แชร์ประสบการณ์ถูกชวนให้ไปทำแอมเวย์
ตั้งกระทู้ใหม่
ดีค่าาา เราอยากมาแชร์ประสบการณ์จากการที่โดนชวนไปทำ Amway ค่ะซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ตรงและก็ใส่ความเห็น ความรู้สึกของตัวเองไปด้วยค่ะซึ่งเราไม่ได้จะมาวิพากษ์วิจารณ์บริษัทไปในทางเสื่อมเสียนะคะ แต่เป็นความเห็นของเราส่วนใหญ่ค่ะ อาจมีผิดพลาดบ้าง ยังไงก็ขอโทษไว้ก่อนจะเล่าล่ะกันเนอะ
เริ่มตั้งแต่แรกเลยนะคะ เหตุการณ์มันมีอยู่ว่าเรากำลังเดินอยู่ในมหาลัยกับเพื่อนนี่แหละค่ะ แล้วก็มีพี่ที่อยู่มหาลัยเดียวกันคนหนึ่งเดินเข้ามาขอให้ช่วยทำแบบสอบถามเกี่ยวกับอาชีพหลังเรียนจบค่ะ ซึ่งเราก้ทำให้เขาไปแบบไม่ได้คิดอะไร จากนั้นเราถามพี่เขาไปว่าเป็นงานวิจัยหรอ แต่พี่เขาก้บอกว่าไม่ใช่งานวิจัยมันเป็นแบบสอบถามที่เขาทำงานร่วมกับพี่ของเขาอยู่ค่ะ จากนั้นเราก้ติ๊กและก็กรอกรายละเอียดอะไรไปตามแบบฟอร์มแบบไม่ได้ตั้งใจทำเท่าไหร่)
พอหลังจากนั้นถัดมาประมาณ 2 วันก็มีพี่คนนี้ที่ให้ทำแบบสอบถามตอนนั้นโทรเข้ามาบอกว่าเนี่ยเขาเห็นว่าที่เรากรอกแบบสอบถามลงไปแล้วดูแตกต่างจากคนอื่นๆ เลยอยากได้ให้มาร่วมทำงานด้วยกัน ถ้าถามว่าเราต่างยังไงหรือคะ เราคิดว่าเรากรอกไปประมาณว่าอาชีพในอนาคตก้แบบธุรกิจส่วนตัวไรงี้ เคยทำงานพิเศษ และก็ชอบงานหลากหลายด้านซึ่งคิดว่ามันอาจจะไม่ได้แตกต่างอะไรจากคนอื่นแต่ที่เขาสนใจเพราะเราคิดว่ามันน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานบริษัทหรือการตลาดนี่แหละค่ะ เพราะพี่เขาบอกว่าเป็นงานเกี่ยวกับการตลาด รายได้เดือนละ 10,000 บาท อยากให้มาคุยรายละเอียดกันก่อน ซึ่งเราพอเห็นรายได้ก้ตาลุกวาวเลยค่ะและยิ่งเกี่ยวกับการตลาดที่เรากำลังเรียนเรื่ององค์กรอะไรแบบนี้อยู่ บวกกับการปฏิเสธคนไม่เก่ง เราก้เลยตกลงจะลองไปคุยรายละเอียดงานกับพี่เขาก่อนก้ไม่เสียหายแถมเป็นการเปิดโอกาสตัวเองด้วย พี่เขาเลยนัดคุยในวันต่อมาค่ะ
เริ่มตั้งแต่แรกเลยนะคะ เหตุการณ์มันมีอยู่ว่าเรากำลังเดินอยู่ในมหาลัยกับเพื่อนนี่แหละค่ะ แล้วก็มีพี่ที่อยู่มหาลัยเดียวกันคนหนึ่งเดินเข้ามาขอให้ช่วยทำแบบสอบถามเกี่ยวกับอาชีพหลังเรียนจบค่ะ ซึ่งเราก้ทำให้เขาไปแบบไม่ได้คิดอะไร จากนั้นเราถามพี่เขาไปว่าเป็นงานวิจัยหรอ แต่พี่เขาก้บอกว่าไม่ใช่งานวิจัยมันเป็นแบบสอบถามที่เขาทำงานร่วมกับพี่ของเขาอยู่ค่ะ จากนั้นเราก้ติ๊กและก็กรอกรายละเอียดอะไรไปตามแบบฟอร์มแบบไม่ได้ตั้งใจทำเท่าไหร่)
