คิดว่าคุ้มมั้ยถ้าเด็กจนๆเรียนทันตะเพื่องดึงฐานะขึ้น (งดโลกสวย)
ตั้งกระทู้ใหม่
ตามหัวข้อเลยค่ะตอนนี้หนูกำลังลังเลว่าจะเลือกอะไร แต่ดูๆไว้ คือทันตะ กับเภสัช แต่ทันตะด้วยความที่ค่าเทอมสูง ม.รัฐต้องมีเงินเกือบล้านถึงจะเรียนได้หนูไม่รู้ว่าเรียนไปแล้วมันจะคุ้มรึเปล่า ได้ยินว่าต่อไปจะไม่ได้บรรจุราชการทุกคน อะไรก็ยากขึ้นเรื่อยๆไม่รู้ว่ารายได้อาจจะไม่ได้ดีเหมือนเดิมแต่ค่าเทอมสูงขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าทำไมถึงมีคนอยากเรียนอยุ่ถ้าอนาคตเป็นแบบนี้
ตอนนี้หนูอยู่ ม.4 เทอม 2 หนูเริ่มเก็บเนื้อหาสรุปแต่ละวิชาที่เรียนมา ทบทวน ม.5 ตั้งใจจะอ่านจริงจังทำโจทย์ ตั้งใจว่าจะเข้าสายสุขภาพเข้าอะไรก็ได้ที่มีงานรองรับ ไม่ตกงาน ไม่หางานยาก ถึงจะเรียนหนักก็ยอม เพราะเราไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษเลยเลือกอาชีพที่คิดว่ามั่นคง
อยากได้ความคิดเห็นของพี่ค่ะๆว่าเลือกอะไรดีหนูอยากมีน้ำหนักในการเลือกว่าควรเอาอะไรดี
เภสัชvsทันตะ
ปล.หนูไม่อยากเรียนหมอเพราะมันกดดันและความเสี่ยงสูง แบะอดหลับอดนอน หนูชอบอะไรที่มีเวลาส่วนตัว
21 ความคิดเห็น
คุ้มครับ เเพทย์หรือทันตะก็ได้ มันยกระดับคุณภาพชีวิต ของเราได้เลย คุ้มที่จะลงทุนมากๆ ดังนั้นตั้งใจให้มากๆ พี่พิสูจน์มาเเล้ว ชีวิตพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยครับ มันไม่มีหรอกครับในประเทศไทยที่ให้บอกว่า เรียนในสิ่งที่ชอบ เพราะความเป็นจริง ประเทศไทยไม่ได้ให้การสนับสนุนทุกสาขาอาชีพขนาดนั้นเหมือนต่างประเทศ เงินเเละความมั่นคงของชีวิต คือเรื่องจริงของคนไทยที่เราต้องการมากที่สุด พี่ก็เรียนเเพทย์ เพราะปัจจัยหลักๆคือ เงิน จบมาก็ทำงาน เเลกกับเงินเดือน ก็ไม่ได้ทุกข์หนาอะไร เงินเยียวยาทุกอย่างครับ จากเด็กจนๆคนนึงก็พลิกชีวิตมีคนนับหน้าถือตาเพราะเรียนแพทย์นี่แหละครับ
ขอพี่เป็น ....ได้ไหมคะ
หนูไม่รุ้ว่าทันตแพทย์มันจะได้บรรจุราชการมั้ยในอนาคตแนวโน้มไม่รู้ว่ารายได้จะลดลงรึเปล่า ค่าเทอมก็ยิ่งสูงกว่าแพทย์ แต่หนูไม่ได้อยากเป็นหมอ หนูอยากเป็นหมอฟัน ไม่ทราบว่าพี่พอจะทราบเกี่ยวกับทันตแพทย์หรือมีเพื่อนอยู่ในวงการนี้มั้ยคะ
ณ ปัจจุบัน ทันตะจบใหม่จะไม่ได้บรรจุทุกคนแล้วครับ ได้บรรจุน้อยมากในหนึ่งรุ่น และมีแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆจนไม่ได้บรรจุแล้วเหมือนเภสัชครับ ถ้าน้องกำลังมองหาความมั่นคงจากการได้รับราชการ พี่อยากจะบอกว่าด้วยตัววิชาชีพของมันเองมันมั่นคงอยู่แล้วครับใน3สายงาน แพทย์ ทันตะ เภสัช ดังนั้นน้องไม่ต้องกังวลเลยว่าจบมาจะไม่มีงานทำ พี่จะตอบในส่วนของทันตะละกันนะครับ พี่เป็นรุ่นสุดท้ายที่ได้บรรจุทุกคน อยากบอกว่า ไม่ได้บรรจุก็ไม่เป็นไรครับ มีคลินิก,รพ.เอกชน เยอะแยะที่รองรับอยู่ และในอนาคตคลินิกทำฟันก็จะเยอะขึ้นเรื่อยๆ พอๆกับคาเฟ่ ไม่ต้องมีเงินเปิดคลินิกเองก็ได้ รับทำตามคลินิกต่างๆก็รายได้50k-200kแล้ว(แล้วแต่พื้นที่) รายได้จะแปรผันตามความขยัน ทำมากได้มาก(ปวดคอ,หลังมาก) ทำน้อยก็มีเวลาพักผ่อนแต่รายได้กลางๆ แต่พอมาเทียบกับคนที่อยู่ในระบบราชการจบใหม่ เงินรวมๆแล้วสูงสุดไม่เกิน60kครับ แต่มีเวลาพักเยอะหน่อย ทีนี้มาที่คำถามน้องคือคุ้มไหม: คุ้มครับ ด้วยหน้าที่การงานแล้ว จะได้รับการยอมรับจากคนรอบตัว รายได้มั่นคง(ทั้งเอกชนและราชการ) ส่วนเรื่องค่าเทอมแพง ต้องลองสอบให้ติดก่อนครับน่าจะมีทางช่วยเหลืออยู่เช่น กู้เงินกยศ. แต่ยังไงก็คุ้มครับ ค่าเทอมหนึ่งล้าน น้องจบออกมาจะหาเงินได้มากกว่านั้นเยอะ ถ้าอยากรู้อะไรก็ replyมาครับ ยินดีให้ข้อมูล
ขอบคุณมากนะคะที่มาแนะนำ หนูคิดไว้แล้วว่าจะกู้ กยศ เรียนเพราะไม่อยากให้เป็นภาระพ่อแม่ดอกเบี้ยต่ำด้วยมีเวลาให้ใช้หนี้หลายปี ไม่อยากให้พ่อแม่เหนื่อย ญาติหนูแนะนำว่าให้กู้ตั้งแต่ม.ปลาย จะได้ง่าย ตั้งใจว่าอยากเข้า จุฬา กับมหิดล เพราะเขาบอกว่าน่าจะมีทุนเยอะ ส่วนเรื่องสอบหนูจะทำให้เต็มที่หนูไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆอยู่แล้ว
ลองหาๆไปก่อนครับน้องยังอยู่ม.4ใช่ไหม ความชอบอาจจะเปลี่ยนไปทุกปีก็ได้ครับ555 พวกทุน/โครงการ แต่ละปีก็ไม่เหมือนกัน ต้องคอยติดตามข่าวสาร คณะนี้รับคนน้อยครับการแข่งขันมันเลยสูงมาก ตั้งใจเรียนไปเรื่อยๆ อย่าไปเครียดหรือกดดันตัวเองมากเกินไปด้วยเวลายังมีครับ ถ้าคิดว่าชอบคณะนี้จริงๆ แนะนำว่ามีโอกาสก็ลองทำพวกพานไหว้ครู ทำบอร์ด งานฝีมือไรงี้ก็ดีนะ เพราะในคณะจะได้ทำcraftฟัน พอปีสูงได้ทำหัตถการก็คือสกิลงานฝีมือซะส่วนใหญ่เลย ถ้ามหาลัยต่างๆเปิดโอเพ่นเฮ้าส์ ก็ลองไปดูก็ได้ครับ จะได้เห็นของจริง ข้อแนะนำสุดท้ายคือ ที่บอกว่าจะไปมหิดล/จุฬาเพราะทุนเยอะ:อันนี้พี่ไม่รู้นะครับ ต้องลองศึกษาดีๆ แต่ความคิดเห็นส่วนตัวพี่ว่า อยู่กรุงเทพมันก็ต้องคำนึงหลายๆอย่างนะ ถ้าน้องอยู่แถวกทมอยู่แล้วก็โอเครครับ แต่ถ้าไม่ใช่ ลองคิดถึงค่าครองชีพด้วยนะ ค่าเดินทางค่ากินค่าหอ รวมๆแล้วแพงอยู่นะครับต่อเดือน ถ้าคิดจะประหยัดเงินพ่อแม่ น้องอาจจะใช้ชีวิตลำบากหน่อย พี่ว่าลองหาม.รัฐ ภูมิภาคอื่นก็เป็นทางเลือกนึงนะ ค่าครองชีพถูกลงก็ประหยัดพ่อแม่ได้เยอะเลย ตัวพี่เองตอนม.4ก็อยากเรียนหมอแหละ พอผ่านไปม.5-6 มองไปในอนาคตแล้วแบบ ไม่ใช่อะ ไม่อยากใช้ชีวิตแบบนั้น เลยเบนเข็มมาทางนี้ครับ55555 ทุกวันนี้แฮปปี้ดีครับ
