Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

การที่ต้องไปเรียนในที่ไกลๆ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ทุกคนคะคือเราอยากถามเรื่องการไปเรียนต่อ (คืออยู่บุรีรัมย์แล้วจะไปเรียนที่นครปฐม สำหรับนี่ก็คือมันไกลมากเพราะปกติไม่ค่อยจะเคยออกจากบ้านไปไหนเลย)คือการที่เราไม่เคยออกจากบ้านไปไหนคนเดียวหรือไปไกลๆด้วยตัวคนเดียว ในการไปเรียนครั้งนี้เราต้องไปคนเดียวเเล้วเราต้องจากบ้านของเราไป คืออยากจะถามพี่ๆเพื่อนๆที่ต้องไปเรียนต่อในที่ไกลๆเตรียมตัวกันยังไง เวลาเราเหนื่อยมากๆเเล้วต้องการกำลังใจนอกจากโทรหาพ่อหาแม่เราจะทำอะไรได้บ้าง แล้วเราจะมีเพื่อนที่จริงใจกับเราไหม ถ้าเราจริงใจกับเขาเราจะได้รับความจริงใจกลับมาไหม //จริงๆก็จ่ายค่าเทอมที่ราชภัฏแถวบ้านไปแล้วตอนแรกคือจะเรียนที่นั้นแต่พอติดที่นครปฐมก็เลยจะเลือกไปเรียนที่นั้น คือถ้าถามใครว่าราชภัฏกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสนเขาก็บอกว่าให้ไปที่กำแพงแสนคือเราต้องไปที่ไกลๆไปเพื่อไปตามหาอนาคตแต่ในการออกเดินทางครั้งแรกเราจะทำยังไงใน เพราะทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้มันทำให้รู้ว่าตอนนี้เราโตแล้วต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเองบ้างแล้วแต่ใจมันก็ยังแอบสั่นทุกทีที่จะต้องไป (ที่นั้นหนูไม่รู้จักใครเลยค่ะไม่มีญาติแล้วก็ยังไม่ได้หาเพื่อน ขอโทษที่พิมพ์ยาวนะคะ แต่อยากให้ช่วยแนะนำหรือแชร์ประสบการณ์การไปเรียนต่างบ้านต่างเมืองน่ะค่ะ)แอบตื่นเต้นนิดหน่อยทั้งการอยู่การต่างๆอยากจะใครแต่ก็ไม่รู้จะถามใครเลยค่ะ;-; เราเรียนคณะเกษตรศาสตร์ สาขาสัตวศาสตร์ค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>

14 ความคิดเห็น

Naka 23 ก.พ. 64 เวลา 20:03 น. 1-1

เวลาไปเรียนไกลๆแล้วทุกครั้งที่พระอาทิตย์ตกดินมันทำให้นึกถึงคนที่บ้านตลอดเลยค่ะ555แต่ชีวิตคนเราต้องสู้ต้องเข้มแข็ง ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับคำแนะนำกับกำลังใจ

0
studyplen9 24 ก.พ. 64 เวลา 11:32 น. 2

เราก็กำลังจะไปเรียนไกลบ้านเหมือนกัน ช่วงนี้ว่าง ๆ ทักมาคุยกันได้นะ ig:studyplen9

1
ทำไมต้องอิมแจบอม' 24 ก.พ. 64 เวลา 19:53 น. 3

เราเป็นเด็กใต้ ที่มาต่อมหาลัยที่เชียงใหม่ค่ะ เรียกว่าคนละซีกของประเทศกันเลย เราไม่มีญาติหรือคนรู้จักในเมืองนี้เลยเช่นกัน ตอนนี้เรียนมาได้ 3 ปีแล้วค่า เรามีความสุขดีค่ะ การใช้ชีวิตที่ห่างจากบ้านแน่นอนว่ามันมีเหงาบ้าง คิดถึงบ้านบ้าง แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราเรียนรู้ และได้เจอกับคนใหม่ ๆ หลุดออกจากกรอบบางอย่างของตัวเราเอง อยากจะบอกน้องว่าไม่ต้องกังวลนะคะ เดี๋ยวเราจะแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง น่าจะช่วยให้สบายใจขึ้นได้บ้าง เราแบ่งเป็นหัวข้อ ๆ นะคะ


