Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิวการอัพคะแนนภาษาอังกฤษ #SMART-1 ที่เราทำแล้วได้ผลจริง!!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่


สวัสดีเพื่อนๆน้องๆชาวเด็กดีทุกคนครับ ขอเกริ่นสักนิดก่อนว่าจขกท. เป็น #dek59 ที่ไปสอบ #สมาร์ทวัน แล้วไม่ต่ำกว่าสิบรอบ เรียกได้ว่าสอบตั้งแต่ม.5เทอมแรกๆเลยล่ะ ผิดหวังมาก็เยอะ เจ็บมาก็เยอะ โดนดูถูกให้เปลี่ยนสายไม่ต้องไปสอบก็เจอมาแล้วครับ ซึ่งปัญหาใหญ่ๆของผมและเพื่อนๆทั่วๆไปที่เจอคือ "คะแนนภาษาอังกฤษมันได้น้อยเกินไป เวลาไปสอบพอผลประกาศออกมาคะแนนในหลายวิชาดูดีมีลุ้นติด แต่พอดูคะแนนอังกฤษก็ทำให้ผิดหวังอยู่ร่ำไป ซึ่งอังกฤษเนี่ยแหละสำคัญมากๆเลยครับ เพราะคะแนนตอนยื่นเนี่ยเวลามันตัดกันมันตัดที่คะแนนอังกฤษอย่างเดียวเลย การอ่านก็ทำได้กันทุกคน เลขฝึกๆบ่อยๆก็ทำได้ระดับนึงละ ความรอบรู้ก็อาศัยดูข่าวบ่อยๆกะทำบุญดีๆ วันนี้ก็เลยจะมารีวิวการอัพคะแนนภาษาอังกฤษสมาร์ทวันอย่างละเอียดเท่าที่ผมจะทำได้ ว่าทำยังไงบ้าง? จากที่เคยสอบได้ต่ำสุด 38 จนปัจจุบันได้77คะแนน



อย่างแรกคือต้องเชื่อว่าเราสามารถทำได้ : เชื่อเถอะครับ ต่อให้คะแนนเราจะยังไม่ถึงเป้าก็ตามเถอะ แต่จงศรัทธาในตัวเอง สำหรับเรานะ รอบที่สอบสมัยม.5 เลขก็กลางๆ อังกฤษก็ห่วย การอ่านกำลังดี แต่ไปสอบกี่รอบมันก็แบบคะแนนอังกฤษมันวนซ้ำ 46 38 45 ซึ่งมันก็เซ็งๆแล้วเหมือนมีอยู่รอบนึง มั่วแล้วมันดันแบบได้มา 50คะแนน!! มันเยอะมากๆ เราก็หลงผิดคิดว่ารอบหน้ามั่วเหมือนเดิมผลออกมาก็ประมาณ 43 ซึ่งรอบนี้คะแนนเลขเรากำลังดีมันก็เลยเจ็บใจมากๆ รอบต่อๆไปก็อ่านแต่ยอมรับว่าไม่จริงจังไรมาก ก็ไม่เคยเกิน50อีกเลยนี่แหละ ความคิดผิดๆ misconception อย่างนี้แหละที่ทำให้มันไปครอบงำตัวเรา ทำให้เราคิดว่าเห้อมม อ่านเท่าไรมันก็ไม่เกิน50ซักทีซึ่งถ้าเราคิดอย่างนี้ขอบอกเลยว่ามันไม่มีวันได้เกิน50แน่นอน สิ่งสำคัญๆคือเราต้องเปลี่ยนความคิดของเราใหม่ ต้องคิดว่าเป็นไปได้ ไปส่องกระจกตอนนี้เลย ใช่แล้วล่ะไปตอนนี้เลย มองคนในกระจก นึกภาพตัวเองในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าดิว่าเราจะใส่ชุดนักศึกษามหาลัยไหน มองให้เกิดจินตภาพเลย น่อว์ พอเริ่มเห็นเค้าลางๆแล้วใช่มั๊ยล่ะ ดีใจด้วยนะ ต่อมาก็สบตากับคนในกระจกแล้วก็พูดเลยว่าตัวเราเนี่ยแหละเด็กบัญชี/เด็กบริหารมธ.สัญญากับคนในกระจกด้วยว่าเราจะทำมันให้ได้!! (ตอนที่ทำครั้งแรกก็แบบใจมันไม่ค่อยเชื่อที่ตัวเองพูดเท่าไร..แต่ก็ทำไปเถอะครับ) โอเคเลย พอเรามีจิตใจที่มุ่งมั่นอย่างแรงแล้วขั้นตอนที่เหลือมันก็จะทำอะไรได้ง่ายไปหมด ถ้าไฟมันดับอ่ะดับได้นะแต่เราต้องรีบจุดขึ้นมาใหม่ เชื่อมั๊ยว่าเวลาดูผลคะแนนแล้วมันผิดหวังอ่ะ ไฟของทุกคนมันดับเหมือนๆกันหมดแหละครับ แต่มันจะต่างกันตรงที่ใครสามารถที่จะลุกขึ้นมาจุดไฟลูกใหม่ได้เร็วกว่ากัน…. แค่นั้นเอง อ่า ไฟลุกแล้วมาอ่านข้อต่อไปเลยครับ



