Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ประสบการณ์เข้ามหา'ลัย รอบ 1 ของเด็กซิ่ว #VETMU

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ   กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่เราเคยลั่นวาจาไว้ว่าถ้าเราติดคณะและมหาวิทยาลัยที่อยากได้ในรอบพอร์ตแล้วจะมาแแบ่งปันประสบการณ์ให้กับรุ่นน้องหรือผู้ที่สนใจได้นำไปศึกษาต่อไปค่ะ
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนเลย  เราเป็นdek63  ที่กำลังศึกษาอยู่คณะวิทยาศาสตร์ สาขาเคมีวิศวกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย #cu104  #CT64  ค่ะ ซึ่งเราจะมารีวิวการสอบสัมภาษณ์รอบที่ 1 ของจุฬาที่เราเข้ามาได้ก่อนค่ะ
เราเข้ามาในรอบ 1 โครงการนักเรียนห้องเรียนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม (SMTE) รายละเอียดการรับสมัครสามารถติดตามได้ที่websitการรับสมัครของมหาวิทยาลัยได้เลยค่ะ เพราะแต่ละปีจะไม่เหมือนกัน ( Website :   CHULA TCAS   ) ซึ่งโครงการSMTEเป็นห้องเรียนที่เราเรียนอยู่ตอนที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปลายค่ะ  ( เกณฑ์การรับสมัคร #64  : 9_Sci_r1_64_.pdf (chula.ac.th) )
**เอกสารที่ใช้ในการยื่นโครงการของเราค่อนข้างจำเพาะเจาะจงค่ะ จึงแนะนำให้ติดตามเกณฑ์การรับสมัครบ่อยครั้งเพราะจะได้มีเวลาตามเอกสารค่ะ เพราะเอกสารค่อนข้างละเอียดยิบย่อยมากๆ **
รีวิวการสัมภาษณ์ของจุฬานะคะ
หลังจากที่เราได้ยื่นไป ก็จะมีประกาศผลสัมภาษณ์ตามลำดับค่ะ ตอนปี63ที่ผ่านมาเราได้ไปสัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยเพราะช่วงนั้นสถานการณ์โควิดที่ไทยยังไม่มีความรุนแรงมากนัก เราได้สัมภาษณ์ที่ตึกของภาควิชาโดยมีอาจารย์ภาคสองคนเป็นผู้สัมภาษณ์ค่ะ ตอนไปเราจำเป็นต้องเตรียมปากกาและเอกสารยืนยันตัวต่าง ๆ ไปให้ครบค่ะ (หนึ่งในนั้นก็มีแฟ้มสะสมผลงานด้วยนะคะ) พอเราเข้าไปอาจารย์จะให้ทำการเซ็นยืนยันการมาสัมภาษณ์ค่ะและหลังจากนั้นจึงทำการสัมภาษณ์ คำถามที่เราเจอจะเน้นไปทางการแนะนำแฟ้มสะสมผลงานของตัวเองค่ะ เพราะอาจารย์จะสนใจสิ่งที่เราใส่ลงไปในพอร์ตมากๆ เช่น ความสามารถพิเศษของเรา, กิจกรรมที่เราได้ทำ เป็นต้นค่ะ และอาจจะถามถึงตัวเราในอนาคตหลังจากเรียนจบภาควิชานี้ไปแล้วค่ะ โดยรวมอาจารย์ทุกคนใจดีมากค่ะ เราใช้เวลาสัมภาษณ์ประมาณ 10-15 นาที ซึ่งผลออกมาก็คือเราติดและได้เรียนเรียบร้อยในปี63ค่ะ  (หากใครมีคำถามเกี่ยวกับวิชาเรียนในภาควิชานี้ในตอนปี1 สามารถพิมพ์ถามได้เลยค่ะ)