มีคนที่ไม่มีสกิลงานฝีมือแต่ไปรอด เรียนรอดมั้ยคะ คือพวกงานประดิษ พานไหว้ครูหรือพวงมาลัยอะไรพวกนี้ ที่เป็นงานประดิฐหนูชอบอยู่แล้วเพราชอบทำเป็นงานอดิเรก
รอดเยอะแยะครับ พี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่พี่มีความรู้สึกส่วนตัวว่าคนที่มีสกิลงานฝีมือจะปรับตัวกับวิชาที่ต้องเรียนได้ง่ายกว่า แต่มันก็ไม่ได้การันตีว่าจะเก่งเสมอไปนะครับ เพราะมันคือวิชาและศาสตร์ใหม่ที่ไม่มีเด็กม.ปลายคนไหนเคยเรียน ดังนั้นทุกคนก็คือไปเริ่มใหม่เหมือนกันหมด เราจะทำได้ดีหรือไม่ดี มันก็จะไปรู้ตัวตอนได้เรียนจริงๆนู่นแหละครับ แต่พี่ขอยืนยันว่ามันเป็นสิ่งที่ฝึกกันได้ เพราะพี่ก็เป็นหนึ่งในคนที่ทำได้ไม่ค่อยดีและผ่านอุปสรรคตอนเรียนมา จนทุกวันนี้ทำงานก็ยังต้องฝึกต่อไปเรื่อยๆ ก็เหมือนการขับรถยิ่งทำยิ่งเก่งครับ
เจ้าของกระทู้เลือกเรียนอะไรคะสรุป อยากทราบเพื่อเป็นแนวทางตัดสินใจค่ะ เพราะความคิดคล้ายๆกัน
ถ้าเราเน้นที่รายได้ สมมติว่ารัฐไม่บังคับทันตใช้ทุน น่าจะเป็นข่าวดี ทันตแพทย์ไม่มีช่วงเพิ่มพูนทักษะแบบแพทย์ ส่วนใหญ่ฝึกปฏิบัติรักษาคนไข้กันมากมาย คนที่เน้นรายได้ มักจะอึดอัดกับสัญญาใช้ทุนอันยาวนาน อยากไปทำงานให้คลีนิคมากกว่า ยกเว้นรักสบายชอบวันหยุดก็อาจจะเลือกภาครัฐ สอบให้ติด เรียนให้จบดีกว่า เรื่องที่พูดมาไม่เคยได้ยินว่ามีที่ไหนในโลกใบนี้ที่คุณหมอต่างๆ จะไม่เป็นที่ต้องการ แม้แต่ธนาคารก็ยังนิยมให้มากู้เงินกันเยอะๆ
ถ้าน้องฐานะไม่ดีและไม่มีโอกาสหรือไอเดียที่จะสร้างเงินให้ตัวเองจริงๆ ก็คุ้มล่ะค่ะ
บรรจุเป็นข้าราชการ เงินเดือน 38,500-43,500 บาทในปีแรก (ทำงาน 8.30-16.30)
ถ้าไม่ใช้ทุน จ่าย 4 แสนแล้วทำเอกชนก็รายได้ 50,000-120,000 แล้วแต่ความขยัน (ทำงาน 10.00-20.00) แลกกับการปวดคอ บ่า ไหล่ ข้อมือ เสี่ยงโรคกระเพาะ กรดไหลย้อน เพราะกินข้าวไม่ตรงเวลาและกินดึก... แต่ก็แล้วแต่ชั่งน้ำหนักค่ะ เพราะอาชีพอื่นๆ ก็มีที่ทำลายสุขภาพพอๆ กันแต่รายได้น้อยกว่าก็มี
ข้อคำนึงทางด้านร่างกาย: เงินแปรผันตามความหนักของงานค่ะ อยากได้มากก็เหนื่อยมาก ใช้ร่างกายหนัก เป็นกรรมกรชั้นสูง ควรทำร่างกายให้แข็งแรงไว้
ข้อคำนึงทางด้านจิตใจ: เป็นงานบริการ เจอผู้คนหลากหลายรูปแบบ เจอคนที่รู้จักเคารพคนอื่นบ้าง คนนิสัยไม่ดีบ้าง ทำงานในพื้นที่เล็กๆ ต้องใช้ความละเอียด มีความเครียดจากปัจจัยพวกนี้ ถ้าคิดว่าไหวก็ลุยค่ะ มันก็ไม่ถึงกับทนไม่ได้ แต่ถ้าจิตใจอ่อนไหวก็มีช่วงที่ต้องเจ็บช้ำพอสมควรกว่าจะปรับตัวได้ -- ตอนเรียนก็ด้วยค่ะ อาจารย์นิสัยไม่ดีก็เยอะ เวลาโดนดูถูก หรือทำร้ายจิตใจ ถูกปฏิบัติแย่ๆ ใส่ต่อให้จิตใจเข้มแข็งก็มีเป๋ได้เหมือนกัน (คือถ้าอาจารย์บางคนไปพบจิตแพทย์ก่อนมาสอนจะสามารถลดปริมาณนักศึกษาที่ต้องไปพบจิตแพทย์ได้อีกเยอะเลยค่ะ ขออภัยที่มาระบายตรงนี้นะคะ คือทุกวันนี้ยังรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมที่เห็นคนนิสัยดีๆ จิตใจอ่อนโยน ต้องมาป่วยเพราะคน toxic พวกนี้)
คน toxic มีอยู่ทุกที่ ปนๆ กับคนปกติ แต่ตอนเรียนมีอาจารย์ ego สูงๆ เต็มคณะ ก็จะเจอเยอะหน่อย ตอนทำงานวันๆ เจอคนหลากหลายก็จะมีโอกาสเจอแจ็คพอตบ้าง
ที่พูดนี่ยังไม่ได้ป่วยอะไรนะคะ แต่ก็รู้สึกว่าอาชีพนี้ตอนเรียนกับตอนทำงานมันมีปัจจัยหลายอย่างที่จะทำให้เสี่ยงซึมเศร้า วิตกกังวล ย้ำคิดย้ำทำ ฯลฯ ต้องใช้ความอดทนมากพอสมควร ผ่านมาได้ก็จะเก่งขึ้นค่ะ
*แต่ถ้าไม่จำเป็น สามารถหารายได้จากช่องทางอื่นได้โดยที่จิตใจยังสดใสเหมือนอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ได้ก็ไปทางอื่นค่ะ อย่ามาลำบาก ถ้าชั่งน้ำหนักแล้วมันไม่คุ้ม
ขอจบด้วยข้อดีที่จริงๆ แล้วมีเยอะมากนะคะ: คนบางส่วนให้ความเคารพค่ะ มีเครดิตในการกู้เงิน ยังคงเป็นที่ต้องการอยู่ รายได้เยอะ ถ้าเปิดคลินิก บริหารดีๆ รายได้คลินิกหลักแสนหลักล้านได้เลยได้เจอได้รู้จักผู้คนหลากหลาย ได้ช่วยเหลือคนอื่น(แต่บางทีทำดีก็ไม่ได้ดีบ้างค่ะ แค่กๆๆ เอาใหม่ จะพูดแต่ข้อดีต่อค่ะ!) ยกระดับฐานะได้ตามที่น้องต้องการ แค่เพื่อนที่เรียนด้วยส่วนใหญ่ก็เป็นไฮโซละค่ะ การอยู่ในสังคมแบบนี้ก็สร้างโอกาสเติบโตได้หลายเส้นทางค่ะถ้าเป็นคนชอบไขว่คว้าหาโอกาส
นี่ตอบแบบเรียลมากเพื่อให้น้องๆ ได้มองรอบด้าน เรียลจนพิมพ์เสร็จไม่กล้าโพสต์เลยค่ะ เรื่องไม่ดีเป็นประสบการณ์ส่วนตัว ระบบต่างๆ อาจจะพัฒนาแล้ว และหมอฟันที่ชอบอาชีพตัวเองมากๆ ก็มีเยอะ พี่ตอบในฐานะคนที่ทั้งรักทั้งเกลียดนะคะ แหะๆ
อ่อ อีกอย่างคือถ้าเป็นไปได้ก็พยายามสอบเข้ามหาลัยรัฐเถอะค่ะ ค่าเทอมเอกชนแพงมากจริงๆ
ขอบคุณค่ะที่มาแนะนำ หนูชอบความตอบตามความเป็นจริงแบบไม่โลกสวยค่ะเพราะมันทำให้เรามองได้หลายๆมุมก่อนจะตัดสินใจไปเรียนทำให้เราไม่เลือกพลาด เสียเวลา ได้เห็นในความคิดคนวงในจริงๆ
จริงๆหนูเป็นคนชอบทำอะไรหลายๆอย่าง หูเลยอยากเรียนอาชีพที่มันมีเวลาด้วย อยากเป็นยูทูปเบอร์ด้วน (ตอนนี้ก็ทำอยู่ พึ่งทำได้ไม่กี่เดือนก็ค่อนข้างดี)ด้วยแบบไม่ต้องอยุ่ในกรอบ อยากทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง คิดแปลกๆแหวกแนวไม่เหมือนคนอื่นหนูก็ชอบอะไรแบบนี้มากเหมือนกันแต่คิดว่ามันไม่มั่นคง เลยต้องมองหาอาชีพหลักที่มั่นคงก่อนแล้วทำอาชีพที่เราชอบเสริมก็ได้ หนูเป็นคนคิดเรื่อง เงิน งานอยู่ตลอดเวลา เพราะค่อนข้างมีความทะเยอทะยานสูง ก็เพราะฐานะเลยค่ะที่บีบให้เราอยู่นิ่งไม่ได้และต้องมองอนาคตตลอดเวลา