ต่อมาคือต้องวิเคราะห์จุดอ่อนของตัวเอง : พาร์ทอังกฤษเราอ่อนตรงไหนก็ไปเสริมตรงนั้นอ่ะ แต่ถ้ารู้สึกว่าอ่อนมันทั้งหมดเลย แกรมก็ไม่รอด รีดดิ้งก็ไม่ไหว แนะนำว่าให้ไปเรียนพิเศษเลยครับ ไปเรียนภาษาอังกฤษทั่วๆไปที่ไหนก็ได้ แต่ต้องไปเรียนและตั้งใจให้มากๆ ส่วนตัวอังกฤษสมาร์ทเราเรียนพี่โอม Forward English อ่ะครับ มีหลายคอร์สแบ่งตามความยากและก็ประเภทของข้อสอบ เราเรียนตั้งแต่คอร์สแรกๆเลยคือพี่เค้าจะปรับพื้นฐานเราตั้งแต่แรกเลย สอนวิธีแบ่ง structureต่างๆนาๆ สอนผ่านโจทย์  ซึ่งพี่โอมดีตรงที่ข้อสอบที่เค้าเอามาให้ทำอ่ะ พี่เค้าไปสอบจริงแล้วจำมา ตอนเราเรียนก็เหมือนกับเจอข้อสอบจริงด้วยแหละ เราว่าทำข้อสอบจริงประสบการณ์เรามันจะดีกว่าอ่ะครับ พี่เค้าสอนเข้าใจง่ายดี แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องทบทวนนะ มันไม่ใช่ว่าการที่เราไปเรียนพิเศษมันจะทำให้เราเก่งขึ้นมาทันที ไอความคิดแบบนี้อ่ะลบไปจากหัวเลยเชื่อเราๆๆ แต่ก่อนเราคิดแบบนี้นะ เรียนเสร็จกลับบ้านวางเป๋านอน ไม่ทวนไรเลย แน่นอนมันไม่ได้ผลแทบไม่มีผลกับการสอบเลยอ่ะครับ พอเราเริ่มกลับตัวกลับใจได้.. ก็ไปลงคอร์สเดิมซ้ำเสียทั้งตังเสียทั้งเวลา แต่สิ่งที่ได้เพิ่มมาคือความตั้งใจ



mso-hansi-font-family:Calibri;mso-hansi-theme-font:minor-latin;mso-char-type:
symbol;mso-symbol-font-family:Wingdings">เดี๋ยวมาต่อนะครับกระทู้ยาวเกิน 