1.ที่อยู่อาศัย

ปีแรกที่มาอยู่ที่นี่ เราเลือกอยู่หอใน และเลือกห้องที่แชร์กับรูมเมทมากคนที่สุดด้วย เรามีรูมเมท 3 คนค่ะ (อันที่จริงเราไม่ได้ตั้งใจจะเลือกห้องนี้หรอก แต่เราจองห้อง 2 คนไม่ทัน แต่มันกลายเป็นโชคดีมนโชคร้ายเลยค่ะ) ที่เลือกอยู่หอในเพราะว่า ตัดปัญหาเรื่องการเดินทางไปเรียนได้เลย ในมหาลัยมีรถรางคอยอำนวยความสะดวกให้นักศึกษาอยู่แล้ว อีกทั้งหน้ามอหลังมอก็เป็นแหล่งของกิน ในมอก็มีโรงอาหารเยอะแยะ และยังมีคลินิกในมอด้วย ทำให้ปัญหาเรื่องการดำรงชีวิตพื้นฐานนี่ตัดไปได้เลย เราจะได้ไม่ต้องกังวลในเรื่องพวกนี้ เพราะในช่วงแรก จะไปขอให้ใครช่วยมันก็ยากใช่มั้ยล่ะ เราต้องอยู่ด้วยตัวเอง อีกเหตุผลที่เลือกหอในเพราะรูมเมทเลยค่ะ เราต้องการเพื่อนในที่ที่ใหม่นี้ (เราไม่มีเพื่อนจากโรงเรียนเดิมที่มาเรียนที่เดียวกันเลย เรียกว่าฉายเดี่ยวสุดๆ) รูมเมทจะเป็นสิ่งที่การันตีว่ายังไงเราก็ไม่เดียวดายในเมืองใหม่นี้แน่นอน ยิ่งถ้าได้รูมเมทดีก็คือได้เพื่อนสนิทคนใหม่เลยแหละค่ะ ชวนเที่ยว ชวนกิน ปลุกกันไปเรียน นึกถึงแล้วเราดีใจมากที่ตัดสินใจอยู่หอใน


2.การเดินทาง

ยึดหลักความคิดไว้ว่าทุกเมืองมันมีสิ่งอำนวยความสะดวก การคมนาคมเป็นของตัวเองแน่นอน เราแค่ต้องรู้จักมันค่ะ เราเป็นคนที่ขับรถไม่เป็น ทั้งมอเตอร์ไซต์และรถยนต์ ดังนั้นตอนเรามาเชียงใหม่แรกๆ เราไปไหนมาไหนด้วยการเดินและกูเกิ้ลแมปนี่แหละค่ะ ปกติเวลาที่เราไปในที่ใหม่ๆ เราจะสำรวจบริเวณโดยรอบ อย่างน้อยก็สัก 1-2 ช่วงถนนรอบทิศไว้ก่อน จะได้รู้จักสถานที่ หาทางกลับถูก ซึ่งเราจะแนะนำเลยว่าการเดินนี่ดีมากๆเพราะมันจะทำให้เราจำรายละเอียดของสถานที่ได้ดีขึ้น ตอนมาที่เชียงใหม่แรกๆ เราก็จัดเลยค่ะ เดินสำรวจรอบมอ ตามด้วยออกจากประตูหลักของมอแต่ละฝั่ง เดินไปจนถึงสี่แยกอะไรทำนองนี้ จำแลนด์มาร์กของแต่ละที่เอาไว้ จะได้เดินทางคนเดียวได้โดยไม่หลง แรกๆก็จำไม่ได้หรอกค่ะ แต่อยู่ไปๆแผนที่ในหัวเราจะกว้างขึ้นไปเอง ถ้าต้องไปที่ไกลๆหน่อยก็ Grab เลยค่ะ โชคดีมากที่ยุคนี้เรามี Grab ถ้าต้องไปไหนก็ไม่ต้องกังวลละ แต่ก็ศึกษาดูแผนที่ล่วงหน้าดีๆ แล้วก็ระวังตัวเองอยู่เสมอด้วย คิดทางหนีทีไล่แผนสองเอาไว้ถ้าอะไรๆไม่เป็นไปตามที่ควรเป็น เราอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ แต่การอยู่คนเดียวแบบนี้ กว่าความช่วยเหลือจากใครที่เรารู้จักจะมาถึงมันต้องใช้เวลา ซึ่งช่วงนั้นเราต้องจัดการปัญหานั้นด้วยตัวเอง คิดหาทางรับมือไว้ล่วงหน้าก็ไม่เสียหายค่ะ