พอหลังจากนั้นถัดมาประมาณ 2 วันก็มีพี่คนนี้ที่ให้ทำแบบสอบถามตอนนั้นโทรเข้ามาบอกว่าเนี่ยเขาเห็นว่าที่เรากรอกแบบสอบถามลงไปแล้วดูแตกต่างจากคนอื่นๆ เลยอยากได้ให้มาร่วมทำงานด้วยกัน ถ้าถามว่าเราต่างยังไงหรือคะ เราคิดว่าเรากรอกไปประมาณว่าอาชีพในอนาคตก้แบบธุรกิจส่วนตัวไรงี้ เคยทำงานพิเศษ และก็ชอบงานหลากหลายด้านซึ่งคิดว่ามันอาจจะไม่ได้แตกต่างอะไรจากคนอื่นแต่ที่เขาสนใจเพราะเราคิดว่ามันน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานบริษัทหรือการตลาดนี่แหละค่ะ เพราะพี่เขาบอกว่าเป็นงานเกี่ยวกับการตลาด รายได้เดือนละ 10,000 บาท อยากให้มาคุยรายละเอียดกันก่อน ซึ่งเราพอเห็นรายได้ก้ตาลุกวาวเลยค่ะและยิ่งเกี่ยวกับการตลาดที่เรากำลังเรียนเรื่ององค์กรอะไรแบบนี้อยู่ บวกกับการปฏิเสธคนไม่เก่ง เราก้เลยตกลงจะลองไปคุยรายละเอียดงานกับพี่เขาก่อนก้ไม่เสียหายแถมเป็นการเปิดโอกาสตัวเองด้วย พี่เขาเลยนัดคุยในวันต่อมาค่ะ
อ่ะเข้าสู่รายละเอียดงานช่วงนี้ต้องบอกนิดนึงว่าอาจจะตกหล่นรายละเอียดไปบ้าง และรายละเอียดอาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้างเพราะว่ามันมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะมากเราขอดึงประเด็นที่สำคัญๆล่ะกัน ก็คือว่าก่อนอื่นเขาจะให้ดูหลักฐานก่อนว่าบริษัทของเขามีจริงๆนะ จากนั้นเขาก้เกริ่นรายละเอียดเรื่อง market place ซึ่งเราไม่ได้เรียนทางด้านการตลาดโดยตรงเราเลยไม่รู้จักคำนี้เลยค่ะ market place มันเป็นเหมือนแหล่งที่รวบรวมสินค้าจากบริษัทต่างๆและกลุ่มลูกค้าให้มาร่วมตัวกันตอบสนองทั้งอุปสงค์และอุปทาน เข้าใจง่าย ๆ ก็คล้ายๆกับคนที่มีที่ดินเป็นของตัวเองแล้วปล่อยให้เช่าเป็นตลาดก็จะมีพ่อค้าแม่ค้า และลูกค้ามาเดินเลือกซื้อกัน สถานที่นี้จึงเป็น Market place อะไรประมาณนี้ค่ะตามที่เราเข้าใจนะ หรืออย่างตาม 7-11 ก็เป็น Market place นะ มาต่อค่ะเขาก็จะพูดในส่วนนี้ค่อนข้างเยอะและยกตัวอย่างบริษัท แบรนด์ต่าง ๆมาเยอะแยะจนทำให้เราไม่รู้ว่าอันไหนเป็นบริษัทของเขากันแน่ค่ะ แต่หลักๆบริษัทใหญ่ของเขาคือ Alticor ค่ะ บอกเลยว่าเราไม่รู้จักมาก่อนค่ะ ส่วนแอมเวย์หน่ะหรอคะพูดถึงน้อยมากเหมือนพูดเหมารวมมากกว่าค่ะ แบบมีการยกตัวอย่างแอมเวย์ด้วย แต่ไม่ได้เน้นอะไรมากค่ะ ซึ่งเราตอนนั้นยังไม่เอ๊ะใจเท่าไหร่นะ แต่ก็ยังไม่ได้เชื่ิอ 100% ซึ่งที่คุยรายละเอียดอ่ะบอกตามตรงก็คือไม่รู้เลยว่าเราจะต้องทำอะไรยังไง เพราะพี่เขาบอกว่าวันนี้คุยกันแค่ concept ของงานก่อนและก็ถ้าอยากรู้รายละเอียดการทำงานเพิ่มให้มาร่วม meeting ในอีก 3 วันที่จะถึงนี้ มีค่าเข้าร่วม 60 บาทค่ะ ไอเราก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้มากมายอะไรนะเลยลองไปดูเผื่อได้ประสบการณ์เพิ่ม
ขอตัดภาพมาวัน meeting เลยนะคะ พอเข้างานไปพี่เขาก็จะพาไปทำความรู้จักกับคนอื่นๆ บางคนก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ ๆ ซึ่งพอไปทำความรู้จักกันแล้วก็มีจับไม้จับมือเหมือนนักธุรกิจเลยค่ะ ความรู้สึกตอนนั้นค่อนข้างตื่นเต้น แต่ก็รุ้สึกดีค่ะเพราะทุกคนดูเป็นกันเองดีค่ะ เข้าตอน meeting เลยนะคะ แบ่งออกเป็น 4 ช่วง ดังนี้ค่ะ
ช่วง 1 ช่วงรีวิวสินค้า จร้าาา ความดีงามทั้งหมดคุณภาพดีเยี่ยมของตัวสินค้าในเครือมีทั้งเครื่อสำอาง อาหารเสริม บลาๆๆ รู้สึกไม่ได้เกี่ยวกับเนื้องานเลยจร้าาก็ยังงงอยู่ว่าจะให้ทำอะไร
ช่วง 2 ช่วงนี้เหมือนจะมีสาระนะคะ เขาเล่าเกี่ยวกับการทำธุรกิจในรูปแบบของ Subscription Model ที่เป็นการหาสมาชิกลูกค้าจ่ายเงินเป็นเดือน เป็นปี ให้กับบริษัท โดยที่บริษัทเสนอขายแค่ครั้งเดียวก็ได้ค่าบริการมาตลอด เช่น Netflix , Adobe ไรงี้ค่ะก็ เป็นธุรกิจรูปแบบ Subscription Model ค่ะ ก็น่าสนใจดี ซึ่งก็คิดว่าธุรกิจที่ทำก็คงจะต้องหาลูกค้าสมาชิกอะไรในรูปแบบนี้ค่ะ
ช่วง 3 ช่วงแชร์ประสบการณ์ความสำเร็จของนักธุรกิจที่ทำค่ะก็จะมาโม้ว่าตัวเองได้ไปต่างประเทศโน้นนี่นั่นมา มีเวลาเยอะแยะ เหมือนขายฝันแหละค่ะ แต่เราไม่ได้คล้อยตามอะไรขนาดนั้น เหมือนมานั่งฟังคนอวดรวยอ่ะ งง 555
ช่วง 4 ช่วงแชร์ประสบการณ์ของอัพไลน์แต่ละคนค่ะ ก็จะขึ้นมาเล่าๆๆว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงเข้ามาทำ ทำแล้วได้เงิน ได้ยอดขายและปิดท้ายด้วยการขอบคุณคนที่มาชวนอัพไลน์คนนั้นอีกทีค่ะ
