Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

​รีวิว ประสบการณ์ Engineering Summer Education Program ที่ The University of Tokyo

ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เราชื่อ บัว เราเขียนบล็อครีวิวครั้งแรกในชีวิต ถ้าผิดพลาดยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ ตอนนี้เรากำลังจะจบจากภาควิชา Electronics and Communication Engineering (EC) สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร หรือว่าที่รู้จักกันในชื่อ SIIT มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ SIIT ตอนช่วงปิดเทอมก่อนจะขึ้นปีสี่ นักศึกษาในทุกภาควิชาจะต้องไปฝึกงานในสาขาที่ตัวเองเรียน วันนี้เราเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ไปฝึกงานที่ The University of Tokyo หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า โทได ในโครงการ  Engineering Summer Education Program (ESEP) จัดขึ้นโดย Office of International Cooperation and Exchange (OICE) , School of Engineering เราได้รู้จักโครงการนี้จากการแนะนำของรุ่นพี่ในคณะ ก่อนอื่นเลย โครงการนี้มีเป้าหมายให้นักศึกษาวิศวกรรมจากมหาวิทยาลัยที่เป็น partner กับโทได ได้มารับประสบการณ์ทำงานวิจัยในสาขาต่างๆ แล้วก็สร้างเครือข่ายทางวิชาการที่นำไปสู่ความร่วมมือในอนาคต ระหว่างเข้าร่วมโครงการก็จะได้ไปร่วมทำงานวิจัยในแล็ป ที่ตัวเองเลือกแล้วก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมแล้วก็ภาษาญี่ปุ่นด้วย โดยโครงการจะจัดหาที่พักและสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนให้

เรามาเริ่มที่การสมัครโครงการนี้กันเลยดีกว่า โดยปกติแล้วโครงการนี้จะเริ่มเปิดรับสมัครตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนของปีก่อนหน้าจนถึงกลางเดือนมกราคม และผลการคัดเลือกจะประกาศช่วงกลางเดือนมีนาคม คุณสมบัติของผู้ที่สมัคร (อ้างอิงจากเว็ปไซต์โครงการ ESEP2020) คือ
1. เป็นนักศึกษาปริญญาตรี โท หรือเอก ของมหาวิทยาลัยที่เป็น Partner กับโทไดซึ่งในไทย มีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร (SIIT) และ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT)
2. ต้องเรียนปริญญาตรีมาอย่างน้อยแล้วสองปี
3. มีผลการเรียนที่ดีเยี่ยม
4. มีความสามารถทางภาษาอังกฤษ
5. สนใจจะศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก
6. ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการนี้ในปีก่อนๆ

ถ้ามีคุณสมบัติครบทุกข้อก็เริ่มสมัครกันเลย! เริ่มแรกเราก็เปิดดูแล็ปที่สนใจก่อน ตามลิ้งนี้เลยค่ะ วิธีการสมัครก็คือทำผ่านระบบ T-cens SP online application system โดยเลือกโครงการที่จะสมัครเป็น ESEP-G20 ต่อไปก็อัปโหลดเอกสารในเว็ปไซต์ เอกสารที่ต้องใช้ในการสมัคร  (อ้างอิงจากเว็ปไซต์โครงการ ESEP2020) คือ
1. รูปภาพ
2. สำเนา passport
3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
4. Personal Statement (กรอกตามฟอร์ม)
5. เอกสารรับรองสถานภาพนักศึกษา
6. สำเนาคะแนนสอบภาษาอังกฤษ (TOEFL หรือ IELTS)
7. Letter of Recommendation จากอาจารย์