3. เพื่อนใหม่

สำหรับเรา หัวข้อนี้สำคัญมากๆๆๆๆๆ เราจะมาโดดเดี่ยวเดียวดายในที่ใหม่นี้ไม่ได้ ไม่งั้นเราก็หัวเดียวกระเทียมลีบ การรับมือเรื่องต่างๆที่เข้ามาคนเดียวมันไม่สนุกไม่ง่ายเลยค่ะ เรามีเพื่อนไว้อย่างน้อยก็ช่วยรับฟังช่วยปลอบเราได้ ณ จุดนี้ ถึงจะเป็นคนขี้อาย หรือไม่ชอบเข้าสังคมเท่าไหร่ ก็ต้องทำละค่ะ พุ่งเข้าชาร์ตคนที่เล็งไว้เลย กลั้นใจหน่อยค่ะ มันอาจจะเกร็งๆแค่ช่วงแรกนั่นแหละ ยิ่งเป็นเพื่อนคณะเดียวกันจะดีมาก เพราะจะมีอะไรร่วมกันเยอะ คุยด้วยง่าย เพื่อนต่างคณะก็ดี เราจะได้ไม่จำกัดสังคมอยู่แค่วงเดียว เราสามารถหาเพื่อนได้จากหลายที่เลย ง่ายสุดก็รูมเมท ถัดมาก็เพื่อนในเซคเดียวกัน เพื่อนที่นั่งข้างกันเวลาทำกิจกรรมรับน้อง คนรหัสติดกัน เรียกว่าตีซี้ไปให้หมดเลยค่ะ ช่วงเข้ามหาลัยใหม่ๆจะเป็นช่วงที่ทุกคนค่อนข้าง open ยังไม่มีใครมีกลุ่มชัดเจน เป็นช่วงที่หาเพื่อนง่ายที่สุด พยายามเข้าร่วมกิจกรรมที่รุ่นพี่จัดให้บ่อยๆ ทั้งพวกรับน้องหรืองานสายรหัสต่างๆ หนึ่งก็เพื่อทำความรู้จักคนใหม่ๆ สองก็เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเราเองจากอาการคิดถึงบ้านค่ะ


เรื่องที่น้องกังวลว่าเพื่อนใหม่จะจริงใจกับเรามั้ย อืมม สำหรับเราเรื่องอย่างงี้มันต้องเสี่ยงดวงเอาเลยค่ะ แต่ถ้าเราจริงใจไปก่อน โอกาสที่จะได้เพื่อนใหม่ที่จริงใจกับเรามันก็เยอะนะคะ และที่เราบอกว่าให้เป็นฝ่ายเริ่มตีซี้เริ่มพุ่งเข้าชาร์ตเอง มันจะทำให้เราได้เลือกเพื่อนคนที่เราอยากคบด้วยด้วยตัวเอง ความเป็นไปได้ที่จะสุ่มโดนคนจริงใจ เข้ากับเราได้จะเพิ่มขึ้นเยอะ (ดูโหงวเฮ้งแล้ว ไลฟ์สไตล์คนนี้น่าจะเข้ากับฉันได้ อะไรทำนองนี้) ถ้าเป็นฝ่ายโดนตีซี้นี่มันจะทำให้อำนาจการเลือกเราหายไปเยอะเลยนะ แล้วก็มีกฎของตัวเอง ว่าเพื่อนแบบไหนที่ฉันจะไม่ไปยุ่ง หัดปฏิเสธไว้บ้างก็ดีค่ะ อย่าไหลไปตามกลุ่มเพื่อน เราต้องมีจุดยืน! 55555 เป็นตัวของตัวเองเข้าไว้ค่ะ แล้วเราจะดึงดูดคนที่คล้ายๆกันเข้ามาเอง


4.คิดถึงบ้าน

เรามีช่วงที่โฮมซิกบ่อยเลยค่ะ โดยเฉพาะตอนช่วงใกล้สอบ ถึงแม้บางครั้งเราจะเข้าร่วมกิจกรรมนั่นนี่นู่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองแล้ว แต่มันก็มีบ้างแหละเวลาอยู่คนเดียว ตอนก่อนนอนบ้าง ก่อนหน้านี้มีพ่อแม่พี่น้อง คนในบ้านอยู่รอบตัวเรา นอนหลับในบ้านของตัวเอง ตอนนี้เราอยู่คนละจังหวัด นอนในหอพักที่เรายังแปลกที่แปลกทาง คนรอบๆเราเราก็เพิ่งมารู้จักได้ไม่นาน ความคิดพวกนี้มันทำให้คิดถึงบ้านได้ง่ายๆเลย ตอนนั้นเราใช้วิธีคิดถึงเป้าหมายของตัวเองค่ะ ว่าทำไมเราถึงมาที่นี่ เป้าหมายของเราคืออะไร คนที่บ้านเค้ารออะไรอยู่ แต่ถ้ามันคิดถึงบ้านมากๆก็วางแผนกลับบ้านเลยค่ะ ดูตารางเรียนเอาไว้ ว่าวันหยุดยาวมีช่วงไหน จองตั๋วเลยค่ะ ทำแบบนี้จะได้รู้สึกว่า ไม่ต้องรอยันปิดเทอมใหญ่เราก็จะได้กลับบ้านแล้ว อีกสัปดาห์ สองสัปดาห์ อีกไม่ถึงเดือนก็จะได้กลับบ้านแล้ว จะได้มีกำลังใจขึ้น ระหว่างนั้นเราก็ใช้สื่อออนไลน์ช่วย วิดีโอคอล แชท และอื่นๆอีกมากมาย ถ้ามันโฮมซิกมากๆ แล้วยังไม่ถึงวันหยุดสักที ให้ที่บ้านเป็นฝ่ายมาหาก็ได้ค่ะ


