Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เปลี่ยนวิธีคิด..ชีวิตเปลี่ยน ด้วย “Mindset”

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
คนเราแม้ว่าจะมีต้นทุนชีวิตที่เท่ากัน แต่กลับประสบความสำเร็จในชีวิตต่างกัน หลายคนตั้งคำถามว่าเป็นเพราะอะไร บางคนตอบคำถามนี้ไม่ได้ก็โยนไปให้เป็นเรื่องของโชคดวงกันไป แต่คำตอบที่แท้จริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น

เพราะสิ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักดีพอ แต่สามารถกุมชะตาชีวิตของทุกคนไว้ก็คือ “Mindset” ดังนั้นวันนี้ Life Elevated ขอพาทุกคนมารู้จัก Mindset กันให้มากขึ้น มาดูซิว่า Mindset คืออะไรกันแน่ มีความสำคัญอย่างไร และทำอย่างไรเราจึงจะปรับปรุง Mindset ของตัวเองเพื่อประสบความสำเร็จในชีวิตได้

ความหมายของ MINDSET

คำว่า Mindset มีความหมายที่ค่อนข้างกว้าง เพราะแปลความได้ทั้ง “กรอบความคิด” หรือ “วิธีการมองโลก” แต่ในยุคใหม่ๆ เราจะนิยมใช้สื่อความ หมายถึง วิธีการมองโลกมากกว่า เพราะคนยุคใหม่หลายคนชอบคิดนอกกรอบ

นักวิจัยทางด้านจิตวิทยาแห่งความสำเร็จได้เผยว่า ชีวิตคนเราจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับปัจจัย 10% ที่เป็นอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ส่วนอีก 90% นั้นเป็นผลมาจากการที่เราตัดสินใจจะตอบสนองปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้เหล่านั้นอย่างไร เช่น เราเลือกเกิดไม่ได้ เลือกที่จะหล่อ หน้าตาดี มีฐานะทางครอบครัวที่ร่ำรวยมาตั้งแต่เกิดไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะสู้ มุมานะบากบั่นให้ประสบความสำเร็จในชีวิต ร่ำรวยได้อย่างน่าภาคภูมิใจ

ซึ่งสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดของตัวเราที่สั่งให้เราเลือกตอบสนองต่อปัจจัยแวดล้อมที่ควบคุมไม่ได้เหล่านั้นก็คือ Mindset ซึ่งตัว Mindset นั้นถือได้ว่าเป็นซอฟต์แวร์ขั้นพื้นฐานที่ติดตัวเรามาแต่กำเนิด คนเราแต่ละคนมี Mindset ไม่เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม ก็ใช่ว่า Mindset เป็นสิ่งที่ปรับปรุงแก้ไขภายหลังไม่ได้

วิธีการสร้าง MINDSET ที่ดี

เพราะ Mindset เป็นแหล่งกำเนิดแรงบันดาลใจต่างๆ Mindset ที่ดี ทำให้เราสำนึกดี รักดี มีใจสู้ พากเพียรบากบั่น ไม่ท้อถอย แต่หาก Mindset ไม่ดีก็จะส่งผลในทางตรงข้าม เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ก็คงพอจะทราบแล้วว่า ถ้า Mindset ดี ชีวิตของเราก็จะดีตามไปด้วย แล้วจะมีวิธีการปรับปรุง Mindset ของเราได้อย่างไร ลองมาดูกันเลย

เข้าร่วมสังคมที่สร้างสรรค์ อุดมด้วยทัศนคติที่เป็นบวก

เพราะ Mindset ของคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน และ Mindset เป็นสิ่งที่สามารถส่งต่อกันได้ การพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสังคมที่อุดมด้วยทัศนคติเป็นบวก หลีกเลี่ยงสังคมที่มีทัศนคติเป็นลบเป็นสิ่งที่ช่วยได้มาก เพราะ Mindset ที่ดีจากผู้คนในสังคมที่ดีจะค่อยๆ ซึมซับเข้ามาปรับปรุง Mindset ของคุณให้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มกำลังใจ เสริมสร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิตได้