พอกลางมีนา หลังจากได้รับอีเมลตอบรับแล้วก็เริ่มเตรียมตัวได้เลย เย่ๆ หลังจากยืนยันสิทธิ์ ทางโทไดจะส่งเอกสารที่เราต้องใช้ในการทำ Visa ญี่ปุ่นมาให้ทางไปรษณีย์ เราก็ต้องกรอกฟอร์มที่ใช้ในการขอ Visa ซื้อประกันการเดินทางให้คลอบคลุมวันไปกลับแล้วก็จองตั๋วเครื่องบิน รายละเอียดต่างๆ จะถูกแจ้งมาในอีเมล
หลังจากวีซ่าพร้อม ตั๋วพร้อมแล้ว เราก็เริ่มเตรียมตัวออกเดินทางได้เลย โครงการนี้จัดขึ้นในช่วงหน้าร้อนของประเทศญี่ปุ่น อากาศช่วงนั้นก็คือร้อนเหมือนอยู่ประเทศไทยเลย 555 เสื้อผ้าที่ต้องใส่ทางมหาลัยไม่ได้กำหนดอะไรไว้ เอาเป็นว่าให้เหมาะสบกับอากาศแล้วก็สถานที่เป็นพอ ต่อไปก็ทางเจ้าหน้าที่ทางมหาวิทยาลัยจะแนะนำให้เราติดต่อกับอาจารย์ที่ประจำแล็ปนั้นๆ เพื่อสอบถามถึงการเตรียมตัวแล็ปที่เราไปเป็นของอาจารย์ Nakano ซึ่งอาจารย์ก็บอกให้เราศึกษาเรื่อง Semi conductor ไปแล้วก็ให้เอาคอมพิวเตอร์ติดตัวไปด้วย โครงการจัดขึ้นในช่วงมิถุนายน-กรกฎาคม เป็นระยะเวลาประมาณ 6 สัปดาห์
วันที่เรารอคอยก็มาถึง ออกเดินทาง !!

วันแรกที่ไปถึงเราก็ซื้อซิมที่สนามบิน แล้วก็เดินทางเข้าที่พักก่อนเลย ที่พักที่ทางโครงการจัดให้เป็น share house ที่มีห้องส่วนตัว แต่ห้องน้ำและครัวรวม รอบๆ ที่พักก็มีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ supermarket ในห้องนอนก็จะมีโต๊ะ เก้าอี้ ชั้นวางของ เตียง สู้เสื้อผ้าเล็กๆ แล้วก็ตู้เย็นให้ เหมือนในรูปเลย วันแรกคนที่เข้าร่วมโครงการจากหลายๆ ประเทศก็ได้มาเจอกันใน common area แล้วก็ยังได้คุยกับผู้เข้าพักอาศัยที่มาแลกเปลี่ยนที่มหาลัยอื่นๆ อีกด้วย ทุกคนเป็นมิตรมากๆ เลย พอเรามีคำถามอะไรเกี่ยวกับที่พักก็สามารถถามคนดูแลหอพักแล้วก็ผู้เข้าพักอาศัยคนอื่นๆได้อีกด้วย

ภาพห้องพัก

วันต่อไปความสนุกก็เริ่มขึ้น มันเริ่มที่เราต้องเดินทางจากที่พักไปโทได อย่างที่หลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินถึงความซับซ้อนของรถไฟในโตเกียว การเดินทางไปมหาวิทยาลัยวันแรกผ่านไปได้ด้วยดีต้องขอบคุณ Google Map 555 วันแรกของโครงการ เจ้าหน้าที่จะมาชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ให้เงิน และ พาทัวร์มหาลัย แนะนำตึก กิจกรรมที่เราจะได้เข้าร่วม แล้วก็โรงอาหารต่างๆ โทไดกว้างขวางมากๆ มีสถานีรถไฟอยู่รอบๆ ถึง 3 สถานีคือ Hongo-sanchome station, Todaimae station,และ Nezu station มีที่ๆ นึงที่เราชอบมากๆ ในมหาลัยคือ Sanshiro Pond ตรงนี้เป็นบ่อน้ำที่เราชอบมาเดินตอนกลางวันบ่อยๆ ตอนกลางวันจะมีคนมานั่งกินข้าวกันด้วย บรรยากาศดีมากๆ เกือบลืมไปเลยว่ายังอยู่ในมหาลัยอยู่

