Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

คู่มือฝึกงาน: ไปฝึกงานเอาลงพอร์ตกันน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีค่ะ ทุกๆคนที่กดเข้ามาอ่านกระทู้นี้ ใครที่ต้องการข้อมูลอย่างเร่งด่วน ย่อหน้าแรกนี้ข้ามได้นะคะ
   yes

                          ขอบคุณทุกๆคนที่กดเข้ามานะคะ เรียกได้ว่านี่เป็นการเขียนกระทู้และการเรียบเรียงบทความครั้งแรกของเค้าเลยล่ะ   เราค่อนข้างตื่นเต้นเพราะเป็นเรื่องที่เราเป็นคนที่เก็บข้อมูลด้วยตัวเองและลองผิดลองถูก เนื่องจากข้อมูลการฝึกงาน การทำอะไรแบบนี้หาข้อมูลอ้างอิงค่อนข้างหายากมากๆ  เราเลยต้องคลำจากประสบการณ์ของเราและการพูดคุยกับบุคคลที่พอจะให้คำแนะนำได้ค่ะ  สำหรับเนื้อหาต่อจากนี้ หากมีอะไรผิดพลาดหรือมากเกินความจำเป็นหรือยังไม่ครอบคลุมมากพอ ขอความกรุณาชี้แนะด้วยถ้อยคำที่สุภาพและใจดีกับเราด้วยนะคะ  ขอบคุณอีกครั้งที่เข้ามาอ่านค่ะ เริ่มกันเลยเนอะ เย้! 


????????????????????????????????????????????????    การเป็นสัตวแพทย์ตามความฝันของตัวเอง    
**การเกริ่นเท่านั้นข้ามได้นะคะ** 

 แรกเริ่มเดิมที่ตั้งแต่เราอยู่ม.ต้นเราเองก็มีความฝันว่าอยากเรียนสัตวแพทย์มากๆ อยู่แล้วด้วยการรับรู้ความเป็นไปของสังคมและความเป็นไปของจิตใจและความคิดของตัวเองทำให้เราได้ปักหลักความคิดได้ว่า หากเราเรียนจบมัธยมปลายแล้วเรามีความตั้งใจที่จะศึกษาต่อในสายวิชาไหนนั่นเองค่ะ  เมื่อขึ้นม.ปลายมาเราก็เริ่มหาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสายวิชานี้มากขึ้น ถึงแม้ว่าในตอนที่อัพบทความนี้ผู้เขียนนั้นจะยังไม่ได้ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยก็ตาม เรียกได้ว่าเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ก่อนที่จะได้เข้าเรียนเสียอีก5555   ที่ทำแบบนั้นเพราะจะยังมีผู้ที่ไม่รู้และยังไม่มีหลักให้จับทางให้ไปอีกมาก   ตัวเราเองในตอนที่หาข้อมูลนั้นบอกตามตรงเลยค่ะ นอกจากหนังสือ  อ้างอิงที่ชื่อ    "Born to be   สัตวแพทย์"   และข้อมูลประปรายจากอินเตอร์เน็ท ตัวเราในวัยพึ่งขึ้นม.ปลายบอกได้เลยว่าค่อนข้างเคว้งคว้างมากๆเลย5555555 ตัวเราไม่ใช่คนที่มีคนรู้จักในแวดวงนี้มากด้วย ทำให้เรารู้สึกว่าเนื้อหาข้อมูลของเราในตอนนี้นั้นค่อนข้างตื้นและเบาบางเหลือเกิน แต่เราในตอนนั้นก็ได้แต่ทำใจและได้แต่คิดว่าหมกตัวอยู่กับแหล่งข่าวเข้าไว้เราอาจจะรู้สึกแบบนั้นน้อยลงก็ได้ แต่บทสรุปของความคิดนั้นของอุบอิบไว้ที่ท้ายกระทู้นะคะ คริ
                      เริ่มสนใจ ??   
จากการค้นคว้าข้อมูลสำหรับการเรียนต่อ เราได้พบว่าในรอบของportfolioของคณะสัตวแพทย์ศาสตร์นั้น มีการพิจารณาผลงานกิจกรรมที่เป็นการฝึกงานเพื่อเก็บชั่วโมงด้วย โดยจำนวนชั่วโมงการนั้นขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยที่มีกำหนดการรับ เราตอนแรกที่ได้อ่านก็รู้สึกว่าโหห น่าสนใจดีนะ นอกจากเราจะได้เรียนรู้บรรยากาศการทำงานเรายังสามารถเอาไปใช้ในการยื่นเรียนต่อได้ด้วย เราเลยคิดว่า อืม!  เอาล่ะเราจะฝึกงาน โฮ่ะโฮฮฮ  หลังจากนั้นเราก็เอาไปปรึกษาพ่อกับแม่ค่ะ แต่เรามีข้อมูลที่มาจากแค่หนังสือเท่านั้นพ่อกับแม่เราเลยช่วยกันอนุมานบ้าง5555แล้วพวกท่านก็โอเค และก็เป็นแม่ของเราเองที่เสนอว่าให้เราเริ่มไอเดียช่วงปิดเทอมก่อนจะขึ้นม.6 ยังไม่ต้องรีบไปสมัครตั้งแต่ตอนนี้เพราะเราไม่รู้ว่าอายุของใบรับรองมีผลกี่วันบ้าง เราก็เลยได้แต่รออย่างตื่นเต้น ทุกคนคิดดูนะ ตั้งแต่ม.4เทอม2เรารออย่างตื่นเต้นมาจนถึงปิดเทอมใหญ่ของม.5 ตื่นเต้นขั้นนั้นเลยนะ5555555555555 เอาล่ะนี่ก็คือจุดเริ่มต้นคับพ้ม   