ความเห็นเรียลดีครับ รุ่นผมพบจิตแพทย์ราวๆครึ่งหนึ่งๆ ที่จบมาพร้อมๆกันตามปีก็มีแค่ราว 60-65% ที่เหลือไม่ออกก็ซ้ำ
บอกตามตรงว่าทันตะเงินเยอะจริง แต่จำนวนความต้องการของตลาดเท่าไหร่ไม่ทราบ แต่ถ้าเปิดคลินิกเองก็ไม่ต้องไปกังวลถึงความต้องการตรงนั้น เราเด็กสายวิทย์ตั้งใจสอบเข้าสายสุขภาพจนติดและเมื่อจบมาก็ต้องไปทำงานกับโรงพยาบาลที่อยู่ในเครือมหาลัย แต่ค่าเทอมมันสูงมากกก เลยลาออก (มันสูงมากจริง ๆ นะไม่ได้มีปัญหาเรื่องฐานะยังยิ้มแห้ง เพราะมีน้องชายที่กำลังสอบเข้าอีกคนเลยไม่ได้เรียน) สรุปเลยออกมาเรียนสายศิลป์ ซึ่งค่าเทอมลดลงครึ่งนึง แนะนำว่าถ้ามีทุนแล้วน้องเรียนเก่งให้รีบคว้าเลยค่ะ ประหยัดได้เยอะ
จริงค่ะกังวลเรื่องค่าเทอมมากสุดขนาด ม.รัฐยังแพง ปีละแสน หกปีก็ 6 แสน ยังไม่รวมค่าจิปาถะอื่นๆด้วย ค่าหอ ค่ากินอีกก็เกินล้านเลยแหละ หรูตั้งใจว่าจะกู้ กยศ ค่ะเพื่อไม่ต้องรบกวนพ่อแม่แต่ก็ต้องวางแผนการเงิน เงินสำรองอีกค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่ตัดสินใจแน่ชัดค่อยๆดูไปก่อนค่ะว่าอยากเรียนอะไรแต่ตอนนี้ก้คงต้องทำเกรดสูงๆตั้งใจเรียนไปก่อน
ถ้าเรียนทันตะ พวกค่าเทอมค่าอุปกรณ์สามารถขอทุนได้นะคะ ตรงนี้น่าจะช่วยประหยัดไปได้เยอะ (แล้วแต่พวกอาจารย์ที่เขาสัมภาษณ์ทุนเราด้วยว่าเขาจะให้เราหมดมั้ย หรือจะให้ทุนแค่บางส่วน แต่ถ้ายื่นขอไปยังไงคิดว่าก็ได้นะคะ) แล้วก็ทันตะถึงจะไม่ได้บรรจุข้าราชการทุกคน แต่โอกาสตกงานก็ยังต่ำ ในส่วนของรายได้อาจจะเสียพวกเงินตำแหน่งข้าราชการไป แต่คิดว่ารายได้ก็น่าจะยังสูงอยู่ดีค่ะ ยิ่งถ้าทำงานที่เอกชนด้วยแล้ว หรือบางคนอาจจะทำงานในรพ.รัฐแล้วไปรับทำฟันเพิ่มที่คลินิก ตรงนี้ก็จะได้เงินเพิ่มอีกแต่ก็แลกมากับความเหนื่อยด้วยค่ะ
(ความเห็นเราอาจจะเอนไปทางทันตะนะคะ แต่ยังไงก็อยากให้น้องลองศึกษาข้อมูลด้านอื่นๆเพิ่มไว้เผื่อจะเจอด้านที่ใช่นะคะ)
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ หนูจะตั้งใจเรียน อยากเข้าจุฬากับมหิดลค่ะ เค้าบอกว่าทุนเยอะ
คุ้มแน่นอนค่ะ แต่พี่อยากจะบอกว่า เภสัชไม่ได้มีแค่จ่ายยานะคะ และถ้าน้องบอกว่าหมอมันกดดันและความเสี่ยงสูงนี่ ทันตะก็พอๆกันค่ะ อีกอย่างคือชอบอะไรที่มีเวลาส่วนตัวเนี่ย เพื่อนพี่เรียนทันตะก็ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัว เพื่อนพี่อีกคนเรียนเภสัชก็ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวเหมือนกัน จะคณะไหนก็เหนื่อยค่ะ แต่อาจจะเหนื่อยคนละแบบ พี่อยากให้เราตัดสินใจจากความชอบนะ เราคงต้องเจออะไรที่กดดันอีกเยอะ และอาจจะต้องเสียสละเวลาส่วนตัวบ้าง แต่ถ้ามันเป็นความชอบอะ ยังไงเราก็ยอม เชื่อเถอะ พี่ไม่อยากให้เอาเรื่องความกดดันอะไรแบบนี้มากำหนดอะค่ะ ถ้าพูดไม่ถูกใจน้องยังไงพี่ขอโทษนะคะ แต่มันมีคนแบบนี้จริงๆที่คิดว่าคณะนี้น่าจะเรียนง่าย แต่เข้าไปแล้วยากอะ อย่างคณะประมงนี่เรียนยากและเยอะมาก คือพี่แค่อยากแนะนำแหละค่ะ ยังไงก็สู้ๆนะคะ
ขอบคุณค่ะ ที่หนูไม่อยากเรียนหมอเพราะว่ามันอยู่กับความเป็นความตายของคนมากกว่าทันตะคือทันตะไม่ได้เร่งด่วนอะไรเหมือนหมอที่ชี้ความเป็นตายพลาดไม่ได้
ไม่อยากให้คนมาเสี่ยงด้วย หนูเห็นด้วยที่ว่าเรียนเก่งสอบได้แต่ใช่ว่าเรียนได้ อันนี้จริงค่ะบางคนหัวดี เรียนดี แต่ไม่ชอบไม่ถนัดก็มี
เราก็คิดจะเข้าทันตะเหมือนกัน ที่เราไปดูมาเหมือนปีนี้ลดอัตราบรรจุ เราว่าอาจจะไม่ถึงกับตกงานแต่การแข่งขันสูงขึ้นแน่ๆ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะหางานยากไหมนะคะ ต้องรอรุ่นพี่ในวงการตอบ
สู้ๆค่ะเราอยากเรียรอะไรเรียนเลยค่ะแต่ต้องศึกษาแบะวางแผนทั้งระยะสั้นแงะยาวค่ะ
ส่วนตัวสำหรับพี่ที่เลือกเรียน คือพอรู้นะ แต่พี่ก็เรียนอยู่ดีเพราะชอบ ส่วนเรื่องที่มีโอกาสตกงานคือมีจริงแต่ คณะอื่นมันก็มีหมดอ่ะ 555 ตอนนี้ไม่เหลือคณะที่เรียนจบแล้วบรรจุราชการได้แน่ๆ100%แล้วมั้ง แพทย์ก็ถูกลดเหมือนกัน
ได้ข่าวแว่วๆจากอาจารย์ว่า DF รุ่นใหม่จะได้น้อยลงเนื่องจากหมอนอกระบบมีมากขึ้น และประสบการณ์ความสามารถก็น้อยกว่าที่มีอยู่เดิมในตลาดครับ
ขออนุญาตตอบในฐานะที่เรียนทันตะนะครับ ทันตะก็จะมีช่วงที่อดหลับอดนอนเหมือนกันครับ อยู่ที่ฝีมือละก็ความขยัน ถึงเราจะไม่ต้องเข้าเวรแต่เราก็มีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำครับ ต้องนัดคนไข้เอง ทำงานบนคลินิกทุกอย่างตั้งแต่จัดยูนิต เบิกอุปกรณ์ยันคนไข้กลับบ้าน คนไข้จะมาตามนัดมั้ยก็ไม่รู้ คิดว่ามันก็คงเหนื่อยไม่แพ้กันครับ อาจจะแค่เหนื่อยคนละแบบ แต่ถ้าน้องคิดว่าอาชีพไหนคุ้มค่าที่จะเรียนก็คงเป็นหมอครับ ค่าเทอมถูกกว่าเยอะมาก หรือไม่ก็เปลี่ยนไปสายอื่นไปเลย สายITอะไรพวกนี้เช่นวิศวะคอม วิศวะAI หรือพวกคณิตศาสตร์ประกันภัยมันน่าสนใจกว่าจริงๆครับ มันไม่ต้องใช้ทุน เรียนแค่4ปีก็เริ่มทำงานได้แล้ว เพื่อนพี่บางคนปี2ก็รับจ้างเขียนโค้ดได้เดือนละหมื่นก็มี (แต่ต้องเก่งนะ) ลองมองสายอาชีพอื่นด้วยครับ เพราะโลกมันกำลังเปลี่ยน อะไรที่ตลาดต้องการเงินมันก็จะดีครับ สุดท้ายอยากแนะนำให้ลองไปค่ายพวกอยากเป็นหมอ อยากเป็นหมอฟันไรพวกนี้ดู จะได้รู้ว่าเรารับได้มั้ยที่จะเรียนอะไรพวกนี้ ขอให้โชคดีนะครับ:)
