนในเทอมนั้นในรูปแบบต่างๆ ให้ผู้ปกครอง ครู และเพื่อนได้ชม ถือว่าเป็นการฝึกความคิดสร้างสรรค์และสกิลในการนำเสนองานเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างดี แถม DSIL ไม่ได้แบ่งนักเรียนเป็นชั้น ป.1 ป.2 นะ เค้าแบ่งเป็น อนุบาล, New Learner, Intermediate แล้วก็ Advance ซึ่งจะคละๆ นักเรียนที่อายุและความสามารถใกล้เคียงกันในแต่ละโปรเจค จะอัพชั้นทีก็ต้องสอบข้อเขียน (อันนี้จากประสบการณ์ตอนเรียนอัพจาก NL เป็น Inter) เป็นอะไรที่สนุกมากอีกอย่างหนึ่ง
เรามีจุดเหมือนกันอยู่บ้างในหลายประเด็น อย่างแรกคือทั้งสองโรงเรียนมีทัศนศึกษา (Field Trip) เยอะมากๆ แต่ DSIL จะเยอะกว่า และเราได้ลงมือทำอย่างจริงจังกันทั้งคู่ อย่าง ESC จะเน้นทางด้านวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ ที่เราจะได้ใช้ห้องแล็บและช็อปของมหาวิทยาลัย แต่ DSIL จะเป็นแล็บของตัวเอง และยังมีแล็บหุ่นยนต์ (อันนี้ไม่แน่ใจด้านรายละเอียดเพราะเหมือนจะเพิ่งเปิด ได้ยินมาว่าไป co กับ FIBO ของมจธ.) และทรัพยากรพร้อมกว่า
ถ้าจะเปรียบเทียบ Project ของ DSIL กับกิจกรรมอะไรที่ ESC ก็คงคิดว่าเป็น Project เหมือนกัน แต่ของ ESC เป็น Project แบบล้ำๆ กว่า เพราะเราต้องทำโปรเจคกับอาจารย์มหาวิทยาลัย ความยากง่ายก็ต่างกันไป ของเพื่อนบางคนเป็นโปรเจคระดับ ป.ตรี ป.โท ก็มี เห็นแล้วเหนื่อยแทนเหมือนกัน :) อย่าง DSIL ก็คงมีบ้าง เห็นผ่านๆ ว่าน้องบางคนไปทำโดรนหรือเครื่องบินบังคับ แต่เราไม่ได้ติดตามเหมือนกันว่าตอนนี้โรงเรียนเป็นอย่างไร หากมีข้อมูลเพิ่มเติมก็มาเล่าสู่กันฟังได้ค่ะ
อย่างที่น่าจะเคยผ่านตาใครหลายคนมาบ้างว่า ESC คือโรงเรียนประจำ และมีทุนสนับสนุนโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เรียนฟรีนั่นแหละ) แล้วก็เรียนด้วยรูปแบบ Story-Based Learning และ Hands-on (การได้ลงมือทำจริง) ทาง DSIL ก็มีหลักสูตรที่น่าสนใจไม่แพ้กัน DSIL เป็นโรงเรียนสหฯ เรียนไปเช้า-เย็นกลับ และมีค่าเทอม แต่สิ่งที่แหวกกว่านั้นคือ โรงเรียนนี้เรียน 3 เทอม!!! แถมหลักสูตรเป็นการเรียนแบบ Project-Based Learning โปรเจคที่ว่านี่ไม่ใช่แค่โครงงานปกติ แต่เป็นการเรียนโดยใช้โครงงานหรือหัวข้อที่สนใจเป็นแกนกลาง แล้วเชื่อมโยงวิชาต่างๆ เข้าด้วยกัน ในปัจจุบันไม่รู้ว่าระบบการเรียนยังเป็นแบบเดิมไหม เพราะล่าสุดที่ไปดูปีที่แล้วเค้ามีแบ่งเป็นบ้านๆ ตามหัวข้อหลักๆ ของแต่ละโปรเจคด้วย ซึ่งการจับกลุ่มเป็นโปรเจคเนี่ย ทำให้เราได้เรียนอะไรลึกมากๆ ในเรื่องที่เราเลือกนะ อย่างเช่นตอนป. 