--------------------------------------เริ่ม กัน เลย  ค่า------------------------------------------
  1. เลือกสถานที่ที่เราอยากไปฝึกงาน!!
อธิบายกันก่อนว่าการฝึกงานในสายงานสัตวแพทย์เรามีทั้งโรงพยาบาลและคลินิกนะคะ เราเองก็ไม่เคยฝึกงานที่โรงพยาบาลเหมือนกันแต่ได้ยินมาว่าสองที่นี้ถึงจะมีงานเป็นการรักษาสัตว์ต่างๆแต่ความรู้สึกจะไม่เหมือนกันเลยล่ะค่ะ
ความแตกต่างระหว่าง คลินิก กับ โรงพยาบาล
     คลินิก : ค่อนข้างเป็นสถานที่ที่จะเรียกว่าชิลก็ชิลมากๆ ช่วงเวลาที่ไม่มีเคสเข้าเลยก็จะเงียบเหงาเรียกได้ว่าหลับได้เลย5555 ถ้าเป็นคนที่ขี้เบื่อหน่อยก็อาจจะไม่ชอบตรงส่วนนี้นะคะ ถึงจะบอกว่ามีเวลาว่างเยอะๆ ก็ยังมีงานหลังร้านหรืองานจิปาถะต่างๆรอเราให้ทำค่าเวลาอยู่นะ เช่น พับผ้าก็อช เตรียมยาให้สัตว์ค้างคลินิก ทำความสะอาดกรง เรียงประวัติ ตัดสำลี หรือว่าการมานั่งคุยกับพี่หมอหรือเหล่าพี่ผู้ช่วยนี่ค่อนข้างทำได้ง่ายมากๆเลยเพราะคลินิกมันมีอยู่แค่นั้นอ่ะ5555 ก็เดินไม่กี่ก้าวก็ไปนั่งคุยกันได้ค่ะ แต่ถ้าเวลาที่มีลูกค้าเข้า เคสเยอะๆบอกเลยว่าเยินมากๆสำหรับเด็กฝึกแบบเราๆเพราะเราไม่มีทั้งประสบการณ์และไม่เคยรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆมาก่อน (ต้องตั้งสติและทำอะไรโดยไม่ประมาท ทำอะไรที่เรามั่นใจว่าทำได้ ถ้าเราไม่มั่นใจแล้วมีความเสี่ยงที่จะทำพลาดให้ละเอาไว้ให้คนที่ทำได้ทำค่ะ เพื่อป้องกันความเสียหายในภายหลัง) แต่งานหรือเคสที่เจอจะเป็นเคสเบาๆหรือเคสที่มีความรุนแรงน้อยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะทางมากในการรักษา งานค่อนข้างจำเจ อันนี้พี่หมอเป็นคนบอกมาเองเลย55555
      โรงพยาบาล : อันนี้เป็นแค่คำบอกเล่าจากพี่หมอและพี่ผู้ช่วยที่เคยทำงานมามาเล่าให้เราฟังเท่านั้นนะคะ มาแชร์กันได้น้าถ้าใครเคยไปฝึกที่โรงพยาบาลมา  อย่างแรกเลยคือเคสต่างๆจะมีหลากหลายมากๆ และพี่หมอและผู้ช่วยต้องดูแลทั้งเคสนอกและเคสในที่พักอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยเพราะฉะนั้นมีอะไรทำตลอดแน่นอน5555 แต่เรื่องของคนที่พาสัตว์มารักษามันอาจจะไม่ได้เหมือนกับโรงพยาบาลของคนมากนะคะ เนื่องจากสัตว์เนี่ยต้องมีคนพามาเพราะฉะนั้นมันจะไม่แน่นทั้งวันเหมือนโรงพยาบาลของคนนั้นเองค่ะ 
     **แอบกาสิ้บนิดนึงว่า สำหรับโรงพยาบาลแล้วเด็กฝึกงานอาจจะว่างมากๆๆๆๆเลยก็ว่าได้ด้วยเหตุผลหลายๆประการ เช่นพี่ๆเขาก็มีงานที่ต้องจัดการ ไม่มีคนที่มาคอยพาดูงานฝึกงานเท่าไรอะไรแบบนี้คั้บ

