กรมควบคุมโรคเตือน ไข้เลือดออกปี 67 หนัก! คนอ้วน-คนมีโรคประจำตัว เสี่ยงสุด ติดเชื้อซ้ำครั้งที่ 2 อาการรุนแรง อาจเสียชีวิตได้
ตั้งกระทู้ใหม่
หลังจากนั้น โรคไข้เลือดออกที่เรามีความรู้กันแค่เพียงพาหะคือยุงลายก็ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
______________________________
อัปเดตสถานการณ์ไข้เลือดออกปี 66-67
แนะวิธีสังเกตอาการเบื้องต้น
______________________________
เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคได้แถลงข่าว "อนาคตสุขภาพประเทศไทย โรคและภัยสุขภาพประชาชนปี 2567" โดยหนึ่งในนั้นคือ "โรคไข้เลือดออก" ซึ่งกรมควบคุมโรคคาดการณ์ว่าในปี 2567 จะมีผู้ติดเชื้อไข้เลือดออกมากกว่าปี 2556 ถึง 70% เลยทีเดียว รวมถึงยังคาดการณ์ว่ามีอัตราผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกมากขึ้นด้วยแม้ว่าไข้เลือดออกจะเป็นโรคประจำถิ่นแต่ก็พบว่ามีผู้ติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอาการของโรคไข้เลือดออกจะมีไข้สูงลอย 3 วันติดกันไม่ลดลง มีอาการปวดท้อง ผู้ติดเชื้อจะมีอาการตับโต เมื่อกดบริเวณชายโครงด้านขวาจะมีอาการปวด เจ็บ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีเลือดกำเดา หรือมีจุดเลือดออก อาการแบบนี้ควรรีบไปพบแพทย์
______________________________
ติดเชื้อซ้ำครั้งที่ 2 รุนแรงถึงชีวิตได้
ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัว
______________________________
ที่ผ่านมาพบว่าผู้เสียชีวิตจากไข้เลือดออกเป็นวัยผู้ใหญ่ เนื่องจากบางคนติดเชื้อครั้งแรกในวัยเด็ก ซึ่งการติดเชื้อไข้เลือดออกครั้งแรกจะไม่รุนแรงมาก แต่หากมีการติดเชื้อซ้ำในครั้งที่สองความรุนแรงจะสูงมาก โดยในครั้งที่สองนี้ร่างกายจะสร้างภูมิขึ้นมาทำให้การติดเชื้อในครั้งต่อไปไม่รุนแรงเท่า โดยสรุปคือการติดเชื้อครั้งที่สองถือเป็นครั้งที่รุนแรงมากสุด โดยไข้เลือดออกไม่ใช่โรคที่ป่วยแล้วมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต ทั้งยังมีถึง 4 สายพันธุ์ หมายความว่าในช่วงชีวิตคนหนึ่งคนอาจมีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้สูงถึง 4 ครั้ง สิ่งสำคัญที่สุดคือระมัดระวังอย่าให้ถูกยุงลายกัด ช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เพื่อลดพาหะนำโรคไข้เลือดออก
ทั้งนี้ ผู้เสี่ยงติดเชื้อไข้เลือดออกแล้วมีอาการรุนแรงคือคนอ้วน ส่วนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไข้เลือดออกในปัจจุบันเป็นผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคเบาหวาน โรคความดัน ซึ่งต้องเร่งวินิจฉัยให้เร็วและดูแลใกล้ชิดเพื่อรักษาได้ทันท่วงที โดยการรักษาไข้เลือดออกมีเพียงการให้น้ำเกลืออย่างถูกวิธีและระมัดระวังเรื่องการใช้ยา
______________________________
แนะวิธีป้องกันไข้เลือดออก
ขอความร่วมมือเร่งกำจัดยุงลาย
______________________________
วิธีป้องกันไข้เลือดออก- ให้ผู้ป่วยทายากันยุง เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงกัดแล้วแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
- ป้องกันยุงกัดโดยสวมเสื้อผ้าแขนยาว ขายาว ใช้ยาทากันยุง ยาจุดไล่ยุง หรือเครื่องไล่ยุงไฟฟ้า นอนในมุ้ง หรือห้องที่มีมุ้งลวด และหลีกเลี่ยงแหล่งยุงชุกชุม
- กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายบริเวณรอบบ้านและชุมชน โดยการคว่ำหรือทำลายภาชนะขังน้ำ เช่น แก้ว พลาสติก ขวดน้ำ ยางรถยนต์ กะลามะพร้าว แจกัน เป็นประจำทุกสัปดาห์
- สิ่งสำคัญคือ อย่าซื้อยากินเอง โดยเฉพาะในการลดไข้ แนะนำให้ใช้ยาพาราเซตามอลเท่านั้น แต่ยาในกลุ่มอื่น เช่น ไอบูโพรเฟน ยากลุ่มสเตียรอยด์ มีโอกาสทำให้อาการรุนแรงมากขึ้นได้
______________________________
วัคซีนไข้เลือดออกมีแล้ว แต่ไม่ฟรี!
______________________________
ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกในประเทศไทย 2 ยี่ห้อที่ผ่าน อย. อย่างถูกต้อง แต่ยังไม่สามารถเป็นสิทธิประโยชน์ที่ประชาชนสามารถฉีดวัคซีนได้ฟรี เนื่องจากอยู่ระหว่างเก็บรวบรวมข้อมูลในด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลที่ดีต่อคนไทยในภาพรวม สำหรับใครที่สนใจฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านได้ค่ะ แอดมินสำรวจราคามาคือประมาณเข็มละ 2 พันกว่าบาท ขึ้นอยู่กับจำนวนสายพันธุ์ด้วยเช่นกัน โดยสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9-45 ปี จำนวนการฉีดและระยะเวลาที่ต้องฉีดซ้ำขึ้นอยู่กับประวัติการติดเชื้อ ทั้งนี้ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์เท่านั้นค่ะ
ที่มา
https://www.dek-d.com/board/view/3595161/
https://www.facebook.com/100068069971811/videos/727547979518535/
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02VGCtGjUJ68qMPVEq5hqNTTarsCFkPr6wgjs8grPG9KEgAZFgZPYnoYfir9M54CKJl&id=100068069971811
https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/line/line-2/
https://www.freepik.com/free-photo/mosquito_4108060
#เด็กดีที่เดียวจบ #ความรู้จากข่าว #โรคติดต่อ #ไข้เลือดออก #วัคซีนไข้เลือดออก #ยุงลาย #dekdUpdate
immejune
18 ม.ค. 67 เวลา 16:16 น.
695
views
แสดงความคิดเห็น