Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

MWITS: Opportunity & My Lovely Home

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีครับ
กระทู้นี้ผมอยากจะแชร์ช่วงเวลาดีๆในชีวิตของผม นั่นคือตอนม.ปลายครับ ผมได้มีโอกาสเรียนที่โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ผมยังจำวันที่ผมเข้าโรงเรียนนี้ได้ มุมมองต่อโรงเรียนนี้ของผมมันช่างต่างกับวันที่ผมต้องเดินออกมาจากโรงเรียนอย่างมาก ผมเลยอยากจะเล่าเรื่องส่วนนึงของโรงเรียนผมให้ฟังนะครับ

หากพูดถึงโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จะนึกถึงอะไร?
คำตอบของหลายๆคนอาจจะเป็นอะไรประมาณนี้
โรงเรียนวิทยาศาสตร์แห่งแรกของไทย
หรือ โรงเรียนประจำที่มีทุนให้นักเรียนทุกคน มีเงินให้ใช้ในชีวิตประจำวันด้วย
หรือ โรงเรียนที่มีแต่ครูเก่งๆ สอนเด็กเก่งๆ เรียนยากๆ ที่ๆเราไปเรียนคงไม่รอดแน่ๆ
หรือว่าจะเป็น โรงเรียนที่มีแต่เด็กที่วันๆเอาแต่อ่านหนังสือ พูดจาไม่ค่อยเหมือนคนปกติเท่าไร
ไม่สิ น่าจะเป็น โรงเรียนที่มีแต่เด็กเนิร์ด การแข่งขันสูงมาก เครียดมาก จนไม่มีเวลาสนใจทำกิจกรรม
หรือไม่ก็ โรงเรียนอะไร นั่นมหาลัยไม่ใช่หรอ 55555555

คำตอบข้างบนก็มีทั้งถูกบ้าง มั่วบ้าง(โดยเฉพาะสามอันหลัง) แล้วแต่คนตอบ แต่สำหรับทุกๆคนที่ได้ก้าวเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ คำตอบของทุกคนจะเหมือนกัน นั่นคือ โรงเรียนแห่งนี้เป็นบ้านหลังที่สองของพวกเรา

ทำไมถึงกล้าเรียกอย่างเต็มปากว่าเป็นบ้านหลังที่สอง?
ลองนึกดูนะครับว่าบ้านของเรามีอะไรบ้าง อย่างแรกเลยก็ต้องมีพ่อแม่ที่คอยเลี้ยงดูเรา พี่น้องที่คอยเป็นเพื่อนเรา อย่างที่สองก็คงเป็นสถานที่ที่เราคุ้นเคย เป็นสถานที่อิสระที่เราจะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องอายใคร เป็นที่ที่เรารู้สึกปลอดภัยที่สุด อย่างที่สามคงเป็นสิ่งที่คนในบ้านมีร่วมกันไม่ว่าจะสุข ทุกข์ เสียงหัวเราะ หรือคราบน้ำตา คนในบ้านก็ต่างมีมันร่วมกัน และที่สำคัญที่สุดความสัมพันธ์ ความรักและความอบอุ่นที่คนในบ้านมอบให้กัน ครับ
เมื่อลองคิดไตร่ตรองดูว่าสามปีที่ผ่านมาที่ผมใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนประจำแห่งนี้ ผมขาดอะไรที่จะไม่สามารถเรียกโรงเรียนแห่งนี้ว่าบ้านได้บ้าง ผมมีครูอาจารย์ที่คอยอบรมสั่งสอนทั้งความรู้คุณธรรมและการใช้ชีวิต ผมมีเพื่อนที่คอยอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน 24 ชั่วโมงร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน ผมมีความสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้องที่แน่นแฟ้นยิ่งกว่าที่ไหนๆ ผมมีสถานที่ที่คุ้นเคยและรู้สึกปลอดภัย สถานที่โปรดที่ทำให้เรามีความสุข คลายจากความเศร้า