ก็จะเป็นประมาณนี้ค่ะในเรื่องของความแตกต่างที่พอจะมาเล่าให้ฟัง เพื่อประกอบการตัดสินใจของทุกคนนะคะ

วิธีหาที่ฝึกงานก็คือเริ่มจากลิสต์มาก่อนเลยค่ะว่าเราจะไปติดต่อที่ไหนบ้างเพราะว่าไม่ใช่ทุกที่ที่รับเด็กฝึก ยิ่งเป็นเด็กม.ปลายด้วย ลิสต์เยอะๆหน่อยก็ดีค่ะ แล้วก็ลุยโลดเลย เมื่อเราติดต่อมาแล้ว มีมากกว่า1ที่ที่รับเราก็เลือกพิจารณาตามความสะดวกของเรา อย่างของเราเองเราเลือกตามความสะดวกในการเดินทาง ใกล้บ้าน ค่าใช้จ่ายในการเดินทางน้อยไว้ก่อนค่ะ เพราะช่วงเวลานี้มันมีข้อจำกัดหลายอย่างมากๆ เดินทางไกลหลายๆวันไม่ค่อยเหมาะเท่าไรเนอะ และเมื่อเราได้ที่ฝึกงานแล้ว สิ่งต่อไปเลยนั่นก็คือ
 
      2. เตรียมเอกสาร เตรียมใจ เตรียมตัว!!
หลังจากที่คุยหรือติดต่อกับทางคลินิกว่าเราจะฝึกงานกี่ชม.แบบรวมทั้งหมด กี่ชม.ต่อวัน คุยกันเรื่องขอบเขตงานต่างๆที่จะได้ทำแล้วนั้น เราต้องทำเอกสารเพื่อที่จะเป็นตัวรับรองว่าเราได้ผ่านการฝึกงานแล้วเรียบร้อยนั่นเองค่ะ จะได้เอาไปใส่พอร์ตได้น้า จากประสบการณ์ของเราเราเองตอนที่หาข้อมูลเรื่องแบบฟอร์มอะไรแบบนี้บอกเลยว่าเคว้งที่สุดตรงนี้นี่แหละ5555555 เพราะเราไม่รู้จะไปคุยกับครูยังไงเพราะโรงเรียนเราเองก็ไม่เคยส่งใครไปฝึกงานแบบออกหนังสือจริงจังขนาดนี้ ต้องไล่ไทม์ไลน์ก่อนว่า ตอนที่เราตัดสินใจจะฝึกงานเพื่อเก็บชั่วโมงตอนนั้นเราอยู่ม.4 แล้วเราเองก็ไม่เคยรู้จักใครที่มีความตั้งใจจะไปในแนวเดียวกับเราเลย ตามหากระทู้อะไรแบบนี้ก็ยังตอบคำถามข้อสงสัยเราได้ไม่หมด เราเลยได้แต่อนุมานเองหมดว่า อย่างแรกเลยเอกสารนี้ต้องออกโดยโรงเรียน และมีการเซ็นรับรองจากทางคลินิกแล้ว1 แล้วพอถึงเวลาจริงเราไปคุยกับคุณครูแนะแนว โคตรสู้ชีวิตเลยอ่ะเพราะครูแนะแนวเขาไม่เคยทำเหมือนกันแต่เขาก็พยายามจะทำความเข้าใจเรานะ เขาพยายามจะช่วยเรามากๆ เราเลยพยายามหาแบบฟอร์มจนเราเจอแบบฟอร์มนี้


