Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รู้ได้ยังไงคะ ว่าอยากทำอาชีพอะไร แล้วอะไรเหมาะกับเรา

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีค่ะ อยากที่เราเขียนหัวข้อกระทู้เลย ตั้งแต่เราโตมาจนอายุ 19 ปีเรามีอาชีพที่อยากเป็นเยอะมากๆ ไม่ว่าทางสายศิลป์ ทางสายวิทย์คณิต เช่น ดีไซน์ คอมอาร์ท วิศวะ หมอ หมอคือสิ่งเราอยากเป็นตั้งแต่ครั้งแรกที่ครูประถมบังคับให้เราคิดเพราะต้องเขียนรายงานส่งชิงทุนตอนปอห้า


พอเราขึ้นมัธยมก็มีอาชีพใหม่ๆ เข้ามาในหัวตลอด อาชีพเปลี่ยนไปตามวัย แต่ที่ไม่เคยหายไปคือหมอ กับวิศวะคอม เราสอบติดวิศวะ แต่เราอยากเรียนหมอ เราสอบใหม่อีกปี เราไม่ติดค่ะ เราพยามมา 2 ปีเต็มๆ ทั้งซิ่วอยู่บ้าน และซิ่วแบบเรียนไป แต่หลายๆ ปัจจัยทั้งตัวหลักสูตร แนวข้อสอบ มันยิ่งแย่ที่เราอยากเป็นหมอเพราะสภาพสังคม และจากความคิดเราที่หมอจะเป็นคนเก่ง มีคนนับถือว่าเก่ง เราอยากเป็นคนเก่งค่ะ แต่ทุกคนก็บอกเราเสมอว่าเราเก่ง แต่ตัวเราเองที่ไม่รู้เลยว่าคำจำกัดความคำนี้ของเราคืออะไร แบบไหนกันที่เก่ง หรือแค่จากความคิด ตอนนี้เราเริ่มมีความคิดกลับมาว่า เราอยากเป็นอะไรกันแน่ แล้วเราจะรู้ได้ไงคะ ว่าเราเลือกถูก พี่ๆ หรือคนที่มาอ่านคิดเห็นยังไงกันคะ

/กรุณาแสดงความคิดเห็นแบบถนอมใจและสุภาพหน่อยนะคะ เนื่องจากเป็นคนอ่อนไหวง่าย ขอบคุณค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>

8 ความคิดเห็น

CptKirk 19 เม.ย. 65 เวลา 02:13 น. 1

คิดอะไรคิดง่ายๆสิฮะ โลกทุกวันนี้คุณไม่จำเป็นต้องเป็นไรเลยก็ได้ ไม่ต้องเป็นนู่นเป็นนี่ให้ดูน่าเคารพ และไม่ต้องให้ใครมานับถือหรอก น่าอึดอัดจะตายไป ส่วนผม อยากเปนแค่คนรวย ใช้เงินปีละ10ล้านบาท นั่งๆนอนๆโง่ๆอยุ่บ้าน อัพเฟซบุ๊ค ไอจีอวดรวยไปวันๆ แค่นี้ก้พอใจละฮะ