หลังจากนี้ ผมจะเล่าเรื่องของผมและโรงเรียนของผมให้ฟังนะครับ
พ่อแม่ที่นี่: หากจะให้เทียบคุณครูกับพ่อแม่ของเราดูจริงๆ คงมิอาจเทียบได้ แต่หากลองประมาณๆดู คุณครูก็รัก คอยดูแล และเป็นห่วงนักเรียนทุกคนอย่างมาก คอยว่ากล่าวตักเตือน ไม่ให้มีนักเรียนคนไหนออกนอกลู่นอกทาง ทั้งสอนความรู้ที่เรียกว่าเซียนและเข้าใจง่าย ครูหลายที่จะเตรียมการสอนมาอย่างดีเพื่อให้เวลาในห้องเรียนได้ใช้อย่างเต็มที่ (บางที เวลาเตรียมนานกว่าที่สอนอีก) ทั้งคอยอำนวยความสะดวก จัดกิจกรรม หรือดูแลเวลาป่วยไข้
เรามีครอบครัวมากมายอยู่ที่นี่: ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในโรงเรียนแห่งนี้ ทุกคนก็เข้ามาเป็นสมาชิกครอบครัว MWITs หลังจากนั้นเราก็จะมีห้อง (ชั้นละ 10 ห้อง ห้องละ 24 คน) ในห้องจะสนิทกันมาก อยู่กันสามปี เรียนด้วยกันตลอด ซี้ปึ้กทุคน ที่สำคัญคือมีนามสกุลห้องด้วย จะเอาไว้ตั้งชื่อเฟส ให้รู้ว่าคนนี้ห้องไหน (เข้ามาก็รู้เอง) ในห้องไม่พอ เราก็จะมีพี่ห้อง ปู่ย่าห้อง น้องห้อง หลานห้อง ก็คือรุ่นพี่รุ่นน้องนั่นเอง ที่นี่เรียกว่าสายห้อง เวลาทำกิจกรรมบางงานของโรงเรียนเนี่ย เค้าจะแบ่งงานให้แต่ละสายห้องรับผิดชอบไป ครอบครัวต่อไปคงเป็นอะไรไม่ได้นอกจากคนที่เรานอนด้วย 555555 ผู้ชายจะนอนห้องละ 4 คน ส่วนผู้หญิงห้องใหญ่กว่าจะนอน 4-6 คน แน่นอนว่านอนด้วยกันทุกคืน สนิทกับรูมเมทมากๆ หลายๆห้องก็อยู่ด้วยกันตั้งแต่ตื่นยันนอน (นอนก็นอนอยู่ด้วยกัน 5555555) เป็นกลุ่มที่คุยได้ทุกเรื่อง เรียกได้ว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขจริงๆ ต่อมาเรียกว่าเป็นพวกครอบครัวที่มาจากกิจกรรมและความสนใจละกัน เพราะว่ามันเป็นโรงเรียนหอ ทุกๆคนก็เลยต้องหาอะไรทำด้วยกันในตอนเย็นแหละ ไม่ได้แยกย้ายกันกลับบ้านหนิ ก็มีทั้งเตะฟุตบอล เล่นบาส วิ่ง และกีฬาอื่นๆ หรือว่าเป็นซ้อมดนตรี เล่นดนตรีสนุกๆด้วยกัน ไม่ก็กิน กิน กินนนนน ของกินแถวศาลายานี่ถูกและอร่อยนะจะบอกให้ และอีกอย่างนึงคือ เกมส์ครับ เอาคอมมาตั้งเรียงเป็นแถวอย่างกับร้านเกมส์ 55555555 นั่นแหละก็เลยมีครอบครัวมากมายจะสิ่งที่เราไปทำ แต่ยังไม่หมดนะครับ มันยังมีอีก ก็คือกิจกรรมใหญ่ของโรงเรียน เช่น กีฬาสี ค่ายพรี ที่เราจะได้ทำงานต่างๆตามฝ่าย แล้วก็จะสนิทกับฝ่ายมากๆ เพราะทำงานร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน เหนื่อยมาด้วยกัน พองานเสร็จนี่รักกันมากๆ ไหนจะมีรุ่นพี่รุ่นน้องอีก เรียกว่าพี่ฝ่าย น้องฝ่าย ที่พี่ก็จะคอยแนะนำน้องๆนั่นเอง เขียนไปเขียนมาก็ยังไม่หมดอยู่ดียังขาดครอบครัวไปอีกตั้งหลายอย่างเช่น โครงงาน หรือ สอวน.
