Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แชร์ประสบการณ์ยื่นขอวีซ่า Schengen (2019) ด้วยตัวเองฉบับเด็กมัธยม-มหาลัย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

เรายื่นวีซ่าไปเมื่อวันที่ 27 มีนาที่ผ่านมานี้ค่ะ และก็ได้เล่มคืนมาภายใน 10 วันพอดี ผลคือผ่านค่ะ ก็เลยอยากแชร์ข้อมูลเรื่องการเตรียมตัว+เอกสารต่าง ๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับหลาย ๆ คน (+ตัวเองในอนาคต) เนื่องจากตอนเราทำไม่ค่อยมีข้อมูลหยุมหยิมที่เราอยากรู้สักเท่าไหร่= =

เรายื่นขอวีซ่านักท่องเที่ยวกับ Vfs เนเธอร์แลนด์ ค่ะ ได้วันเกินมา+Multiple entries ค่ะ (ขอไปแบบพอดีวันไปกลับเป๊ะ ๆ และขอ Single ค่ะ)

Note: 
- เราอายุ 19 นะคะ ก็เลยไม่มีเรื่องการเตรียมเอกสารสำหรับผู้เยาว์ค่ะ
- เราเคยไปแลกเปลี่ยนที่เนเธอร์แลนด์และเคยได้วีซ่าเชงเก้นมาแล้ว (รอบนั้นทางโครงการจัดการให้)
- เอกสารที่แต่ละประเทศใช้ยื่นอาจจะแตกต่างกัน อย่าลืมตรวจสอบเงื่อนไขกับ vfs ของประเทศนั้น ๆ ด้วยนะคะ
เอกสารทุกอย่างใช้เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาทางการของประเทศที่ยื่นขอวีซ่านะคะ


เอกสารที่ใช้
ทางสถานทูตเนเธอร์แลนด์มีเช็คลิสต์มาให้ค่ะ (จิ้ม) แนะนำให้อ่านควบคู่ไปกับฉบับภาษาไทยในเว็บนะคะ

1. แบบฟอร์มคำร้องของวีซ่า (จิ้ม)
มีให้กรอกหน้างาน แต่ vfs แนะนำว่าให้กรอกไปเองจากในเว็บเลยค่ะ เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เราแนะนำให้ทำเป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังจากจองที่พัก+แพลนเที่ยวเสร็จแล้ว ต้องตรวจทานให้ดีนะคะ เพราะทางเว็บจะให้เซฟเป็น .pdf มา และเมื่อกดยืนยันว่ากรอกเสร็จแล้วจะเข้าไปแก้ไขไม่ได้ (เราแก้ในเว็บไปสามรอบTT เพิ่งรู้ว่ามันมีโปรแกรมแก้ไฟล์ได้)
อันนี้เป็นพาร์ทที่เรางง ๆ ตอนกรอก แต่ก็ใส่ไปตามที่คิดว่ามันน่าจะถูกนะคะ (แล้วมันก็ถูก555)
สถานที่ทำงาน: ตอนทำเอกสารเราจบม. 6 แล้วค่ะ อยู่ในช่วงปิดเทอม กำลังจะขึ้นมหาลัย แต่พอดีตอนกรอกยังไม่ officially graduate ก็เลยใส่ชื่อโรงเรียนไปเลยค่ะ 
Member states of destination: เราใส่เรียงตามลำดับประเทศที่เข้าตามลำดับค่ะ แล้วจบที่เนเธอร์แลนด์ซึ่งอยู่นานสุด

2. รูปถ่าย
เราใช้ 35x45 mm ค่ะ 1 รูป พื้นหลังสีขาว จริง ๆ ในเว็บภาษาไทยเขียนว่าใช้ 5x4 cm แต่ทาง photoguide ของนธลให้ใช้แบบที่เรายื่น พอเมลไปถาม vfs เขาบอกให้ใช้ 2 นิ้ว = = สุดท้ายก็เลยยื่นตามของนธลไปค่ะ
ถ้ารูปที่เตรียมมาใช้ไม่ได้ ในตึกที่ยื่นวีซ่ามีบริการถ่ายรูปค่ะ 

