Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เรียนภาษาที่จีน 1 ปี แต่ต้องกลับมาก่อนเพราะโควิด!

ตั้งกระทู้ใหม่


แนะนำตัว
สวัสดีค่ะ เราชื่อเดียร์นะคะ ปีนี้อายุ 24 ปีแล้วค่ะ วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ที่เรียนภาษาที่จีนเป็นเวลา 1 ปี แต่ไปเรียนแค่เทอมแรกก็ต้องกลับมาก่อนเพราะติดโควิดพอดี ทำให้กลับไปจีนไม่ได้อีกจนถึงตอนนี้ U_U เราเคยทำคลิปรีวิวการไปเรียนมาแล้ว ไปฟังกันได้นะคะ Youtube: Dearkiko (https://www.youtube.com/watch?v=rq9NLp2QqYk)

ตอนไปเรียนแรกๆ และได้ไปเที่ยว The Bund ครั้งแรก วิวหอไข่มุกตอนกลางคืนสวยมาก


วิวตอนเดินเล่นในเซี่ยงไฮ้ตอนช่วงใบไม้เปลี่ยนสี

จุดเริ่มต้น
ตอนเราตัดสินใจไปเรียน เราอายุ 22 ย่าง 23 ปี เราเลือกไปเรียนที่ เซี่ยงไฮ้ ที่ Donghua University เราสมัครไปกับเอเจนซี่ค่ะ เขาจัดการให้เราหมดเลย เราแค่ต้องเลือกว่าจะไปเมืองไหน มหาลัยไหนเท่านั้น ตอนที่เราสมัครเราอยู่ปี 4 เทอม 2 ตอนตัดสินใจไป กลัวมากเพราะเราไม่เคยห่างบ้านเลย ตั้งแต่เล็กจนโตเรียนใกล้บ้านมาโดยตลอด แค่คิดว่าต้องไปใช้ชีวิตคนเดียวที่ต่างประเทศก็เริ่มกลัวแล้ว แต่ก็คิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะต้องให้ประสบการณ์และบทเรียนในชีวิตอีกมากมายแน่ๆ ก็คิดว่า เอาวะ! ต้องลุยดูสักครั้ง เราอยากไปเรียนและไปเที่ยวด้วย คืออยากออกไปใช้ชีวิตไปที่ใหม่ๆ เลยเลือกมหาลัยนี้ เพราะเข้าเมืองสะดวกมาก ติดรถไฟฟ้าเลย เดินทางสะดวกสุดๆ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ไปเที่ยวได้สบายมาก

ตอนไปแรกๆ เหงามาก ที่ม. เขาอนุญาตให้เราเข้าหอไปได้ก่อนมหาลัยเปิด (ลืมบอกว่าเราอยู่หอเดี่ยวในม.) เอเจนซี่ที่เราไปมีเด็กไปม. นี้แค่ 2-3 คน น้อยมาก ทำให้ไม่ได้มีเพื่อนเยอะเท่าไหร่ วันลงทะเบียนเรียนเขาจะมีสอบวัดระดับก่อนสำหรับเด็กที่พอมีพื้นฐานอยู่บ้าง เพื่อจะได้รู้ว่าเราควรอยู่ห้องระดับไหน ตอนสอบพูดกับอ่านคือสอบกับเหล่าชือเลย เขาจะพูดคุยกับเราปกติ ทั่วไป เพื่อทดสอบว่าเราฟังเขารู้เรื่องไหม โต้ตอบเขาได้หรือเปล่า แล้วก็มาดูว่าเราอ่านเนื้อหาบทเรียนได้ถึงประมาณบทไหน แล้วก็ไปสอบข้อเขียนต่อ เราบอกเลยว่าข้อเขียนเรามั่วมาก (มันยากงะ) สุดท้ายคือเราได้อยู่ระดับ A2 (ที่ม. มีอยู่ 5 ระดับ) พอรู้ระดับตัวเองแล้วเขาก็จะให้ใบมาว่าเราต้องไปเรียนที่ห้องไหน แต่ความซวยคือเราทำใบหาย และจำเลขห้องตัวเองไม่ได้ด้วย T-T วันเปิดเรียนเราเลยตื่นเช้ามากเพราะคิดว่าหน้าห้องน่าจะมีรายชื่อนักเรียนแปะอยู่ และก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เรารีบไปไล่ดูชื่อตัวเองในห้อง A2 ทั้งหมด สุดท้ายมาเจอว่าห้องเราอยู่ชั้น 3 ได้อยู่ห้อง A2-6 ในห้องมีคนไทยอยู่ 4 คน (รวมเราแล้ว) นอกนั้นก็เป็นญี่ปุ่น ลาว ฝรั่งเศส เกาหลี​ (เยอะมาก) แอฟริกา และมีชาติอื่นๆ อีกเต็มเลย ตอนเลือกม. ก็คิดนะว่าอยากให้มีคนไทยให้น้อยที่สุด เพราะถ้ามีคนไทยเยอะ ภาษาคงได้ช้าแน่ๆ แต่พอคิดอีกทีถ้าเวลาเจ็บป่วย ไม่มีเพื่อนคนไทยที่รู้จักเลย คงจะลำบากน่าดู 

