Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

จากการถ่าย 'เซลฟี่' กลายมาเป็น 'วัฒนธรรม' สากลทั่วโลกในปัจจุบันจนได้!!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ใครที่ชื่นชอบการถ่ายรูป โดยเฉพาะการถ่ายรูปตัวเอง หรือ 'เซลฟี่' วันนี้ พี่มีเรื่องเล่ามาฝากค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการถ่ายเซลฟี่ ที่สมัยนี้กลายมาเป็นเหมือน 'วัฒนธรรม'อย่างหนึ่งที่ทั่วโลกรู้จักและนิยมกันแล้ว น้องๆ คิดแบบนั้นมั้ยคะ

                       
   
    ตอนนี้ที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกากำลังจะจัดนิทรรศการชั่วคราวเกี่ยวกับ 'การถ่ายภาพเซลฟี่'โดยจุดประสงค์ของนิทรรศการคือเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของการถ่ายภาพแบบเซลฟี่ และความอันตรายในการถ่ายเซลฟี่ (ที่เรารู้ๆ ดีอยู่ว่ามีข่าวคนตายเพราะถ่ายรูปเซลฟี่ในหลายๆ สถานการณ์)

    เดี๋ยวนี้พิพิธภัณฑ์ส่วนมากไม่ได้เป็นแค่ที่ๆ ให้คนมาชมศิลปะเท่านั้น เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็ถ้าเราสังเกตกันดีๆ เวลาเดินชมพิพิธภัณฑ์หรือดูงานศิลปะต่างๆ จะต้องมีคนหยิบมือถือขึ้นมา 'ถ่ายรูปเซลฟี่' กันแน่นอน แถมไม่ได้มีแค่คนเดียวและถ่ายรูปเดียวซะด้วย (พี่ก็เคยทำนะ แหม 555) ด้วยความคิดนี้แหละเลยทำให้มีคนจัดนิทรรศการหรือมิวเซียมแบบชั่วคราวขึ้นมาที่ชื่อว่า 'The Museum of Selfies' ที่จะเปิดให้คนเข้าชมเดือนหน้านี้

    ฟังแล้วก็อยากไปดูเลยนะคะว่าในนิทรรศการนี้จะเป็นยังไง แต่รายละเอียดบอกว่าภายในงานจะรวบรวมข้อมูลประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ 'การถ่ายภาพตัวเอง' ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณนานมากจนเราอาจจะงงๆ ว่าเฮ้ย สมัยก่อนเค้าก็ถ่ายรูปตัวเองเป็นด้วยเหรอ!? ใช่ค่ะ มันมีอยู่จริงๆ นะ จนมาถึงปี 2006 ที่เซเล็บคนดังอย่างปารีส ฮิลตัน (Paris Hilton) มาออกตัวว่าเธอเป็นคนต้นคิดการถ่ายภาพเซลฟี่นะจ๊ะ

     แต่ถึงปารีสจะพูดยังไงก็แล้วแต่ ในยุคศตวรรษที่ 21 (21st Century) ก็มีรูปวาดที่เป็นการถ่ายรูปตัวเองออกมา นอกจากนั้นก็มีรูปเซลฟี่ของ Jacqueline Kennedy ที่เป็นรูปเธอถือกล้องแล้วถ่ายสะท้อนเงาตัวเองและคนอื่นๆ ในกระจกออกมาในปี 1960 และรูปเซลฟี่ดังๆ ต่างๆ ของปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นรูปเซลฟี่แปลกๆ ในกระจกห้องน้ำ, เซลฟี่ตัวเองตามตึกสูงๆ น่าหวาดเสียว หรือจะเซลฟี่ของดาราดังๆ ก็มี นอกจากนั้นยังจะมีโซนที่เรียกว่า 'ศิลปะของความหลงตัวเอง' อยู่ในนิทรรศการอีกด้วย

    นักออกแบบเกมชาวแคลิฟอร์เนียสองคนที่ชื่อ Tommy Honton และ Tair Mamedov ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบงานนิทรรศการเซลฟี่นี้ให้สัมภาษณ์ว่า ไอเดียต่างๆ ที่จะเอามาทำนิทรรศการนั้นมาจากการสังเกตว่าสมัยนี้คนสนใจตัวเองมากกว่างานศิลปะซะอีก ยกตัวอย่างเช่นงานศิลปะชิ้นดังๆ อย่างภาพโมนาลิซ่าในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์มีคนถ่ายรูปเซลฟี่คู่กับโมนาลิซ่าเยอะกว่าการถ่ายรูปโมนาลิซ่าเดี่ยวๆ ซะอีก

                       

    ดังนั้นทั้งคู่เลยอยากสร้างพื้นที่ในนิทรรศการให้ไม่ดูเครียดเกินไป แต่เป็นการนำประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมารวมกันให้ดูเข้าถึงง่ายและดึงดูดความสนใจจากคนทุกเพศทุกวัย เพราะเชื่อว่าไม่ว่าใครก็สามารถอินกับเรื่องเซลฟี่ได้อยู่แล้ว เพราะการเซลฟี่เป็นสิ่งที่เกือบทุกคนต้องเคยทำมา

