Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เปรียบเทียบ “BALAC กับ BAS” เหมือนหรือต่างกันอย่างไร “อินเตอร์ อักษร ฬ VS ศิลปศาสตร์ มธ” (จากเด็กซิ่ว BAS ไป BALAC)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีค่า กลับมากับการรีวิวคณะอีกแล้วนะคะ แต่ว่าบทความนี้เราจะพาทุก ๆ คนไปทำความรู้จักกับคณะสายอักษรถึง 2 คณะ นั่นก็คือ BALAC (อักษร จุฬา อินเตอร์) และ BAS (ศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์ อินเตอร์) ค่า เราจะบอกเล่าจากประสบการณ์ที่เคยเรียนทั้ง 2 ที่นะคะ เพราะว่าเราซิ่วจาก BAS มา BALAC นั่นเองค่า มาดูความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง 2 programs นี้กันนะคะ! ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลย!


cr. BALAC

​cr. BAS

ข้อที่ 1 เนื้อหาการเรียน

เรารู้สึกว่าทั้ง 2 ที่มีส่วนที่สอนคล้ายกันอยู่ โดยเฉพาะปี 1 แต่ไม่ได้เหมือนกันขนาดนั้น เหมือนจะเน้นคนละด้าน อย่าง BAS จะเน้นสอนเกี่ยวกับ Western countries ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม รวมถึงวรรณกรรมด้วย โดยเฉพาะของประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ก็ชื่อหลักสูตรเขาก็บอกอยู่เนอะ ว่า British and American Studies หรือ อังกฤษอเมริกาศึกษานั่นเอง ส่วน BALAC จะเน้นสอน culture มากกว่า และครอบคลุมกว่าเพราะว่ามีเนื้อหาฝั่ง Eastern countries ด้วย รวมถึงพวก theory หรือ discourse ต่าง ๆ อย่างเช่น Gender Studies หรือ heavy concept แบบ Marxism ก็จะสอนที่ BALAC ค่า แต่ถึงแม้ว่าเนื้อหาจะมีส่วนที่ต่างกัน แต่ตอนปี 1 เราสังเกตว่ามีหลายวิชาที่คล้าย ๆ กันเลย อย่างเช่นที่ BAS มีวิชา TU 113 Fundamentals of Philosophy and Religions ที่ BALAC ก็มี 3 วิชาที่เนื้อหาตรงกัน แต่จะละเอียดกว่า (เลยถูกแบ่งเป็น 3 วิชาซะเลย) General Philosophy, Basic Thoughts of Asia, และ History of Western Ideas นอกจากนั้นแล้ววิชา Reading Writing ของทั้ง 2 ที่ก็แอบสอนเนื้อหาคล้าย ๆ กันอยู่นะ!


cr. Chulatutor

ที่มา https://sites.google.com/a/tupr.ac.th/thepyudakewalin/khna-silpsastr-sakha-phasa-xangkvs

ข้อที่ 2 วิธีการสอน + บรรยากาศในห้องเรียน

ในความคิด+ประสบการณ์ส่วนตัวของเรา เราชอบเรียนแบบ BALAC มากกว่า เพราะว่าอาจารย์ส่วนใหญ่จะออกข้อสอบแบบให้มาวิเคราะห์เอง ถ้าเทียบกับของ BAS แต่ส่วนตัวเราว่ามันก็ทำให้การเรียนของ BALAC ยากกว่าด้วย ยกตัวอย่างเช่น ตอนปี 1 ทั้ง 2 คณะมีวิชาที่เรียน Literature ทั้งคู่ ที่ BAS ตอนนั้นเรียน Romeo and Juliet กับ The Cherry Orchard ซึ่งอาจารย์จะสอนแบบไปทีละบรรทัดให้เราเข้าใจเนื้อเรื่องแล้วไปเขียนสอบ ซึ่งอาจารย์จะบอกคำถามในข้อสอบล่วงหน้า ให้นักเรียนไปเตรียมตัว อันนี้เราว่ามันมีช่องโหว่ตรงที่ว่าแค่จำคำตอบให้ได้แล้วไปเขียนให้ห้องสอบ (ดูแล้วเหมือนจะง่าย แต่ต้องเขียนตั้ง 10 กว่าหน้าแหนะ เราจำเป็นอาทิตย์ หัวแทบแตกเลย!) ส่วนของ BALAC อาจารย์จะให้อ่านหลาย ๆ เรื่องคร่าว ๆ เพื่อฝึกทักษะวิเคราะห์ตัวละคร หรือตีความจาก setting หรือ symbol ต่างๆ ข้อสอบก็จะออกมาเป็นเรื่องที่เราไม่เคยอ่าน ต้องใช้ skill ที่เรียนมาในการวิเคราะห์เอง แอบโหดอยู่เหมือนกัน (ToT)/

หรือวิชา philosophy ที่เรายกตัวอย่างไปก่อนหน้านี้ว่าทั้ง 2 คณะเรียนเนื้อหาคล้ายกัน แต่วิธีการสอนไม่เหมือนกันนะ ซึ่งเราแอบชอบของ BAS มากกว่าเพราะว่าอาจารย์สอนสนุก+เนื้อหาเบากว่า ส่วนข้อสอบของ BAS เราค่อนข้างเข้าใจมากกว่าเลยทำได้ค่อนข้างดี บวกกับข้อสอบเป็นปรนัย+จับคู่ด้วย เคยได้ top คลาสด้วยครั้งนึง ภูมิใจมาก! ส่วนของ BALAC ก็อย่างที่รู้ ๆ กันว่าข้อสอบเป็นอัตนัยแน่นอน!