หรือถ้ามันไม่มีทางเลือกจริงๆ คุยกับเพื่อนนี่แหละค่ะ บอกไปเลยว่าคิดถึงบ้านมากๆ จากประสบการณ์ของเรา เพื่อนที่มาเรียนไกลบ้านเช่นกันจะเข้าใจได้ดีเลยค่ะ นอกนั้นก็หาอย่างอื่นเบี่ยงเบนความสนใจเข้าไว้ ทำกิจกรรมเยอะๆ ตอนปีหนึ่งเราเข้าชมรมเป็นสิบเลยค่ะ เรียกได้ว่าทดลองทำทุกอย่าง กิจกรรมคณะ ห้องเชียร์งี้ เข้าไม่ขาด เพราะถ้าให้อยู่หอเฉยๆนี่โฮมซิกจนต้องกลับบ้านแน่ๆ แล้วก็เรียนไปสักพัก ความหนักหน่วงของการเรียนมหาลัยจะถาโถมเข้ามา เรียกได้ว่าลืมวันลืมคืนกันเลยทีเดียว 555555 กระพริบตาแปปนึง อ้าว จะสอบแล้วเหรอ จะปิดเทอมแล้วเหรอ ประมาณนี้ค่ะ


บอกทริคนิดนึง เรารู้ว่าน้องเป็นกังวลที่จะต้องไปใช้ชีวิตไกลบ้าน แต่นั่นมันยังอีกตั้งหลายเดือนเลยน้าา อย่ากังวลไปก่อนเลย เพราะยิ่งเรากังวลไปก่อนแบบนี้ เราก็จะยิ่งมองเห็นแต่มุมมองร้ายๆ คิดถึงสิ่งที่แย่ที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นอะไรงี้ ความเป็นจริงการมาอยู่ด้วยตัวคนเดียวมันไม่ได้น่ากลัวเท่ากับภาพในความคิดเราขนาดนั้น (แต่น่ากลัวกว่า แฮ่! ล้อเล่น 555555) มีแต่เราที่กลัวมันไปก่อนเอง และอีกอย่างคือ ณ ปัจจุบันน้องยังอยู่บ้านอยู่เลย ใช้เวลาอยู่กับที่บ้านตอนนี้ให้เต็มที่ ดีกว่ามัวแต่กังวลถึงอนาคตจนไม่ร่าเริง จะเสียเวลาที่ยังอยู่ที่บ้านในปัจจุบันไปกับความกังวลซะหมดน้า


สุดท้ายอยากฝากว่า ชีวิตคนเราสักวันหนึ่งมันก็จะต้องถึงจุดที่เราต้องอยู่ด้วยตัวเราเองอยู่ดี การเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งนี่แหละคือตัวที่ช่วยสอนเราได้ดีที่สุด

6
Naka 25 ก.พ. 64 เวลา 00:07 น. 3-1

ขอบคุณมากๆเลยนะคะได้อ่านแล้วคิดตามได้รับฟังความคิดจากคนเคยมีประสบการณ์มาก่อนรู้สึกดีขึ้นมากกว่าเดิมเลยค่ะขอบคุณมากๆเลยนะคะ //แต่อยากทราบว่ารูมเมทนี่หากันยังไงหรอคะ แล้วถ้าได้รูมเมทที่ไม่ค่อยเข้ากันจะอยู่ด้วยกันได้มั้ยคะ

0
ทำไมต้องอิมแจบอม' 25 ก.พ. 64 เวลา 00:36 น. 3-2

เราสุ่มเลยค่ะ เป็นการสุ่มที่เสี่ยงดวงมาก แต่โชคดีได้เพื่อนที่เข้ากันทั้ง 3 คนเลย (ปกติระบบการจองหอ มันจะมีห้องว่างที่เราคลิกเข้าไปได้ แล้วก็รายชื่อคนที่คลิกห้องเดียวกับเราค่ะ) อันที่จริงเราว่าการที่เพื่อนจะเข้ากับเรา เราจะเข้ากับเพื่อนได้มั้ยเนี่ย มันต้องปรับกันทั้งสองฝ่าย แล้วดูกันว่าถอยไหวกันถึงแค่จุดไหน เล่าของรูมเมทเราคือ เมทเราคนนึงเป็นคนที่ชอบนอนคุยโทรศัพท์กับแฟนแบบนานๆ ซึ่งตอนนั้นรูมเมททุกคนที่เหลือรับได้กับนิสัยนี้ ก็เลยไม่มีใครหัวเสีย หรือปรี๊ดแตกที่เพื่อนคุยโทรศัพท์นานรบกวน ในขณะเดียวกันเพื่อนรูมเมทคนนั้นเค้าก็รู้ตัวเอง เค้าก็คุยเบาๆ คุยไม่ให้ดึกเกิน บอกเพื่อนในห้องทุกคนก่อนว่าเค้ากำลังจะคอลหาแฟนนะ ให้คนที่เหลือได้เตรียมตั้งรับ 55555 อีกตัวอย่างนึง เช่น เราเป็นคนชอบนอนดึก แต่เมทนอนไม่ดึกเท่า ก็แก้ปัญหาโดยเราออกไปอยู่ที่ห้องอ่านหนังสือแทน ให้ในห้องได้ปิดไฟนอน