    นิทรรศการเซลฟี่นี้จะจัดในพื้นที่ของห้างเก่าแห่งหนึ่ง ภายในงานจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนแรกจะเล่าถึงเรื่องราวและวิวัฒนาการของการเซลฟี่ที่มีมาตั้งแต่การเขียนภาพในผนังถ้ำ (มันเกี่ยวกันจริงๆ นะ) จนถึงรูปเซลฟี่ในเฟซบุ๊กและจากโทรศัพท์มือถือคนสมัยนี้ นักออกแบบสองคนยังบอกอีกว่าอยากให้คนรู้เรื่องราววิวัฒนาการเหล่านี้ เพราะถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้หรือไม่มีโซเชียลมีเดีย ภาพเซลฟี่ก็อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นก็ได้

                       

    อาจจะฟังดูขัดๆ แต่อินเทอร์เน็ตก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การถ่ายเซลฟี่เป็นกระแสขึ้นมาและกลายเป็นเหมือน 'วัฒนธรรม' อย่างหนึ่งเลยนะคะ เพราะลองคิดดูเล่นๆ ว่าถ้าเราถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องโพราลอย ในที่สุดเราก็ต้องเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปโพลารอยนี้แล้วอัพขึ้นเฟซบุ๊กหรือโซเชียลมีเดียอื่นๆ อยู่ดี อันนี้พี่เองก็เคยทำ เลยไม่อยากปฏิเสธจริงๆ ค่ะ 5555 เพราะฉะนั้นการถ่ายภาพเซลฟี่คือความยอดฮิตแบบสากล แบบที่ไม่ว่าใคร ที่ไหน ประเทศอะไรหรืออายุเท่าไหร่ก็ทำกัน

    ส่วนที่สองของนิทรรศการจะจัดแสดงผลงานต่างๆ ของศิลปินรุ่นใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมการเซลฟี่ต่างๆ ที่ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดตัวว่ามีผลงานของใครมาแสดงบ้าง แต่ก็แอบมีข่าวมาว่านิทรรศการนี้จะมีการเปิดตัวอะไรบางอย่างเด็ดๆ ที่กินเนสบุ๊คส์อาจจะเอาไปบันทึกสถิติก็เป็นได้! 

                      

    นอกจากจะจัดขึ้นมาให้ความบันเทิงแล้ว อย่างที่บอกว่างานนี้ก็มีข้อมูลและประวัติต่างๆ เกี่ยวกับเซลฟี่อยู่ด้วย ดังนั้นก็แปลว่านิทรรศการนี้จัดขึ้นเพื่อ 'ให้การศึกษา' ไปในตัวด้วย ยกตัวอย่างเช่นถ้าครูถามเราว่า “รูปถ่ายตัวเองรูปแรกในประวัติศาสตร์มีขึ้นตอนไหน” เราก็ต้องตอบไปว่า ปี 1839 ค่ะ โดยเป็นรูปของนาย Robert Cornelius ชาวอเมริกันที่เป็นช่างภาพและผู้ผลิตโคมไฟ

    นอกจากนั้น คำว่า ‘เซลฟี่’ (Selfie) เคยเป็นศัพท์ประจำปีของดิกชันนารีออกซ์ฟอร์ดในปี 2013 แต่ก่อนหน้านั้นเคยถูกบันทึกไว้ว่าคำนี้คนเอามาใช้กันครั้งแรกในกระทู้เว็บไซต์ในออสเตรเลียในปี 2002 แต่นอกเหนือจากความรู้ต่างๆ เหล่านี้แล้ว ในนิทรรศการก็จะมีอีกโซนที่แอบน่ากลัวๆ อยู่หน่อยๆ เพราะจะเป็นโซนที่อุทิศให้แก่ผู้ที่ ‘เสียชีวิตจากการเซลฟี่’ ด้วยเหตุการณ์ต่างๆ นานา โดยผู้เสียชีวิตเหล่านั้นมีมากถึง 300 กว่าคนเลยค่ะ

    แต่ท้ายที่สุดแล้ว เซลฟี่ก็ไม่ใช่อะไรที่ร้ายแรง ตราบใดที่เราใช้มันอย่างถูกวิธีเพราะอย่างน้อยมันก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเชื่อมต่อกับเพื่อนๆ ได้ในโลกโซเชียลออนไลน์ ส่วนใครที่สนใจติดต่อรายละเอียดงานนิทรรศการเซลฟี่นี้เพิ่มเติมก็ลองไปดูต่อกันได้ที่นี่เลยค่ะ http://themuseumofselfies.com/

ขอบคุณแหล่งข่าวจาก
https://www.theguardian.com/artanddesign/2018/jan/23/museum-of-selfies-los-angeles-interview

แสดงความคิดเห็น

>