ฟังดูแล้วกิจกรรมเหมือนจะเยอะ มันเยอะขนาดไหน แล้วคนๆนึงจะทำได้สักเท่าไรเชียว: กิจกรรมเยอะมากครับ เพราะบ้านหลังนี้สนับสนุนให้คนในบ้านทำกิจกรรมร่วมกัน มีความสุขไปด้วยกัน มีทั้งกิจกรรมมีสาระ เช่น พี่ช่วยน้องสอวน อย่างงี้ก็เป็นรุ่นพี่มาติวน้องๆตั้งแต่อยากเข้าค่ายจนถึงคัดผู้แทนประเทศ หรืองานใหญ่ของโรงเรียนอย่าง Science Fair หรือว่ากิจกรรมเพื่อความบันเทิง เช่น กีฬาสี ค่ายPre-MWITs ที่ทุกคนในโรงเรียนจะมีส่วนร่วมช่วยกันทำทุกคน ละก็อย่างอื่นที่ทุกคนจะมาร่วมสนุกกัน เช่น งานปีใหม่ ดนตรีในสวน ที่แบบไม่เคยรู้ว่าเด็กวิทย์จะเล่นดนตรีเซียนขนาดนี้ เป็นต้นครับ แล้วคนๆนึงจะทำได้เท่าไร เอาแค่ตัวผมละกัน ผมค่อนข้างชอบทำกิจกรรม ขอแบ่งอย่างนี้นะครับ ตอนม4 เราจะเป็นผู้รับก่อน คือทำตามคำสั่งพวกรุ่นพี่ แต่พอเราขึ้นม5 เราก็จะเป็นคนคิด คนคุมสิ่งต่างๆละทีนี้ พอม.6 ก็จะเป็นพี่ใหญ่ เอางานใหญ่ของโรงเรียนไปนั่นเอง ตอนผมม.4 ก็ตอนกีฬาสีเป็นเชียร์ลีดเดอร์ แล้วตอนค่ายพรีก็เป็นพี่กลุ่ม พอปิดเทอมก็เข้าสอวน.ดาราศาสตร์ ไปจนถึงแข่งระดับชาติ พอมาม.5 ก็ต้องทำโครงงาน และเป็นพี่คอยคุมงานน้องๆทั้ง พี่หลีด หรือเป็นพี่ที่คอยดูแลพี่กลุ่มอีกที ปีนี้ผมเป็นกรรมการนักเรียนด้วย ก็เลยช่วยพี่ๆม6 ทำงานใหญ่ๆของโรงเรียนไป แล้วก็สอนน้องสอวนด้วย พอมาเป็นม.6 ก็เป็นกรรมการนักเรียนอีกปี ก็จัดโครงการนู่น โครงการนี่ ให้น้องๆมาร่วมกันทำ อย่างของผมเป็นฝ่ายวิชาการก็จัดพวกโครงการพี่ช่วยน้องสอวน โครงการแข่งขันคณิตวิทย์ม.ต้น MWITS Square เป็นต้น นอกจากนี้ผมก็เล่นฟุตบอลเกือบทุกเย็นเลย วันๆนึงหลายชั่วโมงด้วย คร่าวๆแค่นี้ก็พอเนาะ จริงๆมีอีกเยอะมาก
สถานที่ล่ะ: ไฮไลท์เลยก็ห้องสมุด แทบจะเป็นชีวิตของเราเลย ไม่ใช่อ่านหนังสือนะ ทั้งทำงานกลุ่มกับเพื่อนๆ ทั้งใช้คอมพิวเตอร์ทำงาน หรือว่าเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ เช่นดูหนัง เรียกได้ว่าห้องสมุดที่นี่ Facility ครบครันมาก พูดถึง Facility แล้วอย่างอื่นก็ดี โดยเฉพาะห้อง Fitness หรือห้องเรียน Smart Classroom เป็นต้น ส่วนที่ที่ทำให้ผมรู้สึกคลายจากความกังวลได้ทุกครั้งคือสนามฟุตซอล ทุกครั้งที่ผมเครียดจากการทำงานทำกิจกรรมหรือเรื่องอื่นๆเช่นความรัก 555555 (ที่โรงเรียนนี้ หาคนเครียดเรื่องเรียนยากมากนะ จริงๆ) สนามนี้ช่วยผมได้ตลอด
