Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

EP.44 : 5 ปัจจัยสำคัญที่ผิวต้องการ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่


                           " การพักผ่อนหลับนอนไม่เพียงพอ การใช้แรงงานมากเกินกำลัง สภาพจิตใจที่ผิดปกติ อาทิ ตึงเครียด โกรธง่าย หงุดหงิด เบื่อหน่าย เหล่านี้ส่งผลถึงการทำงานของร่างกายและแสดงออกทางผิวหนังด้วย "



              การพักผ่อน ไม่ได้หมายถึงการนอนหลับเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึง การทำจิตใจให้สบาย ผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน ความสนุกสนานรื่นเริง ในชีวิตประจำวัน จะทำให้ร่างกายสดชื่น มีพลังที่จะทำงานต่อสู้กับโรคภัย ไม่ทรุดโทรมเร็วเกินไป ตลอดจนการที่ไม่ต้องรองรับเครื่องสำอางใดๆ ขณะนอนหลับ




            ปกติ ร่างกายต้องการนอนหลับ 6 – 8 ชั่วโมง เมื่ออายุมากขึ้น นอกจากร่างกายต้องการนอนหลับแล้ว จิตใจมีเวลาพักผ่อนบ้าง เช่น การหยุดคิดถึงสิ่งที่เป็นกังวล ตึงเครียด มีเวลาหย่อนใจ เช่น ฟังเพลง เที่ยวเตร่ พูดคุยสนุกสนาน ตามความเหมาะสม แล้วแต่วิธีของแต่ละบุคคล




               ควรมีการใช้งานกล้ามเนื้อต่างๆ บ้าง ถ้าทำงานประจำในลักษณะที่ต้องใช้สมองหรือกล้ามเนื้อเพียงบางส่วน การออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สดชื่นขึ้น การไม่ใช้กล้ามเนื้อหรือใช้งานเพียงบางส่วนเป็นเวลานานนั้น จะทำให้กล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ถูกใช้งานเสื่อมสภาพการฟอกล้าง อาบน้ำก็จึงเป็นการกระตุ้นบำรุง ทำความสะอาดผิว อาหาร ควรรับประทานให้ครบถ้วน ได้แก่ จำพวกข้าวหรือแป้ง เนื้อสัตว์ โปรตีน ไขมัน ผักสีเขียว และเกลือแร่ต่างๆ ให้ได้สัดส่วนตามความเหมาะสมของแต่ละคน รับประทานให้เป็นเวลา ดื่มน้ำให้เพียงพอ ทีละน้อย แต่บ่อยครั้ง ดีกว่าครั้งละมากๆ


5 ปัจจัยเสื่อมของผิว

                  ผิวโดยปกติจะมีลักษณะเรียบ ตึง มีความชุ่มชื้น อ่อนนุ่ม ตัวอย่างจะเห็นได้ในผิวทารก ที่มีอนามัยสมบูรณ์ เมื่อเวลาผ่านไปผิวพรรณจะเริ่มเสื่อมสภาพ ความแข็งแรงของผิวและความชุ่มชื้นจะค่อยๆ ลดลง ทำให้ผิวหย่อนยานเหี่ยวย่นหยาบกร้านขึ้น เป็นสภาพของผิวตามวัย แต่โดยส่วนมากแล้ว ผิวจะเสื่อมสภาพไปก่อนวัยเสมอ อันเนื่องมาจากหลายสาเหตุ เช่น


              1.ธรรมชาติ 
                               เวลาที่ผ่านไป อายุที่มากขึ้น การทำงานของร่างกายย่อมเสื่อมสภาพ จึงต้องยอมรับว่า เราสามารถทำได้เพียงการชะลอความเสื่อมของผิวพรรณให้เป็นไปช้าที่สุดเท่านั้น


                2.อาหารที่ไม่ถูกส่วน 
                                    การรับประทานอาหารไม่ครบไม่มีคุณค่าทางอาหารเพียงพอ ขาดสารอาหาร ส่งผลถึงความสมบูรณ์ของผิวหนัง และยังเป็นสาเหตุของโรคภัยที่เกิดกับมนุษย์กว่าครึ่ง


