Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[How-to]เรียนไปซิ่วไปให้ติดหมอ + ตอบคำถามการซิ่ว

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

EP1=>[How-to]จัดตารางอ่านหนังสือซิ่วหมอจากคะแนน58.24เป็น70.15
https://www.dek-d.com/board/view/3918060/

สวัสดีจ้าเราชื่อเบลนะ จากกระทู้เดิมที่เคยเขียนเรื่องการซิ่วอยู่บ้านไป ก็มีน้องๆหลายคนที่ไม่สามารถที่จะซิ่วอยู่บ้านได้จำเป็นต้องเรียนมหาวิทยาลัยไปก่อน เราก็เลยเปิดให้ถามคำถามเกี่ยวกับการซิ่วไปเรียนไปทางstudygram โดยได้ให้เพื่อนของเรา2คนช่วย คนนึงเป็นผชชื่อปอนด์ที่เรียนอยู่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อีกคนเป็นผญชื่อน้ำฝนเรียนอยู่เทคนิคการแพทย์ มชอีกเช่นกัน โดยได้ถามคำถามที่คนส่งมาเยอะที่สุด10ข้อ ไปอ่านกันได้เลยย 

ปล.ถ้าคำไหนเป็นคำที่เราเขียนบอกเล่าจะเป็นสีดำ สีฟ้าคือคำพูดของปอนด์ สีชมพูคำพูดของน้ำฝนนะ

1.คะแนนรวมกสพท ปีที่แล้วได้เท่าไรปีนี้ได้เท่าไร

ปีที่แล้วปอนด์ได้คะแนนรวม 54.68 น้ำฝนได้ 55.6 ส่วนปีนี้ปอนด์ได้ 63.44(ยื่นรอบ3) น้ำฝนได้59.8(ยื่นรอบ2)

2.ทำไมถึงเลือกที่จะเรียนไปซิ่วไป เลือกแบบนี้มีข้อดีข้อเสียอย่างไร

“เลือกเพราะอย่างน้อยก็มีคณะนี้ไว้สำรอง เผื่อไม่ติด :) มันก็คือข้อดีนั่นแหละ ส่วนข้อเสียสำหรับเราก็คือ เราไม่ได้เทคณะนี้จริงจังมากอ่ะ คือเรายังอ่านมิดเทอมไฟนอลอยู่ ทำให้เวลาในการอ่านของสอบซิ่วน้อยลงเพราะเราแบ่งไปอ่านของมหาลัย”

“เลือกเรียนไปซิ่วไปเพราะ ไม่อยากเสียเวลาเรียน 1 ปีในกรณีที่ซิ่วไม่ได้ก็อยู่คณะเดิมเรียนต่อไปเลยโดยไม่เสียเวลาเรียนไป 1 ปีละก็เราเป็นคนไม่ค่อยขยันถ้าอยู่บ้านอ่านอย่างเดียวพี่คงอ่านไม่ถึงไหน ก็เลยมาเรียนไปด้วยเพราะอย่างน้อยมาเรียนด้วยที่มอก็จะได้ทบทวนเนื้อหาไปด้วย”

ข้อดี

“เราจะไม่กดดันตัวเองมากเกินไปว่าต้องติดนะต้องติดอย่างเดียว เพราะว่าถ้าเราไม่ติดก็ยังมีคณะเดิมเรารองรับอยู่ (ซึ่งก็เป็นคณะที่คัดมาระดับนึงละว่าเรา ok กับคณะนี้นะถึงจะไม่ที่สุดก็ตาม) ซึ่งความกดดันอะเป็นตัวแปรนึงเลยที่จะทำให้ทำข้อสอบออกมาได้ดี”

“ได้ทบทวนเนื้อหาม.ปลายไปด้วย อย่างเราเรียนเภสัช ก็จะได้ทบทวนชีวะ เคมี คณิต(แคล) ในบางเรื่อง ปล.แต่ก็ต้องอ่านเพิ่มอยู่ดีนะ”