แล้วความรักความอบอุ่นที่มีให้กันล่ะ: พูดยากมาก เรื่องพวกนี้พูดกันไม่ได้หรอก ต้องมาสัมผัสเอง แต่แน่นอนว่าโรงเรียนทั้งโรงเรียนมีอยู่ 720 คน กิจกรรมเยอะขนาดนี้ ไม่สนิทกันแล้วจะไปสนิทกับใคร โอ้ กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า สนิทกันเกือบทั้งโรงเรียน วัดง่ายๆเลยคือทุกคนตื่นเต้นไปด้วยกันที่กำลังจะมีน้องใหม่ ทุ่มเทกันมากๆจัดงานรอรับน้องใหม่ ส่วนในตอนที่รุ่นพี่ม.6 กำลังจะจบออกไปจากโรงเรียนนี้ เรียกได้ว่าน้ำตาท่วมโรงเรียนเลยครับ เป็นน้ำตาที่อธิบายไม่ถูกจริงๆ วันนั้นเค้าเรียกกันว่าเป็น วันในความทรงจำ ครับ ผมที่เขียนอยู่ตอนนี้ก็ยังน้ำตาคลอเลย สรุปๆ กล้าพูดเลยว่าเป็นโรงเรียนที่อบอุ่นมากจริงๆ ทุกคนรักและเป็นห่วงกัน เล่นกันสนุก แต่ก็เคารพซึ่งกันและกัน ไม่นอกลู่นอกทาง
พอจะนึกภาพออกแล้วนะครับว่าทำไมผมและเพื่อนๆทุกคนจึงเรียกที่นี่ว่าบ้านหลังที่สองครับ แต่ยังไงก็อย่าพึ่งปักใจเชื่อนะครับ ผมไม่ชอบ อยากให้ลองพิสูจน์เองมากกว่าครับ
หลังจากนี้ผมจะขอเล่า ความเป็นโรงเรียนบ้างละกันนะครับ ถ้าพูดถึงโรงเรียนนี้ละก็ สิ่งที่ผมพูดได้เต็มปากอีกอย่างเลยคือ เป็นโรงเรียนทีมอบโอกาสให้เด็กเยอะมากๆ
ส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบวิชาเศรษฐศาสตร์ ในทางเศรษฐศาสตร์จะมีคำๆนึงอยู่คือ ค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ซึ่งคือต้นทุนของที่เราไม่ได้เลือกอย่างนี้ แล้วไปเลือกอย่างอื่น ซึ่งในการทำสิ่งต่างๆ ทุกๆคนจะเลือกทำในสิ่งที่ทำให้มี ต้นทุนค่าเสียโอกาสน้อยที่สุด อย่างไม่รู้ตัว ดังนั้นผมจะขอบรรยายความภาคภูมิในโรงเรียนของผมที่หาไม่ได้ง่ายๆจากที่ไหนๆ ในรูปของ โอกาส (Opportunity) ละกันนะครับ
Opportunity to be a life-long learner: โอกาสที่จะทำให้คุณเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต ไม่ใช่ไม้แก่ดัดยาก ที่นี่ทุกคนจะได้เรียนแบบ Active Learning ซึ่งเป็นการเรียนที่ไม่ได้สอนให้ท่องจำ (Passive learning) ที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศไทย แต่เป็นการสร้างคำถาม สร้างความสงสัย แล้วให้คิดไตร่ตรอง และหาข้อมูล (Inquiry) มาเพื่อตอบคำถามเหล่านั้น ซึ่งวิธีนี้ไม่ได้สอนความรู้ หรือสอนทฤษฎีเราเพียงอย่างเดียว แต่สอนวิธีการหามาซึ่งความรู้เหล่านั้นด้วย เพราะโลกนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิตจึงสำคัญมาก และ Active learning นั้นไม่ได้หาเรียนได้ง่ายๆ เพราะครูผู้สอนต้องมีศักยภาพมากๆ ทั้งความรู้ และการสร้างความสงสัย สร้างความอยากรู้อยากเห็นให้นักเรียน รวมถึงนักเรียนในห้องเรียนด้วยกัน ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การเรียนแบบ Active Learning ประสบความสำเร็จด้วย ดังนั้น Active Learning จึงหาไม่ได้ง่ายๆจากที่ไหน
Opportunity to think like a scientist: โอกาสที่คุณจะมีความคิดแบบนักวิทยาศาสตร์ เนื่องจากที่นี่เรียนแบบ Active ให้ความสำคัญที่คำถามและกระบวนการ มากกว่าคำตอบ (คำตอบก็สำคัญนะ 55555) ทำให้นักเรียนที่นี่มีตรรกะความคิด กระบวนการค้นหาคำตอบที่ดี ไปใช้ในชีวิตได้ยาวๆ