6 เราอยู่กลุ่ม Architory หรือ Architecture + History นั่นเอง เราได้เรียนเนื้อหาครบทุกสาระวิชาโดยเอาเรื่องสถาปัตยกรรมกับประวัติศาสตร์เป็นแกนกลางในการบูรณาการ เราได้เรียนเรื่องสงครามโลกอย่างละเอียด และเจาะลึกสถาปัตยกรรมกรีกโรมันแบบสะใจมากๆ นอกจากนั้นยังมี Exhibition ตอนท้ายเทอม เป็นการนำเสนอหัวข้อที่เรียนในเทอมนั้นในรูปแบบต่างๆ ให้ผู้ปกครอง ครู และเพื่อนได้ชม ถือว่าเป็นการฝึกความคิดสร้างสรรค์และสกิลในการนำเสนองานเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างดี แถม DSIL ไม่ได้แบ่งนักเรียนเป็นชั้น ป.1 ป.2 นะ เค้าแบ่งเป็น อนุบาล, New Learner, Intermediate แล้วก็ Advance ซึ่งจะคละๆ นักเรียนที่อายุและความสามารถใกล้เคียงกันในแต่ละโปรเจค จะอัพชั้นทีก็ต้องสอบข้อเขียน (อันนี้จากประสบการณ์ตอนเรียนอัพจาก NL เป็น Inter) เป็นอะไรที่สนุกมากอีกอย่างหนึ่ง
ถ้าจะเปรียบเทียบ Project ของ DSIL กับกิจกรรมอะไรที่ ESC ก็คงคิดว่าเป็น Project เหมือนกัน แต่ของ ESC เป็น Project แบบล้ำๆ กว่า เพราะเราต้องทำโปรเจคกับอาจารย์มหาวิทยาลัย ความยากง่ายก็ต่างกันไป ของเพื่อนบางคนเป็นโปรเจคระดับ ป.ตรี ป.โท ก็มี เห็นแล้วเหนื่อยแทนเหมือนกัน :) อย่าง DSIL ก็คงมีบ้าง เห็นผ่านๆ ว่าน้องบางคนไปทำโดรนหรือเครื่องบินบังคับ แต่เราไม่ได้ติดตามเหมือนกันว่าตอนนี้โรงเรียนเป็นอย่างไร หากมีข้อมูลเพิ่มเติมก็มาเล่าสู่กันฟังได้ค่ะ
- ชุดนักเรียน และการแต่งตัว
หลายคนอาจจะคุ้นกับชุดนักเรียนของ ESC แต่ยังไม่เคยเห็นชุดนักเรียนของ DSIL เราเลยจะยกตัวอย่างชุดนักเรียนมาให้ดู ใช้รูปตัวเองเนี่ยแหละ 555+
ชุดนักเรียน DSIL
ชุดนักเรียน ESC
6 ปีกว่าๆ ผ่านไป วันเวลาพาเรามาไกลมาก lol
ขอบคุณรูปจากผู้ปกครอง DSIL และ Brand’s Admission Reality ปี 8
6 ปีกว่าๆ ผ่านไป วันเวลาพาเรามาไกลมาก lol
ขอบคุณรูปจากผู้ปกครอง DSIL และ Brand’s Admission Reality ปี 8
ข้อแตกต่างของชุดนักเรียนมีอยู่หลายจุดเหมือนกัน เช่น
- DSIL ใส่กระเปง หรือก็คือกางเกงแล้วปิดด้วยกระโปรง เย็บติดเป็นตัวเดียวกัน ส่วน ESC ใส่กระโปรงธรรมดา
- แขนเสื้อ แตกต่างชัดเจน
- DSIL มีซิปกระเป๋าเสื้อ ส่วน ESC ไม่มีกระเป๋าเสื้อ