                3.การใช้ชีวิตประจำวันที่ผิดปกติ 
                                    การพักผ่อนหลับนอนไม่เพียงพอ การใช้แรงงานมากเกินกำลัง สภาพจิตใจที่ผิดปกติ อาทิ ตึงเครียด โกรธง่าย หงุดหงิด เบื่อหน่าย เหล่านี้ส่งผลถึงการทำงานของร่างกายและแสดงออกทางผิวหนังด้วย  โดยเฉพาะผิวหน้า


              4.สิ่งระคายเคืองจากภายนอก 
                                    สารเคมีต่างๆ การขัดถูเสียดสี รังสีอุลตร้าไวโอเลต (Ultraviolet) ในแสงแดด ความร้อน ความเย็น ฯลฯ


               5.สารเคมี
                                 สารเคมีในที่นี้นอกจากสารจำพวกกรด ด่าง  เกลือต่างๆแล้ว ยังรวมถึงสารเคมีในเครื่องสำอาง เช่น น้ำหอม สบู่ แป้งทาตัว สารเคมีในอาหารและยาที่รับประทาน ร่างกายคนเรานั้นแตกต่างกันบางคนได้รับสารนิดเดียวเกิดอาการแพ้มาก แต่บางคนรับสารเดียวกันเข้าไปปริมาณมากไม่เกิดอาการ สารบางอย่างเป็นคุณประโยชน์กับร่างกายได้ก็เป็นโทษได้เช่นกัน


                       ตัวอย่าง เช่น รังสีอุลตร้าไวโอเลต (Ultraviolet) ในแสงแดดมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคและเสริมสร้างวิตามินดี แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถฆ่าเซลล์ และทำลายเยื่อคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำลายความแข็งแรงของผิวเกิดการเหี่ยวย่น ความร้อนสามารถให้ความอบอุ่นกับร่างกายได้ แต่ถ้ามีมากเกินไปก็ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำอย่างรวดเร็ว ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น แห้ง แตกระแหงความเย็นก็เช่นเดียวกัน



5 ปัจจัยส่งเสริมผิว

                    ตามโครงสร้างของผิว ส่วนประกอบของเนื้อเยื่อใต้ผิว นอกจากปกป้องกันรังสียูวี ด้วยกันแดดให้ผิวแล้ว สิ่งสำคัญ คือ อาหารและสารต้านอนุมูลอิสระ


                   1.โปรตีน 
                                 แน่นอนว่าส่วนประกอบสำคัญ นอกจากน้ำแล้วอะมิโนโปรตีน เป็นสิ่งสำคัญในโครงสร้างของเซลล์ผิวหนัง โปรตีนที่บริสุทธิ์ดูดซึมดี ก็น่าจะเป็นเวย์โปรตีน คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก


                 2.ไขมัน 
                                 ผนังเซลล์และผนังไมโตคอนเดรีย สำคัญมากๆ ที่ต้องประกอบด้วยไขมันชั้นดี ที่ยอมให้สารอาหาร น้ำตาล พลังงานผ่านเข้า แล้วของเสียผ่านออกสะดวก จึงต้องไม่ใช่ไขมันอิ่มตัวสายโมเลกุลยาว ไขมันทรานส์ หรือไขมันพืชที่ผ่านการเติมไฮโดรเจนจนโครงสร้างสายโมเลกุลแข็งกระด้าง โอเมก้า3 จากน้ำมันปลา น่าจะเหมาะสมในการสร้างผนังเซลล์ที่สุด หรือจากน้ำมันรำข้าว ก็เป็นหน่วยเสริมที่ยอดเยี่ยม ด้วยมีอัตราส่วนโอเมก้า 3:6:9 = 1:2:1 อันเหมาะสม


                3.แร่ธาตุสำคัญคือสังกะสี
                                     วิตามิน สำคัญคือ วิตามินซี เพราะเป็นปัจจัยให้ไฟโบรบลาสท์ใช้สร้างคอลลาเจนร่วมกับอะมิโนโปรตีนทั้งหลาย วิตามินเอ หาได้ในอาหารประจำวัน ได้รับมากเกินไปอาจเกิดพิษได้ วิตามินดี3  ที่ได้รับจากแสงแดด เมื่อยูวีกระทบผิวแปลงคอเลสเตอรอลเป็นดี3 ได้ คงไม่เป็นปัญหาสำหรับเมืองอุดมแสงแดด