“ได้เพื่อนอีกหลายคน หลายคนอาจจะคิดว่าการมาเรียนมหาวิทยาลัย น่าจะได้เพื่อนน้อยแบบเรียนไม่ค่อยตรงกันหรือแยกกันอยู่งี้ เราบอกเลยเพื่อนเยอะมาก และมหาวิทยาลัยก็สนุกอีกแบบนึงแตกต่างจากมัธยม”

ข้อเสีย

“เหนื่อยยยย!!!! การที่ทั้งอ่านของมหาลัยไปด้วยแล้วก็สอบใหม่ไปด้วยเหนื่อยมากถ้าไม่แบ่งเวลาอ่านดีๆว่าเวลาไหนควรอ่านของอะไร เพราะเราจะทิ้งทั้ง2อย่างก็ไม่ได้ทิ้งมหาลัยก็กลัวติดF ทิ้งสอบใหม่ก็กลัวซิ่วไม่ติด ยิ่งช่วงสอบกลางภาคหรือปลายภาคจะต้องอ่านหนังสือค่อนข้างเยอะ เพราะมหาลัยเนื้อหาเยอะเหมือนเอามัธยมเกือบทั้งหมดมาเรียนในเทอมเดียว”

“ค่าใช้จ่ายมีเยอะ เช่นไหนจะค่ากิน ค่าเทอม ค่าน้ำมันรถ ค่าชุด ค่าหอ ค่าชมรม ค่าอะไรต่างๆอีกมากมาย”

ต่อข้างล่างน้าาา

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

JIBELL03 8 พ.ค. 62 เวลา 18:32 น. 1

3.คิดว่าการเรียนคณะเทคนิคการแพทย์/เภสัชไปด้วยแล้วซิ่วไปด้วย วิชาที่เรียนช่วยในการทำข้อสอบวิชาสามัญไหม

”ก็มีบ้าง แต่ที่เรียนในมหาลัยมันจะลงลึกกว่ามัธยม เลยไม่ค่อยได้ใช้ แต่ก็ถือว่าได้ความรู้ดีอาจจะทำให้เราแน่นเนื้อหามากขึ้น เช่นชีวะกับเคมี แต่ฟิสิกส์คือเนื้อหาม.ปลายเลยคือดีมาก อ่านทีเดียวได้ทั้งมหาวิทยาลัยกับซิ่ว”


“ช่วยนะอันที่ช่วยเยอะสุดน่าจะเป็นEng โดยEngของมหาลัยสอนดีมากกก อาจารณ์ชาวต่างชาติสอนนะ หรือบาง section อาจเป็นอาจารณ์คนไทยแต่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ คือยกตัวอย่างง่าย ตอนมัธยมพี่แทบไม่เข้าใจtenseแต่ละอันเลย แต่พอมาเรียนของมหาลัยก็แบบเอ้ออาจารย์สอนทำให้เราเข้าใจได้มากขึ้น มีสอนvocabด้วย สอนการออกเสียง สอนwritingอันนี้คือวิชาที่ช่วยเยอะสุดละ”