พอหลังจากจบ 4 ช่วงนี้ทุกคนที่เข้ามาใหม่ก็เรียกรวมตัวมาคุยแนะนำตัวค่ะ ถามว่าชอบช่วงไหนของงานที่สุดเพราะอะไรบลาๆๆๆ แล้วก็มีพี่อัพไลน์คนหนึ่งก็พูดมาเล่าประสบการณ์ทำงานนี้ของตัวเองว่าทำยอดขายได้ดีอย่างงั้นดีอย่างนี้ จากนั้นก็แยกย้ายแล้วพี่ที่เป็นอัพไลน์ (คนที่สมัครเข้ามาในธุรกิจก่อนเรา) ก็เรียกคุยค่ะ ตรงๆก็คือแทบไม่ได้เนื้อหาสาระอะไรเลย รายละเอียดงานก็แทบไม่รู้เลยรู้แต่คอนเซปอีกตามเคย และพี่เขาก็จะนัดคุยขั้นตอนการทำงานจริงๆ เอาล่ะมาสู่ขั้นนี้สักที เราเลยตอบตกลงจะไปคุยกันอีกรอบซึ่งเขานัดที่แอมเวย์เจาะจงเลยค่าาา เท่านั้นแหละเราเลยไปหาอ่านรีวิวจากคนที่โดนชวนมา ก็เหมือนตาสว่างกว่าเลยค่ะ แต่ก็ไปตามที่พี่เขานัดอยู๋เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะพูดหว่านล้อมยังไงอีก(รอบนี้ไม่ได้เสียเงินฟังนะ)
มาถึงวันที่คุยสเตปการทำงานหรือกำลังจะโดนให้จ่ายเงินสมัครค่ะ
ประเด็นสำคัญหลักๆเลยนะ รูปแบบการทำงานคือ "ทำยอดขายและหาดาวน์ไลน์หรือลูกข่ายมาสมัครต่อค่ะ" นี่แหละการทำงานไม่มีอะไรมากเลย ไม่ต้องมาพล่ามเยอะให้ดูสวยหรูหรอกค่ะ ซึ่งสิ่งที่เราติดใจมันอยู่ตรงหมายเหตุใบสมัครค่ะ พี่เขาให้อ่านมี 3 ข้อหลักๆคือ
1. ค่าสมัคร 900 บาท ทดลองศึกษาดูงาน 90 วัน ถ้าลาออกได้เงินคืน
(ถึงสมัครแล้วสามารถคืนเงินได้ก็เถอะนะคะ แต่ลองคิดดูนะระหว่างที่เราไปเข้าศึกษาดูงานก็มีค่าเข้าร่วมเหมือนกันค่ะทุกคน มันต้องเข้าตลอด 3 เดือนอาจไม่่ใช่ทุกวันแต่ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแน่ค่ะ แล้วก็ต้องเสียเงินเผลอๆรวมแล้วอาจเท่ากับค่าสมัคร เสียซ้ำเสียอีก เสียเก่งจริงๆอ่ะเงินให้กับแอมเวย์)
2. ไม่บังคับซื้อสินค้า หมายเหตุข้อนี้บอกเลยว่าปลอมมากค่ะ เพราะอย่างที่รู้ๆกันแล้วว่าการขายตรงจากแอมเวย์มันมีวิธีการขายที่คนขายจะต้องทดลองใช้สินค้าด้วยตัวเองถ้าไม่รู้สินค้าแล้วจะไปขายคนอื่นได้ยังไง ตรงนี้แหละค่ะต่อให้ไม่บังคับซื้อสินค้าแต่มันเหมือนเป็นสโลแกน นโยบายของแอมเวย์ยังไงก็ต้องเสียเงินซื้ออยู่ดี
