รีวิวข้อสอบ MWIT ปี 2562 (ทั้ง 2 รอบ)
ตั้งกระทู้ใหม่
สำหรับรอบแรก ภาคเช้าสอบคณิต มีประมาณ 3 part คือ seen unseen แล้วก็เรขาคณิต และคะแนนในแต่ ละpartจะไม่เท่ากันด้วย อย่างเรขาก็จะคะแนนเยอะหน่อยเพราะค่อนข้างยาก จริง ๆ แล้วเราก็ทำไม่ทัน แต่เราพยายามทำข้อที่ทำได้ และunseenข้อที่ไม่ยากมาก ส่วนเรขาเราทำไปบางข้อเอง
Unseen ปีนี้ออกเรื่องจำนวนเชิงรูปหลายเหลี่ยม เป็นตัวเลขที่ทำเป็นหลายเหลี่ยมได้ คล้าย ๆ จำนวนสามเหลี่ยมของปีก่อน ๆ ออกตั้งแต่ 3 4 5 จนถึง 28 เหลี่ยมเลยค่ะ ให้ตัวอย่างมาหาความสัมพันธ์เอง เพื่อเอาไปใช้คำนวณในข้อสอบ ลองเข้าอ่านในเว็ปนี้ดูนะคะ จิ้ม เป็นเนื้อหาประมาณนี้เลย
ส่วน seen กับเรขา เราทำข้อที่ทำได้ให้มากที่สุดค่ะ ทำได้ประมาณครึ่งหนึ่ง เราแนะนำให้พยายามเก็บข้อง่ายให้หมด อย่างน้องคะแนนจะไม่ทิ้งห่างมาก
ต่อกันที่วิทย์ภาคบ่าย ปีเราออกทุกวิชาเท่า ๆ กันนะ ฟิสิกส์จะน้อยกว่าเล็กน้อย ข้อสอบเป็นเนื้อหารวมหลายเรื่อง เท่าที่เรียนมาก็ออกหมดเลย ตามเนื้อหาวิทยาศาสตร์ ม.1-ม.3 แต่ปีเราจะพิเศษหน่อยที่ทาง MWIT ประกาศเนื้อหาที่ออกสอบมาด้วย แต่ก็อย่าเชื่อมากนะ เพราะในเนื้อหาที่ประกาศไม่มีดาราศาสตร์กับพันธุกรรม แต่ในข้อสอบก็ออก ฟิสิกส์ที่ออกจะมีทั้งทฤษฎีทั้งคำนวณ อย่าลืมทฤษฎีของฟิสิกส์กันนะคะ ถึงในข้อสอบจะบอกมาบ้างแต่เราก็ควรจะทลทวนให้แม่นไว้ก่อนค่ะ ปีเราที่จำได้เป็นเรื่องกฎการอนุรักษ์พลังงาน เปลี่ยนจากพลังงานศักย์เป็นพลังงานจลน์ ส่วนเคมี ชีวะ วิทย์กาย ดาราศาสตร์ ไม่ยากมาก เน้นเข้าใจและวิเคราะห์โจทย์ได้ แต่ต้องระวังคำพูดโจทย์มาก ๆ เพราะจะมีหลอกอยู่เยอะเลยค่ะ
สุดท้ายสำหรับรอบแรก เราอยากเตือนให้อ่านคำสั่งดี ๆ ค่ะ เพราะบางปีจะมีข้อสอบที่มีคำตอบมากกว่า 1 ข้อ, ตอบผิดติดลบ แล้วก็ข้อสอบ 18 ตัวเลือกในวิชาคณิตศาสตร์ โชคดีหน่อยที่ปีเราไม่มี เลยเดาดิ่งได้เลย ถ้ามีก็ระวังไว้หน่อยนะคะ
ส่วนการสอบรอบสอง เท่าที่เราได้ยินรุ่นพี่เล่าให้ฟัง ปกติแล้วจะสอบ 2 วัน คือ วันแรกสอบวิทย์ทั้งทฤษฎีทั้งแลป และวันที่ 2 สอบคณิต แต่ปีเราสอบวันเดียว ภาคเช้าสอบเลข ภาคบ่ายสอบวิทย์เหมือนรอบแรกเลย
ข้อสอบเลขรอบสองจะมีระดับความยากพอ ๆ กับเรขาของรอบแรก คือ เป็นโจทย์ที่ต้องคิดวิเคราะห์หลาย ๆ รอบถึงจะได้คำตอบ แล้วก็เล่าเป็นเรื่องราวมาด้วย เพื่อเชื่อโจทย์แต่ละเรื่องไว้ด้วยกัน ถ้าเราจำไม่ผิดของปีเราจะเป็นเรื่องของภูผาไปเที่ยวพักร้อนเจอนกนางนวล แล้วให้คำนวณอัตราการเกิดการตายของนก ต่อมาเป็นความน่าจะเป็นของการมีชีวิตรอดในวัฏจักรต่าง ๆ ของด้วง แล้วเชื่อมโยงไปถึงบริษัทรับทำงานก่อสร้าง เป็นเรื่องคำนวณอัตราทำงาน กับเรื่องกำไร ขาดทุน ที่พูดมาทั้งหมดจะอยู่ใน part seen นะคะ และอีกส่วนในseen คือ เรขาที่ยากมาก เป็นรูปสามเหลี่ยมที่มีวงกลมแนบใน คล้าย ๆ เครื่องรางยมทูตในแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่จะเบี้ยว ๆ หน่อย มี 3 ข้อ ต้องพิสูจน์ หาความยาวรอบรูป และหาค่ามุม ซึ่งคะแนนตรงส่วนนี้ก็เยอะมาก แต่ด้วยเวลาที่น้อย กับระดับความยากแล้ว ส่วนมากก็จะไม่ได้ทำกันค่ะ เราก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