                  4.สารต้านอนุมูลอิสระ 
                                    เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนสายโมเลกุลยาว…เบต้ากลูแคน น่าจะเป็นสุดยอด ทั้งต้านอนุมูลอิสระจากรังสียูวี แล้วยังกระตุ้น หรือเป็นอาหารทิพย์แก่แลงเกอฮานส์เซลล์แห่งผิวให้มีพลังงานมหาศาลในการปกป้องดูแลผิว เป็นภูมิต้านทานที่จับกินเชื้อจุลินทรีย์ เชื้อโรคร้ายทั้งหลายที่จะมาก่ออักเสบแก่ผิวหาสารต้านอนุมูลอิสระ ตัวที่โดดเด่น เช่น โอพีซี, กลูต้าไทโอน และโคคิวเทน สำหรับกรดไลโปอิค น่าจะเป็นทัพเสริมที่ยอดเยี่ยม ส่วนวิตามินซีนั้น ทั้งเสริม ทั้งสร้าง ทั้งต้านพิษ 


                            อย่าลืม! วิตามินอี ทหารรบกำลังน้อย แต่ต้องการปริมาณมาก เป็นด่านหน้าที่สำคัญสุดๆ ที่ต้องมีเพียงพอ จากแหล่งอาหารธรรมชาติทั้งหลาย สำหรับผิวภายนอกนั้น น้ำมันวิตามินอี ก็น่าจะดีเหลือหลายแล้วยังน้ำมันมะพร้าว  VCO  ก็มีวิตามินอี โทโคไทรอีนอลอันแรงกล้าประจำอยู่ด้วย ก็น่าจะได้อาศัย


                  5.เซลล์ซ่อมเซลล์ 
                                    ด้วยชีวโมเลกุล คงเป็นความหวังยิ่งยวดสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้าง ซ่อมบำรุง เซลล์ผิวที่เริ่มชรา เสื่อมสภาพอ่อนแอใกล้ตาย ให้ฟื้นคืนกลับมามีชีวิตชีวา…น่าจะเป็นการไปซ่อมสร้างไฟโบรบลาสท์ให้กลับหนุ่มสาวเข้าที่ จึงต้องอาศัยเซลล์ผิวเนื้อ ต่อมใต้สมอง และองค์รวมเป็นกำลังหลัก


            

                     ดังนั้นเราควรที่จะดูแลร่างกายทั้งจากภายในและภายนอก ที่สำคัญการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ความจำเพาะต่อป้ญหาผิวของแต่ละคนก็ไม่ควรมองข้าม อย่างผิวที่มีปัญหาหลายปัญหาพร้อมๆกัน  หรือมีสภาพผิวในแต่ละตำแหน่งต่างกันอย่างมาก อาจมีอาการแพ้  ระคายเคือง ผิวมัน หยาบกร้าน ไม่เท่ากันในแต่ละตำแหน่ง คอยสังเกตุว่าแต่ละช่วงวัยว่าผิวของเราต้องการอะไร การเตรียมผิวให้พร้อมและใช้ผลิตภัณฑ์อย่างตรงปัญหา ร่วมกับการแก้ที่ต้นเหตุ น่าจะป็นแนวทางแก้ไขที่ดีได้เลยนะคะ 



                    Nature by Rangsima และ Nature Personal Skincare จึงนับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการดูแลผิวพรรณที่เน้นไปที่การฟื้นฟูผิวรายบุคคล โดยยึดหลัก  Knowledgebase service  คือให้ความรู้ในการดูแลผิวและใช้การติดตามประเมินผลการดูแลร่วมกัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นที่ต้องการของตลาดในขณะนี้  



Q&A




บทความโดยคุณรังสิมา จุลยานนท์ พยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ ประสบการณ์กว่า 26 ปี เจ้าของแบรนด์  Nature by rangsima และ Nature Personal Skincare 
“เพราะปัญหาผิวไม่ใช่เรื่องผิวเผิน”

 

แสดงความคิดเห็น

>