3. หนังสือเดินทางและสำเนา
ใช้หนังสือเดินทางตัวจริง (ต้องถ่ายเอกสารหน้าข้อมูลส่วนตัวไป 2 แผ่นนะคะ และต้องมีอายุการใช้งานเหลือมากกว่าสามเดือนหลังจากกลับจากทริปที่จะไปค่ะ อย่าลืมเหลือที่ว่าง 2 หน้าให้เขาแปะวีซ่าด้วยนะคะ) และสำเนาหนังสือเดินทางทุกเล่มที่มี+วีซ่าทุกประเทศที่เคยได้ค่ะ เราพกเล่มเก่าไปด้วยแต่เจ้าหน้าที่คืนมาให้
ระหว่างพิจารณาวีซ่า สถานทูตจะเก็บพาสปอร์ตเราไปค่ะ (ใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน) 
มีจุดรับถ่ายเอกสารที่ตึกยื่นวีซ่านะคะ แผ่นละ 6 บาท

4. เอกสารหลักฐานทางการเงิน
เราใช้ Bank Certificate ของคุณพ่อค่ะ ขอสเตทเมนท์ย้อนหลังประมาณ 6 เดือนถ้าจำไม่ผิด ขอล่วงหน้าไม่เกิน 2 สัปดาห์ก่อนยื่นวีซ่าค่ะ ไปทำที่ธนาคาร ค่าธรรมเนียมประมาณ 200 บาท 
ในกรณีที่มีคนอื่น sponsor ค่าใช้จ่ายให้ เราต้องมีหนังสือรับรองความสัมพันธ์ด้วยค่ะ ก็คือ

5. สูติบัตร (หรือทะเบียนบ้าน)
อันนี้คิดว่าเป็นส่วนที่วุ่นวายที่สุดแล้วค่ะ เราเอาแบบฟอร์มมาจากในเว็บกงสุล (จิ้ม) (Note: เราเคยมีสูติบัตรฉบับแปลอยู่กับตัวแล้ว แต่ไม่รู้จะยังใช้ได้มั้ยก็เลยทำอันใหม่ไปยื่นค่ะ ก็คือพิมพ์ตามของเก่าไป555) ต้องตรวจทานตัวสะกดและย่อหน้าต่าง ๆ ให้ดีนะคะ เราโดนแก้ไปสองจุดเพราะพิมพ์ตกกับข้อความไม่ตรง T_T ที่กงสุลไม่มีร้านปรินท์งานนะคะ ต้องออกจาก mrt มา เดินผ่านการไฟฟ้าจะมีอยู่ร้านนึงค่ะ
เรายื่นแปลที่กรมการกงศุล MRT คลองเตยค่ะ อยู่คนละฝั่งกับพาสปอร์ตนะคะ แนะนำให้ไปเช้า ๆ ค่ะเดี๋ยวคนเยอะ เรายื่นขอแบบด่วน (ฉบับล่ะ 400 บาท ได้วันนั้นเลย) แต่พี่พนักงานบอกว่าต้องยื่นขอทั้งฉบับภาษาไทย (สำเนา) และภาษาอังกฤษ ก็คือรวมทั้งหมด 800 บาทค่ะ มารับได้หลังบ่าย 2 
เอกสารที่ใช้คือบัตรประชาชน (เอาสำเนาไปเผื่อก็ดี) สูติบัตรตัวจริง สำเนาสูติบัตรภาษาไทย และสูติบัตรฉบับแปลค่ะ (อย่าลืมพิมพ์ certified correct translation แล้วตามด้วยชื่อคนแปลนะคะ)
ตอนเอาไปยื่นวีซ่า ถ่ายเอกสารไปนะคะ ถ้าเอาตัวจริงจากกงสุลไปยื่นเลยเจ้าหน้าที่จะไม่รับค่ะ
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากเว็บสองบาทค่ะ (จิ้ม)

6. Letter of Sponsorship
เราก็อปมาจากกระทู้นี้เลยค่ะ (จิ้ม) ขอบคุณจขกทมาก ๆๆๆๆ ค่ะ

7. ประกันการเดินทาง
อันนี้ไม่มีอะไรมาก แค่เลือกอันที่วงเงินตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไปนะคะ เราดูจากเว็บพี่หมีค่ะ (จิ้ม