Opportunity to learn every subject intensively: เรียนทุกวิชาอย่างเข้มข้น ไม่ใช่แค่วิทย์คณิต อย่างวิชาวิทย์คณิต จะเรียนลึกกว่าที่อื่น คือใช้หลักสูตรสอวน. ทุกวิชา ฟังดูอาจจะยากกว่า แต่เพราะเรียนแบบนี้ ทำให้เราเรียนแล้วเข้าใจ คือเรา Proof เป็น เราเข้าใจที่มา เราเข้าใจเลยว่าคนคิดทฤษฎีนี้เค้าคิดได้ไง คิดยังไง ทำให้เราไม่ต้องมานั่งท่องจำ เรียนแล้วคิดเองได้เลย ส่วนพวกวิชาสังคมศึกษา ที่นี่ไม่ได้สอนให้ท่องจำ แต่สอนเป็นเรื่องเล่าอย่างเป็นเหตุเป็นผล เช่น ประวัติศาสตร์ ครูจะชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของบุคคลต่างๆ ให้เข้าใจความรู้สึกนึกคิด ให้มองเห็นภาพเหมือนเราอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ เข้าใจเป็นฉากๆ ทำให้ไม่ต้องมานั่งจำอะไรเยอะแยะ วิชาสังคมอื่นๆก็คล้ายๆกัน ส่วนภาษาไทย ที่นี่ไม่ได้สอนแบบธรรมดา อย่างวรรณคดี ที่นี่สอนให้วิเคราะห์คุณค่าต่างๆอย่างกับเรียนประวัติศาสตร์ เช่น ขุนช้างขุนแผนนี่ก็วิเคราะห์อย่างกับเราเป็นคนในสมัยนั้น ส่วนภาษาอังกฤษ นี่จะได้ฝึกหมดทั้ง 4 Skill ที่นี่เรียนแบบฝึก ไม่ใช่ท่องจำ ก็คือเน้น ฟัง พูด อ่าน เขียน ตามลำดับซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังเน้นให้เอาภาษาไปใช้ในการวิเคราะห์ด้วยทั้ง Critical thinking หรือว่า Discussion สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยากมากเพราะใช้ทั้งตรรกะความคิด และใช้ทั้งภาษาสำหรับถ่ายทอดออกมา แต่เป็นสิ่งที่พวกเราเด็กมหิดลคุ้นเคยอย่างมาก ยังไม่หมด ที่นี่จะมีวิชาอื่นๆอีกเช่น ภาษาที่สาม ที่มีการบังคับเรียน แล้วให้เอาไปใช้ได้จริง เช่น เน้นฟัง-พูดก่อน หรือวิชาศิลปะ ที่สอนศิลปะให้นักเรียนเอาไปใช้ได้จริง
Opportunity of facilities & atmosphere: เครื่องไม้เครื่องมือครบครัน ตั้งแต่ LAB โรงฝึกงาน ห้องสมุด จนถึงห้องซ้อมดนตรี โรงภาพยนตร์ 3 มิติ ห้องฟิตเนส และอุปกรณ์ออกกำลังกายมากมาย ที่สำคัญอากาศที่นี่ดีมาก รู้สึกสดชื่นได้ตลอดเวลา พออากาศดี ก็ทำให้คิดอะไรได้เยอะ ทำอะไรได้เยอะ ดูอย่างมหาวิทยาลัยดังๆของโลกอย่าง Oxford Cambridge สิ
Opportunity to have more time: โอกาสที่คุณจะมีเวลาเพิ่มขึ้น แน่นอว่าเวลาเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่นี่เดินไม่กี่ก้าว จากบ้านก็ถึงโรงเรียน ประหยัดเวลาเดินทางได้หลายชั่วโมงต่อวัน เอาไปทำนู่นทำนี่ได้มากมาย รวมถึงไม่ต้องไปเรียนพิเศษด้วย เพราะที่นี่เรียนลึกกว่า ตั้งใจเรียนก็เอาไปสอบได้ชิวๆ แต่ถ้าขยันอยากเรียนพิเศษด้วยก็ไม่มีใครว่า (เรียนที่โรงเรียนก็เหลือเฟือจริงๆ)