Part ต่อไปของข้อสอบเลข คือ unseen บอกก่อนเลยว่ามันไม่ได้ต่างกัน seen ที่เป็นเรื่องราวเท่าไหร่ เพราะให้เป็นเนื้อเรื่องมาเหมือนกัน เป็นเรื่องการตรวจสอบทองปลอม ว่าต้องใช้เครื่องตรวจสอบอย่างน้อยกี่ครั้งจึงจะพบทองปลอมแน่นอน มีบรรยายวิธีคิดเบื้องต้นมาแล้วค่ะ แล้วให้เราคิดต่อยอด มีให้หาความสัมพันธ์ของจำนวนครั้งด้วย รวม ๆ ก็ประมาณนี้
มาที่วิทย์ช่วงบ่าย ปีเราสอบวันเดียวก็เลยคิดว่าไม่มีสอบแลป แต่สุดท้ายก็มีค่ะ มีประมาณ 3 แลป เท่าที่จำได้ อุปกรณ์ที่ให้มีขวดใส่ของเหลวที่มีความเข้มข้นต่างกัน (ในข้อสอบระบุความเข้มข้นและความหนาแน่นมาให้ด้วย) ของเหลวที่ไม่ทราบค่าความเข้มข้น ฉากลูกศร และกระดุม
แลปแรกเกี่ยวกับแสงที่หักเหผ่านน้ำ ในระยะที่ต่างกันทำให้ลูกศรที่เห็นมีขนาดและทิศทางต่างกัน โดยจะมีให้บันทึกในกระดาษคำตอบ แลปที่สองให้หาความเข้มข้นของของเหลวที่ไม่ทราบค่าความเข้มข้นโดยวัดความยาวลูกศรที่ได้จากการหักเหมาตีกราฟ (อาจจะมีวิธีอื่นด้วย แต่เราใช้วิธีนี้ค่ะ) และแลปสุดท้ายให้หาความเข้มข้นกระดุม ข้อสอบให้หาเป็นช่วงค่ะ เราเลยเปรียบเทียบการลอยและจมในของเหลวแต่ละขวดที่ความเข้มข้นต่างกัน แลปสุดท้ายมีให้เขียนขั้นตอนการทดลองด้วย แต่แลปอื่นจะแค่บันทึกผลและสรุปผลค่ะ
ข้อสอบข้ออื่น ๆ ของวิทย์ก็จะเป็นแนววิเคราะห์ คล้าย ๆ รอบแรก ไม่ยากมากค่ะ ปีเราออกเรื่องสิ่งแวดล้อมเยอะหน่อย เพราะช่วงปีที่ผ่าน ๆ มาจะมีปัญหาสิ่งแวดล้อมค่อนข้างเยอะ เลยเอาสาเหตุของการเกิดมาออก มีเรื่องที่เราจำได้ คือ คาร์บอนไดออกไซด์ละลายในน้ำ ให้กราฟเส้นเรื่องอุณหภูมิ pH กับเรื่องอื่น ๆ มาอีกแล้วถามผลกระทบ แล้วก็มีเรื่องโค้ดด้วย เป็นรหัสทางเดินให้หมีขาวไปกินอาหาร จะมีกำหนดสัญลักษณ์กับเงื่อนไขต่าง ๆ มาให้เราเขียนโค้ดทางเดินให้จบค่ะ ข้อสุดท้ายของวิทย์เป็นรูป 14 เหลี่ยมที่มีสัญลักษณ์ธาตุเขียนเอาไว้ คำถาม คือ ธาตุที่อยู่ตรงข้ามกันคืออะไร ประมาณนี้ จากชุดอุปกรณ์ให้รูปคลี่มาด้วย แล้วก็สามารถตัดประกอบจริงได้เลยค่ะ เราก็ตัดจริงเลย เพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้องอย่างแน่นอน
ข้อสอบรอบ 2 ของปีเราเท่าที่นึกได้ก็มีประมาณนี้แหละค่ะ สิ่งที่เราอยากแนะนำ คือ ต้องควบคุมเวลาให้ดีอย่างวิชาคณิต เขาจะแจกชุด seen กับ unseen แยกกัน หมายความว่าถ้าเราไม่สามารถกลับไปทำชุดเดิมได้แล้ว ส่วนวิทย์ ปีเราเจอแลปที่ไม่ยากมาก เลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเวลา แต่บางปีก็จะมีสอบแลปที่จะเป็นแลปจริง ๆ เลย มีแลปกริ๊งที่จะต้องคุมเวลาให้ดีมาก ๆ ด้วย ถ้าทำไปแล้วมันเกิดข้อผิดพลาดก็ห้ามลนนะคะ เพราะมันจะทำให้ส่วนที่เหลือพังหมดเลย ให้รีบตั้งสติก่อน แล้วค่อย ๆ แก้ปัญหาไป แล้วก็อย่าลืมอ่านข่าววิทยาศาสตร์ในช่วงปีนั้น ๆ ด้วยนะ เพราะมันจะสามารถบอกแนวข้อสอบวิทย์ได้ค่ะ