เพื่อนๆ ในห้องน่ารักทุกคน

พิธีจบการศึกษาเทอมแรก (ประมาณ 4 เดือน)

การเรียนดำเนินไปอย่างหนักหน่วง เพราะมีการบ้านทุกวันเลย มีแต่งประโยค แต่งเรื่องสั้นจากศัพท์ที่เรียนทุกวัน มี 听写 (เขียนตามคำบอก) ทุกสัปดาห์ เราต้องส่งการบ้านโดยการพิมพ์ส่งไปให้เหล่าชือใน wechat และอัดเสียงส่งให้เขาด้วย สิ่งที่เราประทับใจมากๆ คือเหล่าชือที่นี่ใส่ใจนักเรียนมาก ให้ความช่วยเหลือสุดๆ คือน่ารักจริงๆ น่ารักมากๆ แก้แกรมม่า แก้คำศัพท์ให้เราเต็มที่ งงตรงไหนก็พยายามอธิบายจนเราเข้าใจ ตอนเรียนสัปดาห์แรกบอกเลยว่าเราท้อมาก เพราะเหล่าชือเขาพูดจีนหมดเลย บอกตรงๆ ว่าฟังแทบไม่ออก T-T ตอนนั้นยังคิดอยู่เลยว่า ระดับที่เราได้มันไม่เหมาะกับเราหรือเปล่า สัปดาห์แรกเขาจะให้ลองเรียนดูก่อน ถ้าคิดว่ายากหรือง่ายไปสามารถย้ายห้องได้ ตอนนั้นเราพยายามเรียนตามเพื่อนในห้องแบบสุดๆ เวลาเหล่าชือพูดอะไร เราจะพยายามจด pinyin ที่ใกล้เคียงไว้ พอเลิกเรียนกลับห้องก็พยายามนั่งหาศัพท์คำนั้น คัดศัพท์ อ่านศัพท์ทุกวัน มีอยู่วันนึงระหว่างพักเบรก 15 นาที เราก็นั่งแปลศัพท์แบบทุกๆ วัน เหล่าชือเหมือนจะสังเกตุเห็นเลยเข้ามาช่วยเราแปล คือเขาน่ารักจริงๆ ใส่ใจมากๆ ช่วยเหลือเราสุดๆ ทำให้เราแปลศัพท์ไปได้ไวมากขึ้น ไม่ต้องมานั่งเขียนใน dictionary มือถือหาทีละคำ จริงๆ เขาก็ไม่ได้บังคับให้เราส่งการบ้านนะ แต่คือใครทำใครได้จริงๆ ถ้าอยากพัฒนาตัวเองก็ต้องตั้งใจทำให้ได้ 

ตอนเรียนในห้อง เขาให้แบ่งกลุ่มคุยกันเรื่องงานในฝัน (กลุ่มเราเขียนว่าอยากให้มีรายได้เยอะๆ ฮ่าๆ)

สวนสาธารณะตรงข้าม ม. เราเลย ตอนใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี


อาหารการกินคืออุดมสมบูรณ์ทุกอย่าง อร่อยมาก น้ำหนักขึ้นง่ายมาก!


ตอนไปทัศนศึกษากับเพื่อนๆ ในห้อง


ม. พาไปทัศนศึกษาที่นี่ สวยมาก

แม้ว่าการบ้านจะเยอะแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยมากระทบแผนการเที่ยวของเราได้! ฮ่าๆ บอกเลยว่าเราเที่ยวเต็มที่มากจริงๆ ก่อนไปจีนถึงขั้นไปร้านหนังสือ ซื้อหนังสือท่องเที่ยว เข้าอินเทอร์เน็ตหากระทู้แนะนำร้านเด็ดที่เที่ยวอะไรทุกอย่างที่น่าสนใจ และพยายามตามเก็บให้ครบทุกที่ แต่ช่วงยุ่งๆ การบ้านเยอะๆ ก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนไกลหรอก ไปเดินเล่นแถวๆ ม. ก็คือดีมากๆ แล้ว เพราะบรรยากาศดีมาก อากาศก็ดี (ตอนไปยังไม่หนาวมาก อากาศเร่ิมเย็นๆ แล้ว) ถ่ายรูปเล่นมาเต็มเลย อวดซักหน่อย ;p 

