"ใครมีความอยากเรียนหมอที่โปแลนด์ Medical University of Lublin มาอ่านเร็ว"

      ท้าวความก่อน ว่าทำไมไปเรียนต่างประเทศทำไมไม่สอบในไทย จริงๆสอบที่ไทยแล้ว แต่! คือเรื่องเป็น อย่างนี้ คือผมโง่ในการสอบเข้าอย่างแรงกล้า ไม่มีดวง และก็ไม่มีหัวในด้านวิทย์-คณิตเท่าไรอันนี้ก็โทษใครไม่ได้ นี่ผิดเองยอมรับี่ไม่ตั้งใจเรียน(เอาหวายมาฟาดอิฉันทีค่ะท่านเจ้าคุณ)



แล้วทีนี้ ไปจับพลัดจับพลูไปเรียนคณะวิทย์ ของมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านเมืองเอกมีเหตุการ์ณน้ำขังในมอเป็นพรีเซ็นเตอร์ ย่ะบอกขนาดนี้ก็คงเดาออก555(ม.รังสิตนาจา) แล้วทีนี้ เรียนไปเรียนมา คือบับพบว่า It's not me at all! แต่สภาพแวดล้อม,อาจารย์ดีมาก แต่เรียนไปยังไงก็รู็สึกไม่ใช่เลยตัดสินใจซิ่ว เป็นรอบที่ "สอง" (พยายามสอบแพทย์ในไทยมารอบนึงละแต่ไม่รอด ไม่นับตอนจบม.6 สรุปคือลองสอบแพทย์มาสามรอบได้รอบที่สามเนี่ยแหละ^^') ก็สุดท้ายก็สอบได้ คณะแพทย์ฯที่โปแลนด์ เย้!!

ฟิสิกส์ กับ เคมี จะไม่ค่อยลงลึกเท่าไร 

แต่ชีววิทยา ค่อนข้างจะลงลึก(คหสต) และ ที่ลึกไปกว่านั้นคือการสัมภาษณ์!!! อ่อต้องมีผลIELTS หรือ TOEFL หรือ TOEIC อย่างใดอย่างนึงด้วย แนะนำสอบ IELTS น้า อันนี้ก็ความเห็นส่วนตัวอีกอ่ะ5555

เทคนิคส่วนตัว:วิธีอ่านให้เข้าใจ คือ การทำความเข้าใจกับ"ตัวเองและเนื่อหาที่อ่าน" ประมาณว่า สร้างความเข้าใจให้ตัวเอง หาเหตุผลว่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้น เพราะอะไร และมันเป็นแบบนั้นทำไม เพื่ออะไร หรือเพราะใครมากระทำให้มันเป็น ส่วนบทไหนคำนวณก็คิดเลขวนไปค่าา! 

เทคนิคส่วนตัว: วิชาฟิสิกส์ไม่มีเคล็ดลับอะไร มีแค่ 1.จำสูตร 2.เชื่อมสูตร 3.ตีโจทย์ให้แตก!! แค่นั้น

แต่ขอบอกเลยว่าโจทย์ภาษอังกฤษแอบมีความงง เลย มีเทคนิคอีกอันคือ"จำVocab ของฟิสิกส์ที่เป็นภาษาอังกฤษ (เช่น ความเร่ง=acceleration)แล้วดูว่าโจทย์ต้องการอะไร โจทย์ภาษาอังกฤษจากประสบการ์ณแล้ว มีแต่น้ำไว้หลอกให้เราเขวเท่านั้นเอง นี่โง่คำนวณสุดแต่ก็สู้จนผ่าน! 

