Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แชร์ประสบการณ์ เรียนที่จีน 4 ปี โดยไม่มีพื้นฐานภาษาจีน

ตั้งกระทู้ใหม่
กระทู้นี้จะมาแชร์เรื่องไปเรียนปริญญาตรีที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เริ่มต้นที่ไม่มีพื้นฐานภาษาจีนเลย หวังว่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านได้ ไม่มากก็น้อย



พี่ชื่อ พี่บอส   อภิวัฒน์ บริบูรณ์ทรัพย์ เรียนจบจาก  shanghai university of finance & economics เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนครับ

พี่อยากจะบอกว่าสิ่งสำคัญที่จะไปเรียนที่ประเทศจีน มี สองอย่าง หนึ่งคือความรู้พื้นฐานอย่างที่เราเรียนนี่แหละ กับ สองคือ ใจรัก ใจรักนี่คือใจรักในภาษาจีน ชอบภาษาจีน ชอบประเทศจีน ถ้ามีหนึ่งในสองข้อนี้ทุกอย่างมันจะทำให้ง่ายขึ้น ทำให้เราไปได้เร็ว แต่ถ้าสมมุติใครไม่มีหนึ่งในสองข้อนี้เลย ก็ไม่ใช่ว่าจะไปไม่ได้ เพราะพี่เป็นคนหนึ่งที่ไม่มีสองข้อนี้เลย พื้นฐานเนี่ย ไม่มี ก็ตรงกับหัวข้อวันนี้ที่จะมาพูด ซึ่งก็คือ เริ่มต้นจากศูนย์ ศูนย์ทั้งด้านความรู้สึก เกลียดจีนมาก อันนี้พูดตรงๆ ไม่ชอบจีน ไม่ชอบคนจีน ไม่ชอบภาษาจีน อะไรแบบนี้ไม่มีอยู่ในหัวเลย แต่ต้องยกความดีความชอบให้กับคุณแม่ เขาบอกว่าอนาคตจีนมันสำคัญนะเพราะว่า คนจีนก็อยู่ทั่วโลกแล้วตอนนี้ แม่บอกว่าเราควรทำในสิ่งที่เราไม่ชอบบ้าง ก็เลยโอเคไป ออกจากเซฟโซน ยอมไปที่พูดไปในตอนแรก เราควรมีอะไร พี่บอกได้เลยว่าเราควรมี 4 อย่าง คือ หนึ่ง ความมีวินัย ความรับผิดชอบ สอง ความกล้า กล้าที่จะพูด กล้าที่จะใช้ภาษาจีน สาม คือความขยัน สี่ คือความอดทน  พี่ไปตอนแรก บอกเลยว่ามันเหนื่อยนะ และมันยากมาก และมันเป็นภาษาที่สาม มันไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่ทุกคนเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก ภาษาจีนมีแค่บางโรงเรียน อย่างพี่ก็เคยเรียนแค่ตอนเด็กๆ และด้วยวัฒนธรรมของเขาที่มันค่อนข้างต่างจากบ้านเราพอสมควร ไปไหนยากมาก พี่ไปด้วยความศูนย์เลย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
 
พี่ไปเรียนภาษาสองเดือนไปเริ่มต้น ปัว พัว มัว ฟัว ที่นั่นเลย แล้วก็เข้ามหาลัย จริงๆแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนะ เหล่าซือก็พูดแล้วว่าเราต้องเรียนภาษาอย่างน้อยหนึ่งปีแล้วค่อยเข้าปีหนึ่ง แต่ด้วยความที่เป็นเด็กไทย กลัวช้ากว่าเพื่อน กลัวเรียนจบไม่พร้อมเพื่อน ยังติดตรงนี้อยู่ ดื้อ ก็เรียนภาษาแค่สองเดือนแล้วก็เข้าปีหนึ่ง บอกเลยว่าค่อนข้างหนักหน่วงเลยชีวิตช่วงนั้น ลำบากมาก ตอนแรกพี่ไม่มีสี่อย่างที่พูดเลย ไม่ได้ตั้งใจ เป็นเด็กเกเรคนนึง แม่บังคับให้ไปก็แต่ชีวิตในแต่ละวันมันสอนให้เราได้ฉุกคิด มันทำให้เราได้เปลี่ยนปลงตัวเอง ปีแรกที่ไป มันเจออะไรหลายๆอย่าง ทั้งคนดีบ้างไม่ดีบ้าง ครูดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ตอนที่ไปครั้งแรก คิดว่าแค่เรียนภาษามันง่าย ก็เลยชิลล์มากไม่ได้คิดอะไรจนเข้าปีหนึ่งนี่แหละ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว เหล่าซือไม่ได้มาโฟกัสเด็กแต่ละคนแล้วเพราะมีเด็กเยอะมาก ก็กลายเป็นว่าเริ่มไม่อยากเรียน เริ่มไม่ไหว ก็ไม่ค่อยไปเรียน ไม่เข้าคลาส

สุดท้ายที่ เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็ตอนปีหนึ่งเทอมสองเนี่ย พี่สอบตก แล้วทำให้เรารู้สึกว่า มันไม่ใช่แล้ว มันไม่โอเค อยากกลับบ้านทุกวันเลย จนเพื่อนพี่มาหาที่จีน ตอนนั้นเราไม่รู้ตัวเลยว่าเราพูดจีนได้หรือยัง เราโง่มาก เราไม่เอาแล้ว เราสอบตก แต่จนเพื่อนพี่ไป เราไปเที่ยวกัน แล้วพี่ก็สามารถพูดกับคนจีนได้อย่างลื่นไหล จนเพื่อนชมว่า “ทำได้ขนาดนี้แล้วเหรอวะ” เราอยู่มาปีนึง เราไม่เคยมองตัวเราเองว่าเราพัฒนา เราเก่งขึ้น ไม่เคยมอง คิดแต่ว่ามันแย่มันเหนื่อย อยากกลับ จนเพื่อนพูด เราได้กลับมามองตัวเอง