หลังจากนั้นเราก็ได้ทำการเรียนไปในระยะเวลานึงก็ได้ค้นพบตัวเองว่าเราไม่สามารถมองเห้็นตัวเองในสายงานนี้ได้เลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะเป็นวิชาที่เราค่อนข้างถนัดแต่เราไม่มีแรงบันดาลใจในการเรียนเลยค่ะ **ซึ่งสำหรับเราแรงบันดาลใจสำคัญต่อการเรียนมากค่ะ เพราะมันจะทำให้เรามีกำลังใจในการเรียนในทุก ๆวัน   **   เราจึงวางแผนที่จะซิ่วค่ะ โดยการวางแผนของเราแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ หนึ่งเราจะทำการยื่นพอร์ตไปก่อนและถ้าไม่ติดเราถึงจะไปสองคือการสอบเพื่อเอาคะแนนไปยื่นค่ะ (รอบ3และรอบ4นั่นเอง) 

ซึ่งเราก็ดำเนินการศึกษารายละเอียดและมหาวิทยาลัยต่าง ๆโดยการเริ่มทำไปทีละอย่างแต่ในขณะเดียวกันก็สอบของจุฬาไปด้วยค่ะ  โดยหลังจากที่เราศึกษาเราก็ค้นพบว่ามีมหาวิทยาลัยที่รับเด็กซิ่วเข้ารอบพอร์ตได้คือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล  (ข้อมูลอาจตกหล่นบ้างต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ  )  หลังจากนั้นเราก็ทำการตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราอยากทำงานสายไหน และศึกษาจุดเด่นของคณะสัตวแพทย์ในแต่ละมหาวิทยาลัยค่ะ  ซึ่งตัวเราสนใจทางด้านสัตว์ป่าและสัตว์วิจัยเป็นหลักค่ะ (ในตอนที่เราศึกษาจะมี 3 มหาวิทยาลัยที่เด่นทางด้านนี้คือ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทลัยเชียงใหม่ เป็นต้นค่ะ)  ซึ่งมีแค่มหาวิทยาลัยมหิดลที่เปิดรับแฟ้มสะสมผลงานของเด็กซิ่ว เราจึงได้ทำการยื่นไปตามลำดับค่ะ