3.รับประกันความพอใจในสินค้า เปลี่ยนคืนได้ ข้อนี้เราไม่เถียงค่ะเพราะจากที่ไปปรึกษาอาจารย์ที่เคยทำงานด้านการตลาดมาก่อนแต่ไม่ได้ทำแอมเวย์นะคะ เขาก็บอกว่าของเขาดีจริง แต่แล้วยังไงล่ะคะ ดีแต่แพงงงงง มากกกก ขอซื้อแบบธรรมดาดีกว่าเพราะคุณภาพชีวิตของคนไทยมันก็ไม่ดีดีอะไรขนาดนั้นนนนนนน
อ่ะหลังจากคุยเสร็จเขาก็จะให้สมัครเลยจร้าาา แต่เราบอกว่าจะกลับไปคิดดูอีกทีจร้าาา (ก็เป็นคำปฏิเสธนั่นแหละ) ไม่อยากโง่แล้ววววว
ช่วง 4 ช่วงแชร์ประสบการณ์ของอัพไลน์แต่ละคนค่ะ ก็จะขึ้นมาเล่าๆๆว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงเข้ามาทำ ทำแล้วได้เงิน ได้ยอดขายและปิดท้ายด้วยการขอบคุณคนที่มาชวนอัพไลน์คนนั้นอีกทีค่ะ
พอหลังจากจบ 4 ช่วงนี้ทุกคนที่เข้ามาใหม่ก็เรียกรวมตัวมาคุยแนะนำตัวค่ะ ถามว่าชอบช่วงไหนของงานที่สุดเพราะอะไรบลาๆๆๆ แล้วก็มีพี่อัพไลน์คนหนึ่งก็พูดมาเล่าประสบการณ์ทำงานนี้ของตัวเองว่าทำยอดขายได้ดีอย่างงั้นดีอย่างนี้ จากนั้นก็แยกย้ายแล้วพี่ที่เป็นอัพไลน์ (คนที่สมัครเข้ามาในธุรกิจก่อนเรา) ก็เรียกคุยค่ะ ตรงๆก็คือแทบไม่ได้เนื้อหาสาระอะไรเลย รายละเอียดงานก็แทบไม่รู้เลยรู้แต่คอนเซปอีกตามเคย และพี่เขาก็จะนัดคุยขั้นตอนการทำงานจริงๆ เอาล่ะมาสู่ขั้นนี้สักที เราเลยตอบตกลงจะไปคุยกันอีกรอบซึ่งเขานัดที่แอมเวย์เจาะจงเลยค่าาา เท่านั้นแหละเราเลยไปหาอ่านรีวิวจากคนที่โดนชวนมา ก็เหมือนตาสว่างกว่าเลยค่ะ แต่ก็ไปตามที่พี่เขานัดอยู๋เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะพูดหว่านล้อมยังไงอีก(รอบนี้ไม่ได้เสียเงินฟังนะ)
มาถึงวันที่คุยสเตปการทำงานหรือกำลังจะโดนให้จ่ายเงินสมัครค่ะ
ประเด็นสำคัญหลักๆเลยนะ รูปแบบการทำงานคือ "ทำยอดขายและหาดาวน์ไลน์หรือลูกข่ายมาสมัครต่อค่ะ" นี่แหละการทำงานไม่มีอะไรมากเลย ไม่ต้องมาพล่ามเยอะให้ดูสวยหรูหรอกค่ะ ซึ่งสิ่งที่เราติดใจมันอยู่ตรงหมายเหตุใบสมัครค่ะ พี่เขาให้อ่านมี 3 ข้อหลักๆคือ
1. ค่าสมัคร 900 บาท ทดลองศึกษาดูงาน 90 วัน ถ้าลาออกได้เงินคืน
(ถึงสมัครแล้วสามารถคืนเงินได้ก็เถอะนะคะ แต่ลองคิดดูนะระหว่างที่เราไปเข้าศึกษาดูงานก็มีค่าเข้าร่วมเหมือนกันค่ะทุกคน มันต้องเข้าตลอด 3 เดือนอาจไม่่ใช่ทุกวันแต่ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแน่ค่ะ แล้วก็ต้องเสียเงินเผลอๆรวมแล้วอาจเท่ากับค่าสมัคร เสียซ้ำเสียอีก เสียเก่งจริงๆอ่ะเงินให้กับแอมเวย์)