แถว The Bund ตอนวันสิ้นปี คนเยอะมาก
 
ถนนในม. เลย ตอนเดินไปเอาพัสดุ 快递


ร้านกาแฟ Arabica


Yuyuan Garden 1 ใน 3 landmark ของเซี่ยงไฮ้ 


ห้างแถวม. เดินไปประมาณ 10 นาที


ตอนไป Shanghai Natural History Museum เป็นมิวเซียมที่เราแนะนำมากๆ ดือมาก


นี่ก็ที่สวนสาธารณะแถวม. อีกที่นึง

เราไป Shanghai Disneyland มาด้วย สนุกมากกก และที่สำคัญคือไปตอนเขาจัดธีม Christmas ด้วย แฮปปี้สุดๆ ทุกอย่างที่เขาตกแต่งคือน่ารักมากๆ แอบสารภาพผิดว่าโดดเรียนไปแหละ จริงๆ ก็ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง เราบอกเพื่อนๆ ในห้องว่าเราจะไปวันนี้ (เลือกวันที่มีเนื้อหาการเรียนน้อยสุดในสัปดาห์แล้วไปวันนั้น) เพราะถ้าไปวันหยุดต้องไปต่อคิวเข้าเครื่องเล่นนานมาก เลยตัดสินใจไปวันธรรมดาแทน คือจริงๆ เขามีเช็คชื่อเข้าเรียนด้วยนะ ถ้าขาดเกิน 80% เราจะไม่มีสิทธิสอบและจะทำให้ไม่ได้ใบจบคอร์สเรียนภาษา เรามีขาดเรียนแค่วันที่ไป Disney กับวันที่ป่วยจนท้องเสีย ตอนนั้นเราเศร้ามาก คิดว่าน่าจะอาหารเป็นพิษ คือทั้งอ้วก ทั้งท้องเสีย ตื่นมาอ้วกตั้งแต่ตี 5 เลยคิดว่าต้องบอกเหล่าชือว่าขอลาวันนี้ เพราะไม่ไหวจริงๆ วันนั้นเอาแต่นอนที่ห้องทั้งวัน ตื่นขึ้นมาคือมาอ้วก พอกินก็อ้วก บอกเลยว่าคิดถึงบ้านมากๆ น้องคนไทยในห้องมาเยี่ยมตอนเลิกเรียน (ที่ม. เราเรียน 8:30 - 12:15) โชคดีมากๆ ที่น้องเขามียาเกี่ยวกับพวกอาหารเป็นพิษ ไม่งั้นเราต้องแย่แน่ๆ กินอะไรไม่ได้เลย โชคดีที่หลังจากกินยา อาการก็ค่อยๆ ดีขึ้นวันต่อมาก็ไปเรียนได้ 

Shanghai Disneyland


ไม่ได้น่ารักอย่างเดียวนะ อร่อยด้วย


วันที่ไป Line Friend และเดินเล่นแถว South Shaanxi Road

การเดินทางในเซี่ยงไฮ้คือสะดวกมากกกก จริงๆ เดี๋ยวนี้เดินทางในจีนคือสะดวกแทบทุกที่แล้ว บ้านเมืองเขาเจริญมากๆ มีทั้ง taxi รถบัส รถไฟฟ้า จักรยานสาธารณะให้เราเลือกใช้เต็มไปหมด taxi คือสามารถโหลดแอพและเรียกรถได้เลย คือสะดวกไปหมด ไปไหนก็ง่าย วันหยุดเราเลยแพลนไปเที่ยวหางโจวที่เป็นเมืองติดกันกับเซี่ยงไฮ้เพราะนั่งรถไฟไปแปปเดียวเอง สามารถไปเช้า-เย็นกลับได้ด้วย ดือมาก ดือไปหมด ได้ไปดูทะเลสาบซีหูสวยมากจริงๆ แต่ความตลกคือตอนนั้นเซี่ยงไฮ้หนาวแล้ว เราเลยคิดไปเองว่าหางโจวก็คงจะหนาวแล้วเหมือนกัน เราเลยใส่เสื้อกันหนาวแขนยาวกับกางเกงขายาวไป สรุปคือไม่หนาว ร้อนมาก! ร้อนตับแตก แล้วคือทำอะไรไม่ได้ ต้องเที่ยวแบบร้อนๆ ไป U-U 

คาเฟ่ที่หางโจว ดีมาก แต่เค้กอะไรแพงสุดๆ U-U

พอได้ลองไปท่องเที่ยว ใช้ภาษาที่เรียนมาสั่งอาหาร คุยกับคน local ที่นู่นจริงๆ คือสนุกมาก และตื่นเต้นด้วย บางทีเขาก็ฟังสำเนียงเราไม่ค่อยออกนะ แรกๆ ก็กล้าๆ กลัวๆ หลังๆ ก็คือพูดไปจนกว่าเขาจะเข้าใจ! ฉันต้องรอด ฉันต้องพูดได้ ที่เรากับเพื่อนชอบเล่นกันเวลาเดินเที่ยวก็คือเวลาเห็นตัวจีนตามข้างทาง หรือป้ายร้านต่างๆ ก็จะลองอ่านแล้วลองถามความหมายกัน ถ้าไม่รู้ก็คือจะเปิดหาความหมายทันที เหมือนได้เที่ยวและได้เรียนไปด้วยในเวลาเดียวกัน ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ จริงๆ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ยังไม่ได้เล่า ไว้ว่างๆ จะมาเล่าให้ฟังอีกนะ ฝากเข้าไปติดตามไอจีด้วย มีสร้าง highlight ตอนไปเรียนจีนไว้เพียบ IG: superddear #dearkikoxSH

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น