Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

“เชอร์รี่ แอน ดันแคน” เด็กสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกันผู้อาภัพ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
Cr.  เปิดแฟ้มคดีดัง  ช่องไทยรัฐ

หลายๆคนคงเคยติดตามคดี เชอร์รี่ แอน ดันแคน ที่ช็อกหัวใจคนไทยในสมัยนั้น และเป็นคดีที่สะเทือนวงการยุติธรรมอีกคดีหนึ่ง รวมถึงคนที่เกิดไม่ทันก็อาจจะทราบเกี่ยวกับคดีนี้จากหลายแหล่งข้อมูลที่ได้เล่าถึงคดีและสาเหตุของคดีแล้ว แต่หารู้ไม่ว่า ยังมีความจริงบางอย่างที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ ด้วยความที่อาจจะฟังจากแค่เรื่องเล่า หรือคำให้สัมภาษณ์ของบางคน โดยไม่ได้สืบหาความจริงโดยละเอียด เช่นการไล่อ่านคอมเมนต์ อย่างนี้เป็นต้น เลยอาจจะมีบางอย่างที่หลายคนเข้าใจผิดไป ดังนั้นวันนี้จะมาเล่าความจริงบางอย่างไปพร้อมๆกับคดีเลยนะคะ (ซึ่งมันจะยาวหน่อยน้าาาาาาาา)

คำเตือน!!! ถ้าไม่ชอบเรื่องผีหรืออะไรที่เป็นแนวสะเทือนขวัญก็ห้ามอ่านกระทู้นี้

และก่อนที่จะเล่าต่อไปนี้ ถ้าหากผิดพลาดประการใดก็...รบกวนช่วยแก้ไขหรือว่าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกันได้นะคะ

มาเข้าเรื่องกันโลดดดดด!!!

เชอร์รี่ แอน ดันแคน เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2513 ที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นลูกสาวของมิสเตอร์โจกับนางกลอยใจอย่างที่ทราบกัน ว่ากันว่าเป็นเด็กที่แก่แดด (ซึ่ง จขกท เองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าแก่แดดแบบไหน) เธอสามารถพูดได้ 3 ภาษา คือภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีนกลาง เมื่อเธอไปต่างประเทศกับพ่อของเธอ ในช่วงที่พ่อของเธอไปทำงานที่นั่นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ในฐานะวิศวกร และกลับมาในปี 2521 เชอร์รี่ แอน จะอาศัยอยู่กับคุณยายของเธอที่ฝั่งธนบุรีเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากใกล้โรงเรียนของเธอ (ซึ่งก็น่าจะเป็นโรงเรียนซางตาครู้สศึกษา และถ้าเรียนตามเกณฑ์ ในปี 2521 เชอร์รี่ แอน ก็น่าจะขึ้น ป.2) ในช่วงเวลานั้น เชอร์รี่ แอน จะไปเยี่ยมพ่อและแม่ของเธอในวันหยุดสุดสัปดาห์ ... ในปี 2528 ชีวิตของเธอต้องพลิกผัน เมื่อเธอ ได้รู้จักกับคุณวินัย ชัยพานิช หรือเสี่ยแจ๊ค และในปีเดียวกันนั้น คุณยายของเธอก็ได้จากเธอไป (ข้อมูลจาก http://thailawforum.com/the-murder-of-thai.html ในหัวข้อ The Precocious Child)

เชอร์รี่ แอน ยังมีพี่สาวต่างบิดาอีก 1 คน เนื่องจากรายการ “ข่าวดังข้ามเวลา” ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2558 ได้บอกท้ายคลิปว่า ปัจจุบันคุณย่ากลอยใจใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบในจังหวัดสมุทรสาคร กับลูกสาวคนโต และในสำนวนคดีก็ยังบ่งบอกด้วยว่า คุณย่ากลอยใจเคยแต่งงานและมีบุตรกับสามีคนก่อนแล้ว ก่อนที่จะแต่งงานกับมิสเตอร์โจ

ข้อมูลเพิ่มเติม จากที่ได้เล่าเรื่องนี้ในกลุ่ม “เรื่องเล่า ภาพเก่าในอดีตhttps://m.facebook.com/groups/259276574570765/permalink/1408352089663202/ มีคอมเมนต์หนึ่งเล่าว่า “ผมเคยเจอเธอครั้งนึงประมาณ2อาทิตย์ ก่อนเธอหายไป เพราะพี่ชายต่างบิดามาทำงานที่ร้านอาหารของพ่อผม จำได้ว่าสวยมากครับ อุ้มหมาพุดเดิ้ลมาด้วย ตอนรู้ข่าวแล้วตกใจมาก” นั่นหมายความว่า นอกจากพี่สาวต่างบิดาแล้ว เธอก็ยังมีพี่ชายต่างบิดาด้วย
ภาพถ่ายคู่ในฐานะคู่รัก ระหว่างเสี่ยแจ๊คกับเจ๊กุ้ง  (  Cr.  ความจริงไม่ตาย ช่อง Thai PBS)