- การปักชื่อโรงเรียน ตอนเรายังเรียนอยู่ DSIL ปักด้านหน้าอกขวาว่า “ดรุณสิกขาลัย” ด้านหลังปักว่า “Darunsikkhalai School for Innovative Learning” ส่วน ESC ของรุ่นเราปักด้านหน้าที่อกซ้ายว่า “ESC KMUTT” และด้านหลัง “วิศว์-วิทย์ ดรุณสิกขาลัย” แต่ของรุ่น 9 เป็นต้นไปจะเปลี่ยนเป็น “วิศว์-วิทย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี” และอาจจะมีการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนอีก
- เท่าที่รู้ DSIL ไม่มีชุดพละ แต่ ESC ชุดพละเป็นเสื้อสีส้มลายเดียวกัน และกางเกงวอร์มสีเข้มอะไรก็ได้
เราไม่ได้ต่างกันอย่างเดียวนะ ในความต่างเรายังมีความเหมือนด้วย ทั้ง 2 โรงเรียนค่อนข้างให้อิสระนักเรียนทางความคิด เราแต่งตัวยังไงแล้วแต่ขอแค่เรียบร้อยก็ไม่มีใครว่า เราใส่รองเท้าผ้าใบสีอะไรก็ได้ ย้อมผมก็ได้ ไว้ผมทรงอะไรก็ได้ ถุงเท้าตามสบาย กระเป๋าไล่โทนได้ครบเฉดสี RGB คงเป็นเพราะ DSIL ค่อนข้างออกไปทางอินเตอร์ โรงเรียนทางเลือก ส่วน ESC ก็ตามแนวคิดโรงเรียนนั่นแหละ อ่านเพิ่มเติมได้ที่กระทู้โรงเรียนจ้า
- แขนเสื้อ แตกต่างชัดเจน
- DSIL มีซิปกระเป๋าเสื้อ ส่วน ESC ไม่มีกระเป๋าเสื้อ
- การปักชื่อโรงเรียน ตอนเรายังเรียนอยู่ DSIL ปักด้านหน้าอกขวาว่า “ดรุณสิกขาลัย” ด้านหลังปักว่า “Darunsikkhalai School for Innovative Learning” ส่วน ESC ของรุ่นเราปักด้านหน้าที่อกซ้ายว่า “ESC KMUTT” และด้านหลัง “วิศว์-วิทย์ ดรุณสิกขาลัย” แต่ของรุ่น 9 เป็นต้นไปจะเปลี่ยนเป็น “วิศว์-วิทย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี” และอาจจะมีการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนอีก
- เท่าที่รู้ DSIL ไม่มีชุดพละ แต่ ESC ชุดพละเป็นเสื้อสีส้มลายเดียวกัน และกางเกงวอร์มสีเข้มอะไรก็ได้
เราไม่ได้ต่างกันอย่างเดียวนะ ในความต่างเรายังมีความเหมือนด้วย ทั้ง 2 โรงเรียนค่อนข้างให้อิสระนักเรียนทางความคิด เราแต่งตัวยังไงแล้วแต่ขอแค่เรียบร้อยก็ไม่มีใครว่า เราใส่รองเท้าผ้าใบสีอะไรก็ได้ ย้อมผมก็ได้ ไว้ผมทรงอะไรก็ได้ ถุงเท้าตามสบาย กระเป๋าไล่โทนได้ครบเฉดสี RGB คงเป็นเพราะ DSIL ค่อนข้างออกไปทางอินเตอร์ โรงเรียนทางเลือก ส่วน ESC ก็ตามแนวคิดโรงเรียนนั่นแหละ อ่านเพิ่มเติมได้ที่กระทู้โรงเรียนจ้า
- การรับนักเรียน
แน่นอนว่าโครงการ วมว. ทุกโรงเรียนต้องผ่านการสอบพร้อมกับมหิดลวิทยานุสรณ์ แถมมาคัดรอบ 2 อีก อย่างที่ได้เห็นประกาศรับสมัครกัน (รับสมัคร 1-30 กันยายน ของทุกปี) แถมกำหนดเกรดเฉลี่ยขั้นต่ำในการสมัครสอบ แต่ DSIL สามารถสมัครเรียนได้ตลอด ไม่จำกัดระดับชั้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บไซต์ของทั้ง 2 โรงเรียนด้านล่างเลย
- ความสัมพันธ์ของสองโรงเรียน...?
