Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[รัฐศาสตร์ The Series!!] 5 สาขาที่เรียนควบรัฐศาสตร์แล้วปัง!! เงินดี!! มีงานทำแน่นอน!!!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เรียนรัฐศาสตร์ ควบ 5 สาขานี้ เงินดีแน่นอน!!!

สวัสดีครับน้องๆ ทุกคน

ยุคนี้เป็นยุคที่ไม่ว่าบริษัทหรือหน่วยงานราชการไหนก็ require คนที่มีทักษะการทำงานแบบ multi - tasking หรือสามารถทำงานได้หลายแบบในคนๆ เดียวกัน จริงอยู่ที่ว่าทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนก็ยังมีความต้องการคนที่มีความรู้พื้นฐานด้านรัฐศาสตร์จำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะต้องการคนที่มีความรู้ด้านรัฐศาสตร์แค่ด้านเดียว!

คนจำนวนมากกำลังเสี่ยงที่จะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ และคนอีกจำนวนหนึ่งก็กำลังอยู่ในภาวะความเสี่ยงที่จะจบมาแล้วหางานทำไม่ได้ การเลือกเรียนควบ 2 ปริญญา หรือการมีทั้งปริญญาตรี / โท ในต่างคณะต่างสาขาในวิชาที่เกื้อหนุนกันจึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีไฟในการศึกษารวมไปถึงทุนทรัพย์

ข้อดีอย่างหนึ่งของการเป็นชาว "รัฐศาสตร์" นั่นก็คือรัฐศาสตร์เป็นวิชาที่เปิดกว้าง และมีองค์ประกอบเชื่อมโยงไปยังสาขาวิชาอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นแล้วคนที่เรียนรัฐศาสตร์ หรือคนที่เรียนมาทางสาขาวิชาอื่น จึงสามารถที่จะใช้รัฐศาสตร์เป็นตัวเสริมเพื่อเพิ่มความเข้าใจในสาขาวิชานั้น หรือใช้รัฐศาสตร์เป็นฐานต่อยอดไปยังวิชาอื่นๆ ต่อไปได้ แล้ววิชาอะไรบ้าง ที่เรียนคู่กับรัฐศาสตร์แล้วปัง!! จบมาได้เงินดีมีงานทำแน่นอน!!!?

 

 
การจัดการธุรกิจการบิน



ใครที่คิดว่างานในสายการบินมีแค่การเป็นนักบินกับแอร์โฮสเตสเดินลากกระเป๋าสวยๆ นั้นนับว่าคิดผิด เพราะธุรกิจการบินเป็นธุรกิจที่มีเครือข่ายทางเลือกอีกมากมาย หนึ่งในสายงานการบินที่ require skill "บริหารธุรกิจ + รัฐศาสตร์" นั่นก็คือสายงาน "อากาศยานปีกหมุน" ที่ไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก แต่ความจริงแล้วงานสายนี้ค่อนข้าง require คนที่มีทักษะควบธุรกิจ + รัฐศาสตร์ เป็นอย่างมาก

ถ้าหากว่าน้องต้องจะต้องเดินสายประสานงานระหว่างบริษัทผู้ได้รับสัมปทานน้ำมันที่เป็นลูกค้าโดยตรงของน้อง และหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลด้านการบินพลเรือน ในการรับส่งวิศวกรจากแท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทต่างชาติมายังฐานปฏิบัติการทางภาคใต้ของไทย หรือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการประมูลผู้ได้รับสัมปทานรายใหม่ที่อาจเป็นลูกค้าของน้องในวันข้างหน้า

น้องจะต้องหาทางเข้าให้ถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นผู้ดูแลโครงการ เพื่อให้เข้าใจ flow ของงานกับกำหนดระยะเวลาและเงื่อนไขของการประมูล ซึ่ง skill นี้อาจหาไม่ได้จากคณะบริหารธุรกิจ นี่ยังไม่รวมถึงงานที่น้องอาจต้องร่วมมือกับกองทัพเรือในการซ่อมแซมเฮลิคอปเตอร์ที่โดนฟ้าผ่า หรือเชื้อพระวงศ์จากอาหรับที่สนใจ service ของบริษัทน้อง โดยน้องต้องติดต่อกับบริษัทแม่ที่อเมริกาเพื่อส่งสินค้าไปยังอีกซีกโลกหนึ่ง

"รัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ + การจัดการธุรกิจการบิน" อาจทำให้น้องกลายเป็นพยัคฆ์ไร้นามเหินเวหาไปเลยทีเดียว!!!