แสดงความคิดเห็น

>

14 ความคิดเห็น

Tain Vengeanze 27 ธ.ค. 58 เวลา 17:23 น. 1

อยากเก่งต้องท่องศัพท์ : มีครั้งนึงเราเปิดคลิปในยูทูปดูเป็นคลิปติวสมาร์ทวันอังกฤษเนี่ยแหละ คนสอนในคลิปบอกประมานว่าศัพท์ไม่ต้องไปท่องมันหรอกกก เพราะพาร์ทโวแคปออกนิดเดียว ไปแกรมม่า ริดดิ้งดีกว่า.. เราฟังแล้วเรานี่ลุกขึ้นยืนเลย!! ไม่ได้โกรธแต่เมื่อยตูด 555 นั่งหน้าคอมนาน คือเราจะบอกว่าท่องไปเถอะศัพท์อ่ะครับ อย่างน้อยท่องไปเราได้มาในพาร์ทโวแคปแน่นอน คำถามก็คือตอนทำรีดดิ้งอ้เราอ่านภาษาอะไร อ่านภาษาอังกฤษ ยังไงมันก็ต้องเจอศัพท์อยู่แล้วครับ หลายๆคนเค้าก็บอกให้ท่องศัพท์กันเราก็ว่าจะท่องแหละ แต่ท่องไรดีอ่า ขี้เกียจและไม่ท่องดีกว่า แฟนหนูเป็นฝรั่งไม่ท่องดีกว่าอร้ายย ความคิดนนี้ก็สมควรลบออกไปอีกเช่นกันครับ ศัพท์มันต้องเกิดจากการสะสมท่องวันละ10-30คำ ส่วนตัวเราท่องจากชีท4หน้าของอาจารย์สมศรีอ่ะครับ คือ อยากจะบอกว่าดีจริงๆ ดีจริงๆ ดีจริงๆ ถ้าท่องไปหมดหรือเกิน 75%อ่ะยังไงเจอแน่นอน มันจะเป็นคำศัพท์สำคัญที่เด็กม.ปลายควรรู้ ช่วยได้มากๆเลยนะเวลาเจอรีดดิ้งอ่ะ จะทำให้เราเข้าใจpassageได้เลยล่ะ ทีนี้ก็ถึงเวลาท่องและ!! ความรู้สึกแรกคือแมร่งเยอะมากกกกกก แบบคิดว่าจะท่องยังไงไหววะ? แต่เราสามารถท่องหมดได้ครับ ต้องค่อยๆท่องไปวันนึงมันจะหมดเอง คนท่องหมดมีเยอะแยะเลยครับ คนที่กำลังพิมข้อความนี้ให้อ่านก็ท่องหมดแล้วคนนึง อีกหลายๆคนที่จัดไปก็คือคู่แข่งของเรา แต่เราเชื่อว่าคนต่อๆไปที่จะท่องหมดก็คือแกที่กำลังอ่านบรรทัดนี้อยู่ เราเชื่ออย่างนั้น อ่าทีนี้มาดูวิธีการท่องตามแบบเราดีกว่า ด้วยความที่4หน้าตัวอักษรมันเล็กไป เราไม่ชอบ เลยไปเข้าเว็บของอาจารย์สมศรีไปโหลดศัพท์ไฟล์ศัพท์4หน้านี้ เป็นนามสกุล .pdf อ่ะครับ ปริ้นต์มาท่อง ตัวมันจะใหญ่หน่อยท่องแล้วสบายตาดี ใน1หน้าA4ที่ปริ้นต์ = 1แถวของศัพท์4หน้า เวลาท่องมันจะจบหน้าเร็วหน่อย เรารู้สึกดีอ่ะเวลามันใกล้เป้าหมายมากขึ้น จิตวิทยาไรทำนองนี้มั้งครับ 555 การท่องของเราคือจะมี Hilightมาขีดๆสลับสีกัน เวลาท่องจะได้แยกง่ายครับ แต่Hilightมีแค่4สี แต่ศัพท์ใน1หน้าเราเยอะ ก็เอาmycolour มาช่วยขีดๆด้วยครับ ท่องวันละ20คำ ในศัพท์ของอ.สมศรีอ่ะครับอย่างน้อยมันก็น่าจะมีศัพทืที่เรารู้จักอยู่บ้างและครับ แน่นอนว่าเวลาเราท่องก็นับเป็น1ใน20คำไปด้วยเลย มันก็จะจบหน้าเร็วขึ้นด้วย เป็นกำลังใจที่ดีเลยล่ะ ทีนี้สมมติเราท่องวันนี้20คำนะ วันต่อมาก็ท่อง20คำแรกและก็+เพิ่มอีก20ด้วย เหมือนว่าเราต้องมาย้ำๆๆกับของเก่ากันลืมด้วยล่ะ แต่พอนานๆเข้าศัพท์มันก็แบบเยอะใช่ม้า ตอนท่องอาจจะลื่นไหลอาจจะจำได้เพราะมี synonymอยู่ข้างๆ แต่ถ้าเจอเดี่ยวๆแบบแยกมาอ่ะ อาจจะแบบคุ้นๆว่ะ แต่มันแปลว่าไรแว้ ประมานนี้ซึ่งแรกๆเราเป็นบ่อยมากในห้องสอบ 555 จนวันนึงได้ไปเปิดทวิตแล้วเค้ารีมา บอกว่าเวลาท่องศัพท์ให้ทำ FlashCard จะเป็นการเช้คว่าเราจำได้มั๊ย? Flashcard ก็คือกระดาษนี่แหละมี2ด้าน ด้านหน้าเขียนศัพท์ ด้านหลังเขียนความหมาย อ่านทวิตเสร็จปุ้บ ผมนี่ลุกขึ้นหยิบ A4 มาฉีกๆ เขียนๆเลยครับและพบว่า.. a4 เมื่อใช้ไปนานๆมันจะเริ่มอ่อนและมันดูไม่ใช่การ์ดเอาซะเลย จึงหาเวลาว่างๆเอากระดาษ100ปอนด์ที่ใช้วาดรูปอ่ะครับ แข็งๆกำลังดีหน่อย มาร่างและตัดเป็นสี่เหลี่ยมหลายๆใบ ขนาดเอาเล็กๆกำลังดีพกไปไหนมาไหนได้ เราต้องเผื่อเวลาขึ้นรถไฟฟ้าหยิบมาท่องด้วยนะ มันจะโอเคกว่า ตอนเขียนเราก็เขียนด้วยมายคัลเลอร์เหมือนเดิม มันหลากสีสันดีครับ มีอีกเรื่องนึงนะ คือเราไม่จำเป็นต้องทำFlashCardทั้งหมด เอาเฉพาะศัพท์ที่เราชอบลืมบ่อยๆ ศัพท์แปลกๆ หรือศัพท์ที่คุ้นๆเคยเจอไรพวกนี้ก็พอครับ เพราะมันเยอะและต้องใช้เวลาตัดพอสมควรอ่ะครับ  ของเราด้านหน้าเขียนศัพท์มาคำนึง ด้านหลังเขียนซินโนนีม/ประเภทของคำ และ ความหมายด้วย เขียนด้วยลายมือเราที่สวยๆเองเลยนะจ๊ะ แล้วก้พกมันไปในทุกหนทุกแห่ง ศัพท์เราจะจำได้ต่อเมื่ออยู่กับมันเยอะๆ มองมันบ่อยๆเราก็จะจำได้เอง ถามว่าท่องวันละ 20 คำมันมีลืมบ้างไหม? มันก็มีลืมบ้างแหละ แต่พอเราลืมเรายิ่งแค้นก็ท่องมันซ้ำๆเราก็จะจำมันได้เองแหละ เอาล่ะที่เราทำกับศัพท์ก็มีประมานนี้

