Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Review BALAC round2 2020 #dek63

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีทุกคนนน เนื่องจากกระทู้นี้คือกระทู้แรกของเราเลยถ้าเขียนไม่รู้เรื่องยังไงก็ขอโทษไว้ล่วงหน้าเลยน้า รวมๆวันนี้ก็คือเราจะมาเล่าประสบการณ์การสอบติดBALACรอบสอง ท่ามกลางสถานการณ์Covid-19!! เริ่มตั้งแต่คะแนนต่างๆ ความสนใจของเราบลาๆ ไปค่ะ เริ่มจ่ะ!

ทำไมถึงอยากเข้าBALAC
โอเค ส่วนตัวแล้วเราชอบเรียนภาษามาก รู้สึกมีpassionในการเรียนจุดนี้ เรียกได้ว่าหัวทางวิทย์คณิตคือดับ จอดสนิท เราเลยชอบเรียนวิชาภาษา สังคม ต่างๆ ชอบเรื่องวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ อีกอย่างเราชอบดูหนัง แล้วพอหนังมันมาจากคนละประเทศ วิถีชีวิตตัวละครมันก็ต่างกัน เราว่าตรงนี้มันสนุกดีเวลาได้เห็นอะไรใหม่ๆ แล้วก็ไม่มีคณะไหนตอบโจทย์และความสนใจเราได้ดีเท่า BALACเราเลยอยากเข้าค่า

เราใช้คะแนนอะไรยื่นบ้าง
แน่นอนว่าคนที่มาอ่านตรงนี้ก็คงเข้าไปศึกษาพวกrequirementต่างๆมาแล้วเนอะ (ที่เว็บBALACมีน้า สำหรับคนที่ยังไม่ได้กดเข้าไปดูค่ะ https://www.arts.chula.ac.th/~balac/web/Procedures-Balac ) เราใช้SAT Verbal550 กับ IELTS band 6.5 นะคะ เรายื่นรอบสองเพราะคะแนนieltsไม่ถึงรอบแรก จริงๆคะแนนแค่ผ่านrequirementก็พอนะคะ BALACตัดกันที่interviewล้วนๆเลย (เราเคยเครียดมากเพราะมีคนรู็จักบอกว่าควรได้คะแนนเยอะกว่านี้ ไม่ก็ให้ไปสอบอันอื่นเพราะว่ามันตัดละมันดูคะแนนเยอะกว่า ซึ่งเรามารู้ทีหลังว่าไม่เกี่ยวเลย โห เครียดตั้งนาน)

เตรียมตัวเรียนSATกับIELTSยังไง
เราเรียนกับสถาบันทั่วๆไปเลยค่ะ ส่วนตัวเราว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกันนะ จริงๆคะแนนSATเราถึงตั้งแต่ต้นปี2019 ก็เลยมีเวลาเตรียมieltsเยอะ(แต่ก็ยังไม่ได้7 T3T)

รอบสองต่างจากรอบ1ยังไง
ในรอบ1ก็คือเมื่อคุณคะแนนถึงแล้วก็ยื่นได้เลยค่ะ ทุกคนที่คะแนนถึงมีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ค่ะ ในรอบนี้ทุกคนจะได้สัมภาษณ์แล้วก็จับฉลากหัวข้อมาพูดimpromptu speech แต่ในรอบสองเราจะต้องสอบwritingให้ผ่านแล้วจึงไปรอบสัมภาษณ์ได้ค่ะ