บรรยากาศในห้องเรียน เรารู้สึกว่าอาจจะเปรียบเทียบไม่ได้มาก เพราะว่าตอนเรียนที่ BAS เราเรียน on site แต่ที่ BALAC เราเรียน online เลยค่อนข้างแตกต่างกัน แต่เรารู้สึกว่าเพื่อน ๆ น่ารักทั้ง 2 ที่เลย แต่ BALAC จะมีความ competative สูงกว่ามาก ๆ ส่วน BAS ความเครียดความกดดันจะน้อยกว่าเยอะ ฉะนั้นน่าจะแล้วแต่คนชอบ ส่วนตัวเราอยากอยู่ในห้องเรียนที่มี pressure หน่อยจะได้ช่วย push+กระตุ้นเรา

ข้อที่ 3 ค่าเทอม (Tuition Fees)
BALAC 91,000 บาทต่อเทอม BAS 65,000 บาทต่อเทอม

ข้อที่ 4 กิจกรรมต่าง ๆ

การที่สังเกต BAS มีข้อเสียอยู่ตรงที่เรียนที่ท่าพระจันทร์ ชาวสายกิจกรรมก็จะผิดหวังหน่อย ๆ เพราะว่ากิจกรรมใหญ่ ๆ ส่วนใหญ่อยู่ที่ฝั่งรังสิต t_t แต่ว่าก็ยังมีกิจกรรมอยู่บ้างเช่น Tha Prachan Games (ซึ่งเราเคยเป็นหลีด บอกเลยว่าเหนื่อย+สนุกมาก น้อง ๆ BAS คนไหนสนใจอย่าลืมไปสมัครนะคะ ขายของนิดนึง @bastucheerleader) ส่วนของ BALAC ก็สามารถเข้าร่วมทุก ๆ กิจกรรมเหมือนกับภาคไทยเลย สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่บทความที่แล้วนะคะ

ข้อที่ 5 การเดินทาง

BALAC สามารถเดินทางมาได้โดยลงที่สถานี BTS สยาม หรือ MRT สามย่าน จากนั้นสามารถนั่งรถป้อปของจุฬาต่อเข้ามาข้างใน campus ตรงคณะอักษรได้

BAS อยู่ใกล้ ๆ กับ MRT สนามไชย แต่ต้องหารถนั่งต่อเข้ามาเอง หรือว่าสามารถโดยสารทางเรือโดยลงท่าช้าง, ท่ามหาราช, หรือท่าพระจันทร์ก็ได้ค่ะ ส่วนเราอาศัยนั่งรถเมล์มาจากคอนโด (ตอนนั้นพักอยู่ที่ Ideo Mobi Charan Interchange)

ข้อที่ 6 Admission

BALAC มี 2 รอบคือ Early Admission กับ Admission (รายละเอียด+เคล็ดลับการสอบเข้าอยู่ในบทความที่แล้วนะคะ!)

BAS มีประมาณ 3–4 รอบแล้วแต่ปี (อ่านรายละเอียดได้เลยที่ https://basthammasat.org/requirements-2018/)

ส่วนตัวเรารู้สึกว่า BALAC ยากกว่า เพราะตอนสัมภาษณ์เข้า BAS เรา อาจารย์แค่เปิดพอร์ตแล้วให้ผ่านเลย เรานั่งงงว่าแค่นี้หรอเลยถามไปว่าไม่มีอะไรจะถามเลยหรอ แค่นี้จริงดิ 55555 อาจารย์เลยถามมาคำถามชื่อนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ พอเราตอบถูกอาจารย์ก็ขอบคุณ เชิญออกได้ จบเร็วมาก แต่แล้วแต่คนด้วยเพราะว่าบางคนสอบติด BALAC ไม่ติด BAS ก็มี

จบไปแล้วนะคะ สำหรับการรีวิวทั้ง 2 คณะ หวังว่าบทความนี้จะช่วยทำให้น้อง ๆ ตัดสินใจกันนะว่าคณะไหนที่ใช่สำหรับเรา ทั้งนี้ทั้งนั้นทั้ง 2 ที่ก็มีข้อดีข้อด้อยที่แตกต่างกันไป ดังนั้นหวังว่าทุก ๆ คนจะเจอหลักสูตรที่เหมาะกับตัวเองนะคะ! \(* ¨̮*)/\(*¨̮ *)/ สำหรับใครที่สนใจคณะ BALAC สามารถไปตามอ่านกันต่อที่ https://www.dek-d.com/board/tcas/4032076/

แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ!

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น