0
Tain Vengeanze 27 ธ.ค. 58 เวลา 17:25 น. 2

มาดูแกรมม่ากัน : มักจะมาในรูปของ ERROR และ Sentence Completion ในสมาร์ทมันก็มีอยู่บ้างแหละประมาน 10 ข้อมั้งจำตัวเลขเป๊ะๆไม่ได้ มันมีช่วงนึงสอบแกท เราก็ไปเรียนคอร์สแกทของเอนคอนในนั้นก็มีแกรมม่าอยู่อ่ะ มันจะเป็นเนื้อหาที่จำเป็นๆในการสอบแกท ซึ่งอังกฤษมันสามารถเอามาประยุกต์กันได้หมดแหละ คอร์สนี้ก็เสริมแกรมม่าเรามาด้วยระดับนึงนะ แต่ตอนนั้นเราก็รู้สึกว่า ERROR เรามันยังอ่อนหัด มีความตั้งใจแต่ก็ยังอ่อนหัดอยู่ดี ส่วนนึงเพราะเวลาเราทำ ERROR อ่ะ เราจะดูที่ขีดเส้นใต้แล้วก็อ่านทั้งประโยค ตรงไหนมันอ่านไม่ลื่นหู นั่นแหละใช่เลย กาแม่ม แน่นอนมันผิด 55 แต่ช่วงนั้นคือเราดูแล้วมันก็รู้สึกถูกทั้งหมดเลยนะ ก็แก้ปัญหาโดยการไปเรียนนี่แหละ แต่ๆเรารู้สึกว่ามันยังไม่พออ่ะ เลยไปร้านหนังสือ หนังสือแบบฝึกอังกฤษที่ฮิตๆกันก็เป็นของอ.ศุภวัฒน์  ไปซื้อมา2เล่ม คือตอนนั้นเราอยากจะ focus แกรมม่ามากๆ เลยไปซื้อเล่มที่ชื่อว่าตะลุยโจทย์ BASIC Grammar / ตะลุยโจทย์ Grammar 1500 ข้อ / Error เล่มน้ำตาลเขียว ก็เอามาทำๆมันก็ดีอ่ะ พื้นแกรมเราจะแน่นขึ้น ในนั้นมีแกรมม่าที่จำเป็นหลายเรื่องเลย 2เล่มแรกที่แนะนำไปมันต้องใช้เวลาฝึกพอสมควร แบบฝึกหัดหลายอันมันมีแบบต้องเขียนไรงี้ด้วย แต่ถ้ามีเวลาก็แนะนำเลย ทีนี้มาดูที่ ERROR เล่มเขียวน้ำตาลกัน มันแบ่งเป็น2ส่วนคือ ERROR กับ SENTENCE COMPLETION โอเคเลย เล่มนี้จะมีสรุปแกรมม่าเล็กๆไว้ในแต่ละบท ค่อนข้างง่าย เหมือนมีเนื้อหามาก่อนอ่ะ ทำให้เรารู้ว่าข้อสอบข้อนี้เค้าจะวัดเรื่องอะไร อย่างเช่นบท Verb ก็จะมี สรุปแกรมม่ามาให้และก็มีแบบฝึกในเรื่อง verb อยุ่ข้างล่าง.. แต่เราเป็นเด็กช่างสังเกต เราอ่านเรื่อง verb ใช่มั๊ย เราก็รู้แน่ๆว่าอี3ข้อล่างอ่ะ มันผิดเรื่อง verb เราเห็น verb เราก็กาเลย 555 แต่ก็งิดไปเมื่อรู้ว่าในช่วงท้ายๆเค้ามีแบบฝึกหัดแบบรวมๆหลายๆเรื่องไว้ให้ฝึกอย่างจริงจังด้วยแหละ มาดู Sentence Com ก็โอเคนะ มันง่ายกว่า ERROR อยู่ เพราะมันวัดแค่จุดๆเดียวให้เติมช่องว่าง แต่ถ้า ERRORเราต้องวัดแกรมถึง4จุดเลย ฝึกจากตรงนี้ก็โอเคเลยล่ะ ทำหมดเล่มฝีมือตอนนี้แกก็คงระดับนึงละ แต่ถ้าอยากเข้มข้นเรื่อง ERROR กว่านี้อ.