เราเริ่มเข้าใจว่าเรามาอยู่เพื่ออะไร เราเริ่มรักภาษาจีนมากขึ้น ด้วยความที่ได้เจอครูที่ดีด้วย เจอสังคมภายนอกที่ทำให้ใจเราเปลี่ยน กลายเป็นที่อยู่มาเนี่ยพี่เริ่มมีข้อสองแล้ว ใจเริ่มเปลี่ยน ใจเริ่มชอบแล้ว คิดว่าการพูดภาษาจีนได้มันดูดี มันเท่ว่ะ บวกกับเรียนมาปีนึงความรู้พื้นฐานเราเริ่มมีแล้ว ก็มาบวกกันทั้งสองข้อ ก็เลยเริ่มอยู่ได้ เริ่มเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง แล้วก็สงสารพ่อแม่ด้วย เพราะเราสอบตกแล้วก็รู้สึกว่าทำอย่างนี้มันไม่ถูก
แต่ว่าการที่พี่ไปอยู่นู่น ทำไมมันต้องมีสี่ข้ออย่างที่พูดไป เพราะว่าความรู้พื้นฐานที่เรามีมันสู้คนอื่นไม่ได้ อย่างพี่เนี่ย ความมีวินัย พี่ต้องเปลี่ยน mideset ตัวเอง รู้แล้วว่าเรามาเพื่ออะไร พ่อแม่ส่งเรามาเพื่ออะไร พยายามตั้งใจมากขึ้น กล้าที่จะเข้าหาครู กล้าที่จะไปเจอเพื่อนๆ

พี่พูดเลยว่า คนที่สกิลแกรมม่า ต่อให้เก่งที่สุด ออกไปข้างนอกพูดภาษาจีนไม่ได้ มีเยอะมาก อาจจะทำข้อสอบได้เต็ม ทำแกรมม่า ทำได้ทุกอย่าง แต่พูดไม่ได้ สอบ HSK4 HSK5 ได้ แต่พอไปอยู่จีน พูดไม่ได้ ฉะนั้นสิ่งที่ควรมีคือ ความกล้าที่จะพูด

อย่างพี่เริ่มต้นไม่มีความรู้พื้นฐานเลย ทุกครั้งที่พี่จะไปเรียน พี่ก็จะมานั่งแปลสิ่งที่จะเรียน ทั้งหน้าเลย แปละทั้งบทเพราะกลัวว่าเหล่าซือ จะเรียกเราไปพูด แล้วถ้าพูดไม่ได้ อาย เพราะเขาสอนภาษาจีนทั้งหมดเลย ต้องมาแปลทั้งหมด เหนื่อยกว่าคนอื่นเพราะกำแพงทางภาษา มันไม่เหมือนที่เราเรียนที่ไทย มันเป็นเรื่องใหม่ แต่ทุกคนภาษาไทยมันเหมือนกันหมด พอไปอยู่ที่นู่นเลเวลทางภาษาจีนของทุกคนไม่เหมือนกัน เราด้อยกว่าเราเลยต้องขยันมากกว่าเขา



ข้อสุดท้ายคือ ความอดทน เป็นสิ่งที่สำคัญมาในการไปอยู่เมืองนอก ไม่ว่าจะต้องอดทนเรื่องเรียน เรื่องสังคม เรื่องเพื่อนทุกอย่างเพราะอยู่ที่นั่นเราอยู่กันเอง ไม่มีครอบครัว ไม่มีพ่อแม่ พี่เป็นผู้ชายแต่ก็ร้องไห้หาแม่ทุกวันนะตอนไปแรกๆ เพราะมันเหนื่อยอยู่ไม่ไหว สิ่งนี้เลยสำคัญมากก็คือความอดทน แม้กระทั่งเปลี่ยนตัวเองทุกอย่างตั้งแต่ปีสอง ในระหว่างที่เรียน ปีสอง ปีสาม ปีสี่ จนเขียนธีสิส ก็ต้องใช้ความอดทนอยู่ กระทั่งใกล้เรียนจบเขียนธีสิสก็ต้องโทรหาแม่ว่าไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมาก ทรมานมาก ทั้งการบ้าน เขียนธีสิส มันก็เหนื่อย แต่ทุกวันนี้ที่จบมา รู้สึกขอบคุณคุณแม่มากๆ รู้สึกว่าภาษาจีนเป็นอะไรที่สำคัญมากในโลกทุกวันนี้ ตอนแรกที่ไม่ชอบ แต่ตอนนี้รู้สึกขอบคุณแม่ทุกวัน ดีจังเลยที่แม่ส่งไป แล้วก็ขอบคุณตัวเองด้วยที่อดทนมาจนขนาดนี้ มันเถียงไม่ได้จริงๆว่าจีน ใช้ได้ในหลายๆที่ เพราะคนจีนเยอะมาก ในทุกที่ สกิลภาษาจีนอาจจะเป็นพื้นฐานที่ควรจะต้องได้
ที่มาพูดวันนี้อยากจะบอกต่อบอกเล่าสิ่งที่ได้ผ่านมาจริงๆ น้องคนไหนที่มีใจรักอยู่แล้วก็ดี แต่ บางคนที่พ่อแม่อาจจะบังคับ หรือว่าอาจจะยังไม่ได้ชอบมาก แต่เชื่อว่าในอนาคตมันจะเป็นสิ่งที่ดีๆกับตัวน้องเองครับ

แสดงความคิดเห็น

>