อย่างที่หลายคนทราบกันแล้วว่า คุณวินัย ชัยพานิช หรือเสี่ยแจ๊ค เกิดในครอบครัวที่จัดได้ว่าเป็นผู้มีอันจะกิน บิดาและมารดานับได้ว่าเป็นผู้มีฐานะทางการเงินที่ดีครอบครัวหนึ่งเลยทีเดียว หลังจากจบการศึกษาด้านสถาปัตยกรรมจากสหรัฐอเมริกา เสี่ยแจ๊คได้กลับมาทำงานในประเทศไทย ในปี 2519 โดยประกอบอาชีพเกี่ยวกับการก่อสร้าง และได้มาพักอาศัยอยู่กับมารดาที่บ้านพักเยื้องตรงข้าม สน.ทุ่งมหาเมฆ ซอยสวนพลู เขตยานนาวา ต่อมาประมาณปี 2523 ได้เปิดภัตตาคาร ชื่อ 'สามก๊ก' ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักใน ซอยสวนพลู และได้รู้จักกับ “เจ๊กุ้ง” สุวิบูลย์ พัฒน์พงศ์พานิช หญิงสาวตระกูลใหญ่ระดับมหาเศรษฐีย่านพัฒน์พงศ์ โดยการแนะของน้องสาวตนเอง หลังจากรู้จักกันได้เพียง 2 เดือน ก็ได้มีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากับเจ๊กุ้ง แต่ไม่ได้แต่งงานกัน เพราะแม่ของฝ่ายหญิงไม่ปลื้มเสี่ยวินัย ด้วยสัมพันธ์ที่มีต่อกันอย่างแน่นแฟ้นของทั้ง 2 จึงได้ร่วมทุนกันสร้างคอนโดมิเนียม ชื่อ “ริเวอร์วิว คอนโดมิเนียม” เป็นอาคารให้เช่าพักจำนวน 8 ชั้น อยู่แถวตลาดน้อย สัมพันธวงศ์ ในปี 2524

ข้อมูลเพิ่มเติมจากคอมเมนต์หนึ่งในยูทูบ รายการ “ความจริงไม่ตาย” เล่าว่า “พ่อเรา เคยเป็นลูกจ้าง(รับเหมาก่อสร้าง)ของตระกูลนี้ (ตระกูลของเสี่ยแจ๊ค) ตระกูลนี้รวยมากๆ แม่ของเสี่ย(คุณนายเพ็ญศรี)มาจากจีนแผ่นดินใหญ่มาตำพริกแกงขายที่ตลาดสวนพลู จนร่ำรวยมีที่ดินให้คนเช่าและมีธุรกิจอีกมากมายเมื่อลูกๆของท่านโตขึ้นมา ตอนเราเป็นเด็กพ่อแม่เคยพาไปอาศัยอยู่แฟตของแม่เสี่ยวินัยที่ตลาดสวนพลู เสี่ยวินัยเป็นพี่ชายคนโตของตระกูล..เสี่ยมีพี่น้องทั้งหมดรวม4รึ5คนนี่แหละ(เรารู้จักทุกคน แต่ในฐานะลูกของลูกจ้างนะ) และน้องบุญธรรมอีกคนเป็นผู้ชาย(เป็นใบ้) พ่อเล่าว่า เสี่ยวินัย รูปหล่อและเจ้าชู้มากในสมัยนั้น..(เราเคยเจอเสี่ยวินัยแค่ครั้งเดียวก่อนที่เสี่ยจะเจอคดีเชอรี่) เจ๊กุ้ง คือเจ้าแม่ลูกสาวเจ้าของพัฒพงศ์(มีอิทธิพลมาก)สุดท้ายความจริงก็เป็นสิ่งไม่ตาย...(แต่พ่อพี่ตายแล้ว)คดีนี้ซ่อนเงื่อนมาก แต่คนใกล้ชิดจะรู้จริงมากที่สุด...#สาเหตุ มันก็เกิดจากความเจ้าชู้ของเสี่ยนี่แหละเป็นต้นเหตุ ญาติพี่น้องของเสี่ยทุกคนก็มีความสุขกันดีหมด”
วินัย ชัยพานิช (เสี่ยแจ๊ค)   และ   เชอร์รี่ แอน ดันแคน
Cr.   ช่องไทยรัฐ

