Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[รีวิวเรียนต่อมหาลัย TOP 40 ของโลก] จากเด็กธรรมดาเข้าเรียน King’s college

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีครับชาว Dek-D ทุกคน ห่างหายไปนานเกือบปีกับการเขียนกระทู้ เนื่องจากผมได้เคยเขียนกระทู้การพัฒนาภาษาอังกฤษและสอดแทรกเทคนิคการทำ ielts นิดหน่อย จากกระทู้จากเด็กม.ปลายที่สะกดคำว่า fish ไม่เป็น ... จนสอบ ielts ได้ 7.0”

https://www.dek-d.com/board/view/3805302/

ถ้าใครสนใจเกี่ยวกับ tips พัฒนาภาษาก็เข้าไปอ่านได้นะครับ

วันนี้ผมจะมารีวิวการสมัครเรียนป.โท ในประเทศอังกฤษกัน โดยจะรีวิวถึงขั้นตอนตั้งแต่ เลือก Consultant ที่ช่วยให้คำปรึกษาเรียนต่อ,การเตรียมเอกสารและการสมัคร

หลังจากผ่านศึกหนักของการสอบ ielts ไปแล้ว ขอบอกเลยว่า ถ้าผ่านieltsไปได้แล้วก็สบายใจได้แล้วส่วนหนึ่ง เพราะว่า มหาลัยต่างๆใน uk จะมีเกณฑ์ขั้นต่ำของคะแนนieltsในการรับสมัครเช่น

มหาลัยระดับ TOP ใน uk จะมีเกณฑ์ส่วนใหญ่คือ ielts ขั้นต่ำ 7.0 (แต่ละband ไม่ต่ำกว่า 6.5)
Imperial College London

London School of Economics
Cass Business School
King’s College

UCL 

*มหาลัยพวกนี้ ส่วนใหญ่จะไม่มีให้เรียน pre sessional course นะครับ
(pre sessional course คือ course สำหรับนักเรียนบางคนที่คะแนนสอบไม่ถึงเกณฑ์ ก็สามารถเข้าไปเรียนเพื่อปรับพื้นฐานทางภาษาก่อนได้ และจะมีการสอบวัดระดับอีกครั้งหนึ่งว่า นักเรียนสามารถเข้าเรียนมหาลัยนั้นๆได้หรือไม่)

มหาลัยระดับรองลงมาหน่อย จะมีเกณฑ์ส่วนใหญ่คือ ielts ขั้นต่ำ 6.5 (แต่ละband ไม่ต่ำกว่า 6.0)

Brunel University London
Durham University
University of Exeter
Kingston University
University of Leeds
และอื่นๆอีกมากมาย

*มหาลัยพวกนี้ ส่วนใหญ่มีเรียน pre sessional course นะครับ
ซึ่งทางความคิดผมแล้ว มหาลัยส่วนใหญ่ มีเนื้อหาที่เรียนที่น่าสนใจมากๆ(เผลอๆ จะดีกว่า U top ซะด้วย) และที่สำคัญคือ ราคาค่าเรียนมักจะถูกว่า U top อีกด้วย

การเลือก Consultants ในการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการสมัคร

ปัจจุบันนี้ มีหลายบริษัทที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเรียนต่อเช่น hands-on,siuk-thailand,win-ed,gouni และอื่นๆอีกมากมาย (เลือกตามใจชอบได้เลย)

โดยทาง Consultants จะถาม เกรด,courseที่สนใจและมหาลัยที่ต้องการเข้า และจะให้คำแนะนำว่ามหาลัยไหนน่าจะเหมาะกับนักเรียนที่สุด โดยจุดที่นักเรียนมักจะลืมคิดไปก็คือ เมืองที่มหาลัยตั้งอยู่ บางคนสนใจแค่ตัวมหาลัยอย่างเดียวแต่ไม่รู้เลยว่าเมืองที่เราจะไปอยู่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของเราหรือไม่ เช่น Lancaster มีชื่อเสียงมากเรื่อง engineering และ business แต่ตัวมหาลัยจะอยู่แทบในป่าเลย ซึ่งคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว ชอบธรรรมชาติ อาจจะชอบที่นี้ก็เป็นได้ แต่ถ้าเป็นทางขาเที่ยวก็จะลำบากหน่อย


ทางพี่ๆ Consultants  จะให้ทางเราสามารถสมัครหลายๆมหาลัยพร้อมกันได้เลยเพื่อเป็นตัวเลือกให้เราต้องตัดสินใจและทุกบริษัทจะมีบริการสมัครมหาลัยให้เราด้วย ยกเว้น มหาลัยระดับ TOP บางมหาลัยที่นักเรียนต้องสมัครเอง เช่น Imperial College London และ UCL