 
การจัดการโรงแรมนานาชาติ



ใครที่คิดว่าการโรงแรมไม่เกี่ยวกับภาครัฐ ขอให้ลองไปถามเจ้าหน้าที่ "กรมพิธีการทูต" ในกระทรวงการต่างประเทศ แล้วจะรู้ว่าในวันหนึ่งๆ พวกเขาต้องวิ่งเข้าวิ่งออกโรงแรม เสียยิ่งกว่า Catering อาหารที่ต้องเปลี่ยนสถานที่จัดงานทั้งเช้าสายบ่ายเย็นเสียอีก มีนักรัฐศาสตร์สายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหลายคนที่พอเรียนจบแล้วก็ไปเรียนต่อธุรกิจการโรงแรมในต่างประเทศ แล้วจึงกลับมาทำธุรกิจที่บ้านตัวเอง หรือไม่ก็เลือกไปทำงานต่อกับบริษัทเอกชนที่รายได้สูง

ไม่ว่าน้องจะเลือกไปยืนอยู่ตรงจุดไหนระหว่างสองสาขาอาชีพนี้ ความเกี่ยวพันพับกิจการของภาครัฐนั้นย่อมมีอยู่เสมอ ตั้งแต่การประสานงานเพื่อเตรียมการต้อนรับบุคคลสำคัญจากต่างชาติ การเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมสำคัญระหว่างประเทศ รวมไปถึงงานประชุม / เสวนาระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ เวลาที่ยังตกลงอะไรกันไม่ได้แล้วต้องการความเป็นส่วนตัว

ไม่ว่าน้องจะเลือกเรียนการโรงแรมก่อนแล้วค่อยมาเรียนรัฐศาสตร์ หรือว่าเรียนรัฐศาสตร์ก่อนแล้วค่อยมาเรียนการโรงแรม ทั้งสองสาขานี้ล้วนแต่สามารถส่งเสริมซึ่งกันและกันได้ เพราะการที่น้องได้เรียนรู้ทั้งจากมุมมองของเจ้าของโรงแรมที่เป็นธุรกิจข้ามชาติ และมุมมองจากนักรัฐศาสตร์จะทำให้น้องมีความเข้าใจในจุดที่น้องยืนอยู่และตัวแสดงทั้งหลายที่มาเกี่ยวข้อง น้องจะสามารถปรับตัวและรับมือกับหน้างานไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือว่าเอกชนได้เป็นอย่างดี


 
การจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ



 
วิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในปัจจุบันมักกล่าวถึงตัวแสดงในศตวรรษที่ 21 ที่ไม่ใช่รัฐอยู่เสมอ หนึ่งในตัวแสดงสำคัญนั้นก็คือ MNC หรือ Multinational Corporation ซึ่งก็คือบริษัทข้ามชาติ ถ้าน้องเลือกที่จะรู้จักตัวแสดงนี้จากคณะรัฐศาสตร์ น้องก็จะได้เรียนรู้ถึงบทบาทที่องค์กรเหล่านี้มีผลต่อการกำหนดนโยบายของรัฐไปจนถึงความผันผวนของเศรษฐกิจโลก แต่ถ้าน้องเลือกที่จะเรียนรู้องค์กรเหล่านี้จากคณะบริหารธุรกิจ น้องก็จะได้รู้ว่าน้องจะทำกำไรจากองค์กรของน้องได้มากที่สุดอย่างไร

จะดีขนาดไหน ถ้าน้องสามารถเอามุมมองทั้งสองแบบนี้มาเปิดมุมมองให้กับเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง รวมทั้งตัวของน้องเอง!!!

ไม่ว่าน้องจะมองจากจุดยืนของภาครัฐ ที่จะต้องพยายามเข้าใจว่าพลังของตัวแสดงเหล่านี้มันมีอำนาจแทรกแซงภาครัฐได้อย่างไรบ้าง หรือจะมองจากฐานะพนักงานบริษัทที่จำเป็นจะต้องอธิบายให้เจ้านายฟังถึงการพยายามจับมือกับหน่วยงานภาครัฐที่จะ "เป็นประโยชน์" หรือเป็น "ที่พึ่งพาเชิงนโยบาย" ของเจ้านายน้องได้ในยามที่บริษัทกำลังต้องการ "พลังนอกเหนือตลาด" มาช่วยพยุงบริษัทให้ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจไปได้

มันก็ Require Skill ที่จะต้องมาประสานกันระหว่างนักธุรกิจและนักรัฐศาสตร์ที่จะต้องเข้าใจทั้ง "จุดเชื่อม" และ "จุดต่าง" เพื่อให้น้องสามารถประสานผลประโยชน์ให้กับองค์กรและกลายเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนต่อไป ถ้าน้องสามารถพัฒนา skill ให้ไปถึงจุดนั้นได้ รายได้เฉียดแสนก่อนอายุ 30 ก็อาจไม่ได้เป็นแค่ความฝัน!!!

 
นิเทศศาสตร์



 
สมมติว่าน้องเพิ่งจบจากคณะนิเทศศาสตร์ แล้วก็ได้เข้าทำงานเป็นฝ่าย media ในบริษัทชั้นนำแห่งหนึ่งของไทย ในวันพรุ่งนี้จะมีงาน "เกษตรแฟร์" ที่ลานหน้าห้าง โดยมี Theme ว่าเป็นการช่วยลดภาระภาครัฐในการพยุงอาชีพความเป็นอยู่ของเกษตรกร น้องได้ประสานงานกับสื่อเจ้าต่างๆ และได้วางเงินไปกับ event ที่สุดแสนจะอลังการไปจนหมดหน้าตักแล้ว แต่ดันมีข่าวว่าเจ้าของกิจการค้าปลีกรายใหญ่อีกแห่งก็กำลังจะจัดงานชนกันในวันพรุ่งนี้!!!

