[รีวิว] เรียนต่ออเมริกาป.ตรี Harvard, MIT, Princeton, Columbia #ทีมเด็กทุน
สวัสดีค่า หลังจากที่แอดมินได้ไปเรียนต่ออเมริกามา2ปีแล้ว ก็ได้มีโอกาสไปทัวร์มหาลัยต่างๆทั้ง Harvard, MIT, Princeton และ Columbia กับนักเรียนทุนรัฐบาล วันนี้เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ว่าเรียนต่ออเมริกาเป็นยังไงบ้าง และแต่ละมหาลัยมีจุดเด่นต่างกันอย่างไรนะคะ <3
Harvard University
- มหาวิทยาลัยแห่งแรกของอเมริกาที่มีชื่อเสียงแทบทุกสาขาวิชา คลาสเรียนที่นี่ค่อนข้างยากและต้องใช้การตกตะกอนความคิดเป็นอย่างมาก แต่ก็มี office hours, teaching fellows หรือ course assistant คอยให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี major ที่นี่จะเรียกว่า concentration และ minor ที่นี่จะเรียกว่า secondary คลาสที่ดังของที่นี่เช่น CS50 ซึ่งมีให้ทุกคนได้ลองเรียนที่ edX
- เรียนหนักกันแบบนี้แต่นักศึกษาฮาร์วาร์ดก็มี 4 traditions ที่ทุกคนอาจคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว
- ปัสสาวะใส่เท้าด้านซ้ายของรูปปั้น John Harvard ที่นักท่องเที่ยวชอบมาจับกัน (ใครไปแวะฮาร์วาร์ดอย่าไปเผลอจับเลยนะคะ)
- กระโดดแม่น้ำชาร์ลส์
- Primal Scream ซึ่งคือการเปลือยวิ่งรอบ Yard ก่อนสอบปลายภาค
- การมีเซ็กส์ใน Stacks ซึ่งเป็นโซนในห้องสมุดที่เงียบมากๆ
หมายเหตุ: ทั้งนี้ทั้งนั้น ใครที่ไม่ทำก็ไม่ได้ผิดอะไรนะคะ ที่นี่เปิดกว้างและยอมรับคนที่มีความคิดหลากหลาย ธรรมเนียมเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่นักเรียนรุ่นก่อนคิดขึ้น
- นอกจากนี้ฮาวาร์ดยังมีระบบบ้านแบบ Harry Potter โดยนักเรียนแต่ละคนจะได้ไปอยู่บ้านหนึ่งใน 12 บ้านตอนปี2ถึงปี4 และได้รับการช่วยเหลือและคำปรึกษาจาก Resident Tutor
- ฮาร์วาร์ดต้องการนักเรียนแบบไหน? คนที่ไ่ม่เพียงแต่วิชาการดีมาโดยตลอดแต่ยังมีเป้าหมาย passionที่ชัดเจน และไม่ลังเลที่จะลงมือทำ มีผลงานและEssaysที่ unique เพราะว่ามหาลัยมีนักเรียนโปรไฟล์ดีๆมาสมัครจำนวนมาก เพราะฉะนั้นคนที่ได้จะต้องมีจุดเด่นที่แตกต่างให้มหาลัยเห็นจริงๆ
ดูทัวร์ฮาร์วาร์ดกับนักเรียนทุนคิงได้เลยที่:
MIT
- Massachusettes Institute of Technology มหาลัยที่เด่นด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ STEM มากที่สุดแห่งหนึ่ง มีอาจารย์ที่เป็นผู้คิดค้นทฤษฎีหรือผู้ได้รับรางวัลโนเบลจำนวนมาก ผู้คิดค้นทฤษฎี Inflation ใน Cosmology ก็มาจากที่นี่ นอกจากนี้ใครที่อยากไปสาย Quant บริษัท Hedge Fund มีดึงตัวเด็กจาก MIT ไปมากเลยทีเดียว (รายได้เดือนละล้านบาทก็มี)
- นักศึกษา MIT กลุ่มหนึ่งได้นำความรู้ความสามารถมาจัด MIT Hacks (ที่ไม่ใช่ Hackathon) แต่เป็นการ Prank ที่ฉลาดหลักแหลมและไม่มีใครจับได้ ไม่ว่าจะเป็นการนำรถตำรวจในพิพิธภัณฑ์ขึ้นไปอยู่บนโดมตึก หรือการขโมยปืนใหญ่จาก Caltech (คู่แข่ง The Best Institute of Technology) มาข้ามคืน
- MIT ต้องการนักเรียนแบบไหน? คนที่มีความรู้ความสามารถด้าน STEM ทั้งนี้อาจจะมักเห็นนักเรียนโอลิมปิกวิชาการที่ MIT แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัจจัยที่การันตีเสมอไป สิ่งที่สำคัญคือการมีผลงานและแสดงให้มหาลัยเห็นว่าเราสามารถเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ดีได้ นอกจากนี้ MIT เป็นมหาลัยที่แทบไม่ดูเรื่อง Legacy Admission หรือ Affirmative Action คือไม่ได้นำประวัติว่าคนในครอบครัวจบจากที่นี่หรือไม่ หรือเชื้อชาติของเรามาเป็นปัจจัยในการเลือกนักเรียนเหมือนมหาลัยในอเมริกาที่อื่นๆ พูดง่ายๆก็คือนำความสามารถมาคิดล้วนๆ
ดูทัวร์ MIT กับนักเรียนทุนคิงและทุนโอลิมปิกวิชาการได้เลยที่:
Princeton University
- มหาวิทยาลัยที่เก๋และเก๋า มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เช่น Nassau Hall และ Einstein ก็เคยไปสอนที่นี่ มี resource และ funding programs จำนวนมาก นอกจากนี้มหาลัยยังมี Freshmen Seminars ซึ่งเป็นคลาสเล็กๆไม่เกิน 20 คน มีคลาสที่น่าสนใจเช่น The Drama Within คือนำ Immunology มาผสมผสานกับการแสดงเวที
- มี Eating Clubs ซึ่งไม่ได้มีไว้กินข้าวอย่างเดียว แต่จะมีความเป็น elite society หรือ fraternities คือเป็นกลุ่มสังคมที่พิเศษขึ้นมาโดยไม่ขึ้นตรงกับมหาวิทยาลัย การคัดคนเข้าสังคมเหล่านี้จะมีการแข่งขันสูงมาก และอาหารที่นี่ก็จะคุณภาพแตกต่างจาก Dining Hall ทั่วไปเช่นกัน
- Princeton ต้องการนักเรียนแบบไหน? คนที่มีสามารถพูดคุยและเปลี่ยนในเรื่องที่ยากและเป็นที่ถกเถียงได้ มี Intellectual Curiosity และไม่กลัวที่จะแสดงความเห็นต่างอย่างมีเหตุผล คำถาม Essay ของ Princeton ข้อหนึ่งจะถามเลยว่า "Share a time when you had a conversation with a person or a group of people about a difficult topic."