8. ใบจองโรงแรม
คนนิยมใช้ Booking.com กันเพราะมันแคนเซิลได้ค่ะ บางอันก็เป็นแบบเก็บเงินปลายทาง ที่สำคัญคือวันที่ที่จองกับแพลนเที่ยวต่าง ๆ ต้องสอดคล้องกันค่ะ ก็คือต้องมีที่นอนทุกคืน และถ้ามีเพื่อนร่วมทริปก็ควรใส่ชื่อในใบจองไปให้ครบด้วยนะคะ (แต่เราก็ลืมใส่ไปที่นึง แต่มันเป็นที่ท้าย ๆ ทริปพอดี สถานทูตคงเข้าใจว่าแยกกันเที่ยวตรงนั้น555) ที่สำคัญคือต้องเป็นภาษาอังกฤษ/ภาษาทางการของประเทศที่ยื่นนะคะ

9. ใบจองตั๋วเครื่องบิน
สถานทูตบอกเองว่าอย่าเพิ่งจ่ายเงินซื้อ เราก็เลยแคปหน้าจอเที่ยวบิน/รถไฟส่งไปให้เลยค่ะ555 อารมณ์ว่าแพลนไว้แบบนี้ ๆ นะคะ ส่วนไฟลท์ไปกลับกรุงเทพ เราจองผ่านเอเจนซี่ที่รับจองค่ะ ได้ไฟล์มาเป็น .pdf ก็ปรินท์ไปยื่นได้เลย วันจองหมดอายุก็ไม่เป็นไรค่ะ คิดว่าสถานทูตอยากรู้ตารางเดินทางคร่าว ๆ ของเราเฉย ๆ มากกว่า




10. Travel itinerary
เราใส่ตั้งแต่ไฟลท์บิน โรงแรมที่เข้าพัก วิธี เราอาศัย Google map จัดการหมดเลยค่ะ หาสถานที่ที่อยากไปแล้วก็ใส่ในแผนที่ มันจะขึ้นเส้นทางให้หมดเลย ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย เราใส่ไปแค่ค่าเข้าชมพิพิธภัณท์ค่ะ ไม่ได้ละเอียดถึงขั้นหาค่าบัสในเมือง แต่คิดว่าถ้าทริปข้ามประเทศก็ควรใส่นะคะ (เราใช้ราคาตั๋วจากหน้าเว็บที่แคปไปนั่นแหละค่ะ555)




9. หนังสือรับรองการทำงาน
เราขอจากที่โรงเรียนเลยค่ะ เพราะยังไม่มีงานทำ ก็ยื่นใบรับรองความเป็นนักเรียนไป แต่ที่น่าจะสำคัญกว่าและลิสต์ภาษาไทยไม่มีบอกคือ



10. เอกสารที่ยืนยันว่าเราจะกลับมาประเทศไทย
เราใช้ภาพแคปหน้าจอจากเว็บ TCAS ส่งไปเลยค่ะว่าเรามีที่เรียนแล้ว (อันนี้ไม่ใช่เอกสารทางการ กงสุลไม่รับรองการแปล แต่เราก็แนบไปค่ะ555) + ยื่นใบเสร็จค่าเทอม (มีภาษาอังกฤษ) เป็นหลักฐานค่ะ จริง ๆ แค่ใบรับรองความเป็นนักเรียนก็น่าจะพอแล้ว แต่เราจะจบแล้ว (จริง ๆ ก็จบตอนยื่นวีซ่าพอดี) ก็เลยยื่นตัวนี้เผื่อ ๆ ไปด้วยค่ะ


จองวันนัดหมาย (จิ้ม)

ต้องสมัครสมาชิกก่อนนะคะ ถึงจะจองวันที่ได้ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะจองล่วงหน้าได้ประมาณหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้นค่ะ แนะนำว่าถ้าจองที่พัก+ได้เอกสารครบแล้วให้มาจองวันนัดก่อนแล้วค่อยกรอกแบบคำร้องก็ได้ค่ะ เพราะถ้าเป็นช่วงไฮซีซั่นคนจะเยอะมาก
ปรินท์ใบจองไปด้วยนะคะ เจ้าหน้าที่จะเช็คค่ะ ถ้าต้องการเลื่อนวัน ให้จัดการผ่านระบบของเว็บได้เลยค่ะ ไม่ต้องติดต่อกับ vfs เอง ถ้าไปด้วยกันแต่ได้คนละช่วงเวลา จะไม่สามารถขึ้นไปเป็นเพื่อนกันได้นะคะ ยกเว้นว่ามีผู้เยาว์ไปด้วยค่ะ