ศุภวัฒน์เค้าก็มีอีกเล่มนึงนะ เป็นเล่มขาวเขียว 500ข้อแหน่ะ(แต่เล่มนี้มันจะค่อนข้างยากหน่อย ทำแล้วท้อเลย แต่ก็เข้มข้นจริงๆแหละ) จุใจกันมากๆเลยย มาดูเทคนิคเวลาทำ ERROR ของเราบ้าง มันมีช่วงนึงที่เราได้ยินเพื่อนๆที่ไปติวเค้าพูดกันมาว่าแบบ ใช้ “Post-it สิ จดๆและแปะไว้ฝาบ้าน ไรพวกนี้ ฟังแล้วมันดูชิคๆ คูลๆดี ก็ไม่รอช้าครับไปซื้อมาเลย แต่…. ซื้อมาแล้วจะเขียนอะไรดีล่ะ? 55 สำหรับเราใน post-it เราจะเขียนแกรมม่าจากที่เราได้ไปเรียนมา ได้เจอมา เราก็เปิดชีทและเขียนไป เช่น One of the + N.พหูพจน์ + V.เอกพจน์ ไรงี้ ก็จดไปแผ่นนึงแล้วแปะ เราจะแปะตรงหน้าโต๊ะทำงานอ่ะ เวลาทำการบ้านเบื่อๆก็เงยหน้ามาดู มันก็จะช่วยได้อยู่นะ คือพวกแกรมอย่างนี้เวลามันออกอ่ะ มันออกตรงๆเลยถ้าเจอก็เสร็จเรา ที่แปะไว้ก็เพื่อให้จำได้มันจะ recall เองอัติโนมัติในสมอง เวลาทำ ERROR แล้วชอบพลาดตรงไหนก็จดไว้ด้วย นอกจากแกรมม่าเราก็ยังจดโวแคปผ่าน Post-it ด้วยแหละ แต่เราเน้นพวกกลุ่มคำมากกว่า เช่น delay defer adjourn postpone = เลื่อน ทำนองนี้แต่ศัพท์เราจะแปะคนละที่กับแกรมอ่ะกันสับสน เราจะแปะตรงที่ๆเราสามารถเจอมันบ่อยๆเช่นตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า ประตูพวกนี้ // ฝากการเลือกPost-it ไว้สักนิดนึงนะ เวลาเลือกควรเลือกที่ในแพ็คนึงมีหลายๆสีอ่ะ ถ้าเกิดเราใช้สีเดียวแปะรวมๆกันเนี่ยมันจะลายตา ใช้มายคัลเลอร์ก็จะทำให้มันโดดเด่นขึ้นมาด้วยนิดนึง อ่านจะง่ายกว่านะ แถมหนังสืออีกเล่มนึงนะ สำหรับเรามันเปลี่ยนชีวิตเราเลยล่ะ ทำให้ ERROR เราทำได้ดีกว่าเดิม เพราะเล่มนี้มันมีเนื้อหามาให้อ่านด้วย เนื้อหาเยอะกำลังดีเลย ไว้อ่านกันลืมในบางจุดได้ด้วย เราไปเจอเล่มนี้ที่ห้องสมุดมันหนามากกก แต่มันโอเค เล่มนี้ชื่อ พิชิตข้อสอบ TU GET (Grammar Test)” ของ ผศ.ดร.นเรศ สุรสิทธิ์ หน้าปกมันจะลูกทุ่งๆหน่อย เฉลยดีใช้ภาษากันเองและก็ละเอียดด้วยแหละ เฉลยบางข้อตลกๆด้วยแบบ อยากจะเขียนอธิบายมากกว่านี้แต่เนื้อที่มีจำกัด เพราะเล่มนี้ก็ปาไปหลายร้อยหน้าแล้ว 5555 รีแล็กซ์ดีครับ J