0
เมโลดี้ที่รักสายลม 19 เม.ย. 65 เวลา 02:46 น. 2

ตัดเรื่องค่านิยมบลาๆ ออกไป แต่ละอาชีพมันมีลักษณะเฉพาะของมันอยู่นะคะ บางอาชีพทำงานเป็นเวลา บางอาชีพก็ไม่ บางอาชีพทำงานกับเด็ก บางอาชีพทำงานกับคนแก่ บางอาชีพทำงานกับคนป่วย บางอาชีพต้องทำงานเป็นทีม บางอาชีพทำงานคนเดียว หรือบางอาชีพอาจจะมีลักษณะหลาย ๆ อย่างรวมๆ กัน ขึ้นชื่อว่าอาชีพ แปลว่าเราจะทำมันเพื่อหาเงินมาเลี้ยงตัวเองไปจนแก่เฒ่า ดังนั้นก็แปลว่าเราจะต้องอยู่กับมันไปอีกอย่างต่ำๆก็สามสิบปี เพราะงั้นลองหาข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพที่เราสนใจดูค่ะว่าอาชีพนั้นลักษณะงานเป็นแบบไหน และถ้าตัวเราเนี่ยต้องทำแบบนั้นซ้ำๆทุกวันไปอีกสามสิบปี เราโอเคมั้ย อันไหนโอเคก็เก็บไว้ อันไหนคิดว่าไม่โอเคก็ตัดออกค่ะ บางทีเราเห็นคนอื่นทำ มันอาจจะดูน่าสนุกค่ะ ก็จะรู้สึกว่าอยากเป็นจังเลย แต่พอไปอยู่ตรงนั้นจริง ๆ ทุกๆวัน มันอาจจะไม่ใช่ทางของเราก็ได้นะ อย่างเราเนี่ย ไม่ชอบขายของเลยค่ะ แม้ที่บ้านจะเปิดร้านขายไอศครีมก็ตาม ให้ไปขายช่วยสองสามวันก็ได้อยู่หรอก ทำวันแรกๆ ก็สนุกดี แต่ถ้าให้ทำทุกๆวันไปเรื่อยๆ เป็นปีๆ เราคงไม่ไหวเหมือนกันค่ะ เพราะงั้นอาชีพที่เป็นงานขายสำหรับเรา ก็ตัดออกไปได้เลยค่ะ จะให้ไปเสนอขาย เรียกลูกค้า ทำไม่ได้แน่ๆค่ะ เคยรู้จักคนนึงเป็นคนรักสัตว์ อยากเรียนสัตวแพทย์ แต่ที่ไปเจอจริงๆ คือเรียนทุกด้านเลยนะคะ ผ่าสัตว์ ทำคลอด ทำหมัน ไปจนถึงการุณยฆาต สุดท้ายก็ไม่ไหวค่ะ ทำไม่ได้ ซิ่วไปเรียนอย่างอื่นแทน ก็ประมาณนี้แหละ ลองเลือกๆอันไหนที่เราคิดว่าโอเคไว้ แล้วหาข้อมูลเปรียบเทียบอีกที ดูความต้องการของตลาด ดูเงินที่จะได้ เทียบกับความหนักของงาน แล้วค่อยเลือก

0
MOON_tea 19 เม.ย. 65 เวลา 15:12 น. 3

สำหรับเราที่เราอยากเป็นหมอ เพราะเราชอบที่จะช่วยคนและอยากรักษาคนมาตั้งแต่เด็กแล้วเราก็เคยคิดว่าเราอยากเป็นอะไรกันแน่พอเราเริ่มโตเราก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่าเราชอบที่รักษาคนเราเลยเลื่อกที่จะเป็นหมอ ที่เราจะบอกก็คือลองคิดดูดีๆว่าตอนเด็กคุณชอบอะไรและมันยังชอบอยูไหมจนถึงตอนนี้ ถ้าคุณยังชอบอยู่นั้นอาจจะเป็นสิ่งที่คุณอยากเป็นอยู่ก็ได้

0
IceCat 19 เม.ย. 65 เวลา 15:45 น. 4

อยากแนะนำว่าอย่าไปคิดมาก เรื่องแบบนี้เป็นทุกคน และแม้แต่เราโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นไปเราก็ต้องเจอทางเลือกในชีวิตที่เราต้องเลือกอยู่เสมอ แค่คิดให้ดีก่อนเลือก ถ้าเลือกผิดพลาดก็เรียนรู้และแก้ไขในครั้งต่อไป ถึงอย่างไรประตูทางเลือกในชีวิตก็จะมีมาอีกเรื่อยๆตลอดไป


ลองมองภาพให้ไกล เราอยากเห็นตัวเราทำงานอะไร นักบัญชีนักบริหารนักการตลาดนักวิชาการหมอเภสัชหรืออื่นๆ