- ทำไมคนถึงยังอยากเข้าคณะนี้ ทั้งๆที่ค่าเทอมขึ้นแต่รายได้อาจลดลง (บอกก่อนว่าค่าเทอมขึ้นเพราะรัฐสนับสนุนเงินน้อยลงค่ะ และรายจ่ายมันเยอะกว่าทุกคณะในสายนี้แต่แรก อย่างหมอรังสิตค่าเทอมปีละราว4แสน แต่ทันตะรังสิตค่าเทอมปีละ9แสนนะ ทันตะม.รัฐปีละ1แสน)
เรียนเพราะชอบค่ะ ง่ายๆอย่างนี้เลย บางคนไม่ชอบคำนวณ ไม่มีหัวคิดสร้างสรรค์ ไม่ชอบภาษา และไม่ชอบทำการทดลอง วิจัย
คณะแบบนี้ใจไม่รักลำบากค่ะ สมองต้องอยู่กับเนื้อหาพวกนี้ตลอดเวลาที่เปิดเทอม น้องอาจจะคิดว่าถ้าเก่งพอจะสอบติดคือจะเรียนได้เลย ไม่ใช่นะ คนติดเอฟ ซ้ำชั้น ดรอป หรือไม่ไหวจนต้องลาออกไปเรียนที่อื่นใหม่ มีแทบทุกปีทุกมหาลัยทั้งแพทย์ทันตะเภสัช เรียนแค่ครึ่งๆกลางๆไม่ได้ บางคนมัธยมสดใส เข้าไปเป็นซึมเศร้าก็เยอะ
- ไม่อยากเรียนแพทย์เพราะกดดัน
ทันตะก็กดดันและเรียนหนักพอๆกับแพทย์ค่ะ บางคนคิดว่าเรียนแค่ฟันมันไม่ใช่เน้อ พรีคลีนิกก็ต้องเรียนวิชาคณะแพทย์พื้นฐานทั้งหมดไม่ว่าจะกรอส นิวโร ฟิสิโอ ฟาร์มาโค ฯลฯ ของทั้งร่างกายเหมือนแพทย์เลย ตารางแน่นพอกัน แถมควบคู่ไปกับการทำชิ้นงานจำนวนมาก ชั้นคลีนิกก็ต้องทั้งทำคนไข้+เรียนเลคเชอร์+ทำชิ้นงานส่งอยู่ และนทพ.ชั้นคลีนิกไม่ได้ทำงานสวยๆเหมือนทันตะในรพ.ด้วยเพราะไม่มีผู้ช่วย ไม่มีช่างให้จ้างทำชิ้นงาน ทันตแพทย์ดีแค่ว่าไม่ต้องขึ้นเวรแค่นั้นแหละ
อ้อ แต่แพทย์ขึ้นเวร ก็ได้เงินค่าเวรนะ เฉพาะเงินเวรรวมกันก็เพิ่มจากเงินพื้นฐานเดือนละเป็นหมื่นบาท ทันตะไม่ได้รายได้สูงพอๆกับแพทย์ แต่แพทย์คือเยอะกว่าเลย
และเภสัชก็ไม่ได้ไม่ปวดหัว ใน3คณะเภสัชเรียนเคมีหนักและยากที่สุด แล้วยังต้องเรียนวิชาพื้นฐานแบบของแพทย์กับทันตะเหมือนกันในช่วงพรีคลินิก มันแค่ไม่ต้องลงมือทำหัตถการกับคนไข้เอง แต่งานเยอะหัวหมุน ปวดหัวใช้สมองตลอด ในรพ.เภสัชเป็นคนเช็คยาทุกเคสทั้งผู้ป่วยในนอก แล้วสั่งให้ผู้ช่วยจัดตาม ไม่ใช่คนนั่งจัดยาตามลิสต์รายการนะคะ และมีขึ้นเวรเหมือนกัน(ถ้าทำรพ.)
แม้แต่สัตวแพทย์ยังเรียนหนักมากกเลยค่ะ ถึงคะแนนสอบเข้าจะไม่สูงเท่า แต่ตอนเรียนหนักจริง
สรุปแล้วส่วนตัวพี่ว่า น้องเลือกจากพื้นฐานที่น้องชอบดีที่สุดค่ะ คือถ้าถามว่ายกระดับชีวิตได้ไหมคือได้ เพื่อนพี่ในรร/คณะที่พ่อหรือแม่เป็นหมอ หมอฟัน เภสัช คือแต่งตัวธรรมดาบ้านธรรมดา แต่จะซื้ออะไร ไอโฟนไอแพดใหม่ ค่าเรียนพิเศษคอร์สเป็นหมื่นๆ จะซื้อรถเก๋งคันใหม่ตอนเข้ามหาลัย จะไปเที่ยวตปท.บ้าง หรือจำเป็นต้องเรียนมหาลัยเอกชน/อินเตอร์ค่าเทอมแตะแสน คือจ่ายได้ แต่ถ้าถามว่ารวยเท่าพวกที่ที่บ้านทำธุรกิจค้าขายหรือทำอาชีพอื่นเช่นนักบินหรือตำแหน่งใหญ่ในบริษัทไหม ควักเงินจ่ายพวกที่ว่าไปข้างบนได้สบายๆไม่คิดอะไรได้ไหม คำตอบคือไม่ รวยไม่ถึงครึ่งของเพื่อนเหล่านั้นเลยค่ะ (ยกเว้นพ่อเป็นอาจารย์หมอ+ผู้บริหารรพ.หรือตระกูลรวยอยู่แล้วอย่างงี้)
จริงๆอาจารย์ในคณะก็บอกเองว่าอาชีพสายนี้มันไม่ได้ดีขนาดนั้นแบบที่น้องเข้าใจ ตำแหน่งอาจมีไม่พอ เงินเดือนก็ไม่ได้เยอะเท่าหลายๆอาชีพเช่นพวกสายIT,ธุรกิจ ซึ่งถ้าเรียนไม่ไหวหรือ suffer มาก ไม่ชอบเลย(มันไม่เหมือนเรียนเคมีชีวะม.ปลายนะ) ก็ออกได้ไม่รั้ง ให้ตัดสินใจเอง ดีกว่าเอาสุขภาพจิตมาทิ้งที่นี่อย่างนี้ เพราะฉะนั้นเลยอยากให้น้องตัดสินบนพื้นฐานความชอบตัวเองดีกว่า เพราะทั้ง3คณะก็หนักพอกันหมด แต่ถ้าไม่ชอบอะไรเลยจริงๆใน3อาขีพนี้ก็จะเลือกคณะที่ค่าเทอมถูกก็ได้ บางคนเรียนทันตแพทย์ไม่ไหวแต่เรียนแพทย์ไหวก็มี
ถ้าจะมาสายนั้นแนะนำเรียนแพทย์ดีกว่าค่ะ คะแนนสอบเข้าพอๆกับทันตะเลย เรื่องค่าเทอมก็ต่างกันมาก มีรุ่นพี่หลายคนที่เลือกทันตะแล้วสุดท้ายต้องซิ่วมาเรียนแพทย์เพราะค่าเทอมทันตะสูงมาก ค่าเครื่องมือยิบย่อยต่างๆก็สูงเอาเรื่อง ยังไม่รวมค่ากินค่าอยู่อีกค่ะ ถ้าเรียนแพทย์หลักๆก็จ่ายแค่ค่าเทอมไม่มีค่าเครื่องมือ
ใช่ค่า คือถ้าไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ กะเรียนเพื่อเงินเพื่อฐานะอยู่แล้วก็เรียนแพทย์ไปเลย เพราะค่าเทอมถูกและรายได้สูง(กว่าทันตแพทย์อีกเพราะได้เงินค่าขึ้นเวร) ตรงตามสเปคแบบที่จขกท.อยากได้ ลงทุนน้อยแต่ได้มาก55
อีกอย่างแพทย์กับทันตะไม่ใช่ว่าเรียนคล้ายกันแต่อันหนึ่งเบากว่า มันไม่เหมือนกันเลย หนักพอกันแต่หนักไปคนละทาง (บางคนเรียนแพทย์แล้วเข้ากับตัวเอง แต่เรียนทันตะคือเหนื่อย ซัฟเฟอร์ ไม่ไหวอยากลาออกก็มีถ้าไม่ชอบไม่มีความสามารถด้านงานฝีมือเลย)
เลือกอันไหนก็หนักพอกัน ที่ปกติมีคนจำนวนมากคะแนนถึงแพทย์แต่ไม่เอา แล้วไปเอาทันตะ เภสัช คือเพราะความชอบทั้งนั้น ค่าใช้จ่ายทันตะสูงกว่าแล้วไง ก็ยังอยู่ในเรทที่จ่ายได้ เพราะใจเรามันต้องอยู่กับสิ่งนี้ไปอีก20 30ปี
แต่ถ้าไม่มีความชอบมาเกี่ยวขนาดนั้นก็เลือกๆอันที่ค่าเทอมถูกไปเลย
จริงๆ ทันตะไม่ได้ความกดดันน้อยไปกว่าหมอเลยค่ะ อย่าคิดว่ามันง่ายกว่าเชียว55555 อันนี้เห็นเพื่อนเรียนนะ แต่คือกดดันกันคนละแบบ เพราะงานทันตะมันสเกลเล็กมาก เป็นมิลลิเมตรเลย เรื่องค่าตอบแทน ถ้าน้องอยากรวย(พูดตรงๆ55555) ไม่ต้องสนใจบรรจุข้าราชหรอกค่ะ ทำเอกชนรายได้ดีมาก ไม่ถึงขั้นต้องเปิดคลินิคเองเพราะใช้ทุนเยอะ แต่รับทำตามคลินิคต่างๆที่ช่วงนี้ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดน้องก็ได้รายได้เป็นแสนแล้วค่ะต่อเดือน (หรือต่ออาทิตย์อันนี้ไม่แน่ใจ) รวยขนาดนี้เป็นพี่ไม่สนใจสวัสดิการรัฐแล้วค่ะ 55555555 อย่ายึดติดกับคำว่าข้าราชการเลยค่ะสมัยนี้ เงินเท่านั้น ถ้ากลัวไม่มั่นคงคือไม่จริงค่ะ งานแบบนี้ต่อให้เอกชนก็มั่นคงอยู่แล้ว แต่เข้าใจเรื่องค่าเล่าเรียน ทันตะสูงมากจริงๆ ขนาด ม.รัฐ ค่าเทอมก็ไม่จบ มีค่าอุปกรณ์อีก ส่วนเภสัชมีเพื่อนเรียนเหมือนกัน อันนี้เพื่อนพี่ก็บอกจบมาไม่ได้บรรจุข้าราชการ100% เหมือนกันนะคะ แต่ทำเอกชนได้หลายอย่าง ไม่ได้มีแค่จ่ายยาใน รพ ค่ะ ลองหาข้อมูลดูนะคะ (ช่อง pharmasis ในยูทูปก็ได้) ยังอยู่แค่ ม.4 หาข้อมูลไว้เยอะๆแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้ค่ะ ️ ไม่ต้องเครียดมาก เก็บน้อยหาดีๆ