ทีนี้เรื่องรูมเมทเนี่ย ทุกคนจะมีนิสัยส่วนตัวเป็นของตัวเอง เราต้องสังเกต เอาจริงๆมันเป็นเรื่องของเซ้นส์เลยนะ เช่นบางคนรักความสะอาด ถ้าเราทำตัวสะอาด ช่วยเค้ากวาดห้อง ไม่ตั้งของทิ้งไว้ให้มดขึ้นเงี้ย ก็ไม่มีปัญหากันแล้วค่ะ รูมเมทบางคนชอบเที่ยว ถ้าเราไม่เห็นด้วยกับการเที่ยวหนักๆ ก็พยายามหาจุดกลางระหว่างเรากับเค้า เราก็อย่าไปพูดเหยียดหรือดูถูกการเที่ยวของเค้า ในขณะเดียวกันก็ยื่นข้อเสนอฝั่งเราว่าถ้าเค้ากลับดึก ก็ให้อย่าเปิดไฟ อย่าเสียงดังถ้าเราหลับไปแล้ว อะไรประมาณนี้


แต่เอาจริงๆมันก็มีคนที่ซวย แบบซวยย ที่ไม่เข้ากันกับรูมเมท เพื่อนเราเอง อยู่กับรูมเมทแบบห้องสองคน ทะเลาะกันใหญ่โตมาก เล่นสงครามเย็นกัน จนสุดท้ายก็ต้องย้ายห้องหนี ตอนย้ายห้องก็คือย้ายไปเป็นรูมเมทอีกคนที่รู้จักผ่านเพื่อนในคณะหลังจากขึ้นปีหนึ่งมาซักพัก ซึ่งก็ผ่านไปด้วยดีไม่มีปัญหา ที่เราอยากจะสื่อก็คือ ในระยะแรก ตอนย้ายเข้าครั้งแรก มันอาจจะเป็นการสุ่ม เสี่ยงดวง แต่ถ้ามันมีปัญหาจริงๆ ปัญหามันจะเกิดหลังจากเราอยู่ไปสักพักแล้วค่ะ ซึ่งตอนนั้นเราจะมีคอนเนคชั่น มีคนรู้จักแล้ว เราสามารถขอความช่วยเหลือได้ไม่ยาก แบบเรื่องหารูมเมทใหม่ของเพื่อนเรานี่แหละค่ะ ถ้าหากรูมเมทมันทำให้ชีวิตเรามีปัญหา ปรับตัวก็แล้ว คุยกันก็แล้วยังไม่เข้าใจ ก็ย้ายห้องค่ะ แปลว่าเค้าสุดๆละ ที่ถึงขนาดคุยกันยังไม่เข้าใจเนี่ย


เพิ่มเติมอีกนิด เราไม่รู้ว่ามันเกี่ยวมั้ยนะ แต่เราว่าเราโชคดีเพราะได้ห้อง 4 คน อย่างน้อยถ้าเราทะเลาะกับ 1 คน เราก็มีอีก 2 คนให้อยู่ด้วย ถ้ามีใครในห้องทะเลาะกัน คนที่เหลือก็จะช่วยประนีประนอมได้ อะไรแบบนี้

0
NaKa 25 ก.พ. 64 เวลา 21:35 น. 3-3

ขอเป็นคนโชคดีได้เจอรูมเมทดีๆแบบนี้บ้างนะคะ ขอแค่เข้ากันได้อันนี้คือหวังสูงสุดแล้วค่ะ

0
บิ๊ก 2 ก.ค. 65 เวลา 11:02 น. 3-4

อ่านประสบการณ์ที่พี่เเชร์แล้วเข้าใจเลยครับ ผมไปเรียนไกลบ้านเหมือนกัน จากตะวันออกเฉียงเหนือไปเหนือเรียนที่เชียงใหม่ คนเดียวโดดๆเพื่อนก็ยังไม่มี ตอนนี้ปี2ล่ะยังไงมามีเพื่อนสนิทเลย มีแต่คุยงานกันบ้างตอนปี1เรียนออนไลน์ ผมเป็นคนพูดไม่เก่งกับคนแปลกหน้าแต่พยายามเข้าหาคนอื่นๆเเล้วแต่รู้สึกเหมือนเขาไม่เปิดรับเลยผมก็พยายามนะครับ คิดถึงบ้านคิดถึงพ่อเเม่มากๆเลยครับ