“น้องก็จะสงสัยว่าเอ้าแล้วพวกชีวะ เคมีไม่ได้เยอะสุดเหรอ ก็จะบอกว่ามันก็ได้นะ อย่างพวกชีวะ ก็ได้เยอะก็จะเรียนคล้ายๆม.ปลายเลย ระบบของร่างกาย การสังเคราะห์แสง การหายใจระดับเซลล์ พืช genetic cell ได้เรียนคล้ายๆกันแต่ไม่ลึกมากนะเผลอๆน้อยกว่าของม.ปลายอีก ส่วนของเคมีคณะเราจะได้เรียนเยอะมากกกกกกๆๆๆๆๆ สำหรับเภสัช เทอมแรกก็เริ่มด้วย General chemistry(สั้นๆ เจนเคม) ก็จะเรียนเนื้อหาม.ปลายเหมือนกัน เช่น กรด-เบส สมดุล นิวเคลีย Kinetics เคมีไฟฟ้า โครงสร้างอะตอม พันธะเคมี ประมาณนี้ แต่การสอนจะแตกต่างจากม.ปลายคือเวลาสอบ อาจารย์จะให้สูตร ให้ตารางธาตุเรามาหมดเลย ค่าคงที่ต่างๆก็ให้หมดเลย คือเราไม่ต้องจำเหมือนมัธยม มหาลัยเน้นให้เราคิดว่ามันทำยังไง ให้เข้าใจกับมันจริงๆ ซึ่งก็ต่างจากมัธยมที่เราต้องจำสูตรอะไรไปเอง ซึ่งถ้าน้องๆใช้บ่อยๆก็จะจำได้แล้วก็เอาไปใช้กับการสอบ9วิชาได้พอสมควร ละเภสัชก็จะเรียนอีกคือ Organic chemistry ซึ่งเรียนเกี่ยวกับพวกหมู่ฟังค์ชั่นแต่ละอัน alkane alkene alkyne อะไรพวกนี้ก็จะต้องจำปฏิกิริยาต่างๆ ออใน9วิชาไม่เยอะ”

“แล้วก็มหาวิทยาลัยก็จะมีให้ลงตัวอิสระ คือใครจะลงอันไหนก็ได้ อย่างพี่ก็ลงEconก็ทำให้ทำข้อสอบสังคมพาร์ทเศรษฐศาสตร์ได้นะ(พวกนี้แล้วแต่คนจะเลือกเรียนนะมีให้เลือกเยอะมาก) แล้วก็อีกตัวที่ช่วยให้สอบได้ของเภสัชคือ แคลคูลัส เรียนเภสัชต้องเรียน แคล เรียนทั้ง lim ดิฟ อินทิเกรต ก็จะเรียนตั้งแต่พื้นฐานละก็ขยับขึ้นเรื่อยถึงพวกดิฟ 2 ตัวแปรเป็นต้นอันนี้ก็ช่วยน้องในการทำข้อสอบคณิตเรื่องแคลได้”


4.ระหว่างซิ่วมีไขว้เขวไหมว่า อยากเรียนต่อคณะนี้/ไม่อยากซิ่วแล้ว/จะซิ่วติดไหม/หมดไฟอ่านหนังสือซิ่ว แล้วมีวิธีแก้ไขความรู้สึกเหล่านั้นอย่างไร

“มี ค่อนข้างบ่อยนะ เพราะมันเหนื่อยแล้วก็ท้อ แต่ก็พยายามคิดว่าถ้าเราทำได้ก็ดีพยายามหาแรงบันดาลใจ เช่นอย่างเราชอบดูคลิปกัปตันเนยไรงี้อ่ะ ก็ดูวนซ้ำไปซ้ำมาเพราะเขาเก่งมากๆก็เอามาเป็นตัวอย่าง”


“มีแน่นอน มันก็มาจากหลายปัจจัยนะ เช่น เรามาอยู่คณะนี้แล้วเรามีเพื่อนเยอะแยะสนิทกันมาก แล้วถ้าเราย้ายไปเราจะมีเพื่อนดีๆแบบนี้มั้ย อันต่อไปช่วงสอบมิดเทอม ปลายภาคอ่านหนังสือสอบก็จะมีความคิดโอ้ย!!ถ้าเราทำ2 อย่างพร้อมกันแล้วถ้ามันออกมาไม่ดีทั้ง2อย่างทำไงดี ซิ่วก็ไม่ติด เกรดก็แย่ F ก็มี D ก็เยอะมันก็จะคิดละ ยิ่งตอนคะแนนกลางภาคออกนี่นะมันจะไขว้เขวขั้นสุดเลยถ้าคะแนนออกมาไม่ดี อย่างพี่คะแนน เจนเคมกลางภาคได้ 25/100 Mean อยู่ที่ 40 งี้มันไขว้เขวมากว่าหรือเราพอแล้วดีไม่ซิ่วละ แล้วมาทำของที่นี่ให้เต็มที่อย่างน้อยก็ให้ไม่ F เพราะคือคะแนนแค่นี้สุ่มเสี่ยง F คือกลัวๆ ซึ่งวิธีที่พี่แก้ไขก็คือให้กำลังใจตัวเองอันนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด คนเราจะเดินหน้าได้อยู่ที่กำลังใจ ความมุ่งมั่น เห้ยเอาหน่อยเราฟิตๆขึ้นอีกนิด ในห้องก็ตั้งใจเรียน อัดเสียงมา กลับมาก็มาอ่านซิ่วช่วงสอบอีกทีก็เอาที่อัดมาทวน Fight กับมันไม่หนีต้องมีใครซักคนแหละไม่เราก็หนังสืออะที่น๊อคก่อนกัน ครึ่งเทอมหลังพี่ตั้งใจเรียนในห้องมากโดยเฉพาะเจนเคม5555 ละตอนเกรดออกมาคือได้ D+ นี่คือน้ำตาคลอ ตอนแรกหวังแค่ D อาจารณ์ให้ D+ มามันตื้นตันกับความพยายามที่ตนเองฮึดขึ้นมา แน่นอนมันไม่ใช่เกรดที่สวยแต่มันได้มาด้วยความพยายาม ฝ่าฝันของเรา เลยได้กำลังใจจากตัวเองมาเยอะพี่ก็กลับมาสู้ต่อได้”


5.แบ่งเวลาการอ่านสอบของมหาวิทยาลัยกับอ่านซิ่วยังไงอ่านแต่ละแบบกี่ชั่วโมง และได้นอนวันละกี่ชั่วโมง

“ของเราคือเราเรียนแค่เทอม1เทอมเดียว ละดรอปเทอม2 ช่วงที่เรียนเทอม1อยู่ก็อ่านของที่จะซิ่ว แต่พอช่วงใกล้สอบมิดเทอมกับไฟนอลเราก้อไปอ่านของมหาลัย แต่บางคนคือเค้าไม่อ่านของมหาลัยเลยก็มี แต่เราไม่กล้าเท กลัวไม่ติดละต้องกลับมาเรียนใหม่ เลยตั้งใจทำของมหาลัยให้ดีให้จบเทอม1ไปก่อน แล้วพอเทอม2เราดรอปเราก็อ่านแต่ของที่จะซิ่วเลย ก็เราไม่มีการแบ่งเวลาที่แน่นอนอ่ะ อยากอ่านอันไหนก็อ่าน อ่านเรื่อยๆทั้งวัน ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ส่วนเรื่องนอนก็ปกติ มีช่วงใกล้ๆสอบสักอาทิตย์นึงก่อนสอบที่นอนดึกแต่เราก็ตื่นสายอยู่ดี ก็นอนวันละ8ชมมั้งนะ”


“เราแบ่งคือช่วงที่ไม่ใกล้สอบของมหาลัย เราจะพยายามตั้งใจเรียนในห้อง ไปเข้าเรียนทุกวันอัดเสียงกลับมาไว้ฟังตอนใกล้สอบ แต่พอตอนเลิกเรียนแล้วถ้าวันไหนเลิกเช้าเช่นวันไหนว่างบ่ายก็ให้เวลาตัวเองผ่อนคลายนิดนึง ไปถ่ายรูปเล่น ไปหาอะไรกิน ขับรถเล่นบ้างเที่ยวบ้างให้เราผ่อนคลายจากการเรียน แล้วก็จะเริ่มอ่าหนังสือซิ่วหลังจากกินข้าวอาบน้ำเสร็จ เราแบ่งอ่านเป็น30นาทีละก็พัก5นาทีแล้วก็มาอ่านอีก30นาที วันนึงจะรวมเวลาอ่านหนังสือประมาณ 2 ชม.ครึ่ง ส่วนได้นอนวันละกี่ชม.นี่แล้วแต่วันนะ บางวันมีเรียน 8.00 ก็อาจได้นอนประมาณ 7 ชม. วันไหนมีเรียนสายหรือบ่ายก็จะได้นอนเยอะขึ้น ส่วนมากจะอ่านถึงไม่เกินตี 1”