ปล. มีอีกสายที่อยากแนะนำคือสายเทค ส่วนตัวพี่เรียนรังสีเทคนิค แนะนำเป็นอีกตัวเลือกค่ะ ม.รัฐ ค่าเทอมแตกต่างกันไป บางที่ไม่ถึง 2 หมื่น เรียนแค่ 4 ปี อาชีพยังขาดแคลน ทำเอกชนได้ 4-5 หมื่น หรือถ้าเป็น รพ รัฐ ศูนย์มะเร็ง บางที่ ให้ทุนเราตอนเรียนปีละแสน จบไปทำงานใช้ทุนที่ รพ นั้นแต่ได้เงินเดือนเหมือนเดิมค่ะ
*เนื้อหา พิมพ์ผิด5555
ถ้าจะเน้นรายได้อย่างเดียวแนะนำให้ไปสายไอที, ดาต้าค่ะ ยิ่งพีฒนาสกิลอังกฤษได้ยิ่งดี ทำงานยริษัทต่างชาติเงินดี สวัสดิการดีกว่าสายสุขภาพเยอะค่ะ แต่ถ้าอยากให้คนอื่นชื่นชม ยกย่องก็ไปสายสุขภาพ แต่งานหนักมากกกก เรียนก็หนักมากกก แต่นานๆไปก็ชินค่ะ พอสอบเข้าได้เจอเพื่อนร่วมคณะเราก็จะไม่ตกนรกคนเดียวแล้ว 55555555
สำหรับตัวพี่ พี่คิดว่ามันอยู่ที่ตัวน้องด้วยค่ะว่าชอบอะไร พี่อยากให้ลองไปพวกค่ายที่มหาลัยจัดดูนะคะ สำหรับพี่พี่ว่ามันช่วยได้มากๆเลย แต่สมัยนี้น่าจะเป็นออนไลน์พี่ไม่แน่ใจจะช่วยอะไรได้ไหม และจริงๆมันขึ้นอยู่กับอะไรหลายอย่าง ถ้าสำหรับพี่อีกอย่างหนึ่งวิชาที่ชอบก็อาจมีส่วนค่ะ ตัวพี่พูดในฐานะ เภสัชนะคะ จิงๆพี่ชอบชีวะแต่ตอนนั้นติดเภสัชและคิดว่าเรียนคณะวิทยาศาสตร์อาจจะไม่ค่อยมีงานเลยเหมือนที่คนอื่นๆพูดกัน เลยเลือกเรียนเภสัช และคิดว่าคงเหมือนกันมั้ง เคมีก็คงไม่ได้อะไรมาก พอเข้ามาเรียนเคมีมันเยอะๆมาก จนพี่เกือบจะซิ่วออก แต่ก็ทนเรียนต่อไป พอมาสุดท้ายยังรู้สึกว่าตัวเองชอบชีวะมากๆ ยังรู้สึกเสียดายอยู่เลยค่ะคิดว่าตอนนั้นน่าจะเรียนคณะวิทยาศาสตร์ที่เราชอบอาจจะมีความสุขและเราจะหาทางต่อยอดได้เองและได้ทำงานในสิ่งที่เราชอบ ส่วนตัวที่พี่เลือกเภสัชก้เหตุผลเดียวกันเลย อยากเรียนอะไรที่มีงานทำแน่นอน ไม่ต้องไปหางานทำอะไรมาก แต่พอเรียนๆไปรู้เลยค่ะ ว่าเราห่วงแต่เรื่องในอนาคตงานโน่นน นี่นั่น แต่เราลืมความสุขระหว่างทางไปค่ะเภสัชก้มีความกดดันมากๆโดยเฉพาะตอนสอบใบประกอบที่จะต้องมีการสอบแลปและจะมีหนักตอนฝึกงานปี 6 ค่ะ สำหรับพี่เภสัชหรือทันตะสำหรับพี่ มันดีคนละแบบค่ะ ขอพูดในฐานะเภสัชละกันนะคะ สำหรับเภสัชปัจจุบันก็ไม่ไ่ด้มีตำแหน่งราชการเยอะขนาดนั้นค่ะ รับน้อยลง ถ้าอยากมีเวลาส่วนตัวแนะนำให้ทำ part time ร้านยารายได้แอบสูงกว่าอยู่รพ แต่อาจจะไม่ได้สวัสดิการบางอย่างเท่า ถ้าค่าเทอมถูกๆแนะนำสอบมหาลัยรัฐค่ะและอาจจะมีการให้สมัครทุนเรื่อยๆอยู่แล้วในแต่ละเทอมค่ะ อยากน้องลองดูอีกทีลองเรียนไปก่อน ม 5 แล้วค่อยตัดสินใจก็ได้ค่ะ เพราะจริงๆพอเข้าไปเรียนทุกคณะพี่ว่ามันจะมีทั้งวิชาที่เราชอบและไม่ชอบทั้งนั้น ต้องเข้าไปเรียนถึงจะรู้จริงๆ แต่ละคณะก็มี detail ที่แตกต่างกันย่อยๆไปอีกแต่ละปี อย่างพี่กว่าจะรู้ว่าแทบไม่ได้ชอบเภสัชเลยคือปีที่ 4ที่ 5 แล้ว เพราะไปฝึกงานเลยรู้ว่าไม่ชอบ ซึ่งตอนนั้นก็คือทนเรียนให้จบค่ะ เพราะไม่มีตังค์ใช้ทุน ยิ่งออกปีที่สูงเงินที่ใช้ออกก็ยิ่งเยอะ 55555 สุ้ๆนะคะ เปน กลจ ให้ ขอให้สมหวังได้คณะที่ชอบค่า
*ขอเพิ่มเติม เภสัชมีงานที่ทำหลายแบบค่ะ
1. เป็นเภสัชใน รพ ไม่ได้มีหน้าหน้าที่แค่จ่ายยาค่ะ ต้องเช็คยาที่แพทย์จ่ายว่าเกิดอัตรกิริยาอะรไหม จ่ายยาที่คนไข้แพ้ไหม จ่ายตัวยา error รึเปล่า จ่ายยาที่คนไข้บางโรคใช้ไม่ได้หรือไม่ เราต้องช่วยเช็คค่ะ มีหลายส่วนงานแล้วแต่ รพ บางที่หมออาจจะมาปรึกษาเรื่องปรับโดส หรือการจ่ายยาบางอย่างที่เฉพาะ เวลามีปัญหาเรื่องยา ทั้งการบริหารยาหรือการปรับยา บางเคสอาจต้องมีการปรึกษาร่วมกันทำงานเป็นทีม แพทย์ พยาบาล เภสัช เภสัชใน รพ อาจมีหน้าที่ในการเตรียมยาบางอย่างที่สามารถผลิตได้เองด้วยค่ะ
2.เภสัชที่เป้นผู้แทนยาคือทำหน้านำยาที่บริษัทไปเสนอขายตาม รพ หรือร้านยาต่างๆอันนี้ก็เป็นส่วนนะคะ ต้องจัดสรรเวลาทำงานเอง ต้องพูดเก่งๆค่ะเสนอขายเก่งๆ
3.เภสัชโรงงาน ทำหน้าเช็คดูสารหรือผลิตภัณฑ์ ควบคุมคุณภาพยา ถ้าไม่อยากคุยกับคนมาก ก็แนะนำค่ะ เงินดีด้วย
4.เภสัชร้านยาค่ะ อาจจะดูสบายง่ายๆนะคะ แต่เภสัชร้านยาต้องมีความรู้ในการวิินิจฉัยเบื้องต้นเหมือนกัน ต้องแยกโรคบางอย่างให้ได้ จ่ายยาให้ถูก ที่สำคัญ ต้องรู้ชื่อการค้ายาบางอย่าง เพราะคนไข้อาจจะมาถามหายาทีเราเขาเคยใช้ได้ค่ะ ถ้าเราทำงงๆ ไปเลย อาจจะเสียลุกค้าได้ค่ะ แต่มีเวลาเป็นส่วนตัวและเงินดี
สายแพทย์ เภสัช ทันตะ ถ้าเรื่องรายได้ ยกระดับได้แน่นอนค่ะ ปสกตรง นอกเหนือเวลาราชการส่วนใหญ่ก้จะลงคลินิกเอกชนกันค่ะ ทำเคสทั่วไปอุดขูดถอนก้ได้แล้วค่ะ ลงหลายวัน รายได้ก้เพิ่มอยู่แล้ว เป็นfactที่เหมือนกันทุกอาชีพแหละอันนี้ แต่ก้แลกมาด้วยความเหนื่อย ร่างพัง work life balance ไม่ค่อยดีค่ะ แต่ถ้าเหนื่อยก้ลดจำนวนวันลงคลินิกเอกชนได้ ที่สำคัญคือตอนเรียนต้องเอาชีวิตรอดจากคณะให้ได้ ถ้าตั้งใจ ขยันก้ทำได้ค่ะ