Opportunity from seniors & juniors: โอกาสที่ได้รับจากรุ่นพี่ ทั้งคำแนะนำในชีวิต ทั้งกิจกรรมที่พี่ๆจัดให้ ทั้งความรู้ที่พี่ๆมาสอน หรือโอกาสที่จะได้ฝึกตัวเองให้เป็นผู้ใหญ่ หลังจากรับสิ่งที่ได้มาจากรุ่นพี่ ก็ถ่ายทอดต่อไปให้รุ่นน้อง ซึ่งสิ่งนี่เป็นการฝึกเราให้เป็นผู้ให้ ให้โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องที่แน่นแฟ้นนี้ทำให้โรงเรียนนี้ฝึกนักเรียนได้อย่างไม่ธรรมดา
Opportunity to widen one’s intellectual horizon & have worldwide connections: โอกาสที่คุณจะได้เปิดหูเปิดตา ที่นี่มีทุนมากมายให้ไปศึกษาดูงานต่างประเทศ แลกเปลี่ยนกับเพื่อนต่างประเทศ หรือว่านำเสนอโครงงานต่างประเทศ เพราะโรงเรียนนี้มี Connections กับโรงเรียนต่างประเทศดังๆอื่นๆ และสถาบันต่างๆทั่วโลก นักเรียนบางคนจึงได้ไปต่างประเทศในฐานะนักเรียนถึง 4-5 ครั้งใน 3 ปี นอกจากนี้การศึกษาดูงานในประเทศก็มีบ่อยมาก ไปสถาบันวิจัยบ้าง ไปเรียนรู้วัฒนธรรมบ้าง ไม่ต่ำกว่า 6-7 ที่ต่อปี เพราะที่นี่ให้ความสำคัญกับการเปิดโลกทัศน์มากๆ รวมถึงมีเพื่อนกับชาวต่างชาติมากมาย
Opportunity to have voluntary mind: โอกาสที่จะมีจิตอาสา โรงเรียนนี้นอกจากสอนความรู้แล้วยังสอนคุณธรรม นอกจากกิจกรรมในโรงเรียนแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมจิตอาสาให้นักเรียนทุกคนได้ออกค่ายอาสากันเป็นประจำ
Opportunity to study in the world’s top class high school: โอกาสที่จะได้เรียนในโรงเรียนชั้นนำของโลก โรงเรียนที่ดีและมีครบทุกอย่างจริงๆ
The most important opportunity: ผมชอบประโยคประโยคหนึ่ง คือ “With great power, comes great responsibility” “ด้วยศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ ตามมาซึ่งความความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง” ผมจึงรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเข้ามาบ่มเพาะศักยภาพของตัวเองที่โรงเรียนแห่งนี้ ได้มีบ้านหลังที่สองเป็นโรงเรียนแห่งนี้ และที่สำคัญที่สุด คือได้มีโอกาสแบกรับความรับผิดชอบและความคาดหวังของคนในสังคม พร้อมๆกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆของผมทุกคนครับ
ทั้งหมดนี้คือ Opportunity อันล้ำค่าที่หาไม่ได้จากที่ไหนๆนอกจากโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ครับ

ศิษย์เก่าโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

kaianutarapong 21 มิ.ย. 64 เวลา 10:57 น. 2

ลูกชายอยากไปเรียนที่นี่ค่ะ ต้องเตรียมตัวยังงัยถึงจะสอบผ่านค่่ะ พี่ๆมีแนวข้อสอบบ้างมั้ยค่ะ


0