Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิวสอบเข้า BALAC CU รอบAdmission 2/2022

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

จากกระทู้แรกที่เราเขียนไปนะคะว่าเราตัดสินใจซิ่ว แล้วเราก็ยื่นคณะ BALAC หรือ Bachelor of Arts in Language and Culture หรือ อักษร จุฬา อินเตอร์ นั่นเองค่ะ วันนี้เราจะมารีวิวข้อสอบเข้ารอบ admission round 2/2022 ให้ทุกคนอ่านกันค่ะ เย้ๆ 

อันนี้เป็นกระทู้แชร์ประสบการณ์ซิ่วค่ะ จิ้มไปอ่านเพลินๆได้นะคะ หรือจะอ่านเป็นบทเรียนชีวิตก็ย่อมได้ค่ะ   https://www.dek-d.com/board/view/4056437/

ส่วนอันนี้เป็นรีวิวสอบเข้า bir tu ค่า 
https://www.dek-d.com/board/view/4056468

อันนี้เป็นรีวิวสอบเข้า bas tu ค่า
https://www.dek-d.com/board/view/4056518

งั้นเรามาเริ่มกันที่ requirements ก่อนเลยนะคะเพราะสำคัญที่สุด โดย balac เนี่ยถ้าคะแนนถึงเกณฑ์ปุ้ปคือสามารถผ่านเข้ารอบไปสอบข้อเขียนได้เลยนะคะ เพราะเค้าจะตัดที่ข้อเขียนและสัมภาษณ์อย่างเดียวเลยค่ะ 

 ปล. อันนี้เป็นลิ้งค์ของreqirements คะแนนนะคะ  https://www.arts.chula.ac.th/balac/index.php/admission/ 

PS. อ้อๆ สำหรับคณะที่มีข้อเขียนอย่างbalacหรือ commarts จะเปิดรับและปิดรับค่อนข้างเร็วกว่าคณะอื่นๆนะคะ ทำให้อาจจะใช้คะแนน sat รอบ march ไม่ทัน ยังไงก็อย่าลืมเช็กกันน้าา

 
โดยข้อเขียนสำหรับปี 65 จะเป็นแบบออนไลน์ คือคณะจะส่งเมล์มาให้พร้อมกับไฟล์ข้อสอบ ให้เวลาทำ 2 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งตอนทำข้อสอบเนี่ยก็ไม่ต้องเข้า meet นะคะ เพราะทางคณะจะใช้โปรแกรม turnitin ที่จะเช็กการ plagarism หรือการก็อปบทความนั่นเองค่ะ โดยข้อเขียนจะแบ่งเป็น 2 parts คือ reading และ writing ค่ะ ในส่วนของ reading จะเป็นบทความประมาณ 2 หน้าค่ะ มีคำถาม 6 ข้อ ซึ่งเป็นแบบพิมพ์ตอบหมดเลย เนื้อหาคือประมาณว่า workaholic ค่ะ ส่วนตัวเราใช้เวลากับ reading ไปเยอะเหมือนกันค่ะ เพราะตอนแรกที่คณะส่งไฟล์มาเราก็อ่าน structure ก่อนเลยว่าต้องทำอะไรบ้าง (ปาเข้าไปเกือบ 10 นาทีแล้วค่ะ)

ส่วน writing มี 4 ข้อให้เลือกเขียนมา 1 ข้อ ห้ามเกิน 1,000 คำค่ะ โดยหัวข้อที่ให้มาก็จะมี 