เพิ่มเติมนะคะ ถ้าน้องขยัน รักษาเกรดได้ดีหน่อย ขอทุนของคณะได้นะ ปรึกษาอาจารย์ได้ค่ะ ถ้ากรณีเรียนทันตะมรัฐ อุปกรณ์แพงๆเราไม่ต้องจ่ายค่ะ แต่ถ้าเป็นเอกชน อุปกรณ์บางอย่างแพงๆอาจจะต้องมีซื้อเองนะคะจากที่ฟังเพื่อนมาบ่นๆ
ไม่ได้อ่านทุกเม้นนะครับ แต่เห็นด้วยกับเม้นที่ว่าเป็นกรรมกรชั้นสูง ใช้สายตา หลัง บ่า คอ ไหล่ นิ้ว ข้อมือ และกระดูกสันหลังทุกช่วงเยอะมากกก ทำงานกันได้ ไม่กี่ปีถ้าโหมหนักหรือ Ergnomic ไม่ดี มีปัญหาจนได้พบแพทย์แน่ๆ ส่วนตัวถ้าเรื่องรายได้ผมว่าภาษากับ IT กินขาดกว่าแน่ๆ แต่สายสุขภาพถ้าเรียนจบได้ ไม่ตกงานก็เรื่องจริง แต่รวยกว่าไหม ผมว่าถ้าไม่ใช่ทันตแพทย์เฉพาะทาง สาขาที่แพงๆหรือเป็นเจ้าของคลินิก ก็ไม่ได้รวยขนาดนั้นหรอกครับ (ส่วนตัวผมว่าไม่คุ้มกับร่างกาย)
// กยศ. ผมไม่เคยกู้มัธยมมาก่อนนะครับ มาถึงก็กู้ปี 1เลย ยอด 6ปีก็เกือบห้าแสน แต่ของรุ่นพี่ผมถูกกว่า(ค่าเทอม ค่าอะไรต่างๆยังไ่ม่ขึ้น หกปีราวๆ สองแสนกว่าๆเอง) รุ่นใหม่ๆถ้าค่าเทอมแพง ยอดรวมคงเยอะขึ้นอยู่
// ลองไปอ่านคอมเม้นในเฟสบุ๊กดูนะครับ เผื่อมีประโยชน์
https://www.facebook.com/51620386454/posts/10158316201981455/
ขอสอบถามค่ะพี่เรียนทันตะ แล้วก็กู้ กยศ เรียนด้วยมั้ยคะ คืออยากรู้ว่าหลังจากจบมาทำงานกี่ปีถึงใช้หมด
น้องเอ๊ยยย คำถามน้องพี่พิมพ์ไปตั้งแต่ในเม้นท์แล้วนะ ส่วน กยศ ใช้กี่ปีพื้นฐานเขาจะคำนวณมาให้อยู่แล้ว ให้เราผ่อนแบบขั้นบันได 15 ปี ปีแรกๆยอดไม่ลำบากหรอก มีเว้นระยะให้สองปีหลังจบด้วย อยากหมดหนี้ไวก็ใช้ไว โปะเยอะๆเท่านั้นเอง
ตอบในฐานะที่เรียนจบทันตแพทย์มา ทำงานมาหลายปีแล้วนะคะ
- อาชีพนี้ช่วยให้มีฐานะดีขึ้นได้ค่ะ เลี้ยงตัวเองได้สบายๆแน่นอน แต่จะดีขึ้นมากขนาดไหน ขึ้นกับความขยัน ความสามารถ ความพยายาม ของแต่ละบุคคล เช่น การเรียนต่อเฉพาะทางหรือการเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง บริหารจัดการได้ดี
-เรื่องบรรจุข้าราชการ จะมีตำแหน่งให้บรรจุหรือไม่ สำหรับพี่คิดว่ามันไม่จำเป็นค่ะ ตราบใดที่เรารักษาคนไข้ได้ถูกตามหลักการรักษา มีกริยาวาจาเหมาะสมในฐานะหมอ หางานเอกชนได้แน่นอนค่ะ
- อาชีพนี้ เป็นกรรมกรห้องแอร์จริงค่ะ ใช้ร่างกายหนักมาก หมอฟันที่อายุเยอะขึ้นและไม่ได้ดูแลตัวเองอย่างดี เผชิญปัญหาสุขภาพทั้งกระดูกและกล้ามเนื้อ คอ บ่า ไหล่ หลัง สายตา ไปหมดค่ะ ยังไม่รวมความเสี่ยงต่อโรค ความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง
- ในส่วนการเรียน ทันตะเป็นงานที่ใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ ใช้ความละเอียดแม่นยำอย่างสูง ถ้าไม่ชอบงานจุกจิกๆ เป๊ะๆ ละเอียดๆ ตอนเรียนอยู่อาจเป็นฝันร้ายได้ (ซึ่งพี่ดีใจมากที่ผ่านมันมาได้)
-อยากให้คำนึงถึงอาชีพอื่นๆ ที่มีโอกาสทำเงินสูงและไม่ร่างกายพังเท่าอาชีพนี้ดูบ้างนะคะ มีอาชีพอื่นที่อยู่นอกเหนือสายการแพทย์อีกมาก ที่ทำเงินได้ดี เผื่อน้องมีความสนใจด้านอื่นอยู่
-ปัจจุบันนี้ พี่เริ่มอิิ่มตัวกับการรักษาคนไข้แล้ว เลยอยากหาอาชีพอื่นทำบ้าง ไล่ตามฝันตัวเองค่ะ นั่นคือการได้เขียนนิยายค่ะ พิมพ์มานาน ยังไงขอฝากเรื่องที่พี่เขียนไว้หน่อยนะคะ 5555
https://writer.dek-d.com/purplelotus/writer/view.php?id=2277947
คือถ้าจะให้หนูมองอาชีพอื่น หนูรู้สึกว่าเริ่มต้นมันเงินเดือนน้อยกว่าสายสุขถาพอะค่ะและคิดว่ากว่าจะไปถึงเงินเดือนระดับนั้นเป็นแสนนี่ก็คงยากอะค่ะ ก็น่าจะแก่ใกล้วัยเกษียณและก็คงมีน้อยด้วยที่จะได้ถึงหลักแสน หนูก็เลยอยากเข้าสายสุขภาพเพราะมันมั่นคงด้วยรายได้ดีกว่าหลายอาชีพ สำหรับจบใหม่ และทำงานไม่กี่ปีก็คงถึงหลักแสน
ปล.หนูอยากถามพี่ว่าคนที่ไม่มีสกิลเลยในการทำงานฝีมือนี่ไปรอดมั้ยคะ เรียนได้มั้ย แล้วเรื่องการกู้ยืม กยศ ยากมั้ยคะ ทำงานกี่ปีถจะแตะหลักแสน คนจนๆเรียนทันตะมีมั้ยคะ
1> ไม่มีสกิลในการทำงานฝีมือเลย เรียนได้มั้ย ตอบ เรียนได้ค่ะ แค่่ต้องใช้ความพยายามในการฝึกฝนมาก ใครมีพรสวรรค์ก็ชิวหน่อย
2>กู้ยืม กยศ.เรื่องนี้พี่ไม่ทราบรายละเอียดวิธีการค่ะ ลองสืบค้นวิธีการดูนะ แต่เห็นเพื่อนพี่หลายคนก็กู้ บางคนได้รับทุนอื่นๆ ของมหาลัยด้วย แล้วแต่ทุนของแต่ละที่
3>ทำงานกี่ปีถึงจะแตะหลักแสน หากทำงานเอกชน ปีแรกก็ถึงหลักแสนได้แล้วค่ะ แต่ต้องทำงานหนัก อาจจะถึง 6-7 วัน/สัปดาห์ หากอนาคตเรียนเฉพาะทางอื่นๆ ต่อ ก็ทำถึงหลักแสนได้ โดยทำงานหนักน้อยลง แต่ก็แลกมาด้วยความยากในงานที่มากขึ้นค่ะ
4>คนจนๆ เรียนทันตะได้ไหม เท่าที่พี่รู้จักเพื่อนพี่ ไม่ได้มีใครจนถึงขั้นจนมากนะคะ ส่วนมากก็ฐานะปานกลาง รวยบ้างบางคน แต่เท่าที่เคยได้ยินมา ก็มีคนที่ขัดสนมากพอสมควรอยู่ แต่สุดท้ายก็เรียนจบมาได้นะ (ไม่รวมทันตะเอกชนนะคะ อันนั้นเค้าคัดฐานะตั้งแต่เข้าอยู่แล้ว เขาจะสัมภาษณ์น้องอย่างละเอียดเลยว่ามีเงินพอไหม เพราะคงไม่อยากให้เรียนไปปีสองปีแล้วเรียนต่อไม่ได้เพราะไม่มีเงินค่ะ)
จขกท เองนะคะ อยากรบกวนถามพี่อีกว่า พี่เรียนต่อเฉพาะทางอะไรคะ ถ้าเรียนต่อเฉพาะทางจบแล้ว เงินเดือนจะเพิ่มขึ้นมั้ยคะ เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ จบเฉพาะทางจะสามารหางานใน รพ เอกชนได้ง่ายกว่า ทันตะทั่วไปมั้ยคะ
เฉพาะทางไหนรายได้ดีสุด คนเรียนเยอะ
การเรียนต่อเฉพาะทางต้องใช้เกรด มั้ยคะ แบบว่าถ้าใครได้เกียรตินิยมจะมีโอกาสได้เรียนเฉพาะทางที่คนแย่งกันเยอะหรือคนที่จบมหาลัยท็อปตาราง มีโอกาสมากกว่า(รวมถึงเรื่องเส้นสาย)