ดูทัวร์ Princeton กับนักเรียนทุนกระทรวงการต่างประเทศได้เลยที่:
Columbia University
- มหาวิทยาลัยใจกลางรัฐนิวยอร์ก ทำให้การเรียนรู้ไม่ได้อยู่เพียงแต่ในมหาวิทยาลัย แต่ได้มีโอกาสไปสำรวจพิพิธภัณฑ์ระดับโลกอย่าง The MET หรือ MOMA ลองทานอาหารจากร้านอาหารชื่อดังทุกเชื้อชาติสำหรับสาย foodie หรือชมการแสดงระดับ Broadway Shows ซึ่งทางมหาลัยก็จะคอยมี lottery แจกให้ไปดูฟรีหรือซื้อตั๋วลดราคา นอกจากนี้ยังมีโอกาสสำหรับใครที่ต้องการทำงานใน Wall Street อีกมากเช่นกัน Networking opportunities จำนวนมากจัดขึ้นใน Manhattan
- Core Curriculum ถือว่าเป็นจุดเด่นของมหาลัยที่ทำให้บางคนสนใจหรือบางคนเลือกที่จะไม่สมัคร Columbia เลยทีเดียว เพราะว่าหากใครที่สมัคร Columbia จะถูกบังคับให้เรียน Literature Humanities, Contemporary Civilization, Frontiers of Science, Arts&Music Humanities, etc. เพราะว่ามหาวิทยาลัยมีเป้าหมายให้นักศึกษามีความรู้ที่หลากหลาย เข้าใจความเป็นมนุษย์ และสามารถแก้ไขปัญหาในโลกปัจจุบันที่อาศัย Interdisciplinary Skills ได้
- Columbia ต้องการนักเรียนแบบไหน? คนที่ Well-rounded สามารถเรียนรู้และมีความสนใจหลากหลายด้านไม่ใช่เพียงแค่ major ของตัวเองเพียงอย่างเดียว ถ้าเป็นสาย STEM ก็ต้องรู้ Humanities ด้วย เนื่องด้วยคนที่มาที่นี่จะต้องเรียน Core Curriculum
ดู Move in ของ Columbia University กับนักเรียนทุนวิวัฒนไชยานุสรณ์ของธปท.ได้เลยที่:
ดูทัวร์ Columbia University ที่ laohaiFrung เคยมาถ่ายทำได้เลยที่:
การเลือกมหาวิทยาลัยในอเมริกาจะให้ความสำคัญกับ Match & Fit มากๆ ก็คือจะไม่ได้ดูเพียงแค่ความสามารถทางวิชาการหรือคะแนนสอบเพียงอย่างเดียว แต่ว่าจะดูเรื่องของสภาพสังคม ที่ตั้ง และโอกาสที่แตกต่างกันในแต่ละมหาลัยและดูว่าเหมาะสมกับเราหรือไม่อย่างไรด้วย หวังว่ากระทู้นี้จะช่วยให้แต่ละคนได้รู้จักกับสไตล์ของแต่ละมหาลัยในอเมริกามากขึ้นนะคะ
ปล. สำหรับหัวข้อแต่ละมหาลัยต้องการเด็กแบบไหนไม่มีถูกต้อง 100% นะคะ แต่มาจากการสังเกต สถิติ และลักษณะ Essays ที่อาจบ่งบอกถึงสิ่งที่มหาลัยกำลังมองหาในตัวนักเรียน ที่อเมริกาจะประเมิณนักเรียนแบบองค์รวมหรือHolistic ถ้าเรารู้สึกว่าตัวเองเหมาะกับมหาลัยหนึ่งหลังจากได้รีเสิร์ชมหาลัยแล้วยังไงก็คุ้มค่าที่จะลองค่ะ
ช่องทางติดต่อ:
Instagram: https://www.instagram.com/sharestudy/
Facebook: ้้https://www.facebook.com/sharestudyy
YouTube: https://www.youtube.com/@sharestudychannel
แสดงความคิดเห็น