0
Guava.kim 21 พ.ค. 66 เวลา 22:22 น. 3-5

หนูกำลังจะเข้าปี1ที่ศิลปากรเพชรบุรีอีกเดือนก้ต้องไปนอนหอแล้วแต่คิดไปไกลแล้วแบบไม่อยากไปกลัวไม่มีเพื่อนคบเพราะไปคนเดียวไม่มีเพื่อนไปด้วย พอมาอ่านรู้สึกดีมากค่ะจะลองทำตามพี่ดูนะคะจะพยายามไม่คิดไปเองเยอะยิ่งคิดยิ่งเครียดยิ่งร้องไห้

0
Guava.kim 21 พ.ค. 66 เวลา 22:27 น. 3-6

สู้ๆนะคะเป็นกำลังใจให้ต้องมีเพื่อนบ้างแหละค่ะชวนคุยเยอะๆไว้ใครไม่โอเคเราก้ถอยออกมา

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

gdgdgg 28 ก.พ. 64 เวลา 03:10 น. 6

เดี๋ยวไปถึงคงเจอเพื่อนดีๆเอง ค่อยๆปรับตัวไป พอสนิทกับเพื่อนคงไม่ค่อยคิดถึงบ้านเท่าไหร่เผลอๆไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกไปอีก พี่ก็เคยอยู่ไกลบ้าน ก็โทรคุยกะที่บ้านทุกวัน หลังๆทำงานมีเงินก็กลับบ้านทุกเดือน เป็นคนชอบกลับบ้านมาก ระวังตัวเองให้ดีพยายามไม่ไปไหนคนเดียวและเลือกไปกับเพื่อนที่ไว้ใจได้ก็พอ ตั้งใจเรียนให้สมกะที่อยู่ไกล ลำบากไม่นานหรอกชีวิตนักศึกษา สู้ๆนะ

0
Mxx 28 ก.พ. 64 เวลา 09:11 น. 7

เป็นเรื่องปกติของเด็กที่กำลังก้าวเปลี่ยนจากวัยมัธยมไปเป็นมหาลัย เวลาไปที่ไกล ๆ ครั้งแรกก็จะมีความกังวล แต่พอน้องได้ไปอยู่สักพักน้องจะปรับตัวได้ เพื่อนมหาลัยที่เขาว่าแข่งกันเรียนบางทีก็ไม่เสมอไป สมัยพี่เรียนมหาลัย เพื่อน ๆ ทุกคนช่วยกันเข็นช่วยกันเรียนพากันมาจนจบได้ทุกคน เรื่องเพื่อนพอน้องเข้าไปมันจะมีเคมีบางอย่างที่จะเข้ากรุ๊ปใดกรุ๊ปนึงเป็นหลักได้เอง สำคัญเลยคือแถวกำแพงแสนร้านอร่อยเยอะ ทำใจร่ม ๆ ยังอีกหลายเดือนกว่าจะเปิดเทอม น้องลองวางแผนคร่าว ๆ ไว้ก่อนว่าจะใช้ชีวิตแบบไหนยังไง พอไปสตาร์ทแล้วจะได้ไม่กังวลมาก เวลาคิดถึงก็โทรหาพ่อแม่ ช่วงหยุดยาวหรือปิดเทอมก็กลับบ้านเป็นครั้งคราวก็ได้

0
เด็กต่างจังหวัด 28 ก.พ. 64 เวลา 09:28 น. 8

พี่มาเรียนกทม บ้านอยู่ใต้ (จังหวัดกลางๆของภาค) ช่วงใหม่ๆเทอมแรกๆอาจจะหวิวๆหน่อย คิดถึงบ้าน ต้องซื้อของนั่นซื้อนี่เข้าหอมากมาย ถ้าให้ดี ถ้ามีไลน์กลุ่มเพื่อนในเซคคือคุยๆกันไปก่อน ทำความรู้จักกัน 