1. media
2. covid-19
3. language
4. metaverse
 

ส่วนตัวเราเลือกเขียนข้อ media ค่ะเพราะถนัดที่สุด และปาเข้าไป 700 กว่าคำ สำหรับคำแนะนำตอนทำข้อเขียนคือบริหารเวลาให้ดีๆค่ะ เรพาะตอนแรกที่เรารู้ว่าให้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที คือรู็สึกว่ามีพอเหลือๆเลยค่ะ แต่ปรากฎว่าแทบจะทำไม่ทัน เพราะกว่าจะเขียนตอบ แปลงไฟล์ ส่งใน google form ก็ 10:57 แล้วค่ะ สรุปว่าเราไม่ได้ทวนสิ่งที่เราตอบเลย แล้วก้เราอยากให้อ่าน structure ที่คณะเค้าส่งมาแบบดีๆละเอียดๆเลยนะคะ เพราะเราลืมแปลงไฟล์ reading ให้เป็น pdf แต่โชคดีว่าเราทำ 1 part แล้วก็มาส่งใน form เลยทำให้ยังมีเวลาแก้ค่ะ 

 

พอสอบ written exam เสร็จแล้วเราก็ค่อนข้างชิลค่ะ เพราะperformance ดีกว่าปีที่แล้วค่อนข้างมาก บวกกับเรารู้สึกไม่อยากคาดหวังมากเพราะกลัวผิดหวัง แล้วรายชื่อคนติดรอบสัมภาษณ์ก็ประกาศค่ะ จากคนที่มีสิทธิ์สอบข้อเขียน 120 คัดเหลือ 100 คน และจะเอา 49 คน (การแข่งขันประมาณครึ่งๆค่ะ) 

โดยการสอบ interview exam จะทำผ่าน zoom ค่ะ โดยที่คณะจะส่งลิ้งค์เข้า discord มาให้แล้วค่อยๆเรียกเข้าไปสัมภาษณ์ค่ะ ความพีคคือเราได้รอบตอน 10:20 (แต่เลทมาจนประมาณ 10:40 ) ซึ่งชนกับ written exam ของ BAS เลยต้องสับรางรถไฟกันแทบไม่ทันเลยค่ะ555555555555 

 

ตอนที่เข้าไปในห้อง ของห้องเรามีอาจาร์ย 3คน ผู้ชายคนไทย 1 คน (ซึ่งเป็นคนเดียวกับปีที่แล้ว) อีก 2 คนเป็นอาจาร์ยฝรั่งผู้หญิง ตอนแรกก็ต้องโชว์บัตรประชาชนก่อนนะคะ ส่วนคำถามที่โดนคือ

  1. Introduce yourself อันนี้เรามีบทอยู่แล้วแต่พอพูดบทไป 2 sentence ก็โดนตัดจบเลย บอกตามตรงว่าตอนนั้นขวัญเสียมาก แต่พยายามตั้งสติไว้

  2. โดนถามเรื่องเกี่ยวกับ sop ที่เขียนมาว่า advertisement helpful or harmful และเราเขียนเกี่ยวกับ project ที่เคยทำ อาจาร์ยเลยถามว่าถ้ามีเงินจะทำอะไรอีกบ้าง

  3. เนื่องจากใน essay เราเลือกข้อ media อาจาร์ยเลยถามว่าในสถานการณ์ยูเครน เราสามารถใช้ media อย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด 

  4. ให้อธิบายเพิ่มจากessay ว่า media portray norms ยังไงในสังคม 

  5. ถามต่อจากข้อที่แล้วว่า ใครเป็นคนกำหนด culture ในสังคม เพราะเราหลุดคำว่า culture ตอนตอบคำถามข้อ 4 

  6. อาจาร์ยให้ถามคำถาม อันนี้แนะนำว่าให้ถามอะไรง่ายๆ อย่าถามเรื่องพวก exchange เพราะคนน่าจะถามเยอะ 

 

(เราสัมไปประมาณ 14 นาทีค่ะ) แอบฝากบอกไว้ว่า sop ค่อนข้างสำคัญมากๆเลย แนะนำว่าให้ปรึกษาหลายๆคน อาจจะลองให้พี่ที่สอนพิเศษที่เชี่ยวชาญอ่านดูว่าโอเคมั้ย เพราะของเรานี่คือพี่เค้าบอกเลยว่าล่อเป้ามาก5555555 

 