ตามที่บอกไว้ตั้งแต่แรกเลยว่าสองโรงเรียนไม่ได้เกี่ยวกันโดยตรง แต่เราก็มีความเป็นโรงเรียนพี่น้องกันอยู่บ้าง บางทีเราได้ลงไปดูการนำเสนอ Exhibition ของ DSIL หรือจะเป็นกิจกรรมกีฬาดรุณสัมพันธ์ก็บันเทิงไม่น้อย ปีที่แล้วเพิ่งจัดเป็นปีแรก ส่วนปีนี้ ESC เป็นเจ้าภาพ จัดที่ศูนย์กีฬาของมจธ. บางขุนเทียน ซึ่งกีฬาดรุณสัมพันธ์จะจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ถ้าใครว่างอยากจะแว้บมาดูเราสองโรงเรียนก็แวะมาได้นะ... งานนี้จัดขึ้นเพื่อให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น สานสัมพันธ์กันมากขึ้น และมีโอกาสได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ช่วงประชันเชียร์ระหว่างการแข่งขันกีฬาก็เป็นอะไรที่สนุกดี เพิ่งเคยเชียร์แบบพร้อมกันทั้งโรงเรียน เสียงแหบเสียงแห้งไปตามระเบียบ (ปล. น้องๆ เชียร์ลีดเดอร์ DSIL น่ารักมากๆ) นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมร่วมกันอยู่อีกบ้าง อย่าง รด. ก็ไปเรียนในเวลาเดียวกัน ศูนย์เดียวกัน เห็นหลายคนก็รู้จักเพื่อนที่ DSIL มาบ้าง ล่าสุดก็มีครูจาก DSIL ที่รู้จักกันมาถามเรื่องให้เราไปแนะแนวน้อง DSIL เรื่องการเรียนและเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่ยังเป็นแค่แนวคิด ยังไม่ได้ทำจริง
ความสันฯ ทั้งโรงเรียน
พิธีเปิดกีฬาดรุณสัมพันธ์ ครั้งที่ 1
ขอบคุณรูปจากพี่เฟิร์ส รุ่น 6
ตึกเรียนที่ทั้งสองโรงเรียนใช้ร่วมกัน แต่อีกไม่กี่ปี ESC จะย้ายมาอยู่ที่บางขุนเทียนอย่างเดียว
ขอบคุณรูปโดยหมิว รุ่น 7
ขอบคุณรูปโดยหมิว รุ่น 7
เหตุผลในการเลือกเรียนทั้ง 2 โรงเรียน?
ช่วงนั้นจำไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมย้ายโรงเรียน แต่เหตุผลที่เลือกเรียนที่ DSIL เพราะแนวคิดถูกใจทั้งพ่อและแม่ แถมตั้งแต่เด็กเราก็เรียนโรงเรียนทางเลือกมาตลอด เพิ่งเข้าระบบตอนม.1 เลยตัดสินใจเรียนที่นี่ และในช่วงที่ จขกท. เรียนอยู่ที่ DSIL เป็นช่วงเดียวกับที่ ESC เปิดถึงประมาณรุ่นที่ 2 พอดี (ตอนนั้นยังใช้ชื่อ DSS – Darunsikkhalai Science School) แล้วเราก็สงสัยนะ ทำไมลิฟต์ตึกถึงมี 4 ตัว แต่เราได้ใช้แค่ 2 ตัว เรามารู้ทีหลังว่าอีก 2 ตัวเอาไว้ขึ้นจากชั้น 1 ถึงชั้น 11-14 เลย ไม่จอดชั้นอื่น แล้วตึกที่มีทางเข้า 2 ทาง (เนื่องจากลิฟต์ถูกแบ่งเป็นฝั่งละ 2 ตัว กั้นด้วยกำแพง DSIL เข้าทางนึง ESC เข้าทางนึง) เราก็สงสัยมากๆ ว่าข้างบนจะมีอะไร แถมแม่เราก็มาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับพี่ๆ ที่เรียนอยู่ชั้นบน ทำให้เรายิ่งอยากรู้เข้าไปอีก จนสุดท้ายเป็นแรงผลักดันให้เราสอบติดที่ ESC ในที่สุด
