ใครเป็นผู้แต่งบทปลงสังขาร?
บทปลงสังขารเป็นบทสวดที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยมีการบันทึกไว้ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาหลายเล่ม เช่น คัมภีร์วิสุทธิมรรค และคัมภีร์มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ภาค 1 บทปลงสังขารมีหลายสำนวน แต่สำนวนที่นิยมสวดกันในปัจจุบันมีดังนี้
บทปลงสังขารมีจุดมุ่งหมายเพื่อเตือนสติให้มนุษย์ตระหนักถึงความไม่เที่ยงแท้ของชีวิต สอนให้ละความยึดมั่นในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และธรรมารมณ์ อันเป็นสาเหตุของความทุกข์ทั้งปวง และมุ่งหมายให้มนุษย์แสวงหาหนทางพ้นทุกข์ด้วยการบรรลุนิพพาน
ดังนั้น จึงไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นผู้แต่งบทปลงสังขารได้อย่างชัดเจน แต่สันนิษฐานว่าอาจเป็นพระอรหันต์หรือผู้รู้แจ้งในธรรมะเป็นผู้แต่งขึ้น เพื่อให้เป็นบทสวดที่ใช้เตือนสติและสอนธรรมะแก่ผู้อื่น
นอกจากนี้ ยังมีบทปลงสังขารอีกสำนวนหนึ่งที่ได้รับความนิยมเช่นกัน คือ
บทปลงสังขารสำนวนนี้เน้นให้เห็นถึงความไม่เที่ยงแท้ของชีวิตและความไม่แน่นอนของการเกิดใหม่ โดยเปรียบเทียบว่าเมื่อตายไปแล้ว แม้แต่คนที่รักกันก็ยังไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ ร่างกายก็จะเน่าเปื่อยไปในที่สุด ทรัพย์สินเงินทองก็ไม่สามารถเอาติดตัวไปในโลกหน้าได้ จึงควรละความยึดมั่นในสิ่งเหล่านี้และแสวงหาหนทางพ้นทุกข์
1 ความคิดเห็น
บทปลงสังขารเป็นบทสวดที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยมีการบันทึกไว้ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาหลายเล่ม เช่น คัมภีร์วิสุทธิมรรค และคัมภีร์มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ภาค 1 บทปลงสังขารมีหลายสำนวน แต่สำนวนที่นิยมสวดกันในปัจจุบันมีดังนี้
มนุษย์เราเอ๋ย เกิดมาทำไม
นิพพานมีสุข อยู่ไยมิไป
ตัณหาหน่วงหนัก หน่วงชักหน่วงไว้
ฉันไปมิได้
ตัณหาผูกพัน
ห่วงนั้นพันผูก
ห่วงลูกห่วงหลาน
ห่วงทรัพย์สินศฤงคาร
สละมันเถิด
บทปลงสังขารมีจุดมุ่งหมายเพื่อเตือนสติให้มนุษย์ตระหนักถึงความไม่เที่ยงแท้ของชีวิต สอนให้ละความยึดมั่นในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และธรรมารมณ์ อันเป็นสาเหตุของความทุกข์ทั้งปวง และมุ่งหมายให้มนุษย์แสวงหาหนทางพ้นทุกข์ด้วยการบรรลุนิพพาน
ดังนั้น จึงไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นผู้แต่งบทปลงสังขารได้อย่างชัดเจน แต่สันนิษฐานว่าอาจเป็นพระอรหันต์หรือผู้รู้แจ้งในธรรมะเป็นผู้แต่งขึ้น เพื่อให้เป็นบทสวดที่ใช้เตือนสติและสอนธรรมะแก่ผู้อื่น
นอกจากนี้ ยังมีบทปลงสังขารอีกสำนวนหนึ่งที่ได้รับความนิยมเช่นกัน คือ
มนุษย์เราเอ๋ย เกิดมาทำไม
ตายไปเป็นผี ลูกเมียผัวรัก
นิพานมีสุข อยู่ไยมิไป
เขาชักหน้าหนี เขาเหม็นซากผี
ตัณหาหน่วงหนัก หน่วงชักหน่วงไว้
เปื่อยเน่าพุพอง
หมู่ญาติพี่น้อง
ฉันไปมิได้
ตัณหาผูกพัน
เขาหามเอาไป
เขาวางลงไว้
บทปลงสังขารสำนวนนี้เน้นให้เห็นถึงความไม่เที่ยงแท้ของชีวิตและความไม่แน่นอนของการเกิดใหม่ โดยเปรียบเทียบว่าเมื่อตายไปแล้ว แม้แต่คนที่รักกันก็ยังไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ ร่างกายก็จะเน่าเปื่อยไปในที่สุด ทรัพย์สินเงินทองก็ไม่สามารถเอาติดตัวไปในโลกหน้าได้ จึงควรละความยึดมั่นในสิ่งเหล่านี้และแสวงหาหนทางพ้นทุกข์
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?