ซึ่งของมหาวิทยาลัยมหิดลจะมี 2 โครงการหลัก ๆ ให้ยื่นคือสัตวแพทย์ของมหาวิทยาลัยมหิดล และโครงการร่วมคณะสัตวแพทย์มหาวิทยาลัยมหิดล-ราชวิทยาลัยการแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ และเราได้ทำการยื่นโครงการที่สองไปค่ะ ซึ่งโครงการนี้จะแตกต่างจากโครงการแรกคือ ทุนเรียนฟรีตลอดหลักสูตร (6 ปี) ซึ่งจำเป็นต้องใช้ทุนหลังจบการศึกษาค่ะ โดยที่เราตัดสินใจยื่นเพราะเรามองว่าเป็นการเปิดโอกาสที่จะทำให้เราได้เข้าไปทำงานกับหน่วยงานที่เราต้องการจะทำมากขึ้นค่ะ ( ซึ่งเราอยากทำงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์ชายฝั่งทะเลค่ะ )  โดยเกณฑ์การรับเข้าศึกษาในรอบที่ 1 สามารถติดตามได้ในwebsite  ของมหาวิทยาลัยได้เลยค่ะ ( Website :  Mahidol TCAS64  + เกณฑ์โครงการที่หนึ่ง #64 : 73_TH_VM.pdf (mahidol.ac.th)  + เกณฑ์โครงการที่สอง #64 :  1026vs_4.pdf (mahidol.ac.th)
ซึ่งหลังจากที่ทำการยื่นไปผลสุดท้ายคือ เราติดคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล-จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย เรียบร้อยแล้วค่ะ :) 
เราจะมาแชร์ประสบการณ์การเตรียมตัวยื่นพอร์ตฉบับเด็กซิ่วโดยละเอียดค่ะ 
1.เราต้องศึกษาเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยที่จะยื่นให้แน่ชัดค่ะ โดยข้อมูลต้องถูกอัพเดตเป็นปีที่เราต้องการจะยื่นให้ได้มากที่สุดค่ะ ( เช่นเราจะยื่นปี 64  ก็ต้องศึกษาเกณฑ์การรับของปี  64  หากยังไม่ประกาศ เราก็จะศึกษาเกณฑ์จากปีล่าสุดให้ได้มากที่สุดค่ะ )
2.ของเราเมื่อศึกษาแล้วเราจำเป็นต้องยื่นคะแนนภาษาอังกฤษโดยเราเลือกสอบ TOEIC  โดยคะแนนที่คณะกำหนดคือ 600 คะแนนขึ้นไปค่ะ  โดยเราใช้เวลาเตรียมตัวเฉลี่ยประมาณ 1-2 อาทิตย์ก่อนสอบค่ะ วิธีการที่เราใช้เตรียมตัวคือการทำข้อสอบเก่าที่มีความคล้ายคลึงกับข้อสอบจริงมากที่สุด ( สามารถหาได้ตามFacebook ที่แบ่งปันข้อสอบและ Youtuber ค่ะ   เช่น  (1) Facebook  เป็นต้น และ youtuberที่เราดูบ่อยที่สุดคือช่องครูพี่อิ๋ง TOEIC ONE DAY ค่ะ  https://youtu.be/K40_aVl0E0g   )   ซึ่งเราได้คะแนน   650 ค่ะ //ฮา
3.หลังจากนั้นก็ทำการจัดการกับแฟ้มสะสมผลงานของตัวเองให้เรียบร้อย ศึกษาคุณสมบัติต่าง ๆ เอกสารทำให้เรียบร้อยให้เร็วที่สุดค่ะ ซึ่งแฟ้มสะสมผลงานเราเราไม่ได้แชร์ไว้ให้ในนี้ค่ะ แต่สามารถสอบถามได้นะคะ   ในพอร์ตก็จะมีจดหมายรับรองการฝึกงาน,  ความคิดเห็นจากสัตวแพทย์ที่เราไปฝึกงานด้วย  เป็นต้นค่ะ  
**ขอชี้แจงเพิ่มเติมคือเราไปฝึกงานที่คลินิกสัตวแพทย์นะคะ โดยวิธีการติดต่อขอฝึกงานของเราคือโทรเข้าไปทางร้านและสอบถามว่าเราสามารถฝึกงานได้ไหม ถ้าได้เราจะเข้าไปคุยกับคุณหมอเกี่ยวกับระยะเวลาการฝึกงานและข้อมูลต่าง ๆ ตามที่เราต้องการจะชี้แจงค่ะ โดยเราฝึกงานไปรวมทั้งสิ้น 181 ชั่วโมง  ค่ะ  
เมื่อยื่นไปแล้วผลประกาศว่าติดเราจึงต้องทำการสัมภาษณ์ค่ะ  ของเรารับสัมภาณ์ 12 คน และรับ 12 คนค่ะ แต่ติดจริง ๆ 11 คนค่ะ
รีวิวสัมภาษณ์ของมหิดลค่ะ
เราสัมภาษณ์ของมหิดลเป็น Google meet ค่ะซึ่งมีนัดลองระบบก่อนวันสัมภาษณ์จริงประมาณ 3 วันได้ โดยการสัมภาษณ์ของเราเป็นการสัมภาษณ์ในรูปแบบชื่อMMI  (อะไรคือMMI : เตรียมตัว MMI - Multiple Mini Interview กับ CHULATUTOR ) โดยมี 3 สถานีค่ะ คำถามก็จะเป็นคำถามทัั่วไปเกี่ยวกับการเป็นสัตวแพทย์ซึ่งเคล็ดลับคือการเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุดค่ะ :)

- โดยคร่าวแบบละเอียดก็จะมีประมาณนี้ค่ะ   หากข้อมูลผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ  และสุดท้ายนี้หลังว่าประสบการณ์ของเราจะเป็นประโยชน์ให้กับใครที่เข้ามาอ่านไม่มากก็น้อย   ขอบคุณมากค่ะ 
 

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น