คืนก่อนวันประกาศคือเราติดนิยายมากเลยอ่านจนถึงตีหนึ่ง แต่คือเราก็สะดุ้งตื่นมาตอนตีสาม แล้วก็นอนไม่หลับอีกเลย พอซัก 8 โมงเราก็ไปดูในเว็บแต่ก็ยังไม่มาซักที เรารีเฟรชเว็บบ่อยมากๆ จนซัก 9 โมงเราก็ชักท้อเลยไปนั่งกินข้าว (เราถึงขั้นถอด apple watch ไว้ข้างนอกเพราะกลัววอกแวก) แล้วอยู่ดีๆตอนประมาณ 9:30 น้องเราก็วิ่งเข้ามาในห้องครัวแล้วบอกว่าเห็นชื่อเรา คำแรกที่เราบอกน้องคือห้ามแกล้งนะ5555555 ปรากฎไปดูในเว็บก็มีชื่อเราจริงๆ วินาทีนั้นคือร้องไห้เลย วิ่งเอาไปบอกพ่อก็น้ำตาแตกใส่อีก 1กรุบ 

 

มาถึงที่เรียนพิเศษนะคะ บอกเลยว่าปีที่แล้วเราเรียนเยอะมาก แต่ไม่เอากลับมาทบทวน ไม่ซ้อมเลย ปีนี้เราเลยตั้งใจว่าจะเรียนไม่เยอะและจะตั้งใจฝึกเอา ซึ่งเราเรียนกับพี่สร้อยพี่สร (ig: @krusoi.easyeng) บอกเลยว่าเพราะพี่สร้อยพี่สรนี่แหละที่ทำให้เราติด balac เพราะตอนฝึกเขียน essay เรื่องที่พี่ๆให้ฝึกหรือพวกเนื้อหาต่างๆที่พี่ๆทำสไลด์มาให้คือออกใน written exam หมดเลย (ตอนสอบข้อเขียนคือเราเขียนตอบประมาณที่เคยตอบในคลาสไปเลยๆ) ส่วนพาร์ท interview คือพี่ๆก็จะคอยถามความคิดเห็นเราว่าคิดยังไง เป็นการกระตุ้นในพูดไปในตัว ที่พีคที่สุดคือตอน mock interview พี่สรถามคำถามนึงที่ตรงกับในห้องสอบจริงๆ เราแบบช็อกมาก55555555 สิ่งที่เราชอบมากที่สุดในการเรียนกับพี่สร้อยพี่สรคือพี่ๆเชียรอัพเราหนักมาก พอเราตอบเสร็จก็จะชมว่าเก่งมาก คอยบิ้วว่าเราทำได้ ซึ่งแบบเราใจฟูมาก แล้วก็กลายเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองไปเลย 

เรายังเรียน interview อีกที่นึงด้วยเพราะค่อนข้างแพนิคนิดนึงตอนประกาศรายชื่อ เราเลยลองหาในทวิตเตอร์ดูแล้วก็เจอพี่น้ำที่เป็นนิสิต balac อยู่ด้วย (twitter: @decemberkidx) ซึ่งสอนสัมเรา 3 วันก่อนสัมจริง แล้วคือเราแบบมั่นใจขึ้นเยอะมากๆเพราะพี่น้ำจะให้เราพูด 20 นาที เหมือนเราสัมภาษณ์จริงๆ แล้วจะยิงคำถามมาเรื่อยๆ แบบไม่ซ้ำกันเลยสักรอบ55555555555555 

สุดท้ายนี้เราอยากจะบอกว่าถ้าเราเชื่อมั่นในตัวเองว่าเราทำได้ เราก็จะมีความมั่นใจในตัวเอง มั่นใจในคำตอบที่เราตอบอาจาร์ยไป สู้ๆนะคะทุกคน เราเชื่อว่าทุกคนทำได้ เย้ๆ 

ถ้ามีคำถามอะไรสามารถถามเราได้เลยนะคะ หรือเพื่อน balac คนไหนเห็นก็มาเมคเฟรนกันได้ค่าาา 
twitter: _chachany 

แสดงความคิดเห็น

>