ที่เราตั้งกระทู้นี้ก็เพื่อทำให้คนที่ยังจำสลับสับสนระหว่าง 2 โรงเรียนนี้อยู่ได้มีความเข้าใจมากขึ้น ได้เห็นแนวทาง ความเหมือน ความต่างกันของทั้ง 2 โรงเรียนว่าเป็นอย่างไร ไม่ได้มีเจตนาจะยกว่าโรงเรียนใดดีกว่ากัน เพราะสุดท้ายความชอบของคนก็ไม่ได้เหมือนกัน ต่างโรงเรียนย่อมมีข้อดี ข้อเสีย ความเหมือน ความแตกต่างกันออกไป เราแค่อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ในการได้เข้ามาเรียนทั้ง 2 โรงเรียนนี้ เพื่อเป็นข้อมูลให้กับน้องๆ ที่อยากจะเข้ามาเรียนที่นี่ และผู้ปกครองที่กำลังดูเรื่องโรงเรียนให้ลูกๆ อยู่ สำหรับเรื่องข้อมูลของ DSIL เราเรียนแค่ช่วงปี 2009-2010 อาจจะมีบางส่วนผิดพลาด หรือเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็ขออภัยด้วย ถ้าอยากจะเพิ่มเติมหรือแชร์อะไรก็มาคอมเมนต์ด้านล่างได้เลยค่ะ ยินดีแบ่งปันเรื่องราวและรับฟังอัพเดตใหม่ๆ เสมอ ขอบคุณที่อ่านกันมาจนจบนะคะ
ปล. จขกท. อาจจะตอบช้าหน่อยนะคะ อยู่ ม.6 แล้วช่วงนี้งานเยอะและต้องฟิตสอบค่า
ช่วงนั้นจำไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมย้ายโรงเรียน แต่เหตุผลที่เลือกเรียนที่ DSIL เพราะแนวคิดถูกใจทั้งพ่อและแม่ แถมตั้งแต่เด็กเราก็เรียนโรงเรียนทางเลือกมาตลอด เพิ่งเข้าระบบตอนม.1 เลยตัดสินใจเรียนที่นี่ และในช่วงที่ จขกท. เรียนอยู่ที่ DSIL เป็นช่วงเดียวกับที่ ESC เปิดถึงประมาณรุ่นที่ 2 พอดี (ตอนนั้นยังใช้ชื่อ DSS – Darunsikkhalai Science School) แล้วเราก็สงสัยนะ ทำไมลิฟต์ตึกถึงมี 4 ตัว แต่เราได้ใช้แค่ 2 ตัว เรามารู้ทีหลังว่าอีก 2 ตัวเอาไว้ขึ้นจากชั้น 1 ถึงชั้น 11-14 เลย ไม่จอดชั้นอื่น แล้วตึกที่มีทางเข้า 2 ทาง (เนื่องจากลิฟต์ถูกแบ่งเป็นฝั่งละ 2 ตัว กั้นด้วยกำแพง DSIL เข้าทางนึง ESC เข้าทางนึง) เราก็สงสัยมากๆ ว่าข้างบนจะมีอะไร แถมแม่เราก็มาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับพี่ๆ ที่เรียนอยู่ชั้นบน ทำให้เรายิ่งอยากรู้เข้าไปอีก จนสุดท้ายเป็นแรงผลักดันให้เราสอบติดที่ ESC ในที่สุด
ที่เราตั้งกระทู้นี้ก็เพื่อทำให้คนที่ยังจำสลับสับสนระหว่าง 2 โรงเรียนนี้อยู่ได้มีความเข้าใจมากขึ้น ได้เห็นแนวทาง ความเหมือน ความต่างกันของทั้ง 2 โรงเรียนว่าเป็นอย่างไร ไม่ได้มีเจตนาจะยกว่าโรงเรียนใดดีกว่ากัน เพราะสุดท้ายความชอบของคนก็ไม่ได้เหมือนกัน ต่างโรงเรียนย่อมมีข้อดี ข้อเสีย ความเหมือน ความแตกต่างกันออกไป เราแค่อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ในการได้เข้ามาเรียนทั้ง 2 โรงเรียนนี้ เพื่อเป็นข้อมูลให้กับน้องๆ ที่อยากจะเข้ามาเรียนที่นี่ และผู้ปกครองที่กำลังดูเรื่องโรงเรียนให้ลูกๆ อยู่ สำหรับเรื่องข้อมูลของ DSIL เราเรียนแค่ช่วงปี 2009-2010 อาจจะมีบางส่วนผิดพลาด หรือเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็ขออภัยด้วย ถ้าอยากจะเพิ่มเติมหรือแชร์อะไรก็มาคอมเมนต์ด้านล่างได้เลยค่ะ ยินดีแบ่งปันเรื่องราวและรับฟังอัพเดตใหม่ๆ เสมอ ขอบคุณที่อ่านกันมาจนจบนะคะ
ปล. จขกท. อาจจะตอบช้าหน่อยนะคะ อยู่ ม.6 แล้วช่วงนี้งานเยอะและต้องฟิตสอบค่า
DSIL
เว็บไซต์โรงเรียน : http://e-school.kmutt.ac.th/index.php
Facebook Page : https://www.facebook.com/dsil.school
Facebook Page : https://www.facebook.com/dsil.school
ESC
เว็บไซต์โรงเรียน : http://www.kmutt.ac.th/gifted/
Facebook Page : https://www.facebook.com/DSS.KMUTT
Facebook Page : https://www.facebook.com/ESCKMUTTStudentCommitee
Facebook Page : https://www.facebook.com/DSS.KMUTT
Facebook Page : https://www.facebook.com/ESCKMUTTStudentCommitee
5 ความคิดเห็น
พี่ค่ะข้อสอบตอบสอบเข้านี่สอบวิชาอะไรบ้างเเล้วก้อสอบเเต่ละวิชาเป้นเเบบไหนค่ะ
ของ ESC ใช่มะ รอบแรกก็จะสอบด้วยกันกับมหิดลวิทย์ มีข้อสอบวิทย์กับคณิต รอบสองมาสอบที่โรงเรียน สอบหลายวิชาเลย ทั้งวิทย์ คณิต อังกฤษ essay ความถนัดทางวิศวะ+ความรู้รอบตัว แล้วก็ข้อสอบปฏิบัติ ข้อสอบเป็นข้อเขียนหมดเลยค่ะ โจทย์ไม่เยอะหรอก 10-20 ข้อ/1 วิชา หน้าละข้อ 5555555 มีอะไรลองไปสอบถามเพจกรรมการนักเรียนดูนะ
ไขข้อสงสัยได้เยอะมาก
ดีใจที่ได้อ่านบทความที่หนูเขียนค่ะ
น่ารักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความเท่ห์
คิดถึง DSIL ตลอดค่ะ ว่างๆ จะลงไปเยี่ยมนะค้าาา 11 พย นี้ก็จัดดรุณสัมพันธ์ที่บางขุนเทียนนะคะ อาจจะได้เจอกัน :)
จะไปสอบรอบ 2 วมว.ค่ะ ขอคำแนะนำที่พักราคา 700-800 บาท 2 คืนค่ะ 13 14 มค.60 ค่ะ
ติดต่อทางโรงเรียนได้เลยค่ะ หรือนอนห้องพักของมหาวิทยาลัยก็ได้นะคะ http://www.heliconiahouse.kmutt.ac.th/heliconia-house/ อยู่ชั้นบนของอาคารจอดรถ สถานที่ที่นัดหมายนักเรียนในวันสอบค่ะ
http://www.heliconiahouse.kmutt.ac.th/ เว็บทางการของห้องพักค่ะ
www.facebook.com/DSS.KMUTT อันนี้เพจ facebook ของทางโรงเรียนค่ะ ทักไปสอบถามได้เลยค่ะ
นอกจากค่าเทอมแล้ว ค่าออก Trip ต่างๆต้องจ่ายเพิ่มมั้ยคะ
ทางรร.ออกให้หมดค่ะ ยกเว้นบางทีที่นักเรียนต้องการจะไปดูงาน ทางรร.ก็จะจัดหารถให้แต่ต้องเสียค่ารถเองค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?