2. ไม่บังคับซื้อสินค้า หมายเหตุข้อนี้บอกเลยว่าปลอมมากค่ะ เพราะอย่างที่รู้ๆกันแล้วว่าการขายตรงจากแอมเวย์มันมีวิธีการขายที่คนขายจะต้องทดลองใช้สินค้าด้วยตัวเองถ้าไม่รู้สินค้าแล้วจะไปขายคนอื่นได้ยังไง ตรงนี้แหละค่ะต่อให้ไม่บังคับซื้อสินค้าแต่มันเหมือนเป็นสโลแกน นโยบายของแอมเวย์ยังไงก็ต้องเสียเงินซื้ออยู่ดี
3.รับประกันความพอใจในสินค้า เปลี่ยนคืนได้ ข้อนี้เราไม่เถียงค่ะเพราะจากที่ไปปรึกษาอาจารย์ที่เคยทำงานด้านการตลาดมาก่อนแต่ไม่ได้ทำแอมเวย์นะคะ เขาก็บอกว่าของเขาดีจริง แต่แล้วยังไงล่ะคะ ดีแต่แพงงงงง มากกกก ขอซื้อแบบธรรมดาดีกว่าเพราะคุณภาพชีวิตของคนไทยมันก็ไม่ดีดีอะไรขนาดนั้นนนนนนน
อ่ะหลังจากคุยเสร็จเขาก็จะให้สมัครเลยจร้าาา แต่เราบอกว่าจะกลับไปคิดดูอีกทีจร้าาา (ก็เป็นคำปฏิเสธนั่นแหละ) ไม่อยากโง่แล้ววววว
ช่วงความเห็นค่ะ
สรุปเลยนะคะ ถ้าถามว่าโดนหลอกมั้ยหรอ ก็รู้สึกนิดๆนะคะ (โดนแหละแต่ไม่ยอมรับ 555) แต่ว่าเรารู้สึกว่านี่เป็นวิธีการทำการตลาดของแอมเวย์ค่ะ หาลูกข่าย ชักชวนแบบอ้อมๆและค่อยๆสาวมาถึงแอมเวย์ (เหมือนว่าพูดความหมายมาเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด และจบลงด้วยการบอกว่านี่คือแอมเวย์ดีๆนั่นแหละค่ะ ส่วนตัวเรารู้สึกว่าทำไมไม่เฉาะประเด็นให้มันตรงๆไปเลย จะพูดอ้อมเพื่ออะไรคะ สารธยายความดีงามมาร้อยแปดพันอย่างซึ่งมันดูดีมากเลยค่ะ แต่เอาตรงๆนะทุกคนมันก็ไม่ได้มีความฝันที่จะเป็นไปอย่างนั้นหรอกค่ะ วิธีการที่คนแอมเวย์ใช้ในการพูดมันดูไม่จริงใจค่ะ อ้อมไปอ้อมมา เหมือนน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงอ่ะค่ะ มีแต่น้ำไม่มีเนื้ออะไรมาก ถ้าอยากรู้ต่อก็ไปฟังอีกรอบหน้า อะไรแบบนี้มันน่ารำคาญอ่ะ ไม่บอกมาทีเดียว อีกอย่างมีอย่างที่ไหนสมัครเข้ามาในบริษัทแต่ต้องเสียเงินไปเรียนรู้งานก่อนทำงาน (ก็อาจจะมี) แต่่ว่าบริษัทส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรแบบนี้ป่ะ เหมือนแบบเปิดรับสมัครพนักงงาน แต่ไม่สอนงานถ้าอยากรู้ต้องจ่ายเงินค่าเรียนมาก่อนงี้อ่อ รู้สึกว่ามันไม่ใช่ป่ะ ฉะนั้นแล้วถ้าใครที่ชอบแอมเวย์อยากทำก็ทำไปนะคะ ส่วนตัวขอบายค่ะ