1> พี่ไม่ได้เรียนเฉพาะทาง เพราะไม่มีความต้องการไปต่อกับสาขาอาชีพนี้แล้วค่ะ
2>เรียนเฉพาะทาง ถ้าอยู่ รพ รัฐ ก็ได้ฐานเงินเดือนเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้เยอะแยะมากมายค่ะ จะไปได้เยอะจากการรับเคสเฉพาะทางในเอกชนมากกว่า
ถ้าอยู่ เอกชน เฉพาะทางก็จะได้ทำเคสที่ยากกว่า ซึ่งก็ได้รับเงินมากกว่า ตามแต่ละเคสที่ทำไป (พูดออกมาเป็นตัวเลขให้ไม่ได้ เพราะมันมีเฉพาะทางเยอะแยะ งานหลายอย่าง
มากๆ ไม่สามารถประเมินให้ว่าได้กี่บาท ๆ เพราะขึ้นกับชนิดงาน และจำนวนคนไข้ที่ทำได้)
3>การต่อเฉพาะทาง ก็เหมือนการสอบเข้าอีกครั้งค่ะ บางที่อาจจะต้องดูเกรดเฉลี่ยสมัยเรียนทันตะมาประกอบบ้าง แต่โดยมากก็คือสอบเข้าใหม่ อัตราการแข่งขันแล้วแต่สาขาและมหาลัย และแล้วแต่การพิจารณาของคณะกรรมการนั้นๆ ด้วย
4>เฉพาะทางไหนรายได้ดี คนเรียนเยอะ พี่ยังไม่อยากให้น้องมาโฟกัสตรงนี้ เพราะไม่มีใครตอบได้นอกจากตัวน้องเอง ถ้าน้องเรียนทันตะทั่วไป 6 ปีจบแล้ว น้องจะรู้เองว่าแต่ละสาขาวิชาเป็นยังไง รายได้ยังไง อยากเรียนต่ออะไร ซึ่งมันจะถูกจำกัดด้วยประสบการณ์ ความสามารถ และเงินของน้อง บางสาขาต่อให้น้องอยากเรียนจนขาดใจ แต่ถ้าไม่เก่งพอ สอบเข้าไม่ได้ มันก็เท่านั้น บางสาขาค่าเรียนหลายแสนหลายล้าน น้องไหวหรือเปล่า ฉะนั้นพี่ตอบข้อนี้แบบชัดเจนไม่ได้ พี่อยากให้น้องเรียนทันตะจบด้วยตัวเองก่อน ค่อยมาตอบคำถามข้อนี้ด้วยตัวเอง จะถูกต้องที่สุดค่ะ (ไม่สายเกินไปที่จะรู้เรื่องนี้ตอนเรียนจบแล้ว)
5>ถึงตอนนี้ น้องคงรู้แล้วว่าทันตะเงินดี ยังไงก็ไม่อดตาย พอเลี้ยงคนอื่นและตัวเองได้ ส่วนข้อเสียก็ตามที่พี่และพี่จากคอมเม้นอื่นๆ บอกมา ดังนั้นสิ่งที่น้องควรโฟกัสตอนนี้ คือ คำถามว่า "ฉันชอบอะไร ฉันจะไปกับอาชีพทันตแพทย์ไหวไหม อาชีพอื่นมีตัวเลือกอะไรอีกบ้าง ฉันต้องอยู่กับมันไปอีกนาน หาข้อมูลให้ทั่ว เลือกให้ดี" อย่างนี้ดีกว่านะคะ
พี่เรียน ม.ไหนคะ มหาลัยมีผลกับการทำงานมั้ยคะถ้าไม่ได้เรียนมหาลัยดังๆ
พี่จบ ม.รัฐแห่งหนึ่ง ไม่ขอเอ่ยสถาบันนะคะ
และมหาวิทยาลัยที่จบมา หากเป็นมหาวิทยาลัยที่ทันตแพทยสภารับรองหลักสูตร ก็ไม่มีปัญหาในการทำงานค่ะ (สืบค้นชื่อดูได้นะคะ ปัจจุบันมีหลาย ม. แข่งกันเปิดคณะทันตะ บางที่อาจยังไม่ได้รับรอง)
พี่คะหลายคนยอกว่าอายุงานสั้นเพราะ ทำนานๆไปจะมีแญหาเรื่องปวดหลัง ปวดคอ ประมาน 40 กว่า 50 ก็จะเริ่มทำไม่ได้ละ จริงมั้ยคะ มีคนที่เป็นหมอฟันอายุ 50 ยังทำอยู่มีมั้ยคะ ส่วนมากจะบอกว่าเรียนหมอดีกว่า
เท่าที่พี่เห็นหมอฟันรุ่นพี่ที่อายุ 4-50 ขึ้นไป บางคนก็ยังทำงานอยู่ แต่ต้องใส่ที่รัดหลังรัดเอว และจำกัดวันทำงานไม่ให้มากไป หากอยากทำฟันจนแก่ตายไปจากโลกนี้จริงๆ ก็แนะนำให้รักษาสุขภาพมากๆ ออกกำลังกายให้แข็งแรง เล่นโยคะยืดเหยียดกล้ามเนื้อเป็น
แต่โดยส่วนมากไม่มีใครอยากนั่งงอหลังทำฟันไปจนชรา
หมอฟันบางคนจึงผันตัวไปเป็นเจ้าของคลินิก ดูแลบริหารอย่างเดียว(จ้างหมอคนอื่นมาทำ) หรือไม่ก็จับธุรกิจอื่นไปเลยค่ะ
เรียนหมอ ดีกว่าหรือไม่ดีกว่า มันเปรียบเทียบกันยากค่ะ หมอเขาก็มีความหนักแบบของเขา แม้จะไม่ได้นั่งคุดคู้หลังงอทั้งวันเหมือนหมอฟัน แต่ก็ทำงานหนักเช่นกัน ยกเว้นแต่หากจบหมอเฉพาะทางต่างๆ ไป แล้วแต่สาขา ก็อาจจะสบายขึ้นบ้าง (พี่ไม่ทราบข้อมูลส่วนนี้ละเอียด ตอบด้านหมอไม่ได้นะคะ)
พี่คะ ถ้าเรียนหมอฟันแล้ว อยากเป็นอาจารย์สอนทันตะแพทย์ต้องเรียนอะไรต่อคะ เป็นอาจารย์รายได้เท่าไหร่ แล้วรับงานทำฟันปกติได้เหมือนเดิมมั้ยคะ
จบทันตแพทย์แล้วสามารถสมัครเป็นอาจารย์ได้ตามภาควิชา,มหาวิทยาลัยที่เปิดรับ
ส่วนเงินเดือนอาจารย์ พี่ไม่ทราบค่ะ ทำฟันได้ปกติเหมือนเดิม บริหารเวลาเอา
ส่วนนี้สำคัญ พี่อยากให้น้องอ่าน>>> น้องคะ น้องตั้งสตินะ พี่ว่าน้องกำลังหลงทาง พยายามถามหาข้อมูลที่ไม่จำเป็นเยอะแยะไปหมด ทำให้ยิ่งหา ยิ่งหลง
ตอนนี้ สิ่งที่น้องต้องคิดให้ได้ก่อน คือ "ฉันเหมาะจะเรียนทันตแพทย์ไหม จะอยู่กับอาชีพนี้ไปอีกหลายๆ ปีได้ไหม เปรียบเทียบกับอาชีพอื่นแล้วข้อดีข้อเสียเป็นอย่างไร"
****ยังไม่ต้องถามว่าเรียนเฉพาะทางหรือเป็นอาจารย์ได้เงินเท่าไร เพราะ!!! ต่อให้รู้คำตอบตัวเลขที่แม่นยำไป ก็ช่วยอะไรในการตัดสินใจไม่ได้ เนื่องจากน้องยังไม่ได้เข้าไปที่จุด ๆ นั้นด้วยตัวเอง น้องไม่สามารถจะฟันธงได้ว่า เอาล่ะ ฉันจะเป็นอาจารย์ ภาควิชาA มหาลัยB จะได้เงิน XXX,XXX บาท / เดือน เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว ขณะเรียนทันตะ น้องจะได้รับรู้ ได้ประสบการณ์อะไรอีกมากมายที่ทำให้ความต้องการน้องจะเปลี่ยนไปตามเวลาได้
ดังนั้น น้องคิดแค่ขั้น 1 ให้ลุล่วงก่อนนะคะ เมื่อสอบติดเข้ามาแล้ว อย่างอื่นๆน้องจะเลือกได้เอง
ช่วงโควิดนี่กระทบหนักมั้ยคะ แบบถึงขั้นตกงานเลย
กระทบแต่ไม่ตกงาน ปรับมาตรการการทำงานเอาค่ะ
อาชีพใช้แรงงานชัดๆ สักพักทำไปร่างจะเริ่มพัง office syndrome เอย หมอนรองกระดูกหลัง คอ เสื่อม ปวดเอว ปวดแขน ปวดคอ ปวดไหล่ ข้อมืออักเสบ นิ้วล๊อค กล้ามเนื้อมือเกร็ง หูซ้ายก็จะตึงจากเสียงเครื่องดูดน้ำลาย ตาก็จะล้าจากการเพ่งของระยะใกล้ เสี่ยงติดเชื้อจากละอองฝอยฟุ้งกระจาย แถมบางทียังมีสารเคมีบางตัวอย่างอะคลิลิกสูดดมไปเรื่อยๆ มือใส่ถึงมือตลอดเวลาบางคนอาจมะมีแพ้แป้ง ผื่นขึ้น