6.จัดตารางอ่านแต่ละเดือนยังไง(เช่นเดือนไหนจบวิชาอะไร หรืออ่านเดือนละกี่วิชา เดือนไหนทำข้อสอบเก่า) และได้ทำสรุปไว้บ้างไหม

”เอาเป็นเราอ่านอย่างจริงจังคือประมาณเดือนนึงก่อนสอบ คือมันเฉียดฉิวมาก แบบทำข้อสอบเก่าหมดเลย เกือบทุกวิชาย้อนหลังถึงปี55 มีทำสรุปของฟิสิกส์บ้างนิดหน่อย แต่ไม่ได้อ่านเลย55 เพิ่งจะมาเริ่มจริงจังตอนใกล้ๆ แล้วก็ไม่มีตารางที่แน่นอน”


“บอกเลยว่าไม่ได้เป็นคนมีแบบแผนอะแบบเซ็ทตารางต่างๆ แต่ถ้าแนะนำก็ ลองเอาของเพื่อนเรามาปรับใช้ให้เข้ากับเราดู https://www.dek-d.com/board/view/3918060/ ทำเป็นตารางก็ดีก็จะได้มีเป้าหมายในแต่ละวัน และที่สำคัญคือการทำข้อสอบเก่าๆให้เยอะ จะคนยิ่งลงสนามเยอะยิ่งมีประสบการณ์กว่าคนที่ไม่เคยลงเลย”


7..ได้เรียนพิเศษสถาบันไหนเพิ่มเติมระหว่างซิ่วไหม

”ไม่ได้เรียนเลย มีแต่ทำเองอ่านเอง รู้สึกพลาดเหมือนกันนะ ถ้าเรียนอาจจะได้อัพเดต แล้วก็กระตุ้นเราได้มากกว่านี้”


“ตอนซิ่วอยู่ไม่ได้เรียนที่ไหนเพิ่มเลย”


8.ได้ดรอปบางวิชาไว้ / เลือกที่จะไม่เข้ากิจกรรมบางกิจกรรม บ้างไหม ถ้าไม่ทำกิจกรรมเลยจะมีปัญหาไหม

”เราไม่ได้ดรอปบางวิชานะ เราดรอปทั้งเทอมของเทอม2เลย แต่เทอม1เรียนปกติ ส่วนกิจกรรมของเราคือเราทำกิจกรรมน้อยมาก อย่างห้องเชียร์เราโดดบ่อยมาก ไปแทบนับครั้งได้ ส่วนกิจกรรมคณะก็ไปน้อย เหตุผลคือตื่นไม่ทันก็มี พ่อแม่มาหาพอดีเลยไม่ได้ไปกิจกรรมก็มี แต่กิจกรรมไหนที่เขาบังคับเราก็ไปนะ ถ้าโดดหมดไม่ไปช่วยเขาเลยก็ยังไงๆอยู่ เพื่อนเขาก็ไม่ว่าหรอกสำหรับเรานะ(หรือเพราะเราไม่ได้ยินก็ไม่รู้55) แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจหรือว่าเรานะ เขาก็ยังยิ้มคุยกันกับเราปกติ มีถามนิดหน่อยว่าทำไมไม่ไป แต่ที่เห็นได้ชัดเลยคือ คนที่ไปทำกิจกรรมจะเพื่อนเยอะมากกว่า มีเพื่อนเป็นแก๊งค์ไวกว่า เพราะเราไม่ค่อยได้ไปเพื่อนเลยน้อยมาก”