สรุปเลยนะคะ ถ้าถามว่าโดนหลอกมั้ยหรอ ก็รู้สึกนิดๆนะคะ (โดนแหละแต่ไม่ยอมรับ 555) แต่ว่าเรารู้สึกว่านี่เป็นวิธีการทำการตลาดของแอมเวย์ค่ะ หาลูกข่าย ชักชวนแบบอ้อมๆและค่อยๆสาวมาถึงแอมเวย์ (เหมือนว่าพูดความหมายมาเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด และจบลงด้วยการบอกว่านี่คือแอมเวย์ดีๆนั่นแหละค่ะ ส่วนตัวเรารู้สึกว่าทำไมไม่เฉาะประเด็นให้มันตรงๆไปเลย จะพูดอ้อมเพื่ออะไรคะ สารธยายความดีงามมาร้อยแปดพันอย่างซึ่งมันดูดีมากเลยค่ะ แต่เอาตรงๆนะทุกคนมันก็ไม่ได้มีความฝันที่จะเป็นไปอย่างนั้นหรอกค่ะ วิธีการที่คนแอมเวย์ใช้ในการพูดมันดูไม่จริงใจค่ะ อ้อมไปอ้อมมา เหมือนน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงอ่ะค่ะ มีแต่น้ำไม่มีเนื้ออะไรมาก ถ้าอยากรู้ต่อก็ไปฟังอีกรอบหน้า อะไรแบบนี้มันน่ารำคาญอ่ะ ไม่บอกมาทีเดียว อีกอย่างมีอย่างที่ไหนสมัครเข้ามาในบริษัทแต่ต้องเสียเงินไปเรียนรู้งานก่อนทำงาน (ก็อาจจะมี) แต่่ว่าบริษัทส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรแบบนี้ป่ะ เหมือนแบบเปิดรับสมัครพนักงงาน แต่ไม่สอนงานถ้าอยากรู้ต้องจ่ายเงินค่าเรียนมาก่อนงี้อ่อ รู้สึกว่ามันไม่ใช่ป่ะ ฉะนั้นแล้วถ้าใครที่ชอบแอมเวย์อยากทำก็ทำไปนะคะ ส่วนตัวขอบายค่ะ
5 ความคิดเห็น
หลักการของ amway คือสร้างเครือข่ายผู้บริโภคอะนะ เขาต้องพยายามหาคนมาทำธุรกิจด้วย และเงิน 900 บาทนั่นก็ถือว่าน้อยมากสำหรับการลงทุนในธุรกิจ ไปเชื่อลองไปลงทุนธุรกิจแล้วคำนวณต้นทุนดู แค่ซุ้มขายกาแฟเล็ก ๆ ก็ต้องลงทุนหลักหมื่นแล้ว
และการเป็นพนักงาน ไม่ต้องจ่ายค่าเรียนรู้ก็จริง แต่รับเงินเดือนตามตำแหน่ง มีเพดานรายได้จำกัด ในขณะที่ธุรกิจ ถ้าขายดี ยอดดี มีคนซื้อเยอะ เดือนละแสน เดือนละล้าน คือเรื่องปกติอะนะ
ไม่ได้บอกว่าคิดผิดนะ แต่ถ้าสบายใจที่จะทำตามวิถีเดิม ๆ เรียนจบ สมัครงาน ทำงานรับเงินเดือนไปเรื่อย ๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าอยากหลุดออกจากวงจรมนุษย์เงินเดือน ต้องหันมาจับธุรกิจอะไรสักอย่างดู ชีวิตมันไม่ง่ายหรอก (เพราะถ้าง่ายเกิน ก็ไม่ใช่ชีวิต)
ปล. เราเคยทำ amway จนเป็น 12% แล้ว แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำละ หันมาเปิดร้านชานมไข่มุกแทน อิอิ