รีดดิ้ง เจอแล้วอยากดิ่ง : โอเคเราดำเนินมาถึงพาร์ทที่กินคะแนนเยอะสุดในภาษาอังกฤษแล้วนั่นคือ รีดดิ้ง ซึ่งกินคะแนนถึง 50% เลยทีเดียว มันเยอะมากกกก ถ้าทำได้อย่างน้อยก็ 50+เลยนะ ไปเรียนพิเศษจะช่วยได้ดีกว่า เพราะเค้าจะแบ่งประเภทโจทย์ให้ โจทย์มีหลายแบบวิธีทำแต่ละแบบก็ไม่เหมือนกันอย่างเช่นพวก reference อ่ะ แกต้องดู1-2ประโยคข้างหน้า วิธีเช็คก็คือเอาคำในช้อยส์มาแทนแล้วแปลว่ามันโอเคมั๊ยไรงี้ การไปเรียนจะช่วยเป็นแนวทางเฉยๆครับ เหมือนกับว่าเรามีแผนที่มันทำให้เราไม่หลงทาง แต่เราจะเดินทางได้ชำนาญก็ต่อเมื่อเราได้ทำมันจริงๆ เราต้องฝึกเองอ่ะ อ่านไม่ออกว่ะนี่คือปัญหาของผมเวลาเจอกับpassage ปัญหาเหล่านี้จะแก้ไขไปได้ระดับนึงเมื่อเราท่องศัพท์ แต่ยังไงๆมันก็หลีกหนีไม่พ้นเมื่อเราต้องเจอกับศัพท์ที่เราไม่รู้ .. แต่อย่าเพิ่งหมดหวังไปนะ เราไปถามเรื่องนี้กับเพื่อนคนนึงที่เค้าเก่งอังกฤษ เค้าบอกเราว่าให้ มโนมันเหมือนกับให้เราเชื่อมโยงเนื้อเรื่องต่างๆเองอ่ะ บางทีก็อ่านมองข้ามศัพท์คำนั้นไปเลยก็ได้นะ อย่าไปติดมันมากเกินไป ทีนี้เวลาเราฝึกเองก็เลยซื้อหนังสือของ อ.ศุภวํฒน์เช่นเดิม เขียนว่า READING อ่ะเล่มสีขาว-ส้ม เล่มนี้ดีแนะนำไปหลายคนแล้ว มันดีตรงที่เล่มนี้มันจะแบ่งประเภทโจทย์ไว้ และมีแบบฝึกเฉพาะโจทย์นั้นๆเลย อ่ะ อย่าง reference ก็จะมีให้ทำเยอะอยู่ Main Idea ก็จะมีให้หาไรพวกนี้ ซึ่งบางแนวเราต้องเขียนด้วย แต่เราแนะนำว่าให้ทำไปเลย ลุยไปเลยยอย่าขี้เกียจ คือตอนแรกเราขี้เกียจอ่ะอยากทำแบบกาๆมากกว่า แต่คิดอีกทีเขียนไปดีกว่า ซึ่งมันทำให้เบสิคเราแน่นด้วย พอครบทุกแนวโจทย์แล้วด้านหลังจะมีแบบฝึกหัดเพิ่มเติมให้ซึ่งเป็นแบบฝึกหัดที่ง่ายๆ-กลางๆ passageหลังๆที่จะเริ่มยากแต่เราว่ายังไม่ยากเท่าสมาร์ทวัน พอทำหมดแล้วตอนนี้ก็คงจะเก่งขึ้นมาระดับนึงละนะ J แต่เราว่ามันก็ยังไม่พอ ประจวบกับการที่เพื่อนเราไปเรียน Enconcept คอร์สแอดอ่ะ มันจะมีแบบฝึกรีดดิ้งที่เยอะมากๆๆๆ ก็ไปขอมันมาทำ เราก็ทำวันละpassage ก็โอเคนะ มันเหมือนเป็นการลับมีดอ่ะ ยิ่งลับยิ่งคมม ก็ทำไปเรื่อยๆฮะ เจอศัพท์แปลกๆอ่ะเราจะขีดไว้พอทำเสร็จดูเฉลยเราก็จะมาหาคำนั้นว่าแปลว่าอะไร แล้วก็จดไว้รวมๆกันเลย  แล้วก็เอามาดูผ่านๆอีกที เวลาเราอยู่ในห้องสอบอ่ะ เราจะเอาHilightเข้าไป 3-4 แท่ง อย่างแรกก็ไว้ขีดแบ่งประเภทคำถาม ขีดkeywordในคำถาม จะได้มองเห็นง่ายๆด้วยแหละ และเวลาเราอ่านไปเรื่อยๆเจอKWเราขีดKWนั้นด้วยนะ เวลาเหลือบมามองว่ามันอยู่ข้อไหนจะได้เห็นชัดเจนขึ้น และอีกอย่างคือเวลาเราทำไปแล้วมีเวลาเหลือกลับมาเช็คอ่ะ จะได้เอาข้อผิดกลับคืนมา แต่ระมัดระวังอย่าไปไฮไลท์คำตอบ เพราะคนรอบข้างสามารถมองเห็นได้ ครั้งนึงเราไปสอบที่SC ไอเด็กข้างๆมันชอบมามองเวลาทำความรอบรู้อ่ะ เราเลยจับปากกาวางบนโต๊ะชูเป็นนิ้วกลางและก็หันไปมองหน้ามัน 555 ไสยไสยคับ การเพิ่มประสิทธิ์ภาพการอ่านภาษาอังกฤษของเรานะ เราจะอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษเอา Bangkok Post ก็โอเคเลย ช่วงฟิตๆอ่ะเช้าๆเย็นๆเราจะไปนั่งอ่านในห้องสมุดโรงเรียน โชคดีที่โรงเรียนเรารับ Bangkok Post มาทุกวันทำให้ไม่ต้องไปซื้อมาอ่าน เพราะเล่มนึงตั้ง 30 บาทเลย เปิดมาเราจะอ่านพวกข่าวบันเทิง เพราะมันจับต้องได้ไรพวกนี้และมันน่าสนใจมากกว่าพวกข่าวการเมือง พออ่านจบก็ไปอ่านข่าวการเมือง สิ่งแวดล้อม ไลฟ์สไตล์ ต่อ เจอศัพท์ก็เปิดดิคเลย แต่มันดีตรงที่เราจะคุ้นเคยกับการอ่านภาษาอังกฤษที่เป็นเชิงข้อสอบมากขึ้น เพราะหลายๆครั้งข้อสอบก็ไปเอามาขากพวกข่าวนี่แหละ ฟีลลิ่งการอ่านมันเลยคล้ายๆกันอยู่บ้างอ่ะครับ โอเค สำหรับคนที่ไม่สะดวกในการซื้อหรือไปห้องสมุด ก็มีแอพครับชื่อ Bangkok Post ลองพิมหาดูใน PlayStore / AppStore ได้เลยครับ ใช้ได้ดีอยู่ เวลาไปห้องน้ำก็เอาเข้าไปอ่านด้วย ได้ประโยชน์และไม่เสียเวลาเปล่า นอกจากนี้ก็มีแอพข่าวของต่างชาติพวก NYT ซึ่งผมชอมากๆแต่เค้าให้ทดลองใช้ฟรี 30 วัน เสียดายย 555 ก็เป็นอีกแนวทางนึงในการพัฒนาสกิลการอ่านภาษาอังกฤษของตัวเองนะครับ