การเตรียมเอกสาร

เอกสารพื้นฐานก็จะมีดังนี้

1.Curriculum vitae (CV)
2.Transcripts 
3.Personal statement
4.Two references

บางคนจะห่วงว่าจะเขียน Personal statement ยังไงดีให้โดนใจ ผมแนะนำว่าให้เข้าไปอ่านรายละเอียดในwebsite ของแต่ละมหาลัย เนื่องจากแต่ละที่ก็จะมีสิ่งที่ต้องการจากนักเรียนไม่เหมือนกัน

อย่าได้Copy Personal statement ของคนอื่นมาเลยละ เพราะ Personal statement คือ เป็นสิ่งที่ตัวเราเองต้องการสื่อสารไปยังมหาลัยว่าทำไมเราถึงอยากจะเรียนที่นี่ ซึ่งแต่ละคนก็มีจุดมุ่งหมายไม่เหมือนกัน

*โดยมหาลัย TOP บางที่ Imperial College London,London School of Economics และ Cass Business School ก็จะมีขั้นตอนอื่นๆเพิ่มเติมอีกเช่น interview หรือ คำถามพิเศษ

สมัครแล้วก็ รอ....


มาถึงจุดนี้แล้ว เอกสารต่างๆก็เรียบร้อย Consultant ก็เลือกได้แล้ว ก็ถึงเวลาสมัคร

ผมสมัครไปทั้งหมด 4  มหาลัยด้วยกันตามนี้



ความจริงแล้ว 
เกรดของผมต่ำกว่าเกณฑ์ที่ King รับไว้ ผมจำได้ว่าโทรไปหา Consultant ที่ไหน เขาก็บอกว่าโอกาสได้ต่ำมาก แต่พี่ๆเขาก็แนะนำให้ลองสมัครดู ... สุดท้ายก็ได้ ผมเลยคิดว่าถ้าน้องๆคนไหนไม่มั่นใจว่าเกรดเราจะถึงที่มหาลัยรับไหม แนะนำให้สมัครเลย เพราะนอกจากเกรดแล้ว ผมว่า CV และ Personal statement ที่เขียนไปมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจของมหาลัย
แต่ละมหาลัยจะมี process เวลาในการบอกผล offer ไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ 2 week ไปถึงเดือนกว่าๆก็มี

 

*ถ้ามีเวลาว่างจะเขียนกระทู้เกี่ยวกับเรียนโรงเรียน ภาษาที่ต่างประเทศ นะครับ ติดค้างไว้นานมากเกือบปีเลย :)

*และในกระทู้ที่แล้วมีคนถามเลยว่า ผมใช้สมุดเครื่องเขียนอะไรบาง เลยขอตอบในกระทู้นี้เลย ... ปกติแล้วผมก็ใช้ทั่วๆไป เป็นทางminimalist .... ไม่ใช่สายที่เรียบง่ายนะครับ แต่เป็นสายที่ไม่ค่อยมีอะไรเลย 555

muji : สมุด + ปากกา
Bookpacker : study buddy (ใช้วางแผนการเรียน)
Bookpacker and infinite :สมุด planner (ใช้วางแผนชีวิตประจำวัน)

​​

แสดงความคิดเห็น

2 ความคิดเห็น

MPR 24 ก.ค. 64 เวลา 10:07 น. 2

ดีงามมากๆเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ ตอนนี้เรากำลังฟิตคะแนน IELTS เลย Overall ได้ 7.0 แล้ว แต่ดันติดคะแนนรายพาร์ทนิดนึง เดี๋ยวจะรีบฟิตไปอัพคะแนนใหม่ ระหว่างนี้ก็เลยชอบอ่านกระทู้ของเพื่อนๆที่มารีวิว เป็นช่วงเก็บข้อมูล 555 (เหนื่อยอ่ะแต่ต้องสู้) เดิมทีเราไม่ค่อยเก่งอังกฤษเท่าไหร่ กว่าจะได้คะแนนมาก็แทบตาย เอาใจช่วยคนที่กำลังเตรียมสอบนะคะ จากใจคนที่พื้นฐานอ่อนมาก่อน ใช้เวลาหน่อยแต่มันได้ผล (จริงๆเราแอบใช้ทางลัดด้วยการไปเรียนคอร์ส IELTS ครูเอมิ chulatutor มา บวกกับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเลยเร็วกว่าอ่านเอง เพราะอ่านเองแล้วนิ่งสนิท แรกๆก็ยังเข้าใจนะ เพราะเริ่มเยอะขึ้นๆเริ่มตีกะตัวเอง 55) แต่ตอนนี้โอเคล่ะ สู้ๆๆๆๆ ^^

0