ด้วยความที่พ่อของ เชอร์รี่ แอน เปิดร้านอาหารฝรั่งที่ซอยสุขุมวิท 19 ชื่อว่าร้าน “พี.เจ.” และวันหนึ่งในปี 2528 เสี่ยแจ๊คนึกอยากทานอาหารฝรั่งขึ้นมา จึงแวะไปทานที่ร้านแห่งนี้ และได้รู้จักกับครอบครัวของคุณเชอร์รี่แอน โดยคุยภาษาอังกฤษกับฝ่ายพ่อและภาษาไทยกับฝ่ายแม่ เลยเป็นที่ถูกอกถูกใจของคนบ้านนั้น ซึ่งในเวลานั้นคุณเชอร์รี่แอนอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น และกำลังมีปัญหาภายในครอบครัว เธอถูกพ่อแท้ๆของเธอล่วงละเมิดหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่พ่อของเธอเมา เสี่ยแจ๊คจึงยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ โดยการขออุปการะเธอจากครอบครัว ซึ่งแม่ของเธอก็ยินยอมให้อุปการะลูกสาว แต่หารู้ไม่ว่า สำหรับคุณเชอร์รี่แอนแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการหนีเสือปะจระเข้ เพราะจริงๆแล้ว เสี่ยแจ๊ค เอ็นดูเธอในทางชู้สาว อย่างที่หลายคนทราบกันแล้วว่า เชอร์รี่ แอน รับทราบมาตั้งแต่ต้นว่า เสี่ยแจ๊คมีเจ๊กุ้งอยู่แล้ว แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ นั่นก็คือ คุณเชอร์รี่แอนไม่ได้คิดอะไรกับเสี่ยแจ๊คในทางชู้สาว แต่ด้วยความที่เธออยากเรียนสูงๆ เธอจึงยอมเป็นเสมือนลูกบุญธรรมของเสี่ย (ข้อมูลนี้ได้มาจากการไล่อ่านคอมเมนต์ในยูทูบ รายการความจริงไม่ตาย) ในเวลานั้นเจ๊กุ้งเกิดความแคลงใจ จนจับได้ว่า เสี่ยแจ๊คแอบคบหากับคุณเชอร์รี่แอน แถมส่งเสียเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ใช้คอนโดมิเนียมที่ร่วมกันสร้างเป็นรังรัก จึงบุกไปอาละวาดตามประสาความหึงหวง เสี่ยแจ๊คต้องพาคุณเชอร์รี่แอนย้ายไปพักแถวทองหล่อ แต่เจ๊กุ้งก็สืบจนรู้อีก เจ๊กุ้ง ได้จ้างวานลูกน้องให้ไปรื้อห้องของคุณเชอร์รี่แอนหลายต่อหลายครั้ง รวมทั้งยื่นคำขาดให้เสี่ยแจ๊คเลิกกับคุณเชอร์รี่แอนหลายครั้งเช่นกัน โดยครั้งสุดท้ายถึงขนาดจะให้เงิน 100,000 บาท (สมัยนั้นถือว่าโคตรเยอะ) ให้คุณเชอร์รี่แอนเลิกกับเสี่ยแจ๊คให้ได้ แต่เสี่ยแจ๊คก็ไม่ยอม
เชอร์รี่ แอน ดันแคน (Cr.   ข่าวดังข้ามเวลา)

ในปี 2529 ที่มีคดีนี้เกิดขึ้น ในปีนั้นคุณเชอร์รี่แอนเพิ่งจะเรียนจบ ม.3 และได้ไปเรียนต่อสายอาชีวะที่โรงเรียนพระกุมารเยซูวิทยา (โฮลี่) ซอยสุขุมวิท 101 นอกจากเรียนหนังสือ เธอยังเป็นนางแบบวัยรุ่นให้นิตยสารบางเล่มในเวลานั้น เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2529 ทุกคนเห็นคุณเชอร์รี่แอนเดินขึ้นรถแท็กซี่ที่เธอโดยสารเป็นประจำ แต่...ไม่มีใครจำทะเบียนรถและรูปพรรณสันฐานของคนขับแท็กซี่ได้เลย และเธอก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย 3 วันต่อมา 2 สามีภรรยาที่อาศัยอยู่แถวนั้น ได้ตื่นเช้ามาเพื่อจับปูในป่าแสมเพื่อเป็นรายได้เลี้ยงชีพอย่างเช่นทุกวันที่ผ่านมา ต้องผงะเมื่อเจอศพหญิงสาวในร่องน้ำป่าชายเลน ที่สุดด้วยมีคนพบเจอกระเป๋านักเรียนลอยตามน้ำมา ก็สืบจนพบว่า ศพนั้นคือ “เชอร์รี่ แอน ดันแคน” ที่ถูกฆาตกรรมอย่างเลือดเย็นในชุดนักเรียน แพทย์ชันสูตรพบว่า มีรอยถูกทุบตีที่ท้ายทอย ทำให้กระโหลกศีรษะร้าว และมีรอยช้ำที่หน้าแข้ง เธอเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ เนื่องจากถูกบีบรัดที่คอ ก่อนที่คนร้ายจะนำศพไปทิ้งในน้ำ เชอร์รี่ แอน เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 16 ปี
เชอร์รี่ แอน ดันแคน (Cr.   ล่าข้อกังขา)