บรรยากาศรอบๆ โทได
 
ตอนบ่ายของวันนั้นเราได้เข้าไปที่แล็ปที่เราเลือกไว้ ก็ได้ทำความรู้จักอาจารย์แล้วก็นักศึกษาที่ประจำในแล็ป แล้วอาจารย์ก็จะมาคุยกับเราถึงหัวข้อที่เราสนใจจะทำ ในส่วนของเรา เรายังไม่รู้ว่าอยากทำในส่วนไหน อาจารย์เลยเอางานตีพิมพ์ของแล็ปมาให้เราอ่าน ศึกษางานที่นักศึกษาในแล็ปทำ แล้วค่อยตัดสินใจ งานในแล็ปของอาจารย์ Nakano จะเกี่ยวข้องกับแสงและไฟฟ้าทั้งพาร์ทที่แปลงแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้า (Solar cell) และก็พาร์ทที่แปลงไฟฟ้าเป็นแสง (Laser) ช่วงแรกๆ ที่เราต้องอ่านคือใช้เวลานานมาก ได้เอาความรู้พื้นฐานที่เรียนไปในปีสองปีสามมาใช้แล้วก็ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเรื่องเกี่ยวกับทฤษฎีพื้นฐานของ Semiconductor Laser อีกประมาณสามสี่วันก็ได้คุยแล้วก็ตัดสินใจศึกษาเกี่ยวกับ การทำ Simulation ของ Semiconductor Laser หลังจากนั้นอาจารย์ก็แนะนำหนังสือที่เกี่ยวข้องให้ศึกษา ในทุกๆ สัปดาห์แล็ปที่เราไปอยู่จะมีประชุม ซึ่งในการประชุมแต่ละสัปดาห์จะมีนักศึกษามานำเสนอ Proposal, ผลงานวิจัย หรือไม่ก็มาเตรียมตัวนำเสนอในงานประชุมวิชาการแล้วก็รับคำแนะนำจากอาจารย์และสมาชิกของแล็ปเพื่อปรับปรุงงานนำเสนอต่อไป

นอกเหนือจากงานในแล็ป ทางโครงการยังให้เราเข้าร่วมกิจกรรมอีกหลายอย่างเพื่อให้ได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นอีกด้วย เรามาเริ่มที่กิจกรรมแรกกันเลยดีกว่า การเรียนภาษาญี่ปุ่น เราจะได้เรียนภาษาญี่ปุ่นสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งห้องเรียนจะถูกแบ่งตามระดับญี่ปุ่นที่รู้ เราพูดและอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลยก่อนไป ในคลาสเราเลยได้เรียนเกี่ยวกับประโยคพื้นฐานที่จำเป็นกับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การทักทาย แนะนำตัวเอง ถามราคาสินค้า แล้วก็สั่งอาหาร จากประสบการณ์ คลาสภาษาญี่ปุ่นมีประโยชน์กับการใช้ชีวิตของเราในญี่ปุ่นมาก พอกลับมาแล้วก็ทำให้เราอยากเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นเลย กิจกรรมอีกอย่างที่โครงการจัดให้พวกเราเข้าร่วมคือ Summer Party ของโทได ทางโครงการจัดหาชุดยูกาตะซึ่งเป็นชุดประจำชาติของญี่ปุ่นให้ใส่ไปร่วมงานอีกด้วย ในงานก็มีกิจกรรมเกมพื้นบ้านของญี่ปุ่นให้เข้าร่วม นอกจากนี้ยังมี Wadaiko Workshop หรือว่าคลาสตีกลองญี่ปุ่น สุดท้ายเรายังได้ไป Field Trip ที่ Hakone ด้วย พวกเราขึ้นกระเช้าไปบนยอดเขา น่าเสียดายที่วันที่เราไป Hakone มีเมฆเยอะและก็หมอกหนามากเลยไม่มีโอกาสได้เห็นฟูจิซัง แล้ววันนั้นพวกเราก็ยังได้นั่งเรือรอบๆ ทะเลสาบ ร่วม workshop งานไม้ แล้วก็เล่นน้ำทะเล กิจกรรมทุกอย่างที่ทางโครงการจัดสนุกมากๆ เลย แล้วก็ยังเป็นโอกาสให้เราได้ทำความรู้จักและสนิทสนมกับผู้เข้าร่วมโครงการจากมหาวิทยาลัยต่างๆ อีกด้วย

