พลาดชาตินี้ ชาติหน้าไม่มีแล้วนะ

ตั้งกระทู้ใหม่

     หนึ่งในจุดเช็คอินเมืองร้อยเอ็ดตั้งตระหง่านอยู่กลางเมืองท่ามกลางตึกอาคารบ้านเรือนนับพันนับหมื่นและแสงสีแห่งความศิวิไลซ์ "หอโหวดร้อยเอ็ด (Roi-et Tower )"

     อีกหนึ่งสถานที่ที่ใครๆต่างก็อยากจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต ไม่เว้นแต่คนร้อยเอ็ดเอง แต่สำหรับใครๆที่ไม่ได้มีโอกาสที่จะผ่านมาร้อยเอ็ดหรือมาแวะร้อยเอ็ดได้บ่อยๆ หากท่านมีโอกาสแล้วก็ควรที่จะขึ้นไปสักครั้ง
     สถาปัตยกรรมรูปทรงโหวด เครื่องดนตรีพื้นบ้านประจำจังหวัดร้อยเอ็ด มีความสูงถึง 101 เมตร เทียบเท่าอาคารสูง 35 ชั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางอาคารบ้านเรือนอีกมากมาย ตลอดจนบึงพลาญชัยสถานที่แห่งความร่มเย็นและความสบายใจ อีกหนึ่งจุดเช็คอินของเมืองร้อยเอ็ด
     การขึ้นหอโหวดง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก อันดับแรกเดินขึ้นหอโหวดเพื่อไปซื้อตั๋วที่ชั้น 2 เดินชมนิทรรศการรูปภาพย่อมๆเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของหอโหวด แวะภ่ายภาพ 3D สักนิดแล้วรอขึ้นลิฟต์เพื่อขึ้นไปชมวิว 360 ํ รับอากาศเย็นสบายและพักผ่อนหย่อนใจที่ชั้น 31

     ชั้น 32 ชั้นแห่งความอลังการ สวรรค์ของคนรักการถ่ายรูป ศูนย์รวมศิลปะทุกแขนงไว้ชั้นนี้ไม่ว่าจะเป็นอุโมงค์ดอกไม้ โคมไฟแชนเดอร์เลียร์ดอกอินทนินบก(ดอกไม้ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด) ตลอดจนแสงสีต่างๆให้ความรู้สึกเงียบสงบ อบอุ่นและสบายใจ ประกอบกับบรรยากาสเย็นสบายของเครื่องปรับอากาศ ช่วยฮีลใจจากความเหนื่อยล้าได้ดีสุดๆ


     ชั้น 33 นิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เนื่องในโอกาสเจริญพระชนมายุครบ 8 รอบ 96 ปี

     ชั้น 34 จุดชมวิว 360 ํ และสกายวอร์คกระจกใส เดินแล้วขาสั่นเป็นเจ้าเข้า เห็นคนข้างล่างกำลังเต้นแอโรบิกตัวจิ๋วๆไปเลย! ชั้นนี้ได้รับลมเย็นสบาย บรรยากาศจากชั้น 34 บริสุทธิ์สุดๆเพราะได้รับลมธรรมชาติ 100% และอยู่สูงมาก ที่สำคัญ!!!! ข่าวดีสำหรับคนที่ชอบผจญภัยและความท้าทาย อีกไม่กี่อึดใจหอโหวดกำลังจะมีเครื่องเล่นโหนสลิงจากหอโหวดชั้น 34 ลงกลางบึงพลาญชัย ขอใช้โอกาสนี้เชิญญชวนเหล่าผู้กล้าทั้งหลาย เครื่องเล่นโหนสลิงพร้อมเปิดให้เหล่าผู้กล้าเสียวตูดกลัวปลาในบึงสวบในอีกไม่นาน





     ชั้น 35 หอพระ "พุทธพิมานมงคล" สำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธมิ่งมงคล ชั้นนี้ให้ความสงบเงียบ ความสบายใจและความเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศ

     ขาลงต้องเดินลงบันไดจากชั้น 35 ลงมาถึงชั้น 29 อาจจะดูเหนื่อย แต่พอได้เดินแล้วไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไร เพราะมันเป็นขาลงใช้พลังงานในการเดินไม่มากนัก พร้อมกับการดื่มด่ำบรรยากาศการตกแต่งไม่ว่าจะเป็นด้วยรูปถ่ายในสมัยก่อนหรือบรรดาดอกไม้นานาพรรณตลอดบันไดทางลงได้เห็นถึงความเป็นมา วิถีชีวิต ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีของพี่น้องเมืองเกินร้อย ได้รับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกและรอยยิ้มของผู้คนในรูปภาพ

     ลิฟต์ก็จะลงมาส่งที่ชั้น 3 ร้านสินค้า OTOP ของที่ระลึก ร้านกาแฟและอาหารการกินต่างๆมากมาย จากนั้นเราก็ต้องเดินลงไปที่ชั้น 2 และออกที่ทางออก




     สุดท้ายนี้อยากเชิญชวนพี่ๆน้องๆจากทั่วสารทิศมาเที่ยวหอโหวดร้อยเอ็ดสักครั้งในชีวิต ให้หอโหวดเป็นสถานที่แห่งความสบายใจ แห่งความทรงจำของท่าน เป็นสถานที่ที่ไม่สบายใจเมื่อใดก็นึกถึงและเป็นสถานที่ที่สร้างรอยยิ้มให้ผู้คนทุกคน

ปล.จากหัวข้อรองที่ตั้งว่า "ขึ้นหอโหวด ร้องโอดครวญ" ก็เพราะเป็นการเปรียบเทียบว่าหอโหวดสูงมาก ถ้าหากเดินขึ้นเองจากชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 35 คงมีร้องโอดครวญขาล้ากันไปข้าง จากสถานที่แห่งความสบายใจก็นะกลายเป็นสถานที่แห่งความเหนื่อยล้า คงไม่ดีแน่ๆ แต่ในความจริงแล้วการขึ้นหอโหวดสบายราวกับนอนตากพัดลมอยู่ที่บ้าน แต่หูอื้อ!