ในเวลานั้น สื่อประโคมข่าวนี้อย่างหนัก เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนในสมัยนั้น ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เป็นการกดดันให้ ตร. ปิดคดีนี้ให้เร็วที่สุด .. 1 เดือนหลังการตายของ เชอร์รี่ แอน ตร. จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด ประกอบไปด้วยเสี่ยแจ๊ค และลูกน้องอีก 4 คน ทั้ง 5 คน 5 ชีวิต ถูกตราหน้าจากสังคมว่าเป็นฆาตกรที่เลือดเย็น สื่อมวลชน และ ประชาชน ตราหน้า รุมสาปแช่งพวกเขา พร้อมลงทัณฑ์ว่า พวกเขาสมควรที่จะถูกประหารชีวิต โดยเบื้องหลังการจับกุมแพะกลุ่มนี้ เกิดขึ้นหลังการตายของเชอรี่ แอน ประมาณ 2 สัปดาห์ นายประเมิน โภชพลัด อาชีพขับสามล้อรับจ้าง เดินเข้ามาหานางกลอยใจ ดันแคน หลังจากที่เห็นรูป และเรื่องราวข่าวสะเทือนขวัญบนหน้าหนังสือพิมพ์ เขาให้การกับตำรวจในเวลาต่อมาว่า ในวันที่เกิดเหตุ เขากำลังขับรถตระเวนหาผู้โดยสารอยู่ในซอยสวนพลู เขตยานนาวา ณ จุดหนึ่งริมถนน เขาเหลือบไปเห็น จำเลยที่ 2 นายรุ่งเฉลิม กนกชวาลชัย และ จำเลยที่ 3 นายพิทักษ์ ค้าขาย กำลังประคองเชอรี่ แอน ออกมาจากซอยแห่งหนึ่ง เธออยู่ในสภาพสลบไสล ไม่รู้สึกตัว โดยมี จำเลยที่ 1 เสี่ยวินัย ชัยพานิช จำเลยที่ 4 นายกระแสร์ พลอยกลุ่มและ จำเลยที่ 5 นายธวัช กิจประยูร เดินตามมาข้างหลัง นายประเมินจอดรถ แล้วถามคนกลุ่มนั้นว่า ต้องการให้พาไปส่งโรงพยาบาลหรือไม่?? แต่ก็ได้รับการปฏิเสธกลับมา นายประเมินได้ให้การกับผู้พิพากษาในเวลาต่อมาอีกว่า จำหน้าเด็กผู้หญิงคนนั้นได้ดี และแม่นยำ เพราะเธอเป็นสาวลูกครึ่ง หน้าตาสวยมาก เขาทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ว่าเธอถูกฆ่าตาย จึงเดินทางมาเพื่อเป็นพยานให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2529 และนายประเมิน ก็คือพยานปากเอกเพียงคนเดียวที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีในตอนนั้น จึงเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ทั้ง 5 คนนั้นถูกจับกุมและดำเนินคดีในที่สุด แต่หารู้ไม่ว่า นั่นคือพยานเท็จที่ถูกจ้างโดย ตร. ในพื้นที่ โดยได้รับค่าจ้างเป็นสังกะสีไม่กี่แผ่นเพื่อซ่อมหลังคาบ้าน และเงินอีก 20,000 บาท แลกกับชีวิตของผู้บริสุทธิ์ และความยุติธรรมที่คุณเชอร์รี่แอนควรจะได้รับ
บรรดาแพะในคดีเชอร์รี่ แอน ดันแคน (Cr.  ความจริงไม่ตาย ช่อง Thai PBS )

วันที่ 21 สิงหาคม ปี พ.ศ.2529 เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกำลัง บุกเข้าจับกุม เสี่ยวินัย และ ลูกน้อง ถึงหน้าบริษัท เสี่ยวินัยถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้บงการและจ้างวานให้ฆ่า เชอร์รี่ แอน ทั้งที่จริงๆแล้ว คุณวินัยคือคนที่ไปแจ้งความและประกาศตามหา ตอนที่คุณเชอร์รี่แอนหายตัวไป โดยมีรางวัลให้ถึง 20,000 บาทถ้าได้เบาะแส ในขั้นแรกที่เสี่ยวินัย ถูกจับกุม และตั้งข้อกล่าวหานั้น เจ้าหน้าที่ตรวจแถลงข่าวว่า มูลเหตุสำคัญที่สุดที่เป็นเหตุจูงใจที่ทำให้เสี่ยวินัย วางแผนฆ่า เชอรี่ แอน เนื่องจากเขาจับได้ว่า เชอรี่แอนแอบมีชายหนุ่มคนใหม่ แถมยังพามาค้างที่คอนโดฯ ของเขาอีกด้วย พิษรักแรงหึงทำให้เขาใช้วิธีจ้างวานบริวารใกล้ชิด ให้อุ้มเชอรี่แอนไปฆ่าด้วยความแค้น แต่...มีคอมเมนต์หนึ่งในยูทูบ รายการความจริงไม่ตายอีกเช่นเดียวกัน ที่เหมือนจะบ่งบอกว่า ไม่เคยเห็นคุณเชอร์รี่แอนพาผู้ชายคนอื่นไปที่คอนโดเลย โดยเล่าว่า “ในตอนนั้นเชอรี่เป็นเด็กนักเรียนมาเช่าพักที่หอพัก แกรนด์ทาวเวอร์อินน์ อยู่ปากซอยทองหล่อ สุขุมวิท55 ผมเปิดร้านมินิสโตร์ ขายของกินของใช้ในอาคาร เสี่ยวินัย ชอบเข้ามาสอบถามพนักงานในร้านผมอยู่บ่อยๆว่ากลับมาจากโรงเรียนกี่โมงฝากเด็กในร้านช่วยดูให้ด้วย และชอบแอบขอใช้โทรศัพท์ในร้านโทรเช็คว่าอยู่ในห้องพักชั้นบนหรือไม่ แกรักและหึงหวงมากเท่าที่สังเกตดู น้องเชอรี่ชอบมาอุดหนุนซื้อของในร้านประจำแต่ไม่เคยเห็นพาผู้ชายคนอื่นมาที่หอพัก เด็กคนนี้น่าสงสารมากที่มาจบชีวิตแบบนี้”