รอบสองในช่วงCOVID-19
เนื่องจากการสอบwritingต้องไปสอบที่คณะแต่ปีนี้มีโควิดพอดี ทางBALACเลยส่งไฟล์หัวข้อessayมาทางemailให้เลือกแล้วก็ให้ส่งภายในวันที่กำหนด สามารถค้นคว้าออนไลน์ได้ค่ะ และการตอบคำถามและหัวข้อในessayจะถูกนำไปถามตอนสัมภาษณ์ (กลายเป็นว่าทุกคนที่ส่งessayจะมีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ค่ะ) ซึ่งตอนแรก เราดีใจเพราะเออเราไม่ชอบนั่งในห้องสอบ มันกดดันและเราชอบล่ก แต่พอเป็นอย่างงี้เราเลยมีเวลาทบทวนมากขึ้น แต่พอคิดไปคิดมา เอ้า เรามีเวลา คนอื่นก็มีจ้าาา ตายละ เครียดเลยทีนี้ เหมือนมีคู่แข่งเพิ่มTT เราส่วนตัวเลือกทำเรื่องCOVID-19ค่ะ ซึ่งก็เตรียมข้อมูลเยอะพอสมควร เราเขียนไปค่อนข้างยาว แต่เราก็มั่นใจอยู่ว่าเนื้อหาเราโอเคนะคะ สุดท้ายเราก็กดส่งไป ปิ๊ง

ภาพรวมการสอบสัมภาษณ์
อ่ะ interviewก็ต้องintrendนะคะ สัมภาษณ์ออนไลน์ไปเลยจ้าาาาา สัมภาษณ์ผ่านgoogle classroomค่ะ เราว่าก็โอเคนะ เราเจออาจารย์ที่ใจดีมากๆๆๆ แบบเค้ายิ้มตลอด ทำให้เราไม่รู็สึกกดดัน เรารู้สึกเหมือนมีเพื่อนมานั่งคุยเล่นจนตอนใกล้ๆจบเราแบบเอ้ะ เราจะติดมั้ยเนี่ยไม่ใช่ว่าเค้ามองว่าเราเล่นเยอะเกินนะ 5555555555555 คำถามก็จะแบ่งเป็น3parts (ในความคิดเรานะ) ก็คือจะมีgeneral question ที่สัมทุกที่ต้องเจอ เช่น why balac, why would we offer you a place, what do you see yourself in the next 5 years แล้วต่อไปก็คือคำถามเกี่ยวกับcultures and art เช่น เราโดนเรื่องหนังกับหนังสืออ (อาจจะเพราะเราเขียนไปว่าชอบดูหนังชอบอ่านหนังสือ) ก็ประมาณว่าหนังกับหนังสือต่างกันยังไง แล้วก็สุดท้ายคือคำถามเกี่ยวกับessay เราโดนคำถามประมาณว่าจะหลีกเลี่ยงfake newยังไงในสภานการณ์ที่unstableแบบนี้ แล้วก็มีิวิธีการเขียนessayยังไงค่ะ สุดท้ายก่อนจะจากกันไปอาจารย์ก็จะถามว่าdo you have any questions?ค่ะ แล้วก็จบการสัมภาษณ์เพียงเท่านี้ รอลุ้นไปจ่ะ

