นิติศาสตร์มหาวิทยาลัยสวนดุสิต(TCAS 63)

ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีครับน้องๆ TCAS ปี 63 ทุกคนเลย วันนี้พี่มีกระทู้สำหรับน้องๆที่กำลังสนใจอยากจะศึกษาต่อในด้านกฎหมาย แล้วกำลังมองหาที่เรียนดีๆสักที่หนึ่งให้กับตัวเอง พี่ขอแนะนำเลย   
 

อันนี้เป็นวิดีโอเเนะนำหลักสูตรของเราจ้า  
 

ดังนั้นสรุปได้ว่า
1. นิติ สวนดุสิต เรียนต่อ เนติบัณฑิต ได้!!   
2. นิติ สวนดุสิต มีสภาทนายความ รองรับ!! 

  นิติศาสตร์สวนดุสิตนั้นมีการเรียนการสอนกันอย่างไรบ้าง    
              ถ้าจะให้พี่มารีวิวว่าการเรียนของที่นี่เป็นอย่างไร พี่คงพูดได้ไม่หมด ฮ่าๆ เอาเป็นว่าหลักสูตรนิติศาสตร์ สวนดุสิตนั้นมีการเรียนการสอนที่เข้มข้นพอสมควรเลย ถามว่าเรียนหนักมั้ย พี่คงตอบไม่ได้มันอยู่ที่ตัวน้องๆเองว่าจะวางแผนการเรียนอย่างไร ถ้าน้องๆวางแผนอ่านหนังสือดีๆ ก็คงไม่มีปัญหาอะไร ในมุมมองพี่นะ   ฮ่าๆ 

เอาเป็นว่าพี่จะรีวิว มาแค่บางส่วนพอเนอะ   
- ในช่วงปี1 เทอมแรก   ยังไม่หนักหนาเท่าไรนะสำหรับพี่      เพราะเป็นการปูพื้นฐานพวกวิชาแพ่งและนิติกรรมเป็นต้น   บวกกับ เรียนวิชาที่ทางมหาลัยได้จัดไว้ให้ด้วย ดังนั้นเก็บเกรดให้ได้เยอะๆในเทอมนี้ เพราะเป็นเทอมที่ง่ายที่สุดเเล้ว   

- ในช่วงปี1 เทอมสอง    เริ่มๆหนักแหละ      เพราะจะต้องเรียนอาญา1 ซึ่งเนื้อหาเยอะมากๆ และที่สำคัญ ไฮไลท์ของช่วงปี 1 ของที่นี่เลยคือ การสอบปากเปล่าอาญา1 กับอาจารย์ตัวๆ เหตุผลที่จัดให้มีการสอบปากเปล่าขึ้นเพราะว่า อาจารย์อยากจะให้ฝึกวิธีการพูดและฝึกทำความเข้าใจกับตัวบทเอาไว้ล่วงหน้า พอเราไปเรียนเนติบัณฑิตซึ่งจะต้องมีการสอบปากเปล่าเหมือนกัน แต่ยากกว่านี้มากหลายๆเท่า  เเล้วยังสามารถเอาไปสอบ Final ต่อได้เลยทันทีเพราะการสอบปากเปล่าเป็นการบังคับให้เราต้องอ่านหนังสือไปในตัวด้วย พี่ว่าเป็นอะไรที่ดีมากๆ   
                 ซึ่งอาจารย์ที่สอนเอาใจใส่พวกพี่มากๆ และเป็นคนที่ละเอียดมากๆ ตัวบทต้องเเม่นและเข้าใจอย่างลึกซึ้งไม่ใช่แค่จำไปเฉยๆ ดังนั้นน้องๆต้องตั้งใจให้ดีเลยเวลาเรียนในห้อง บอกเลยว่าสนุกมากๆน้องๆต้องมาลองเอง

เอาเป็นว่าที่พี่เล่าเป็นเพียงเเค่ตัวอย่างหนังนะ เพราะมันยังมีอีกเยอะที่จะต้องเจอ   ฮ่าๆ      
                  อีกทั้งอาจารย์ประจำหลักสูตรทุกท่านมีความรู้ความสามารถที่จะนำนักศึกษาสู่ความสำเร็จ และอาจารย์ทุกท่านไม่ใช่แค่ให้ความรู้ด้านวิชาการแต่ยังสอนให้เรารู้จักการรักผู้อื่น สอนมารยาทของการอยู่ในสังคม สอนให้มีระเบียบวินัยการและในเรื่องแต่งกาย อันนี้เป็นสิ่งที่ทางหลักสูตรให้ความสำคัญมากๆ      

      บรรยากาศการเรียนการสอนเป็นอย่างไร     
                  โดยทางหลักสูตร จะแบ่งเป็นห้องๆ แต่ต้องดูว่าในแต่ละปีนั้นรับมากี่คน แบ่งได้กี่ห้อง อย่างตอนรุ่นพี่ ก็ประมาณ 50 กว่าคนต่อห้อง ซึ่งคงไม่เกินไปมากกว่านี้ ขนาดห้องก็กำลังพอดีเรียนสบายๆ ที่สำคัญแอร์โคตรเย็นเลย เย็นจนปวดกระดูกอะ ฮ่าๆ อันนี้เรื่องจริงไม่ได้โม้และตอนไปเรียนห้ามใส่เสื้อกันหนาวหรือเสื้อคลุมไป ให้ใส่ได้เฉพาะสูทของทางหลักสูตร
                   ข้อดีของห้องเรียนที่มีขนาดไม่ใหญ่เกินไปนั้นคือ เราสามารถเรียนรู้ได้ง่ายและสามารถถามอาจารย์ผู้สอนได้เลยโดยไม่ต้องอายเท่าเรียนห้องใหญ่ๆ และจะมีสมาธิมากกว่าเรียนกับคนเยอะๆ อีกทั้งอาจารย์ยังดูแลนักศึกษาได้อย่างทั่วถึงด้วย 
                 ส่วนเวลาเรียนก็ขึ้นอยู่กับตารางเรียนที่ทางหลักสูตรได้จัดไว้ให้ เช้าสุดคือเวลา 9 โมงตรง  เพื่อให้เวลานักศึกษาได้เตรียมตัวและรับประทานอาหารด้วย เลิกเรียนช้าสุดประมาณ 4-5โมงเย็น    ตอนพี่เรียน ช่วงปี1  ก็จะต้องตื่นเช้าบ่อยหน่อย ดังนั้นเตรียมเวลาให้ดีๆ เพราะกรุงเทพช่วงเช้าๆ ประมาณ 6โมงเช้า ถึง 9 โมง แถวหน้ามอรถติดโคตรๆเลย  เรื่องเวลาเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ออกจากหอพัก ช้าแค่ 5 นาที ชีวิตเปลี่ยนพี่บอกเลย 
                  จากเดิมใช้เวลาเดินทางไปมอ เพียงแค่ 15 นาที  แต่ถ้าบริหารเวลาไม่ดี อาจจะใช้เวลาในการเดินทางมากถึง ครึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว  ฮ่าๆ    แต่พอเริ่มขึ้นปี 2 ก็มีวิชาเรียนช่วงเช้าน้อยลง แต่ก็ยังต้องบริหารเวลาให้ดีเพราะที่กรุงเทพรถติดได้ทุกเวลาไม่อาจคาดเดาได้เลย  ฮ่าๆ