ยื่นวีซ่า

เรายื่นที่ตึกเทรนดี้ สุขุมวิท 13 ค่ะ ลง BTS นานาแล้วเดินต่อไม่ถึง 10 นาที ไม่ต้องไปก่อนเวลามากก็ได้ค่ะ เพราะยังไงก็ต้องไปรอ เจ้าหน้าที่เขาปล่อยขึ้นไปตามรอบ (คนเยอะ) ของเนเธอร์แลนด์อยู่ชั้น 28 นะคะ ไปถึงแล้วก็ต้องต่อลิฟต์ไปอีก 2 ชั้น จะมีให้กรอกแบบฟอร์มก่อนเข้าไปยื่นด้วยค่ะ 
พอเข้าไปก็นั่งรอเขาเรียกค่ะ ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ และในห้องก็มีกล้องวงจรปิดด้วยค่ะ เรารอประมาณเกือบยี่สิบนาทีค่ะ พนักงานตรวจเอกสารเสร็จก็ชำระเงิน ค่าใช้จ่ายในเว็บบอกไว้ว่า 2160 บาท แต่จริง ๆ แล้วมีค่าบริการต่าง ๆ อีกค่ะ และประเทศเนเธอร์แลนด์ต้องแสกนลายนิ้วมือ (Biometrics) ทุกครั้งที่ขอวีซ่าค่ะ รวม ๆ แล้วน่าจะ 3300 บาทถ้าจำไม่ผิด แนะนำให้เตรียมเงินไปเผื่อด้วยนะคะ เผื่อต้องไปถ่ายรูปหรือถ่ายเอกสารเพิ่มเติม

หลังจากยื่นวีซ่าแล้ว สามารถเช็คสถานะวีซ่าได้ที่เว็บจองวันนัดเลยค่ะ หรือจะสมัคร sms ก็ได้ (มีให้สมัครก่อนเข้าไปยื่น แต่เราสมัครไปแล้วเขาไม่ส่งอะไรมาเลย = =สงสัยใส่เบอร์ผิด)

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทาง vfs ได้ที่ info.nlth@vfshelpline.com (เนเธอร์แลนด์) ค่ะ แรก ๆ ตอบไวมาก หลัง ๆ ไม่ตอบแล้วค่ะ ไม่รู้ลืมหรือรำคาญ (เราถามบ่อย555) อันนี้เป็นคำถามบางส่วนที่เราถามไปนะคะ

Q: ถ้าเราxxxxxxxx(เงื่อนไขต่าง ๆ เช่น มีเพื่อนอยู่ที่นู่น แต่ก็เข้าออกหลายประเทศ) ควรยื่นขอวีซ่าอะไรดี
A: vfs ไม่สามารถให้คำแนะนำเรื่องการเลือกประเภทวีซ่าได้

Q: ต้องเขียนจดหมายแนะนำตัวมั้ย
A: แล้วแต่ แต่ถ้าเขียน ต้องเป็นภาษาอังกฤษและเซนต์ชื่อตรงตามหน้าพาสปอร์ต

Q: ต้องติดรูปถ่ายในใบ application มั้ย
A: ไม่ 

Q: ถ้าสมมติว่าจะขอวีซ่าเยี่ยมเยียน จดหมายเชิญต้องเป็นทางการมั้ย
A: ต้อง ออกโดยเทศบาลของเมืองนั้น ๆ มีลายเซนต์ผู้เชิญ เวลายื่นวีซ่าให้ใช้สำเนา ส่วนตัวจริงให้เก็บไว้กับเรา
(อันนี้ได้ยินมาว่าให้ยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวไปเลย เพราะจะโดนเพ่งเล็งเรื่องโดดวีซ่าน้อยกว่าค่ะ)


ถ้านึกอะไรออกจะมาเพิ่มให้นะคะ 

 

แสดงความคิดเห็น

>