การตอบคำถามตอนสัมภาษณ์
อันนี้อ้างอิงจากตอนที่เราสัมนะคะ เราแนะนำว่าให้ทุกคนคิดว่าที่เค้าถามคำถามมาเค้าไม่ได้อยากรู็แค่ที่เค้าถามค่ะ เราต้องตอบ อธิบาย ขยี้ให้มันสุดๆ ยกตัวอย่าง จนเค้าไม่มีอะไรจะถามเพิ่มเกี่ยวกับจุดๆนั้น ยกตัวอย่างนะคะ อย่างคำถามwhy balac ถ้าสมมติเราตอบไปแค่ ก็ อยากเข้าเพราะว่าตรงกับความสนใจค่ะ แล้วตัดจบ บอกเลย ดับค่ะ พักเลย ไม่ผ่านอย่างแรง อย่างที่บอกว่าเราควรจะelaborateคำตอบของเราเยอะๆ อย่างเราตอบไปเป็นbullet pointเลยค่ะ "ว่าเพราะBALACเนี่ยเป็นคณะแรกในไทยเลยที่สอนเกี่ยวกับวัฒนธรรมโดยตรง แล้วมันตรงกับจุดที่เราสนใจ เราเชื่อว่าถ้ามีโอกาสได้เรียนที่BALACเนี่ย เราจะสามารถinterpret culturesได้ดีขึ้น เช่นการที่เราชอบดูหนังเราก็สามารถวิเคราะห์หนังและเข้าในหนังได้ดีขึ้น สองคือการเรียนที่balacเนี่ย เป็นสังคมที่ค่อนข้างจะcompetitive ซึ่งเราเชื่อว่าจะทำให้เราอยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในการเรียนสิ่งที่เราสนใจ และสุดท้ายเราเนี่ยชอบศึกษาวัฒนธรรมญี่ปุ่นมากแต่คือคนที่นั่นเค้าconservativeเค้าไม่ค่อยพูดอังกฤษ เราเลยเชื่อว่าถ้าเรียนที่balacเนี่ยเราจะได้ทั้งความรู้ด้านภาษาญี่ปุ่นและวัฒนธรรมญี่ปุ่นด้วย บวกกับที่balacเนี่ยมีวิชาที่เราสนใจเยอะมาก ยกตัวอย่างเช่น food and culture เพราะว่าเราส่วนตัวชอบกิน และเรารู้สึกว่าอาหารเนี่ยก็เป็นตัวแทนการสื่อออกมาของวัฒนธรรมเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น เนี่ยในประเทศแถบเอเชียส่วนใหญ่จะใช้พวกเครื่องปรุงแบบสมุนไพรบลาๆๆมากกว่าฝั่งยุโรปเพราะที่ดินเอื้อต่อการปลูกอะไรแบบนี้ หรือจะเรื่องของขนาดอาหาร เรายกตัวอย่างตรงนี้ไปว่าเราเคยเห็นในซีรี่ย์ฝรั่งที่สเต็กจานนึงคือใหญ่มากก เมื่อเทียบกับจานอาหารที่ไทย บลาๆๆ เราว่ามันเป็นความแตกต่างที่น่าสนใจ" อ่ะ พอแค่นี้ก่อนเดี๋ยวจะยาวเกินไป ที่จริงนี่คือเรายังตอบไม่หมดเลยค่ะ55555555 เห็นมั้ยว่า1คำถาม เราควรจะตอบยาวๆๆๆๆและต้องมั่นใจนะว่าไม่ตอบวนไปมา แค่นี้ก็โอเคแล้วค่าทุกคนน
(ส่วนตัวเราเรียนสัมภาษณ์นะคะ ใครอยากรู้ว่าเราเรียนที่ไหนก็หลังไมค์มาได้ๆๆ )

วันประกาศผล
คืนก่อนหน้านั้นเรานอนไม่หลับเลยค่ะตื่นเต้นมาก จนเก็บไปฝันเลย พอประกาศว่าติดเราก็ โล่งมาก ดีใจบอกไม่ถูกเลยค่ะ รู้สึกคุ้มค่ามากกับที่เหนื่อยมาเพราะอาทิตย์ก่อนสัมภาษณ์เราเรียนสัมทุกวันเลย เรียนจนท้อ เรียนจนไม่สบายเลยค่ะ ยังไม่นับรวมช่วงเตรียมคะแนนsat ieltsนะคะ เหนื่อยมากเลย พอติดแล้วเลยรู้สึกดีมาก หายเหนื่อยแล้วก็โล่งสุดๆเลยค่ะ คนที่เข้ามาอ่านส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นน้องๆเนอะ ก็สู็ๆนะคะทุกคน ยังเหลือเวลาอีกเยอะ ช่วงนี้อยู่บ้านก็เตรียมตัวไปก่อนนะคะ เราทำได้ทุกคนก็ทำได้เพราะเราเรียนไม่เก่งเลยค่ะ5555555

ก็จบไปแล้วสำหรับกระทู้แรกของเรา ยาวมากๆเลยค่ะขอโทษด้วย อ่านไม่รู้เรื่องตรงไหนก็ขอโทษด้วยนะคะทุกคน สำหรับวันนี้พอแค่นี้ เมื่อยมากนั่งพิมพ์5555555 สวัสดีนะคะ

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

Ratima 16 เม.ย. 64 เวลา 15:23 น. 2

ยินดีด้วยนะค้าา(ช้าไปมั้ยคะ แงง55555) ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์ดีดีค่าา

0