0
Hallo 2 พ.ค. 65 เวลา 08:35 น. 5

ประเด็นเรื่องรู้ได้อย่างไรว่าชอบอะไร เหมาะกับอะไร อาจจะมีท่านอื่นตอบไปบางส่วนแล้ว


อยากมาเสริมประเด็นที่ว่า อยากเป็นคนเก่ง แล้วการเรียนหมอ = ถูกยอมรับว่าเก่ง

เรื่องนี้ส่วนตัวคิดว่าอาจจะมีความสำคัญแค่ถึงช่วงวัยเรียนวัยนึงค่ะ วัยที่ยังมีการเปรียบเทียบความสามารถกันด้วยเรื่องวิชาการ

แต่หลังจบออกมา ทุกคนทำอาชีพของตัวเอง มีความถนัดที่เป็นเรื่องเฉพาะทางของตัวเอง หมอก็ไม่ได้ดูเก่งกาจเว่อวังอะไรขนาดนั้นแล้ว ก็เป็นแค่คนที่เก่งทางด้านสุขภาพ แต่มาซ่อมไฟซ่อมประปา ทำงานIT ฯลฯ อะไรไม่ได้(ถ้าไม่ได้ฝึกและมีความถนัดเฉพาะตัวออกมาอีกที)

ส่วนตัวมองว่าเรียนอะไรก็ตาม ถ้าไปได้สุดทางในสายของตัวเอง ยังไงคนก็ยอมรับว่าเก่งค่ะ

และต่อให้ไม่เก่งก็ไม่เป็นอะไรเลย เราก็ยังเป็นเราที่มีค่าเท่าเดิมอยู่ดี คุณค่าของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเก่งกาจหรือเงินเดือนสักหน่อย เรามีค่ามากกว่าอะไรพวกนั้นมากๆอยู่แล้ว


ป.ล. ไม่ได้มาดิสเครดิตอาชีพหมอนะ ส่วนตัวเรียนจบหมอแล้วรู้สึกว่าเราใช้เวลาไปเยอะมากๆๆๆกับเนื้อหาทางการแพทย์ จนไม่ได้ใช้ชีวิตด้านอื่น เรียนจบออกมาก็ต้องเสียเงินจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นมาทำนู่นนี่ให้อยู่ดี หลายๆอย่างที่ถ้าเรามีเวลาเราก็น่าจะฝึกได้เก่งได้ มันกลายเป็นเราต้องใช้เงินมาจ้างผู้เชี่ยวชาญมาทำให้หมด ถามว่าเรียนจบมาแล้วรู้สึกว่าตัวเองเก่งมั้ย ขอตอบว่าไม่เลย ก็เป็นแค่ปลาตัวนึงในมหาสมุทร มีคนเก่งในอีกหลายๆๆๆด้านมากๆที่อยู่ร่วมในสังคมกับเรา

0
สู้ๆค่ะ 2 พ.ค. 65 เวลา 20:55 น. 6

เลิกคิดเรื่องค่านิยมเถอะค่ะ เพื่อนเราเรียนหมอเพราะค่านิยม พอใจมันไม่รักมันฝืนมากๆนะ เราเองใช้วิธีสมัครค่ายมหาลัยตั้งแต่ม.3ยันม.6 ส่งไปสมัครไปเกิน 50 ค่ายซึ่งเยอะอยู่นะ5555 ส่งทุกสาขาเลยค่ะ ศิลปะ ดนตรี นิเทศ หมอ หมอฟัน สัตวะ สาสุข นิติ ภาษา วิศวะ บลาๆ แต่เราติดแค่ 9 ค่าย ซึ่ง7ค่ายคือวิศวะไฟฟ้าและคอม(เราส่งหลายมหาลัย) ภาษาอังกฤษ1ค่าย และวิทย์เคมี1ค่าย ปัจจุบันเรียนวิศวะไฟฟ้าที่อังกฤษค่ะ เราหาตัวเองเจอจากค่ายนี่แหละ จากการเข้าค่ายม.โหดๆที่เรียนหนักมากๆ แต่ใจเราสู้มาก ยากแค่ไหนก็จะเอา ตอนนี้มีความสุขกับสิ่งที่เลือกมากค่ะ และที่สำคัญคือ ตลอดการตัดสินใจของเรา เราไม่คิดถึงคนอื่น และไม่คิดถึงค่านิยมเลยค่ะ เราคิดว่าทุกๆสาขามีความพิเศษในตัวเองและต่อให้ค่านิยมมันไม่ดีแบบนั้น แต่ถ้าเราชอบ เราจะเรียนนะ และเราไม่สนใจเลยถึงแม้ว่าพ่อแม่จะบังคับเราเรียนหมอ เราจะไม่ตามใจใครทั้งนั้นนอกจากตัวเอง มันมีความสุขและภูมิใจมากๆนะ