ชีววิทยา-เขาจะเน้นเรื่องเซลล์กับร่างกายเยอะมาก อ่านไปเยอะๆ ทำความเข้าใจกับ ระบบของร่างกายให้มันดีๆ คือ ชีวะนี่ต้องเข้าใจด้วยและต้องจำด้วย

เทคนิคส่วนตัว: เคล็ดลับไม่มีไรมาก 1.ถ้าอยากเข้าใจระบบร่างกาย ให้หาอะไรเทียบเคียง เช่น ถ้าอยากเข้าใจระบบย่อยอาหาร  ก็ให้เรานึกและสังเกตุตัวเอง ว่าเรากินอาหารเข้าไป อวัยวะอะไรทำงานอยู่ ใครสั่งให้ทำ และเริ่มที่ไหนสุดที่ไหน ระหว่างทางมีอวัยวะอะไรร่วมด้วย 2.ใส่ใจรายละเอียดไปถึงระดับเซลล์ 3.สังเกตุคนอื่นว่าเขาทำอะไร และมีระบบไหนเกี่ยวข้อง  

สัมภาษณ์-การสัมภาษณ์จะถูกสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ ครับตอนแรกนึกว่าจะถามว่าทำไมถึงซิ่ว ทำไมอยากเรยนหมอ และวิชาการนิดหน่อย เหอๆผมเจอคนเดียวเข้าไปเกือบชม.นาจาเพราะเขาจะถามเนื้อหาชีวะหนักมาก! 
เทคนิคส่วนตัว: เนื่องจากสัมภาษณ์วิชาการหนักหน่วง ถ้าเกิดเราตอบข้อไหนได้เขาจะลงลึกไปอีก ลงจนเราดิ้นตายพะยะค่ะ วิธีที่จะช่วยให้เรารอดตายคือ พยายามตอบให้มีคำตอบของบทที่เราถนัดเข้าไปด้วย ในทุกๆการตอบ ตอบแบมั่นใจและมีความถ่อมตัวด้วย เพราะบางข้อถ้าเราตอบไม่ได้เขาจะบอกคำตอบเราและสอนเราตรงนั่นเลย! พยายามใช้จิตวิทยากับการสอบสัมภาษณ์น้าลองสังเกตุว่ากรรมการสอบว่าเขาเป็นคนแบบไหนแล้วตอบให้ถูกทางรับรอง ผ่าน!!!

ในที่สุดก็สอบผ่านแบบไม่ต้องเรียนเตรียม แต่ที่บ้านให้ไปเรียนเตรียมประมาณว่า ไปเถอะรีบๆไป ไป๊!555 

เวลาอ่านหนังสือ ให้ค่อยๆอ่านค่อยๆทำความเข้าใจ อย่าอ่านเกิน6-8ชม. มันเบลอ! เริ่มอ่านแต่เนิ่นๆ จัดตารางอ่านหนังสือดีๆและควรทำตามมอย่างเคร่งครัด ปล.แต่รู้แหละว่าไม่มีใครทุกคนเป้ะกับเวลาอ่านหนังสือหรอก แต่เพื่อหมอสู้ๆ! อ่านๆไปถ้าเครียด แนะนำไปเปิด เพลง แม่บียอนศรี(Beyonce) แล้วไปเต้นซะ เต้นไรก็ได้อยู่ในห้องคนเดียวหนิ

หนังสือบางทีไม่ต้องซื้อ ฝึกจากเว็บเอามีเยอะมาก

กกหาอันนี้ในGoogle

"ชื่อสอบที่จะสอบ" Online practice หรือถ้าใครอ่อนวิชาอังกฤษลองไปเรียนพิเศษเพิ่มเติมดูน้าช่วยได้เยอะอยู่



อันนี้ก็จะขอพูดถึงIELTSละกันเนาะ


IELTS มีสี่พาร์ท Writing,Reading,Listening,Speaking 

Writing -ฝึกเขียนEssayให้ relatedกับหัวข้อมากที่สุด อย่าหลุดลอยไปไกลมาก(นี่หลุดลอยไปไกลจนต้องลบใหม่แล้วเขียนไม่ทัน) แล้วก็อย่าเขียนแบบpersonal point of view (มุมมองตัวเอง) ให้ใช้ พวก evidence หรือ ค่าต่างๆที่เขาให้มา มาเป็นตัวอ้างอิง ใช้Vocab ที่ดูไฮโซเพิ่มคะแนนไปอีก(ศัพท์ไฮโซ=ศัพท์ยากๆที่ใช้แล้วดูสวย อันนี้ก็สังเกตุจากessayของคนที่ได้writingเยอะๆ)