0
Tain Vengeanze 27 ธ.ค. 58 เวลา 17:25 น. 3

เสริมนิดนึง : พอเราท่องศัพท์ของอ.สมศรีหมดแล้ว เราไปท่องเล่มสีชมพูของอ.ศุภวัฒน์ต่อ คือเมนี้มันจะแบ่งเป็น2พาร์ท พาร์ทแรกจะเป็นศัพท์แบบรัวๆ พาร์ทหลังจะเป็นแบบฝึกหัด ซึ่งเวลาเราพกไปไหนมาไหนมันลำบาก เราเลยเอาคัตเตอร์กรีดแบ่งครึ่งเล่ม เอาเทปแปะกันหลุด มันก็ทำให้เบาลง พกติดตัวไว้อ่านได้ทุกที่เลย สะดวกสบาย เล่มนี้ถ้าเราผ่านการท่องศัพท์ของอ.สมศรีมาแล้วอ่ะ มันจะผ่านไปได้ไวระดับนึงเลย เพราะมันจะเสริมศัพท์ยากเพิ่มเติมขึ้นมา ประมานนี้ครับ FlashCard เราก็ทำกับเล่มนี้ด้วยนะ

ปิดท้าย : ก็เป็นรีวิวที่เขียนยาวที่สุดและนานที่สุดตั้งแต่เคยเขียนรีวิวมาเลยครับ ปกติเขียนแต่รีวิวเพลงรีวิวอัลบั้มในพันทิป วันนี้มาเขียนรีวิววิชาการบ้าง เราก็เป็นคนธรรมดาคนนึง มี1สมองกับ2มือ มองไปมันเหมือนๆกันนะ แต่มันต่างกันที่ความตั้งใจและความมุ่งมั่นของแต่ละคนมากกว่า เอาจริงๆเราท้อ ท้อมากๆเพราะเราแบบเป็นคนสมองกลางๆ เลขก็ค่อนข้างเกลียดเลย อังกฤษก็พอถูๆไถไถ ขณะที่เพื่อนๆเราเค้าแบบเลข 80+ อังกฤษน้อย ซึ่งมันแบบดูไม่สมดุลดี มันมีรอบนึงนะที่เราสามารถทลายกำแพงอังกฤษ 50ลงได้ ทำลายกำแพงเลขไม่เคยเกิน 70ลงได้ แต่…. มันโชคร้ายตรงการอ่านที่มันมาฉุดเราอ่ะ เพื่อนๆเราเฉลี่ยแตะเลข7 กันเยอะแยะทั้งๆที่เค้าเพิ่งเตรียมตัวตอนม.6 แล้วเราที่เตรียมตัวตอนม.5 มันยังแบบได้น้อยกว่าเค้า เอาจริงๆคือรอบนั้นหวังติดแล้ว แต่แบบ.. ไปร้องไห้ในห้องน้ำ กลับบ้านมาก็ร้องไห้ต่อ มันเป็นจุดที่เราสับสนกับชีวิตมากจริงๆ แม่ก็โทรมาหา เราก็คุยไปร้องไห้ไปแม่ก็ปลอบใจ อีกวันเลยฮึดใหม่ ใส่แมร่งยับมากก เลขเราเอาข้อสอบทุกรอบมาทำแล้วเช็คว่าข้อไหนน่าสนใจแล้วจดไว้ เวลามาทวนอีกทีจะ focus เฉพาะข้อนั้นๆ ด้วยความที่เราเป็นคนคะแนนกลางๆ ไม่มีไรเก่งสักอย่างมันทำให้เราเหนื่อยมากๆแหละ แต่เราสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะดิ้นให้ถึงที่สุด.. คือ มันไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ คำนี้คือจริงๆ เวลา2ชม.เท่ากัน คนนึงเลือกที่จะดูหนัง กับอีกคนนึงเลือกที่จะอ่านหนังสือ เมื่อเวลาครบสิ่งที่ทั้งคู่ได้มามันก็ต่างกันแล้วอ่ะ เวลาเหลือน้อยแล้วใช้เอาให้มันคุ้ม ถ้าเราทำมันดีที่สุดมันก็จะได้เอง ถ้ามันยังไม่ได้คือมันยังไม่สุด แค่นี้แหละ ตอนนั้นเรากดดันตัวเองมาก แต่ก็พบว่ามันไม่ช่วยอะไรเลย เราเลยค่อยๆใจเย็นๆอ่านไปเรื่อยๆ ทำตามเป้าหมายให้ได้ในแต่ละวันมันคือโอเคสำหรับเรา (เป้าเราทำข้อสอบเลขวันละชุด ช่วงใกล้สอบก็วันละ2ชุด) ทำเป้าเสร็จแล้วก็ไปพักผ่อนแล้วมาอ่านต่อ แต่อย่าพักนานมาก เราไม่ค่อยชอบอ่านแบบเยอะๆเท่าไร เราเลยแบ่งเวลาเป็น อ่าน50นาที พัก15นาที มันโอเคเลยล่ะ สมองไม่หนักเกินไป ช่วงนี้มันก็หนักกันเกือบทุกคนแหละ อดทนและก็สู้ๆไป หาแหล่งที่เป็นแรงบันดาลใจไว้ด้วย พ่อ แม่ แฟน เวลาท้อก็ไปคุยๆระบายๆ เชื่อเราว่าคนที่รักเราเค้ายินดีรับฟังและคอยปลอบเราอยู่เสมอแหละ ล้มได้และก็ลุกขึ้นมานะ ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ เราใช้เวลาและพลังงานไปกับการเขียนหลายชั่วโมงเพื่อให้สิ่งที่เราทำในการอัพสกิลภาษาอังกฤษของเรามันครบที่สุด และให้เพื่อนๆสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ครับ มีความสุขและเจอกันที่มธ.นะครับ ACCY TUสู้เว้ยยย J   