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2529 ศาลยกฟ้องเสี่ยแจ๊คเป็นคนแรก แต่ลูกน้องทั้ง 4 คนถูกตัดสินประหารชีวิต คุณวินัยได้เข้าร้องเรียนกองปราบปรามฯ ว่าพวกเขาถูกกลั่นแกล้ง จึงได้มีการสืบสวนสอบสวนในทางลับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นำโดย พล.ต.ต.อดิศร จินตนะพัฒน์ การสืบสวนสอบสวนดำเนินการจนกระทั่งพบหลักฐานชิ้นสำคัญ นั่นคือนาฬิกาของคุณเชอร์รี่แอน ที่คุณวินัยซื้อให้ ก่อนที่คุณเชอร์รี่แอนจะเสียชีวิต 1 ในผู้ร้ายได้ถอดออกจากข้อมือของเธอ และนำไปให้ภรรยาสวมใส่ แต่ภายหลังภรรยาของเขาได้ให้ปากคำและมอบหลักฐานชิ้นสำคัญให้ตำรวจ เพราะจับได้ว่าสามี มีผู้หญิงคนใหม่ เรียกได้ว่าจุดเริ่มและจุดคลี่คลายของคดีนั้นไม่ต่างกันนัก ในช่วงเวลานั้นแม้จะสืบสวนสอบสวนจนรู้แล้วว่าฆาตกรตัวจริงคือใคร และทางกองปราบฯ ได้ยื่นสำนวนคดีให้ ตร. ท้องที่แล้ว แต่ ตร. ท้องที่บอกว่าทางกองปราบฯ ไม่มีหน้าที่สืบสวน จึงต้องเก็บสำนวนคดีนั้นไว้ และในที่สุดศาลก็ได้ยกฟ้องแพะในปี 2536 แต่คุณเฮาดี้ หรือ รุ่งเฉลิม กนกชวาลชัย เสียชีวิตภายในเรือนจำก่อนศาลตัดสิน ส่วนแพะอีก 3 คนที่เหลือ หลังออกจากเรือนจำ ชีวิตก็ไม่เหมือนเดิม เมื่อคุณพิทักษ์ ติดเชื้อวัณโรคจากในเรือนจำ และเสียชีวิตหลังจากออกมาได้เพียง 5 เดือน คุณธวัช หลังจากได้รับอิสรภาพ เขาได้กลับไปทำงานกับคุณวินัยเจ้านายเก่า แต่ก็มีชีวิตอย่างหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา เขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในลำคอ ในปี 2542 คงเหลือแต่คุณกระแสร์ กับครอบครัวของแพะทั้ง 4 คน ที่ได้เรียกร้องค่าเสียหายจาก ตร. คุณกระแสร์ หลังจากที่เขาตกเป็นแพะในคดี เชอร์รี่ แอน ดันแคน ครอบครัวของเขาก็ล่มสลาย เมื่อภรรยาของเขาตรอมใจจนเสียชีวิต ลูกสาวถูกข่มขืนฆ่า ลูกชายหายสาบสูญ(ภายหลังทราบว่าติดคุก) แม้เขาจะเริ่มต้นชีวิตกับภรรยาคนใหม่ แต่การที่เขาถูก ตร. ซ้อมอย่างหนัก ก็ทำให้เขาพิการ เขาเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวในปี 2555 คุณกระแสร์ยังเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในรายการ “คุยกับแพะ” ด้วย  
ในปี 2538 หลังการสืบสวนใหม่ก็ได้มีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาอีกครั้งเพื่อจับกุมฆาตกรตัวจริง โดยขั้นแรกตำรวจสามารถจับกุม 2 มือฆ่าได้ คือนายสมพงษ์ บุญฤทธิ์ คนฆ่า และนายสมัคร ธูปบูชากร ผู้ร่วมลงมือ โดย 2 มือฆ่าได้ซักทอดว่าเจ๊กุ้งเป็นผู้จ้างวานเพราะความหึงหวง โดยมีการวางแผนกันมาก่อน ก่อนที่จะไปรับไปส่งคุณเชอร์รี่แอนก็มีการชี้ตัวกันก่อนว่า นี่นะ เชอร์รี่ แอน นี่คนนี้นะ เลิกเรียนเวลานี้นะ แล้วก็จ้างวานกันเป็นประจำ ในวันเกิดเหตุ นายพีระ ว่องไววุฒิ ได้ขับรถแท็กซี่ไปรับคุณเชอร์รี่แอนที่หน้าโรงเรียนพระกุมารเยซูวิทยา โดยสมัครและสมพงษ์ได้ตามมาขึ้นรถภายหลัง ในตอนนั้น เชอร์รี่ แอน ก็ไม่กลัว เพราะ 2 คนนี้ก็เคยเป็นลูกน้องของเสี่ยแจ๊ค จึงได้รู้จักมักคุ้นกัน แม้ว่านายสมพงษ์ก็คือคนที่เจ๊กุ้งจ้างวานให้ไปรื้อห้องของคุณเชอร์รี่แอนหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ยังเชื่อใจยอมให้ขึ้นรถไปด้วย โดยสมัครนั่งข้างคนขับ ส่วนสมพงษ์นั่งข้าง เชอร์รี่ แอน ช่วงนาทีสังหาร สมัคร เด้งไปจับขา สมพงษ์ พยายามปลดเข็มขัดออกจากชุดนักเรียนของ เชอร์รี่ แอน และนำไปรัดคอเธออย่างเหี้ยมโหดจนเธอสิ้นใจ จากนั้นผู้ร้ายก็ได้นำศพเธอไปทิ้งไว้ในร่องน้ำป่าชายเลน
ตำรวจกองปราบฯ ผู้คลี่คลายคดี   (Cr.  ความจริงไม่ตาย ช่อง Thai PBS )