Reading-จับใจความสำคัญ+ฝึกSkim and Scan อ่านVocab มาเยอะๆหน่อยน้าเพราะศัพท์ที่เขาใช้พางงอยู่ถ้าไม่ได้อ่านมา ปล.Skim=อ่านอย่างรวดเรียวแบบอ่านผ่านๆ Scan=อ่านแบบหาสิ่งที่เราต้องการ อ่านแบบหาสิ่งที่เจาะจง เทคนิคSkim and Scan ถือว่าใช้ได้ดีในการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ


Listening-ไปดูหนังซาวนด์แทรคเยอะๆดูไปไม่เข้าใจประโยคไหนก็ฟังซ้ำ ฟังวนไปค่ะ!!! หรือลองฟังเพลง ภาษาอังกฤษแล้วลองแปลดูน้า ช่วยได้เยอะจริงๆ ปล.ผมสอบของ IDP ซึ่งเปิดกับลำโพง มีความฟังยากมาก ฟังยากแบบ กูต้องเดาล้าว~~~~~


Speaking - อันนี้ต้องอยู่กับคนคุมสอบชาวต่างชาติสองต่อสอง เคล็ดลับมั่นหน้าเข้าไว้ ตอบแบบมั่นใจอย่าเงอะงะพยายามฝึกพูดกับตัวเองบ่อยๆ เมื่อเราหยุดสั่นแล้วให้พูดต่อให้สบายๆ แต่ถ้าเจอคนคุมสอบเ-้ยวๆก็ต้องมั่นใจ สู้ไปเลย นึกไว้ว่า เขาจะต้องมอบมงให้เรา!

IELTS ในไทย สถาบันที่สอบมีสองที่ คือ IDP และ British Council 



IELTS คะแนนเต็ม9 ถ้าจะเข้า Medical University of Lublin ใช้คะแนน6 น้าาา 

ผมไปกับ เอเจนซี่ นะคราบ บริษัท LIN's International Medical Consulting(เอเจนซี่นี้ ส่งสอบสามมหาวิทยาลัยของPoland Poznan University of Medical Sciences-อันนี้อันดับหนึ่งของPoland อันที่สอง  Medical University of Silesia และ สามMedical University of Lublin ทั้งสามที่มีหลักสูตรแบบ4ปีและ6ปีครับ) 


สำหรับคนที่อยากติดตามเรื่องราวว่าหลังจากนี้ผมจะต้องเจอกับอะไรบ้าง (ตอนนี้กำลังเตรียมตัวไปเรียนช่วงเดือนกรกฎาคม) ไปติดตามได้ที่เพจ FB: Stamptography นะคราบอันนี้ก็เพจที่ผมใช้ลงรูป อัปเดตประสบการ์ณ อัปเดต cute boy ที่ไปตาม(บ้าง) ความเอ๋อๆของตัวเองบ้าง ถ้าใครที่เปิดอ่านแล้วไปเรียนรอบเดียวกันทักมาด้วยน้าอยากมีเพื่อน "ผมคิดว่าถ้าคนที่มีฝันที่อยากจะเรียนอะไร เขาจะทำทุกอย่างหาทุกวิถีทางที่สุจริตเพื่อให้เขาถึงฝัน ถึงแม้จะซิ่วหลายรอบ แต่ไม่มีใครแก่เกินเรียนหรอกครับ" สำหรับใครที่สอบแพทย์ในไทยไม่ได้ ก็ลองดูช้อยส์แพทย์ต่างประเทศนะคราบ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยากเป็นหมอครับ!! 

แล้วเจอกัน กับ ‪#‎บันทึกเด็กไทยไปเรียนหมอณโปแลนด์‬‬

ภาพบรรยากาศมหาวิทยาลัย