ดังนั้นหากคุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จ ก็จงนำพาตัวเองเข้าไปอยู่ในชุมชนของคนที่ประสบความสำเร็จ คุณจะได้ซึมซับวิธีการพูด แนวความคิด กรอบความคิด และวิธีการมองโลกของพวกเขา ท้ายที่สุดแล้วจิตใจและสมองของคุณจะนำพลังของ Mindset ที่เป็นบวกเหล่านี้เข้ามาปรับปรุงให้เข้ากับโครงสร้าง Mindset ของตัวคุณจนดีขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ไม่เชื่อลองทำดู ทำบ่อยๆ แล้วคุณจะรู้ว่าตัวคุณเริ่ม Mindset แบบคนสำเร็จ แล้วคุณก็จะประสบความสำเร็จตามพวกเขาในไม่ช้า

เสริมสร้างความรู้ต่อยอด

เมื่อเราได้ซึมซับ Mindset ที่ดีจากสังคมที่คิดดี หรือที่เรียกว่า สังคมที่มีทัศนคติ (Attitude) เป็นบวกแล้ว สิ่งที่เราควรทำต่อยอดก็คือการเพิ่มพูนความรู้ ทักษะและประสบการณ์ดีๆ ในแนวทางที่ส่งเสริมให้เราประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นการตอกย้ำให้เรามั่นใจในตัวเองมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจที่เริ่มต้นจากศูนย์ หรือที่เรียกว่า Start Up หลังจากที่คุณได้ซึมซับทัศนคติดีๆ จากคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว คุณจำเป็นต้องหาหนังสือดีๆ มาอ่าน หรือเข้าคอร์สหาความรู้เพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ จากนั้นก็นำความรู้มาปรับใช้จริงในงาน เก็บเกี่ยวความสำเร็จทีละขั้น ไม่ต้องรีบ สำเร็จ น้อยๆ แต่สม่ำเสมอ เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง Mindset ของคุณก็จะเติบใหญ่ในแนวทางแห่งความสำเร็จของคุณมากขึ้นทุกวันๆ

หยุดรับดราม่าในชีวิตจริง

นอกจากการเปิดรับพลังด้านบวกแล้ว การหลีกเลี่ยงพลังด้านลบก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้กัน พลังด้านลบมีผลบั่นทอนให้ Mindset ดีๆ ที่เรากำลังสร้างขึ้นต้องพังทลายลงก็คือ พลังด้านลบมาจากอารมณ์ที่เป็นลบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความแค้น ความโลภ ความโกรธ ความหลง เป็นต้น ซึ่งลำพังหากเราอยู่ตัวคนเดียวก็คือจะควบคุมการปิดรับพลังด้านลบเหล่านี้ได้ไม่ยาก แต่การที่เราต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมก็ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะได้รับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวจนก่อให้เกิดอารมณ์ในด้านลบได้ง่าย

ไม่ว่าจะเป็นประเด็นความอยุติธรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม เช่น การด่าทอกัน การสาดโคลนกล่าวหาว่าร้าย ที่เราสามารถรับรู้ได้ เป็นสิ่งที่บั่นทอน Mindset ที่ดีทั้งสิ้น ดั้งนั้นทุกครั้งที่รับรู้ข่าวสารและข้อมูลต่างๆ ที่ดูเป็นการยั่วยุอารมณ์ด้านลบ ก็จงรีบดึงสติออกมา ปล่อยวาง ทำใจให้เป็นกลาง ไม่คิดตอบโต้ เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถปิดกั้นอารมณ์ที่เป็นลบได้

ฉลาดเลือกไอดอลในดวงใจ

เนื่องจาก Mindset สามารถติดต่อกันได้ การเลือก Idol ที่ดีจะทำให้ Mindset ของคุณดีขึ้นได้เช่นกัน ลองดูว่าคุณชื่นชอบการกระทำ ชอบนิสัย ชอบวิธีคิดของใคร แล้วติดตามเรื่องราวของคนๆ นั้น จากนั้น Mindset ของ Idol ผู้นั้นจะค่อยๆ ไหลซึมมาสู่เราเอง

Fixed Mindset vs Growth Mindset

ทางด้านวิชาการมีความพยายามแบ่ง Mindset ออกมาเป็นกลุ่มๆ อยู่หลายแบบเหมือนกัน แต่ทฤษฎีนึงที่โด่งดังที่สุดคือทฤษฎีที่นำเสนอโดย Carol Dweck ที่บอกว่า Mindset ถูกแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ Fixed Mindset และ Growth Mindset