เรื่องเพื่อน แนะนำให้ดูๆนานๆ หรือเยอะๆ เพราะจากพี่เจอ แม้คนภาคเดียวกันยังเอาไปพูดกับคนอื่นเลย บางคนคือขยันมาก บางคนก็กินแต่เหล้า อันนี้ให้เราเลือกคบเอาเองเนอะ เพื่อนมีหลายประเภทมากกกๆ ส่วนเรื่องเรียน อย่าเครียด เพราะพี่นี่เรียนไม่รู้เรื่องเลย ( ความรู้สายช่างพี่มาจากสายสามัญ) จะบอกน้องว่า ไม่ต้องกลัวเรื่องเรียนทำให้ดีที่สุด เต็มที่ก็พอ การคุยกับพ่อแม่ ใช้เป็นการโทรเห็นหน้าก็ได้นะ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีช่วยได้เยอะเลย พอวันหยุดยาวๆ ก็ให้จองตั๋วกลับบ้านไปอยู่บ้าน 2-3 วัน แต่.. การจองตั๋วกลับบ้าน พอวันกลับมาเรียนนี่แหละ ทำพี่ และเพื่อนน้ำตาคลอมามากมายเสมอ555 ไปแล้วไม่อยากกลับ สีสันต์ชีวิตนี้นะ มันจะมีเรื่องเล่า ว่าตอนมหาลัยเราได้ทำนั่น ทำนี่ ตอนแรกมันอาจจะเบื่อๆ แต่พี่กลับมาคิดว่า นี่ก็จะโตแล้ว เราก็อยากลองอะไรใหม่ๆ ลองใช้ชีวิตให้เต็มที่ก่อนทำงานจริงๆ สู้ๆครับ ช่วงแรกอาจจะต้องผระบตัวนิดนึง

ปล.มีเพื่อนดีเพียงหนึ่ง ดีกว่าเพื่อนมากมายไร้ความจริงใจครับ

0
คุณโหน่ย 28 ก.พ. 64 เวลา 10:34 น. 9

ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีนะ แปลว่าคุณจขกท.ผูกพัน/สนิทกับครอบครัวมากแน่เลย ทุกการเปลี่ยนแปลงทำให้รู้สึกหวิวๆได้จริงๆแหละ ได้แต่บอกให้ฮึบเพราะเรากำลังเติบโตไปอีกขั้นนึง เราไม่จำเป็นต้องรีบแพนิคออกจากเซฟโซน ความรู้สึกนี้โอเค แต่อย่าให้เซฟโซนมาเบียดบังเป้าหมายของเรา พ่อแม่ไม่ได้หายไปไหนเลย ระยะทางไกลไม่ได้เป็นปัญหา เชื่อว่าคุณได้รับแรงสนับสนุนอย่างเต็มที่จากพ่อแม่ ถ้าเราโตอย่างเข้มแข็ง คนแฮปปี้สุดก็คือพ่อแม่ คนได้ประโยชน์สุดก็คือตัวเราเองนา


หากิจกรรมให้ตัวเองทำ เป็นการพัฒนาตัวเองหรือผ่อนคลายความเครียด ดูหนัง ฟังเพลง ออกไปข้างนอก ออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้ อะไรก็ได้ มุ่งหาความสนุกกับข้อดีของชีวิตมหาลัยให้มากๆ ส่วนเรื่องเพื่อนจริงใจมั้ย ไม่รู้เคยได้ยินประโยคที่ว่า 'เพื่อนมหาลัยไม่จริงใจหรอก เพื่อนมัธยมดีสุดแล้ว' ไรงี้มารึเปล่า ได้แต่บอกว่าประโยคนั้นคือลวงโลกมากกกก เรื่องของตัวบุคคลล้วนๆ


เราเป็นคนที่มีเพื่อนสนิทเป็นทั้งเพื่อนสมัยเรียนมัธยมกับสมัยเรียนมหาลัย มันอาจจะมีคนละฟิลเตอร์แบบ เพื่อนมัธยมคือคนที่เจอเราตั้งแต่สมัยเบียวๆแต่ก็ยังทนกันมาได้ แต่เพื่อนมหาลัยก็คือเจอตอนความคิดความอ่านดีแล้ว แต่มันก็มีความพิเศษตรงใช้ชีวิตหอพักร่วมกันฝ่าโปรเจ็คด้วยกัน เพื่อนเราน่ารักมากๆ เช่อว่าสุดท้ายคนที่เป็นไทป์เดียวกันก็จะดึงดูดคนแบบเดียวกันเข้ามาเองแหละ น้องเขาต้องหาเพื่อนได้แน่ๆ พยายามร่วมกิจกรรม หรือทักทายเพื่อนก็เป็นการเปิดตัวที่ดีนะ สู้ๆนะ