Summer Party
 
Hakone Field Trip
ต่อไปเรามาพูดถึงการใช้เวลาว่างนอกเหนือจากกิจกรรมในแล็ปกับเข้าร่วมกิจกรรมของโครงการดีกว่า กิจกรรมแรกที่เราชอบที่สุดเลย สำหรับเราสิ่งนี้คือพูดถึงหน้าร้อนประเทศญี่ปุ่นต้องพลุ พลุที่นี่สวยมากๆ เรามีโอกาสได้ไปดูพลุทั้งหมด 4 งาน คือที่ Yokohama, Adachi, Koto และก็ที่ Nikko ในแต่ละงานคนเยอะมากๆ เราไปปิกนิกตั้งแต่ช่วงเย็นๆ กับเพื่อนๆ รอดูพลุตอนกลางคืน ในงานก็จะมีของกินขายมากมาย โดยส่วนตัวแล้วเราประทับใจงานที่ Nikko มาก อันนี้คือพอหลังหมดโครงการแล้ว เรานัดกับเพื่อนไปเที่ยวที่ Nikko กันแล้วบังเอิญมากว่าวันที่เราไปมีงานที่ใกล้ๆ แถวนั้นพอดี พลุที่จุดในงานนี้อาจจะจำนวนไม่มากเท่างานใหญ่ๆ ที่จัดในเมือง แต่สวยงามมากๆ เพราะฉากหลังของพลุคือภูเขาสุดลูกหหูลูกตา แล้วเค้าก็เริ่มจุดพลุตั้งแต่พระอาทิตย์ตก สวยมากๆ เลย นอกจากพลุแล้วตอนว่างเราก็ไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่เค้าไปเที่ยวกัน เช่น ไปเที่ยว TeamLab ที่ Odaiba, ตลาดปลา Tsukiji (ที่ตอนนี้ย้ายไปแล้ว T^T) , ไหว้พระที่ Meiji Jingu shrine, ดูดอกไม้ที่ Yoyogi park, เดินขึ้นเขาที่ Mt. Takao, ไหว้พระแล้วก็หาของกินที่ Kamakura, เดินเล่น ช้อปปิ้ง แล้วก็หาของกินที่ Shibuya กับ Shinjuku และอื่นๆ อีกมากมาย อีกอย่างนึงคือ จากโทได เราสามารถเดินไปที่ Ueno ได้ มีวันนึงเราไปปั่นเป็ดที่ Shinobazu Pond ด้วย ตอนเย็นๆ บรรยากาศดีสุดๆ ถ้าจะให้พูดถึงสถานที่ที่ไปแล้วประทับใจที่สุดเราคงจะเลือกไม่ได้ แต่พูดได้อย่างเดียวว่าสนุกมากในทุกที่ๆ ไป

พลุที่ Nikko
เรือเป็ดที่ Shinobazu Pond

รวมๆ แล้ว เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมากจากการเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ ต้องขอบคุณ The University of Tokyo ที่สนับสนุนโครงการดีๆ แบบนี้ให้นักศึกษาต่างชาติมีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ใช้ชีวิตและทำงานวิจัยในญี่ปุ่น แล้วก็ขอบคุณสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธรที่มี partner กับโทไดถึงได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการนี้ นอกจากนี้ขอบคุณรุ่นพี่และท่านอาจารย์ที่ปรึกษาที่ช่วยเหลือและให้คำแนะนำมาโดยตลอด ท้ายที่สุดก็คือคุณพ่อ คุณแม่ น้องสาว และ เพื่อนๆ ที่สนับสนุนการตัดสินใจและให้กำลังใจเสมอๆ การเข้าร่วมโครงการครั้งนี้จะเป็นประสบการณ์ที่เราจดจำไปอีกยาวนาน ตอนนี้ก็ผ่านไปเกือบปีแล้ว แต่เราก็ยังได้ติดต่อกับเพื่อนๆ ต่างชาติที่เจอเสมอๆ แล้วก็หวังว่าในอนาคตเราจะได้เจอหรือร่วมงานกันอีก
เราขอจบการรีวิวโครงการนี้ไว้ตรงนี้แล้วกันนะทุกคน หวังว่ารีวิวจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะ ถ้ามีข้อผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ มือใหม่หัดรีวิว 555 ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติมก็คอมเมนต์ไว้ได้เลยนะคะ รายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการติดตามได้ทางเว็ปไซต์ของโครงการได้เลยนะคะขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านถึงตรงนี้ค่ะ
 

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น