ช่วงที่กองปราบฯ สอบสวนคดีในทางลับ พีระ ว่องไววุฒิ ถูกกันตัวเป็นพยานเพื่อสอบปากคำ ทำให้ตำรวจตามพบแท็กซี่มรณะ และพบหลักฐานชิ้นสำคัญ นั่นคือร่องรอยบนรถ ที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุ คือรอยที่ เชอร์รี่ แอน ดิ้นแล้วรองเท้าไปถูกเบาะข้างหลัง รอบที่เบาะขาดยังอยู่ ซึ่งตรงกับปากคำของพีระทุกอย่าง
สมใจ บุญฤทธิ์ (รายการความจริงไม่ตาย)

รายการความจริงไม่ตาย นาทีที่ 33:42 - 37:16 https://youtu.be/lqi0S4G4q-s ได้พบกับ สมใจ บุญฤทธิ์ ซึ่งเป็นพี่ชายของ สมพงษ์ บุญฤทธิ์ ผู้สังหาร เชอร์รี่ แอน ในอดีตคุณสมใจคือลูกน้องคนสนิทของคุณวินัย ทำหน้าที่เลี้ยงดู และรักคุณเชอร์รี่แอนเหมือนลูก เขาได้เล่าว่า เขาเป็นคนชวนน้องชายเข้ามาทำงานกับเสี่ยแจ๊ค และไม่คาดคิดว่า น้องชายของเขาจะกลายเป็นฆาตกร เขายังเล่าอีกว่า เขาเก็บความทรมานมาตลอด 30 กว่าปี เขาคาใจว่า ทำไมตอนนั้นเขาไม่รู้ ว่าจะมีการฆ่ากัน เขาช่วยอะไรไม่ได้เลยหรือ เขาเสียใจจนถึงทุกวันนี้ว่า เป็นเพราะเขา กับคุณเชอร์รี่ แอน ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด เขาก็รู้ว่าเธอรังควานอยู่ แต่ก็ปกป้องเธอไม่ได้ ถ้าเขารู้ว่าน้องชายของเขาจะฆ่าคนที่เขาเลี้ยงดูมา เขาก็จะเอาชีวิตเข้าแลกอยู่แล้ว หลังการตายของ เชอร์รี่ แอน และเสี่ยแจ๊คถูกจับกุมเพียง 1 วัน คุณสมใจก็ได้รู้ความจริงที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากที่สุด ว่าแท้จริงแล้ว เชอร์รี่ แอน ที่เขารักเหมือนลูกแท้ๆ ถูกฆ่าโดยน้องชายของตนเอง หลังจากที่เขารู้ความจริงจากปากของน้องชาย เขายืนยันว่า ในวันนั้นเขาได้โทรศัพท์หาเจ๊กุ้งเพื่อสอบถามความจริง และคำตอบที่ได้ก็คือ เจ๊กุ้งอ้างว่าไม่ได้สั่งให้ฆ่า น้องชายของเขาฆ่าเอง แม้จะผ่านมานานกว่า 30 ปี แต่เขายังคงรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องเก็บงำความจริง และรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องชีวิตของคุณเชอร์รี่แอนไว้ได้ เขาพูดทิ้งท้ายว่า “พอผมรู้แล้วก็คือพูดไม่ออก -นี่ก็น้อง -นั่นก็คนที่เราเลี้ยงมา แล้วอีกคนหนึ่งก็เมียเสี่ย ก็ไม่รู้จะพูดยังไงก็เลยต้องอยู่เฉยๆ”
หลังจากที่รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ เจ๊กุ้งได้เข้ามอบตัว และประกันตัวออกมาสู้คดี ปี 2540 ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตผู้จ้างวานและ 2 มือฆ่า ต่อมาชั้นอุทธรณ์ได้ตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น แต่ในปี 2542 ศาลฎีกาตัดสินยกฟ้องผู้จ้างวานเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ (แต่เงินเพียงพอ) ส่วน 2 มือฆ่า ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต รวมถึงพยานเท็จก็โดนเช็คบิลไป 8 ปี แต่ที่น่าเศร้าอีกอย่างก็คือ ตำรวจชุดจับแพะ สร้างหลักฐานพยานเท็จ ไม่ได้ถูกลงโทษแต่อย่างใด ต่อมาในปี 2546 ศาลแพ่งได้พิพากษาให้ตำรวจชุดจับแพะชดเชยค่าเสียหายให้กับแพะและครอบครัวของแพะเป็นเงินจำนวน 26 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ทางด้านอัยการและตำรวจแห่งชาติหวังที่จะยื่นอุทธรณ์ จึงกลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมา เพราะส่วนใหญ่มีความเห็นว่าน่าจะชดเชยให้กับผู้บริสุทธิ์ ถ้าหากมีการยื่นอุทธรณ์ก็นับว่าเป็นความเห็นแก่ตัวของฝ่ายตำรวจ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในเวลานั้น มีความเห็นว่า เงิน 26 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ่งที่แพะกับครอบครัวของแพะต้องสูญเสียไป ถือว่าไม่ได้มากมายอะไร ทันทีที่นายกออกมาแสดงความคิดเห็น พลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์ ผบ.ตร. ก็สวนหมัดโครม ว่าตำรวจจะยื่นอุทธรณ์ เพราะถือว่าปฏิบัติหน้าที่ไปโดยชอบ การออกมาแสดงความคิดเห็นแบบไม่กลัวน้ำร้อนของพลตำรวจเอกสันต์นั้น ทำให้นายกรัฐมนตรีในเวลานั้นไม่พอใจ และพบว่านายกสามารถสั่งการในเรื่องดังกล่าวได้
ข้อมูลเพิ่มเติมจากคอมเมนต์หนึ่งในติ๊กตอกช่อง @sm.naomi ที่เคยนำคดีนี้มาเล่าเหมือนกัน ได้สื่อว่า ร้านอาหารฝรั่งที่ชื่อ “พี.เจ.” ที่เป็นร้านของมิสเตอร์โจ พ่อของคุณเชอร์รี่แอน ในปัจจุบันได้กลายเป็นร้านเสริมสวย และมีพนักงานพบเห็นคุณเชอร์รี่แอนที่นั่นอยู่บ่อยๆ ซึ่งถ้าทุกวันนี้เธอยังอยู่ที่นั่นจริง ก็ถือว่าเธอน่าสงสารมากๆ เพราะแม้จะเสียชีวิตไปนานกว่า 30 ปี แต่เธอก็ยังไปไหนไม่ได้ ถ้าใครอยากรู้ว่าเธอยังอยู่ที่นั่นจริงไหม หากมีโอกาสได้ไปที่นั่น และอยากได้อะไรสักอย่าง ก็ลองขอเธอดูก็ได้ เพราะเธอชอบช่วยเหลือ อย่างที่คุณย่ากลอยใจเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในรายการ “ข่าวดังข้ามเวลา” นาทีที่ 11:05 - 11:50
https://youtu.be/nUIuQXDfkIY
นักข่าว : สมัยก่อนคุณ เชอร์รี่ แอน มีนิสัยใจคอเป็นยังไงบ้างครับ?
คุณย่ากลอยใจ : เชอร์รี่เป็นคนดีนะ เป็นเด็กดีแล้วใจคอ ใจกว้างขวาง เป็นเด็กชอบช่วยเหลือ ขนาดเพื่อนนักเรียนด้วยกันไม่มีค่าเทอมก็ยังออกค่าเทอมให้เพื่อนให้ฝูง เป็นคนดี เพื่อนฝูงก็รักเขา อย่างคนแก่นั่งขอทานตามถนนหนทางก็...เอาตังค์ให้เขา เขาก็ยกมือไหว้พวกแก่ๆ ยายๆ อะไรอย่างเงี้ย แล้วเชอร์รี่ก็วางกระเป๋าแล้วก็ลงไหว้เขาตอบ คนเขาก็ดูคนเขาก็ชอบว่าเออนี่เด็กฝรั่งอะไรอย่างเนี้ย เป็นคนอัธยาศัยดี ชอบช่วยเหลือ

และยังมีคำให้สัมภาษณ์ของคุณกระแสร์ ในรายการคุยกับแพะ นาทีที่ 5:35 - 6:28 และคำบอกเล่าจากอีกคอมเมนต์หนึ่ง ในยูทูบ รายการความจริงไม่ตายอีกเช่นเดียวกัน ที่ได้เล่าว่าสมัยนั้นคุณ เชอร์รี่ แอน มีนิสัยใจคอเป็นอย่างไร

