เข้าแพทย์รอบ1หรือรอบ3ดี ลังเลมากช่วยด้วย

ดูข้อมูลจากปี64 เป็นแนวทาง ว่ารอบ1 ใช้ผลงานอะไรบ้าง ถ้าเราพอมีบ้างแล้ว+หาเพิ่มอีกไม่มาก ลองยื่นดูก็ไม่เสียหาย

แพทย์ รอบ 1 ไม่ต้องสอบข้อเขียน แต่มีกำหนดเกรดขั้นต่ำ กำหนดคะแนนอังกฤษขั้นต่ำ ของสถาบันทดสอบต่างประเทศ (BMAT IELTS) ต้องจ่ายเงินค่าทดสอบจำนวนมาก ต้องทำพอร์ตฯ รับจำนวนน้อย รับไม่กี่คน

เด็กเก่งปานกลาง ที่ไม่ได้ร่ำรวยมาก ก็อย่าไปสนใจ เตรียมตัวเข้าแพทย์รอบ 1 ให้เสียเวลาเลย เอาเวลาทั้งหมด ทุ่มเทให้กับการเตรียมตัวสอบข้อเขียน เข้าแพทย์รอบ 3 กสพท.ดีกว่า ใช้ความรู้ ความสามารถของตัวเองแน่นอนกว่า รับจำนวนมากกว่า และเลือกได้ 10 สถาบัน

ไม่มีข้อมูลว่า เป็นเด็กภาคเหนือหรือไม่

แพทย์รอบ 2 โควตาพื้นที่ ถ้าเป็นเด็กภาคเหนือ เตรียมตัวสมัครสอบเข้าแพทย์ มช.รอบ 2 จะดีที่สุด มีโอกาสลุ้นติดแพทย์ มช.ได้ง่ายมากกว่ารอบ 3 กสพท.มาก

เพราะเด็กภาคอื่นๆ จะไม่มีสิทธิ์สมัครเข้าแพทย์ มช.รอบ 2 ได้เลย คู่แข่งขันจึงมีจำนวนน้อยกว่า รอบ 3 กสพท.(ทั่วประเทศ)

ถ้าเป็นเด็กภาคเหนือ สอบวิชาเฉพาะ/ 7 วิชาสามัญ/ โอเน็ต ครั้งเดียว ให้ได้คะแนนดีๆ ก็มีโอกาสลุ้นติดแพทย์ทั้ง รอบ 2 และรอบ 3

ถ้าได้คะแนนรวมดีมาก คะแนนมากกว่าคะแนนต่ำสุดแพทย์ มช.ปีล่าสุด ก็อาจจะสละสิทธิ์แพทย์ มช.รอบ 2 เพื่อไปเลือก 10 อันดับ ลุ้นเลือกแพทย์รอบ 3 กสพท. สถาบันที่มีคะแนนสูงกว่าแพทย์ มช. เช่น จุฬาฯ ศิริราช รามาฯ อื่นๆ ได้อีกด้วย หรือไม่สละสิทธิ์แพทย์รอบ 2 ก็ได้ เพราะสิทธิ์เป็นของเรา

ในอดีตการสอบเอนท์เข้าแพทย์ทันตแพทย์ เป็นแบบครั้งเดียวจบ ผลที่เกิดขึ้นคือนักเรียนที่เรียนในรร.ในกทม.สอบเข้าได้เป็นส่วนใหญ่แม้ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยในต่างจังหวัดก็ตาม จึงเกิดการกันโควต้าภาคขึ้น และพัฒนามาเป็นทางที่ซอฟท์กว่าคือรอบที่ 1 โดยกำหนดเกณฑ์ที่เอื้อต่อกลุ่มนร.ในสังคมที่มหาวิทยาลัยนั้นๆจะสนับสนุน เช่นเป็นคนจิตใจดีงาม เก่งวิชาจำเพาะเช่นภาษาอังกฤษ แต่รัฐบาลมีการเปลี่ยนบ่อย นโยบายจึงพัฒนาเอียงไปเอียงมา จนมาเป็นปัจจุบัน ถ้าเอาตามแนวคิดเลย จขกทควรเลือกเข้าผ่านโควต้าภาคเหนือจะเหมาะสมสุด แต่เราก็สามารถจะคิดอะไรยังไงในแบบของเราก็ได้ แต่ถ้าจะเข้าจุฬา รอบที่ 3 จะลำบากที่สุดเสมอ