การสอบจบไป มาต่อกันที่การติวและการอ่านหนังสือของเรา เราจะแยกเป็นรอบแรกกับรอบ 2 นะคะ
สำหรับการติวรอบแรก เราก็จะติวตามปกติชนทั่วไป คือ เรียนเนื้อหา+ตะลุยโจทย์ อย่างที่บอกไปว่าเราอยู่โรงเรียนชื่อดังย่านลาดพร้าว (น่าจะเดากันถูกนะคะ ว่าโรงเรียนอะไร5555) เราก็จะไปติวคอร์สที่ผู้ปกครองกลุ่มโรงเรียนเราจัดติว เพราะงั้นเราคิดว่าทุกคนก็ลงเรียนติวตามเพื่อน ๆ เอาก็ได้ค่ะ แต่ต้องดูว่าสไตล์การสอนของครูตรงกับเรามั้ย หรือเราโอเคกับครูคนไหน เพราะความลงตัวของครูกับนักเรียนก็จะเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนด้วย สำหรับเรา เราจูนติดของครูบิ๊กค่ะ ครูบิ๊กคนนั้น คนที่ใส่รองเท้าแตะ หาตัวจับยาก ชอบไปสอนที่สุราษบ่อยๆค่ะ555
ครูเขาสอนคณิตศาสตร์นะคะ อันนี้เฟสครูเขาค่ะ ช่วยกันทำมาหากิน5555 เป็นครูคณิตที่สอนสนุกมากเลยค่ะ จำนวนสามเหลี่ยมเราก็ได้มาจากครูบิ๊กเนี่ยแหละค่ะ จิ้มได้เลยค่า Krubigmath
นอกจากเรียนตามคอร์สต่าง ๆ แล้วก็มีเรียนตามสถาบันออนไลน์ชื่อดังค่ะ
เราไปเรียนที่วิสุทธานี เรียนออนไลน์ที่บ้านก็มี Upskill ของออนดีมานด์ ที่สามารถเรียนได้ทุกที่ผ่านทาง Anywhere และสุดท้ายก็คือฝึกทำโจทย์ของเว็บไซต์ Me Anytime ค่ะ เป็นเว็บที่ให้เราซื้อข้อสอบพร้อมเฉลยเอาไปฝึกทำ เราทำชุดที่เป็น size s m l เพราะแนวโจทย์ตรงกันmwit และมี unseen ให้ฝึกทำด้วย
ส่วนรอบ 2 เราก็ลงติวตามเพื่อนไปอีกค่ะ ครูอะไรเขาว่าสอนดี เราก็ลงตาม ๆ ไป ก็เรียนรู้เรื่องและนำไปใช้สอบได้ดีนะคะ แต่บางครูเราลงเรียนแล้วไม่ค่อยเข้าใจก็มีนะ สำหรับครูที่เราคิดว่าจำเป็นสำหรับการเรียนรอบ 2 ก็มีครูป้อม Asci เพราะสอนวิทยาศาสตร์แนวunseen เน้นวิเคราะห์เนื้อหา ตามแนวของmwitรอบ 2 เลยแล้วครูจะพูดถึงข่าวสำคัญ ๆ เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ให้ไปอ่านเพิ่มเติมอีกด้วย ส่วนครูอีกคนที่เราคิดว่าจำเป็น คือ พี่โอ๋ Oplus เพราะ oplus จะรวมข้อสอบเก่าของmwitไว้ ทำให้เราพอรู้แนวว่าเราจะเจอโจทย์แนวไหน ความยากระดับไหน
สุดท้าย ไม่ว่าจะเรียนเยอะ เรียนน้อย ก็ต้องกลับมาทบทวนนะคะ ถึงการเรียนเยอะ ๆ จะเป็นเหมือนการทบทวนอยู่แล้ว แต่ถ้าเรามาอ่านทวน+ทำความเข้าใจเอง จะทำให้ความรู้ติดไปได้นานกว่านะ จากประสบการณ์ของเรา J
ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่จะสอบเข้านะคะ สู้ๆค่ะ
Omi-chan
21 มี.ค. 63 เวลา 12:43 น.
6,376
views
2 ความคิดเห็น
Lab ควรอ่านจากที่ไหนครับหนังสืออะไร
แลปเราไม่ได้อ่านจากหนังสือเท่าไหร่นะ เราลงติวมากกว่า ติวแลปกับครูป้อม A.sci แล้วก็มาอ่านทวนเอา
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?