โดยคุณกระแสร์เล่าว่า “เวลาเสี่ยพามาที่คอนโดเขาก็จะดูร่าเริง ทักทายทุกคน ไม่ถือตัวไม่อะไรสักอย่าง เป็นเด็กดี น่ารัก พูดจาดี แบบ...ไม่รังเกียจอ่ะถึงเราจะเป็นยามเป็นคนก่อสร้งก่อสร้างอะไรเขาก็ไม่รังเกียจ เขาก็พูดจาทักทายดี”

และอีกคอมเมนต์หนึ่งในยูทูบ รายการความจริงไม่ตาย มีอยู่ 1 บรรทัดที่บ่งบอกว่าคุณ เชอร์รี่ แอน อัธยาศัยดี โดยเล่าว่า “ตอนนั้นเรายังเด็กเรียนประถม บ้านเพื่อนเราอยู่ติดคอนโดที่ว่า เรากับเพื่อนอีกสองคนนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านเพื่อน วันนึงเห็นเชอรี่วิ่งร้องไห้ออกมา ผมเผ้ายุ่งเหยิง ยังงงกับเพื่อน ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เห็นอีกเลย ที่จำได้เพราะเห็นเดินไปมาบ่อยๆ ชอบยิ้มให้เรากับเพื่อน”

และที่สำคัญก็คือ เชอร์รี่ แอน เป็นคนชอบช่วยเหลือ ทั้งๆที่เธอก็ไม่ได้รวย ในการให้สัมภาษณ์ของเสี่ยแจ๊คในรายการความจริงไม่ตาย เขาได้เน้นไว้ในรายการว่า “เธอไม่รวย” และจากที่เขาให้สัมภาษณ์เรื่องปมเหตุที่เหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้ายก่อนที่ เชอร์รี่ แอน จะหายตัวไป ก็มีคนใกล้ชิด คนที่รู้จักเธอจริงๆ ที่ไม่ใช่เสี่ยแจ๊ค ได้ออกมาปกป้องเธอโดยการพิมพ์คอมเมนต์ใต้คลิปในยูทูบ โดยเล่าว่า เขารู้ดีว่าใครดีใครเลว เชอร์รี่ แอน คนตายแล้วพูดไม่ได้ คุณเชอร์รี่ไม่เคยไประรานเจ๊กุ้ง ใครจะกล้าไประรานเจ้าแม่ผู้ทรงอิทธิพลล่ะ ประมาณนี้
Cr.  ความจริงไม่ตาย ช่อง Thai PBS

ในรายการความจริงไม่ตาย ยังได้เล่าท้ายคลิปว่า ณ วัดกัลยาณมิตร สถานที่ที่เคยเก็บอัฐิของ เชอร์รี่ แอน (อัฐิของเธอ)ได้ถูกรื้อออกไปหมดแล้ว นั่นหมายความว่า ถ้าไม่เข้าใจผิดก็คือ เชอร์รี่ แอน นับถือศาสนาพุทธนั่นเอง และหลายคนที่เคยติดตามคดีนี้ก็น่าจะรู้ว่า ช่วงที่มีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ ศพของคุณเชอร์รี่ก็ยังไม่ได้เผา ซึ่งนั่นก็เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า ครอบครัว คนใกล้ชิด ต้องการที่จะให้ตำรวจจับผู้ร้ายตัวจริงให้ได้ก่อน จึงค่อยเผาร่างของเธอ
เชอร์รี่ แอน ดันแคน (Cr.  ความจริงไม่ตาย ช่อง Thai PBS )

ถ้าตอนนี้ เชอร์รี่ แอน ยังมีชีวิตอยู่ ปัจจุบันเธอจะมีอายุ 52 ปี และไม่แน่ว่า เธออาจจะได้โลดแล่นในวงการบันเทิงจนถึงทุกวันนี้ เพราะเธอสวย น่ารักมากๆ ชนิดที่ว่าเป็นดาราได้ไม่ยากเลย ถ้าตอนนั้นเธอไม่เสียชีวิต

ที่ได้เล่ามาทั้งหมดทั้งมวลมานี้ ถ้าหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ หากใครรู้ข้อเท็จจริงอะไรก็สามารถมาช่วยแก้ไขหรือว่าให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้นะคะ

สุดท้ายนี้ ขอให้คุณเชอร์รี่ แอน ดันแคน (รวมถึงแพะรับบาปทั้ง 4 คน) ไปสู่สุคติ หลับให้สบายนะคะ

เชอร์รี่ แอน ดันแคน (Cr.   ข่าวดังข้ามเวลา)
 
เป็นอย่างไรบ้างคะ? เรื่องราวของ “เชอร์รี่ แอน ดันแคน” กับคดีจับแพะในตำนานคดีนี้ หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับใครหลายๆคนและคดีอื่นอีกหลายคดีนะคะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบด้วยนะคะ 

แสดงความคิดเห็น

>