ปล. เวลาเราจะทำให้ถึงเป้าหมายอ่ะ เราจะเขียนลง post-it แล้วแปะไว้เหมือนกัน เช่น รอบนี้อังกฤษ 50++ ซึ่งมันก็เป็นจริง คือเราจะแปะไว้ที่ๆเราเห็นชัดๆ มันทำให้เราหมกมุ่นอยุ่กับเป้าหมาย เวลาหยิบโทรศัพท์มาเล่นก็จะเกิดการละอายประมานนี้ เออ อีกอย่างโทรศัพท์เราก็ติดนะ ติดเกมแต่แนะนำให้กลั้นใจลบไปแล้วพอติดค่อยกลับมาเล่นใหม่ มันดีจริงๆนะ ทำไมถึงแนะนำให้เรา คือวันนึงเราอยากจะรุ้ว่าเราใช้เวลาไปกับโทรศัพท์เท่าไรก็ไปโหลดแอพมาชื่อแอพ UBhind ของแอนดรอยด์นะ มันก็จะนับเวลาว่าเราใช้เวลาเล่นโทรศัพท์ใน1วันนี่กี่ชั่วโมง และหมดเวลาไปกับแอพไรมากที่สุด ประมานนี้อ่ะซึ่งของเรานี่ล่อไป 7-8ชมต่อวันเลย โชคดีนะทุกคนน  มีไรถามได้เลยถ้าว่างเดี๋ยวมาตอบครับ

0
dear 28 ธ.ค. 58 เวลา 18:26 น. 4

จขกท ขยันม้ากกกกกกกกกกกกกกกกก -0-
วันที่สิบนี้จขกทไปสอบป่ะ แล้วเจอกันน้าา <3

1
Tain Vengeanze 23 ม.ค. 59 เวลา 07:07 น. 4-1

ไปมาละครับ เลขค่อนข้างยากอยู่ ส่วนอังกฤษก็มาตรฐานเดิมครับ คะแนนหลายคนลด เราเองด้วยแหละ แต่ก็ต้องสู้ๆในรอบสุดท้ายนะครับ ส่วนนึงที่รอบนี้มันยากเราคิดว่ามันเป็นรอบสุดท้ายของ BBA ด้วยแหละครับ สู้ๆนะ

0
กุหลาบปลายฟ้า 28 ธ.ค. 58 เวลา 19:11 น. 5

เราก็dek59 ไปสอบมา3รอบ คือเพิ่งรู้ว่าอยากเรียนคณะนี้และที่นี่! แต่สอบกี่ครั้งๆคะแนนก็ขยับขึ้นแค่คณิตกับการอ่าน จนรอบล่าสุดเราได้วิชาอื่นเพิ่มขึ้นเยอะ แต่อังกฤษไม่ผ่านเกณฑ์อ่ะ เสียใจมาก เราถึงเพิ่งจะคิดได้ว่าเฮ้ยเราต้องขยันให้มากกว่านี้แล้วนะเว้ย  คะแนนวิชาอื่นมันจะไม่มีผลอะไรเลยถ้าคะแนนอังกฤษยังเน่าขนาดนี้ รอบ10ม.ค.นี้จะสู้ให้สุดใจเลย  ขอบคุณมากๆสำหรับคำแนะนำนะ ดีมาก เป็นประโยชน์มากเลยจ้าา

0
Tain Vengeanze 23 ม.ค. 59 เวลา 07:10 น. 6-1

ตอนนี้ได้ประมาน70กลางๆครับ แต่ตอนยื่นคะแนนยังไม่ถึงขั้นต่ำบริหาร4เลย แต่เรายื่นบริหาร4ไปครับ อยากเรียนด้วยแหละ สู้ๆนะครับ

0
pop-jk 28 ธ.ค. 58 เวลา 22:10 น. 7

ขอบคุณนะคะที่นำมาแบ่งปัน จะขยันจริงๆ จะทำให้ได้ ยังมีเวลาถ้าเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ ขอบคุณจริงๆค่ะ

0
MEEN 31 ธ.ค. 58 เวลา 18:07 น. 8

มีหนังสือเล่มเดียวกันเลย ของ ดร.สุภวัฒน์ เล่มสีม่วง Basic Grammar แต่ซื้อมาก็ไม่ค่อยอ่านไม่ค่อยทำ TT

1
Tain Vengeanze 23 ม.ค. 59 เวลา 07:13 น. 8-1

ลุยอ่านเลยครับเพื่อน เต็มที่ๆกับมันวันละบทพอ แล้วก็ไปฝึกทักษะอย่างอื่นด้วยน้า เพราะมันเป็น BASIC GRAMMAR เหมือนกับไว้ย้ำจุดแกรมม่ากันลืมอีกทีนึง สู้ๆนะครับ

0
tungpangncrt 27 มี.ค. 59 เวลา 21:04 น. 11

ขอบคุณมากๆสำหรับคำแนะนำดีๆ อ่านจนจบเลยยยย จะพยายามทำให้ได้แบบที่ จขกท.บอก #dek60 เรายังพอมีเวลา ต้องลุยให้เต็มที่่ !!! เราเป็นคนนึงที่อังกิดไม่แน่น เลขก้อไม่ชอบ ตอนนี้ท่องศัพท์ทุกวันสลับทำแกทไทย + เนื้อหาเลข ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่มาแนะนำทริคดีๆ ขอบคุณมากๆเลยค่าาาา

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น