สวัสดีค่ะ พี่หนูขอปรึกษาพี่ได้ไหมคะ
สวัสดีค่ะ นี่ก็ทำอยู่เหมือนกัน สงสัยอะไรปร฿กษาได้เลยค่ะ
ธุรกิจขายฝันดีๆ นี่แหล่ะ
เหรียญมี2 ด้านแล้วแต่คนจะมองมุมไหน เค้าไม่ได้หลอกคุณหรอก คุณไม่ทำเค้าก็ไม่ได้มาสนใจคุณ ตรงกันข้ามถ้าคุณทำ เค้าต้องเทคแคร์คุณด้วยซ้ำ เพราะเค้ามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบทำให้คุณมีรายได้ตามที่คุณบอกว่าเขาขายฝัน ถ้าไม่ได้เข้ามาเรียนรุ้สังคมแอมเวย์จริงๆ จะไม่มีทางรุ้เลยว่ามันดีตามที่เขาพูดยังไง ที่บอกว่าเปิดโอกาสให้ตัวเองอะ อีกนิดก็จะได้โอกาศแล้วแท้ๆ แล้วก้ที่บอกว่าของแพงอะ อันนี้จริง แต่มันก็ไม่ใช่ของขี้ๆอะ ตรรกะง่ายๆ แล้วก้ เอาจริงๆมันเป้นของเกรดระดับโลกที่ระคาถูกที่สุดและเมื่อเทียบกับแบรนอื่น แล้วก็ความคุ้มค่า เฉลี่ยแล้ว ถูกกว่าสินค้าทั่วไปที่คุณใช้อีก มีตัวอย่างให้ ถ้าอยากรุ้ติดต่อมาเผื่อจะทำให้กระจ่างบ้าง
แล้วก็ถ้าคิดว่าความเป็นอยู่มันแย่แบบนั้น ก็อยู่แบบนั้นต่อไป แต่ถ้าอยากหลุดจะช่วยให้ทางออก พร้อมให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
สวัสดีค่ะ มีคนมาแนะนำเหมือนกันค่ะ อยากปรึกษาข้อมูล พอจะได้ไหมคะ
เเหมผมจะเล่าว่าผมพึ่งโดนมาอาทิตที่เเล้วเองนึกว่าเเค่ช่วยทำเเบบสอบถาม มาสัปดาห์นี้ฟังlivezoomยาวๆจ้าเเต่ผมไม่ลงทุนหรอกผมปี1เอง555ส่วนค่าใช้จ่ายเขาว่าเริ่มต้นว่าไม่มีนะเดี๋ยวดูต่อไปซิ
ล่าสุดจริงคับบอกว่าเสีย900บาท ตอนบรรยายจบก็พูดอ้อมๆเเต่จับใจความได้ว่าจะเอาไหม ผมหรอหึใจไม่ถึง
การทำงานหาเงินบนโลกนี้ ถ้าอยากสำเร็จ ก็ต้องสร้างระบบให้มันทำเงินให้เรา อย่างเช่น เจ้าสัว ซีพี เขาสร้างระบบเสร็จ ชิวิตเขาก็สบาย ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว เป็นเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ เป็นต้น
ที่ยกตัวอย่างมานั้น มันใช้ต้นทุนสูง ถ้าเรามีต้นทุนน้อย Amway ก็เป็นทางออกหนึ่ง ที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ ต้องศึกษาให้รู้จริงก่อนครับแล้วค่อยตัดสินใจ แต่ถ้าไม่เชื่อก็ไม่ผิดครับ เพราะทุกคนมีทางเลือกของแต่ละคนอยู่แล้ว มันจึงมีหลากหลายอาชีพ จริงมํั๊ยครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?