แล้วถ้าคิดว่าเรียนแล้วเครียดน้อยกว่าหมอ คิดผิดนะครับบอกเลย
รายได้จริงๆก็ไม่ได้เยอะมาก ถ้าหวังรวยข้ามไปได้เลย ภาพพจเหมือนจะจะรายได้เยอะ แต่จริงๆคือใช้เวลากับแรงงานเข้าแลก อยู่เอกชนถ้าไม่ทำจนร่างพังรายได้ก็ไม่เยอะ ถ้ารับราชการ รายได้ก็ไม่ต่างจากข้าราชการทั่วๆไป มีเงินเพิ่มนิดๆหน่อย เผลอๆมนุษย์เงินเดือนในบริษัทข้ามชาติใหญ่ๆ ยังรายได้เยอะกว่าทันตแพทย์เลย
จริงครับ สันหลังเสื่อม ตาพัง มือชา หัวล้าน (ไฟส่อง หมวก อบหัวไปหมด)
ทำไมพี่ไม่เรียนหมอคะ เพราะสอบทันตะได้ก็น่าจะสอบหมอได้ คะแนนใกล้เคียงกัน ทำไมถึงเรียนทันตะ ทั้งๆที่ก้บอกร่างพังอะไรต่างๆ หมอนั่งทำงานถึงเกษียณ 60 กว่ายรงทำก็มี แล้วทันตะ 50 กว่าไม่มีอาชีพทำจะไปทำอะไรคะ
ถามหัวเม้น หรือถามผมครับ ถ้าถามผม ก็ผมไม่อยากเป็นหมอน่ะครับ
ดันเม้นที่ 17 อาการเจ็บป่วยทางร่างกายพวกนี้ ตอนนี้อายุน้อย น้องยังมองไม่เห็น อยากให้น้องไปเสิร์ชหาข้อมูลเพิ่ม เพราะเงินที่ได้มาเท่าไหร่ก็ไม่คุ้มเมื่อเทียบกับสุขภาพร่างกายที่เสียไป อีกอย่างที่อยากจะฝากไว้ให้คิด คือคำว่า passive income กับ ให้เงินทำงาน
ใช้3 คำนี้ (office syndrome, passive income, ให้เงินทำงาน) เป็น key word ไปกูเกิ้ล หาอ่านเพิ่มนะคะ แล้วน้องจะรู้ว่า ทำไมทันตะไม่ตอบโจทย์อย่างแรง
พี่ยกตัวอย่างเปรียบเทียบง่ายๆระหว่าง2อาชีพนี้ละกัน
เภสัชอย่างน้อยคือการค้าขาย ขายมาก รายได้เพิ่มตามมาก (ถ้าเปิดร้านขายยาเอง) ขายได้จนแก่ นั่งกดรีโมททีวี ดูไปขายไป ก็ทำได้ เหตุการณ์ล่าสุดเจอเจอโรคระบาดอย่างโควิดก็เปิดได้ ไม่โดนปิดเหมือนธุรกิจอื่นๆ เพราะยังไงคนก็ต้องซื้อยา จริงไหมคะ
ลูกค้าเยอะก็จ้างคนเพิ่มง่ายกว่า
แต่ถ้าน้องทำฟัน กว่าจะเปิดคลีนิก ซื้ออุปกรณ์ให้้ครบ แพงกว่าเห็นๆ แถมวันนึงจะทำได้กี่่คน หลังขดหลังแข็งก้มหน้าท่าเดิมทั้งวัน กว่าจะเสร็จ ตาล้า ปวดดหลังปวดบ่าไหล่ บลาๆ เหมือนเม้นที่ 17 ว่า
ถ้าไม่รู้ว่ามันทรมานยังไง ลองจำลองท่าก้มตัวโค้งๆ ก้มหน้าส่องปากคนไข้แบบตอนทำฟันจริงเลียนแบบหมอฟันซักวันละ 7-8 ชั่วโมงติดกันทุกวันซักเดือนสองเดือนดูนะคะ ถ้าไม่รู้สึกไร ลองทำสัก6เดือนขึ้นดูก็ได้ แล้วจะซึ้งถึงคำว่า office syndrome นึกภาพว่าเราต้องทำงั้นไปสิบปียี่สิบปี จนถึงตลอดชีวิตงี้ ว่าไหวมั้ย สำหรับพี่ขอบายค่ะ
อาจจะมีคนแย้งว่า ยืนขายยาทั้งวันก็เมื่อยไม่ต่างกัน แต่อย่างน้อยไม่ต้องก้มหน้างอหลัง ตาไม่เพ่ง มือไม่งอในท่าทำฟัน หูไม่ตึงเพราะเครื่องกรอฟันไงคะ
ถ้าจะจ้างทันตะเพิ่ม รายจ่ายก็แพงกว่า เจอโควิด คลินิกถูกปิดตามล็อคดาวน์อีกนะจ๊ะๆ
แค่นี้เภสัชก็ชนะขาดแล้วเห็นมะ
ปล 1 พี่เคยไปเที่ยวเกาะกูด เจอสาวเหนือ มาเปิดร้านขายยาที่เกาะ นางลั้ลลามาก เป็นสาวอารมณ์ดี คุยกับลูกค้า นักท่องเที่ยว ทั้งวัน
คิดภาพความชิว ปิดร้านก็เดินไปเที่ยวทะเลได้ โควิดไม่มีนักท่องเที่ยว คนบนเกาะก็ต้องซื้อยาอยู่ดี
ถามหน่อยว่าถ้าทำฟันบนเกาะ ลูกค้าจะเยอะเท่าขายยามั้ย หุหุ
พี่แค่อยากสื่อว่า เปิดร้านขายยา เปิดที่ไหนก็ได้ แล้วแต่ว่าเราอยากเลือกไลฟ์สไตล์แบบไหน แต่ทันตะทำไม่ได้ แค่ขนอุปกรณ์ไปก็ยากละ ร้านขายยามีแค่ตู้ยา สั่งยาไป ให้คนมาส่งได้
ปล 2 อันนี้แนะนำนิยาย นางเอกเรียนทันตะ เห็นดังมาก เคยเปิดอ่านผ่านๆ ศัพท์เฉพาะเกี่ยวกับการทำฟันเยอะมาก คนเขียนเรียนทันตะจริงๆ อาจทำให้น้องพอมองเห็นว่าเรียนคณะนี้เป็นยังไงมั้ง
อ่านแล้วเปนไงมาอัพเดตด้วยก็ดีน้า เป็นกำลังใจให้จ้า
https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1924276
หา(เวลาฝึก)อาชีพสำรองยากด้วยครับ จะทำงานหมอฟันให้ดี แทบจะถวายอุทิศชีวิต
ก่อนอื่นขอชื่นชมน้องที่ี่มีความคิดที่ดีนะครับ
แต่ก่อนอื่นพี่อยากให้น้องตอบตัวเองให้ได้ว่าชอบอะไร แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัช หรือว่าชอบวิชาชีพอื่นๆ ยกตัวอย่างพี่ีที่เรียนไม่ได้เก่งมาก ก็ฝันเอาไว้แหละครับว่าอยากเรียนแพทย์ แต่พอเอาเข้าจริงคะแนนสอบที่ออกมามันไม่ได้จริงๆ อย่างมากก็คือได้เทคนิคการแพทย์ ทีนี้ก็เลยมาค้นหาตัวเอง สุดท้ายมาจบที่บัญชี เพราะเมื่อพิจารณาจากความชอบของตัวพี่เองระหว่างวิทย์ คณิต พี่ชอบคณิตมากกว่า และคะแนนสอบต่างๆที่ผ่านมา วิชาคณิตศาสตร์ของพี่ไม่น้อยหน้าใคร ก็เลยเบนมาที่สายบริหาร และหาข้อมูลเพิ่มเติม สุดท้ายก็มาจบที่สาขาการบัญชีครับ และก็พบว่าเลือกไม่ผิด ทุกวันนี้มีชีวิตที่ดี การงานการเงินมั่นคง มีความสุขดี รับทั้งงานประจำและงานนอก
สิ่งที่อยากจะบอกคือ ทุกวิชาชีพมีความเสี่ยง จบทันตแพทย์มาก็ใช่ว่าจะรายได้ดีทุกคน ทุกวันนี้คลีนิกทำฟันผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด หมอฟันก็ต้องทำงานเวียนกันไปตามคลีนิกนั้นนี้เพื่อหารายได้ อย่าเพิ่งไปเจาะจงว่าต้องเป็นอะไร ให้เลือกจากความชอบและความถนัดก่อนครับ เพราะพี่เชื่อว่าสิ่งที่เราทำได้ดี มันก็จะสร้างอาชีพให้เราได่้ครับ
งานหนักมากมั้ยคะบัญชี แล้วสตาร์ทเงินดีมั้ยคะ อยากเข้าบัญชีมากๆมอดังด้วย แต่ก้กลัวมันหนักเกินค่ะ เห็นคนลาออกเยอะค่ะ
นี่คิดว่าดูความชอบเราก่อนไหม เพราะถึงจะเรียนปีเท่ากัน อย่างงานทันตะก็ต้องอะไรที่เป็นหัตถการงานฝีมือเยอะกว่า เภสัชก็จะออกแนวจำเยอะกว่า ค่อยๆลองดูตัวเองไปป เป็นกำลังใจให้ค้าบ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?