“ไม่ได้ดรอปนะ แต่เลือกที่จะลงตัวอิสระไม่เยอะ(คือจะมีตัวอิสระกับตัวบังคับ ตัวบังคับคือเทอมนี้เราต้องเรียนแน่ๆมีตารางเวลาว่าเรียนวันไหนเวลาไหนบ้าง(ของมชปี 1) ส่วนตัวอิสระคือเราต้องเก็บหน่วยกิตให้ครบแต่จะลงเทอมละกี่ตัวแล้วแต่ ก็จะมีหลายเวลาหลายวันในแต่ละตัวก็เลือกอันที่ตารางเราว่างและเราชอบ) ให้เรามีเวลาว่างมากขึ้น เช่นตอนเทอม 2 ลงตัวอิสระแค่ 1 ตัวก็จะทำให้ วันอังคารหลังบ่าย วันพุธ และวันศุกร์หลัง 9 โมงเราว่าง ส่วนการเลือกเข้ากิจกรรมเราว่าแล้วแต่คนนะ แต่สำหรับเรา เราแนะนำว่าให้เข้าเพราะกิจกรรมหลักๆจริงๆมีไม่เยอะ เช่นของมชก็รับน้องขึ้นดอย Sport day หรือกิจกรรมของชั้นปี แต่ถ้าไม่อยากเข้าจริงๆก็ไม่เป็นไรเพราะเท่าที่เราผ่านมาก็ไม่มีคนบังคับนะว่างน้องต้องทำอันนี้แล้วแต่คน ส่วนเรื่องถ้าไม่ทำกิจกรรมแล้วไม่มีเพื่อนนี่มีโอกาสเพราะส่วนมากเพื่อนจะได้จากการทำกิจกรรมร่วมกัน ได้ช่วยเหลือกันไรงี้ ส่วนโดนรังแกนี่ของเราไม่มีเลยนะเดี่ยวนี้น่าจะเป็นส่วนน้อยมากๆๆๆๆๆแล้วหละที่จะรังแกกัน”


9.ถ้าให้เลือกใหม่จะซิ่วไปเรียนไปหรือซิ่วอยู่บ้าน เพราะอะไร

”คงจะซิ่วไปเรียนเหมือนเดิม อยู่บ้านเราไม่มีความรับผิดชอบจะอ่านหนังสือมากขนาดนั้น สำหรับเราซิ่วไปเรียนคือมันจะเจอคนซิ่วเหมือนกัน จะได้ไปอ่านด้วยกันได้ แต่ถ้าไม่เจอก็โชคร้ายไป แต่ซิ่วไปเรียนก็ต้องมีความรับผิดชอบเหมือนกันนะ เพราะสิ่งยั่วยุก็เยอะเหมือนกัน”


“ก็คงซิ่วไปเรียนไปเหมือนเดิมแหละ”


10.มีอะไรอยากฝากบอกน้องๆที่กำลังจะเรียนไปซิ่วไป

”ก็ทำให้เต็มที่ที่สุด นี่เป็นครั้งที่สองแล้วเราก็ผ่านมาแล้วรอบนึง น่าจะมีประสบการณ์มาบ้าง ตั้งใจอ่านอย่างสม่ำเสมอ อ่านตั้งแต่เนิ่นๆ แบ่งเวลาให้ดี ทั้งกิจกรรมแล้วก็เรียน แล้วก็ถ้ามั่นใจแล้วว่าจะซิ่วก็ต้องมีความมุ่งมั่นถ้าเราลังเลแล้วทั้งมหาลัยแล้วก็ซิ่วมันอาจจะเละทั้งคู่”


“ก็อยากจะบอกว่าเนี้ยการที่เราเรียนไปซิ่วไปอะความเหนื่อยของเราจะเยอะมากกๆๆๆ ดังนั้นเตรียมหัวใจของตัวเองมาให้แข็งแรง พร้อมที่จะไฟต์กับอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น ให้กำลังใจตัวเอง นี่เป็นอีกด่านทดสอบนึงที่ยิ่งใหญ่กว่ารอบที่แล้ว เหนื่อยกว่ารอบที่แล้ว ต้องพยายามเยอะกว่ารอบที่แล้ว และที่สำคัญคือซื่อสัตย์กับตัวเองตั้งใจเรียนคือตั้งใจเรียน อ่านหนังสือคืออ่านหนังสือจริงๆ แล้วตอนสอบอย่ากดดันตัวเอง และติดตามข่าวรับสมัคร ระเบียบการสมัครทำความเข้าใจให้ดี แล้วเราจะซิ่วติดกันทั้งหมด สู้ๆนะทุกคนพยายามให้เต็มที่ จุ้บๆ <3”