Fixed Mindset

คือ Mindset ที่คนเชื่อว่าตัวเองไม่สามารถเก่งขึ้นได้ ความรู้ทั้งหลายเป็นสิ่งที่มีมาแต่กำเนิดและไม่สามารถพัฒนาไปกว่านั้นได้

– พยายามหลีกเลี่ยงทุกปัญหา

– ยอมแพ้กับทุกสิ่งอย่างง่ายดาย

– รู้สึกว่าความพยายามเป็นสิ่งไร้ค่า

– เมื่อได้รับ Feedback ด้านลบของตัวเองก็จะปฏิเสธว่ามันไม่จริงและไม่สนใจใด ๆ

– รู้สึกว่าความสำเร็จของคนอื่นทำให้ชีวิตตัวเองห่อเหี่ยว

คนที่มี Mindset แบบนี้เป็นการสร้าง “กรอบ” ของความคิดของจริง คือตัวเองไม่สามารถออกจากกรอบนี้ได้และก็จะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต

ผลคือคนกลุ่มนี้มักจะไม่สามารถคว้าความสำเร็จในชีวิตไว้ได้ เนื่องจากโลกมันหมุนไปเรื่อยๆ แต่คนกลุ่มนี้กลับปฏิเสธที่จะพัฒนาตัวเองนั่นเอง

Growth Mindset

คือ Mindset ของคนที่เชื่อว่าตัวเองเก่งขึ้นได้ตลอดเวลา และเชื่อว่าตัวเองสามารถเรียนรู้เรื่องใดๆ ในโลกถ้าใส่ความพยายามลงไปมากพอ

– เมื่อชีวิตเจอปัญหาหรือความท้าทายจะเข้าลุย

– รู้สึกว่าความพยายามนี่แหละคือหนทางนำไปสู่ความเก่งความชำนาญและความเทพ

– เมื่อเจอคำวิจารณ์แย่ๆ ก็จะเรียนรู้จากมันแทนการเพิกเฉย

– มองความสำเร็จของคนอื่นเป็นบทเรียนและแรงบันดาลใจ

คนกลุ่มนี้มักจะคว้าความสำเร็จได้มากกว่าคนกลุ่ม Fixed Mindset มาก เพราะคนกลุ่มนี้จะพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีกรอบที่จำกัดตัวเองไว้ หากเจอปัญหาอะไรก็แก้ได้หมดและกลายเป็นคนที่มีค่ามากไปในที่สุด

ลองดูคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตระดับโลกอาทิเช่น Mark Zuckerberg หรือ Steve Jobs ทั้งคู่ล้วนมี Growth Mindset เพราะต่างรู้ว่าโลกไม่หยุดหมุน ดังนั้นเราต้องเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และเก่งขึ้นเรื่อยๆ ตามโลกด้วยนั่นเอง

สรุป 3 ขั้นตอนคิดให้เติบโตด้วย Growth Mindset

รู้และเข้าใจว่าพฤติกรรมไหนของคุณเป็น Fixed/Growth mindset
เลือกเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาตัวเองจากยึดติดให้เติบโต อย่ากลัวที่จะลองผิดลองถูกเพื่อเรียนรู้ อย่างที่บอก ถ้าคุณเลือกที่จะหยุดก็เท่ากับคุณเลือกที่จะแพ้ให้กับกรอบเดิมๆ
เป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน พัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง ถ้าคุณคิดว่าพัฒนาต่อไม่ได้แล้ว ลองคิดว่าเป็นเกม เมื่อเลเวลของคุณสูงขึ้น ค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้ก็ต้องมากขึ้นด้วยเช่นกัน
จงเป็นแก้วใบที่ใหญ่ขึ้นเสมอ

การล้มเหลวไม่ได้แปลว่าเราจะไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าคุณล้มเหลวและเรียนรู้มัน จะเปลี่ยนแปลงความคิดที่เรามีมาตลอดไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่คุณรู้แล้วว่ามันเปลี่ยนได้

“ฝึกฝนและพัฒนา” เป็นกุญแจสำคัญมากกว่าพรสวรรค์ใดๆ ทุกครั้งที่คุณรู้สึกว่าน้ำในแก้วของคุณเริ่มเต็ม

ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่ “แก้วของคุณ” จะใหญ่ขึ้นเพื่อรับน้ำที่มากขึ้น…

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น