0
นาฬิการัตติกาล 28 ก.พ. 64 เวลา 11:28 น. 10

พี่เป็นคนนึงที่เรียนไกลบ้านตลอด 4 ปี ข้ามภาคไปเลย ตอนแรกพี่ก็กังวลนะ ไปอยู่ในจังหวัดที่ไม่เคยไปสักครั้งในชีวิต จะอยู่ได้มั้ย จะเดินทางยังไง แต่พี่คิดอย่างนึงว่า ยังไงที่นี่ก็ประเทศไทยอ่ะ ถึงไม่เคยมาแต่ก็พูดคุยกับชาวบ้านเขารู้เรื่อง ถ้าเดือดร้อนจริงๆคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่ การเตรียมตัวของพี่คือ เตรียมดูลู่ทางเอาไว้ ห้างอยู่ไหน โรงพยาบาล ตลาด ขนส่ง สนามบิน สถานีรถไฟ อยู่ตรงไหนบ้าง แล้วก็เตรียมของสำคัญ พวกยาสามัญ ของใช้เล็กๆพวกหม้อไฟฟ้า หม้อหุงข้าง กาน้ำร้อนติดห้องไว้ ต่อมาในเรื่องของการเตรียมใจ มันยากมากจริง ทุกคนมีอาการhome sick หมด แต่พี่ก็พยายามเปิดใจกับมหาลัย เปิดใจกับเพื่อน ทำกิจกรรม พอนานๆเข้ามันก็คลายลงได้เยอะนะ ไม่แน่ใจว่าคำแนะนำของพี่จะข่วยได้แค่ไหน แต่พี่เป็นกำลังใจให้นะ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่น้องจะกังวล สู้ๆน้า

1
นาฬิการัตติกาล 28 ก.พ. 64 เวลา 11:34 น. 10-1

ปล.เห็นกังวลเรื่องเพื่อน พี่อยากให้เราเปิดใจและทำใจในเวลาเดียวกัน ทุกที่มีเพื่อนที่ดีและไม่ดี เราเต็มที่กับทุกคน แต่ถ้าคนไหนมันtoxic น้องตัดทิ้งได้เลยไม่ต้องแคร์ ไม่งั้นน้องจะเหนื่อยมาก แค่เรียนก็หนักพอแล้ว ยิ่งมาโดนเพื่อนบั่นทอนอีก จะทำให้ไม่ไหวเอา พี่เปลี่ยนรูมเมทมา 3 รอบ ตัดทิ้งไป 2 ใน 3 มันยากนะ แต่พอทำได้เราจะรู้เลยว่า เพื่อนคนไหนคือเพื่อนที่จริงใจกับเรา ชีวิตในมหาลัยไม่เหมือนมัธยม เราไม่ผูกชีวิตเราไว้กับเพื่อนอีกต่อไป เราจะยืนด้วยขาของตัวเอง ทุกคนมีชีวิตเป็นของตัวเอง ลองไปไหนคนเดียวดูบ้าง กินข้าวคนเดียว ซื้อของคนเดียวในบางครั้ง นั่นเป็นเรื่องปกติ ในความคิดของพี่ ชีวิตมหาลัยมันเหมือนการใช้ชีวิตจริงแบบหย่อมๆเลยล่ะ พยายามเข้าน้า

0
ejklp 1 มี.ค. 64 เวลา 07:37 น. 11

ช่วงแรกๆก็จะหวั่นๆหน่อย เหงาๆหน่อย พอมีเพื่อนทุกอย่างก็จะดีขึ้นเองค่ะ เราออกจากบ้านมาเรียนไกลบ้านตั้งแต่ม.3

0
Naka 1 มี.ค. 64 เวลา 08:45 น. 12

ขอบคุณพี่ๆและทุกคนมากๆเลยนะคะที่ให้คำแนะนำและมาแชร์ประสบการณ์ชีวิตในมหาวิทยาลัย ขอบคุณมากจริงๆค่ะ

0
Himek04 30 มี.ค. 65 เวลา 01:25 น. 13

เด็ก 65 เหมือนกันเลย เราก็อยากถามแบบนี้เหมือนกัน ขอบคุณเธอมากๆที่โพสต์ถาม สำหรับเรา เราพยายามคิดว่าตอนนี้เราใช้เวลากับครอบครัวให้เยอะที่สุด และลองวางแผนว่าจะใช้ชีวิตที่นั่นยังไง จะได้ตั้งตัวไม่ยาก สู้ๆนะ เธอต้องผ่านมันไปได้แน่

0
อาเม 5 พ.ย. 66 เวลา 17:30 น. 14

เอ่อเราตามหากระทู้ตัวเองมานานหาไม่เจอ วันนี้เจอแล้ว ตอนนี้เราอยู่ปี3แล้วค่ะ ปีแรกได้เรียนรู้อะไรมากมายเลย ได้รู้จักผู้คนดีไม่ดี บางคนรู้จักแล้วก็จากกันตามการเวลา แล้วตอนนี้เรามีเพื่อนกลุ่มที่ดีมากๆ แล้วตอนนี้เราก็คิดว่าชีวิตมันไม่ได้แย่ขนาดนั้น อีกปีเดียวก็จะจบแล้วค่ะะ

0