ทั้ง10ข้อเป็นเพียงประสบการณ์ของเพื่อนเราที่ผ่านมา หลายๆมหาวิทยาลัยอาจจะไม่เหมือนกัน พวกเราอาจจะคะแนนไม่ได้เยอะกันมากแต่ก็อยากให้กระทู้นี้ได้ช่วยเป็นเพียงแนวทางให้ทุกๆคนนำไปปรับใช้ตามความถนัดของแต่ละคนนะ หลายคนก็สงสัยว่าเด็กซิ่วต้องเตรียมเอกสารอะไรไหม ใส่ชุดอะไรไปสอบ ไปอ่านกันได้เลยย


Q:อยู่ปี1ต้องลาออกก่อนสมัครสอบไหม

A:ถ้าซิ่วไปคณะอื่น เช่น หมอไปทันตะ เภสัชไปหมอ ไม่ต้องลาออก แต่ถ้าซิ่วหมอไปหมอ สัตวแพทย์ไปสัตวแพทย์แบบนี้ต้องลาออกก่อนวันที่กำหนดในใบรับสมัครนะ


Q:เด็กซิ่วใช้คะแนน O-NET 60%ไหม

A:ไม่ใช้เลยจ้า


Q:เด็กซิ่วต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง

A:ต้องใช้รูปถ่ายที่ถ่ายไว้ไม่เกิน6เดือน(เด็กซิ่วอยู่บ้านใส่เชิ้ตสีขาว เด็กซิ่วไปเรียนไปใส่ชุดนักศึกษาจ้า) สำเนาบัตรประชาชน ใบปพ.1ฉบับจบการศึกษา หรือ ใบปพ.2(ประกาศนียบัตรวุฒิการศึกษา)


Q:เด็กซิ่วต้องใส่ชุดอะไรไปสอบ

A:สนามgat-pat วิชาสามัญ และความถนัดแพทย์ใส่ชุดนักเรียนไปสอบได้ หรือใครจะใส่ชุดนักศึกษาก็ได้ หรือชุดสุภาพก็ได้ แต่ถ้าจะให้ชัวร์แนะนำชุดนักเรียนนักศึกษาดีกว่า


ใครที่มีข้อสงสัยสามารถคอมเมนท์ถามไว้ในกระทู้นี้ได้เลย หรือสามารถถามมาได้ทางstudygramของเรานะ https://www.instagram.com/jibell.medsi130/

https://image.dek-d.com/27/0801/5131/128855905

2
น้ำฝน 13 พ.ค. 62 เวลา 12:33 น. 1-1

เด็กซิ่วสามารถยื่นรอบ2ได้ด้วยหรอคะ นึกว่าให้เฉพาะม. 6

0
JIBELL03 15 พ.ค. 62 เวลา 07:39 น. 1-2

มีเฉพาะบางมหาวิทยาลัยนะต้องอ่านเกณฑ์ดีๆจ้า ^ ^

0
JIBELL03 19 พ.ค. 62 เวลา 11:27 น. 3-1

มีหวังนะ จัดตารางอ่านดีๆทำให้เต็มที่เนาะ ทุกอย่างเป็นไปได้ :)

0
tu2547 18 เม.ย. 66 เวลา 17:08 น. 6

ต้องการซิ่วให้สอบติดแพทย์ ปี 67 ช่วยแนะนำการอ่านหนังสือและคอร์สเรียนด้วยนะคะ


5
Fahsia^^ 29 เม.ย. 66 เวลา 01:34 น. 6-2

ขอไอดีไลน์ไว้แอดได้ไหมคะเธอ เราก็คิดแบบนี้เหมือนกันเลย

0