น้องจะมีวิธีการอย่างไรในการ "ขอความอนุเคราะห์" ให้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เห็นความสำคัญและความจริงใจที่บริษัทของน้องมีต่อการให้ความช่วยเหลือเพื่อนเกษตรกรของไทยจนท่านตัดสินใจที่จะมาร่วมถ่ายภาพกับงานของน้องแทนที่จะเป็นบริษัทคู่แข่ง ซึ่ง ณ ชั่วโมงนี้การประสานงานกับเจ้าหน้าที่หน้าห้องและการร่างจดหมายราชการอาจทำให้เสียเวลาเกินไป!!

ความเข้าใจเกี่ยวกับการให้ความสนใจ การจัดลำดับความสำคัญ รวมไปถึง flow งานของหน่วยงานภาครัฐ อาจเป็นจุดพลิกที่จะทำให้น้องสามารถทำภารกิจเย้ยฟ้าท้าปฐพีแบบนี้สำเร็จ ซึ่งน้องจะกลายเป็นพยัคฆ์ติดปีกได้ก็ต่อเมื่อน้องมีทั้งทักษะรัฐศาสตร์ + นิเทศศาสตร์ ควบคู่กันไปเท่านั้น! 



 
เทคโนโลยีสารสนเทศ



 
ใครที่คิดว่าการสร้างแอพและการพัฒนาเว็บไซต์ไม่เกี่ยวข้องกับงานของภาครัฐเลยนั้นถือว่าไม่ตรงกับความเป็นจริง! เพราะในปัจจุบันการใช้ Big Data การพัฒนาฐานข้อมูล และการใช้ Social Media มีผลถึงขนาดที่สามารถสร้างกลุ่มพลังคลื่นลูกใหม่ที่มีอำนาจต่อรองในทางการเมืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในสังคมไทยได้ การเลือกเรียน IT + รัฐศาสตร์จึงอาจเป็นหนทางสร้างรายได้อย่างงามให้กับตัวน้องเอง!!!

ในสภาพที่กลุ่มอำนาจในบ้านเมืองแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกยึดถือกับค่านิยมแบบเก่า มีโครงสร้างอำนาจมากลุ่มจากข้าราชการแล้วโยงใยไปยังบริษัทในเครือที่ต้องพึ่งพานโนบายภาครัฐ ขับเคลื่อนด้วยกลุ่มคนที่มีความคิดแบบชาตินิยม กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีขุมพลังจาก Social Media บวกกับเครือข่ายธุรกิจภายใต้แนวคิดเสรีนิยมที่โยงใยไปถึงธุรกิจระหว่างประเทศ สนับสนุนโดยคน
ในโลกโซเชียลและกลุ่มรากหญ้า


น้องอาจเลือกที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในการพัฒนาการเมืองและมีความเข้าใจในเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นอย่างดีอยู่แล้ว หรือน้องอาจเลือกที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการนำพากลุ่มคนที่มีความคิดเชิงอนุรักษ์ให้สามารถเข้าถึงโลกแห่งข้อมูลในศตวรรษที่ 21 แล้วเป็นตัวกลางในการนำพาความคิดทั้งสองแบบมาประสานกลมเกลียวกันอย่างสร้างสรรค์ 

หากเรามีทักษะและมองเห็นโอกาส ย่อมมีหนทางในการสร้างตัวภายใต้บรรยากาศของความขัดแย้ง และนั่นยังอาจหมายถึงการได้เข้าไปเป็นฟันเฟืองในการประสานรอยร้าวโดยใช้ "รัฐสารสนเทศ" ที่มีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวมอีกด้วย!

-----------------------------------------------
โลกนี้ไม่มีอะไรที่ "สิงห์แกร่ง" อย่างเราจะทำไม่ได้หากเรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ๆ จะประสานความเป็นสิงห์ในตัวเราเข้ากับศาสตร์ความรู้แขนงอื่นเพื่อให้กลายเป็น "พยัคฆ์ติดปีก" ในวันข้างหน้า

สุดท้ายนี้ ถ้าใครที่อ่านบทความของพี่แล้วมีกำลังใจ มุ่งมั่นที่จะไปเป็น "สิงห์" ให้ได้อย่างใจหมาย พี่ก็จะขออาสาเป็นคนติดอาวุธ / ขับรถม้า / พาน้องๆ ลงสนามสอบ แล้วมาเจอกันที่ "รัฐศาสตร์หัวหมอ" ด้วยกันนะ!


อยากดูสาระดีๆเพื่อชาวว่าที่รัฐศาสตร์ต่อก็คลิกได้เลย!
https://www.facebook.com/RudtasadHuaMor

แสดงความคิดเห็น

>