0
รักท่านฮิ 3 พ.ค. 65 เวลา 08:39 น. 7

ลองทำเลยค่ะ เราก็เป็นเหมือนที่คุณเป็น สับสนมากๆ ทั้งซิ่วทั้งอะไรเครียดไปหมด เราอยากแนะนำให้ตัวเองลองทำค่ะ ลองสมัครเข้าค่ายคณะต่างๆดู เค้าให้ลองทำอะไรให้ลอง อย่าฟังอย่างเดียว บางทีเราก็เผลอฟังผ่านๆแล้วคิดว่าเท่ดี แค่เรียนเดี๋ยวก็ทำได้ แต่บางที พอไปลองทำจริงๆ ก็ไม่สนุกนะคะ ดังนั้นควรลองปฏิบัติจริงเท่านั้นค่ะ แล้วข้อแนะนำอีกอย่างนึง ถ้ามีเวลา ให้ให้เวลากับตัวเองค่ะ ไม่ว่าจะอยู่บ้าน หรือไปเที่ยวเล่น แยกตัวออกมาเป็นอิสระและพักผ่อน เลิกคิดเรื่องหนังสือ หาอะไรที่ตัวเองชอบไปค่ะ ถ้าสงสัยว่าตัวเองโดนค่านิยมสังคมกดอยู่หรือเปล่า ให้ตัวเองแยกตัวออกมาจากบรรดาป้าๆข้างบ้านทั้งหลายเลย ช่วงนี้ควรฟังอะไรtoxicให้น้อยลง ให้อิสระตัวเองเข้มแข็งมากขึ้นค่ะ อันนี้สำคัญ จากที่เราเคยคิดว่าเราผิดที่เราซิ่ว มาจนวันนี้เราให้เวลากับตัวเอง เราก็พบว่าซิ่วไม่เห็นมีอะไร เรากล้ากลับไปคุยกับครูเราแล้ว พวกนี้มันเป็นค่านิยมที่ถูกฝั่งไว้ลึกมาก ต้องให้เวลาตัวเองในการจัดการ ค่อยๆแยกว่าอันไหนใช่ไม่ใช่ค่ะ (ของเรา เราซิ่วหมอไม่ติด เลยลองเรียนคณะวิทย์ แล้วเราพึ่งรู้ค่ะว่าเราไม่ชอบทำการทดลอง เลยรู้ว่าคณะเกี่ยวกับวิทย์คือไม่ใช่เรา ทั้งที่ที่ผ่านมาคะแนนวิทย์เราดีมาก แต่พอเรายอมรับกับตัวเองได้ให้เวลา ลองทำ เราก็รู้ว่าที่ใช่เราคืออะไรค่ะ)

1
MDNMRNA 3 พ.ค. 65 เวลา 13:21 น. 8

https://www.16personalities.com/th/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E

ลองทำแบบทดสอบนี้ดูค่ะ พอได้คำตอบแล้วให้ลองเอาแต่ละอาชีพศึกษาดู ถ้าสมมติว่าต้องอยู่กับอาชีพนี้ไปตลอดชีวิตละทำได้ไหม

0