ที่มา : 65-certificate-vs.pdf (mahidol.ac.th)

จากเว็บของม.มหิดล ต้องขอขอบคุณมากๆเลยค่ะ เราเลยส่งฟอร์มนี้ไปให้ครูแนะแนวของเรา แล้วก็นัดแนะให้ไปเขียนคำร้อง ขอออกหนังสือรับรองการฝึกประสบการณ์และใช้เวลาอยู่เกือบๆอาทิตย์เพราะช่วงเวลานั้นมีงานตัดเกรดอยู่พอดี คิดว่าถ้าคุยกันละเอียดกว่านี้หรือทางโรงเรียนไม่มีเหตุด่วนอาจจะใช้เวลาน้อยกว่านี้ เพราะฉะนั้นในเรื่องของการขอหนังสือจากทางโรงเรียนแนะนำให้เผื่อเวลาหน่อยนะคะ เผื่อบางคนเลือกวันที่เริ่มฝึกงานกระชันชิดมากเกินไปอาจจะทำให้เอกสารไม่ทันก็ได้ค่ะ จากประสบการณ์ของเราเลยเราต้องขอเลื่อนวันเริ่มไปเพราะกะเวลาไม่ถูกอยู่ตั้งสองรอบ เริ่มติดต่อตั้งแต่ต้นเดือนแต่ได้ฝึกตอนปลายเดือนเลยล่ะค่ะ5555 และนี่คือเอกสารจากทางโรงเรียนของเราค่ะหน้าตาจะเป็นแบบนี้ พร้อมหนังสือจากทางโรงเรียน โดยเราพึ่งมารู้ว่ามีพี่ที่เรารู้จักเคยไปฝึกงานมาเหมือนกัน เราเลยขอคำแนะนำเรื่องนี้ไปในตัว และเราก็รู้มาว่าพี่เขาไม่ได้ขอหนังสือจากทางโรงเรียนแต่ทำเอกสารเป็นตารางบันทึกการทำงานแต่ละวันมากกว่า และพี่เขาก็แนะนำให้เราเพิ่มตารางบันทึกนี้ไปด้วยจะได้เป็นหลักฐานที่ชัดเจนบอกครบว่าสิบกว่าวันที่ไปฝึกนี่ทำอะไรบ้างแบบนี้ค่ะ และนี่คือหน้าตาของตาราง



            อันนี้เป็นเอกสารรับรองจากโรงเรียนของเค้าเองค่ะ ส่วนหนังสือจากทางโรงเรียนนี่เค้าไม่ได้สแกนมา แต่จะเป็นเอกสารที่มาในจดหมายมีตราประทับ ประมาณนั้นคั้บ
ดังนั้น สำหรับเอกสารเรามีทั้งหมด 3 ใบแล้วนะคะ 1. เอกสารรับรอง 2.หนังสือจากทางโรงเรียน 3. ตารางบันทึก(อันนี้ทำเองได้ค่ะ เราเองก็ทำเพิ่ม)

               เราได้เอกสารแล้วค่ะ ต่อมาเรามาเตรียมตัวเตรียมใจกัน!
เรื่องของใจไม่ใช่ใครจะทำได้เท่ากันเลยแต่ต้องบอกเอาไว้ก่อนเลยค่ะว่าให้คุยกับทางคลินิกหรือโรงพยาบาลก่อนเลยว่าเราจะได้ทำอะไรบ้าง โดยตัวเราก็มีพี่หมอชี้แจงตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปติดต่อแล้ว นัดแนะเสร็จสรรพเลยล่ะ เรื่องของการแต่งกายแนะนำให้แต่งกายที่จะไม่เป็นอุปสรรคกับการทำงาน อาจจะตีความยากนิดนึงแต่ถ้าพูดให้ง่ายกว่าเดิมอาจจะเป็น กางเกงขายาวทีเดินได้ถนัดๆ เสื้อที่ไม่เว้าหรือไม่รุ่มร่ามเกินไปจนทำงานไม่ถนัด และ!! เป็นเสื้อที่เราเตรียมใจแล้วนะว่าอาจจะเลอะได้5555 เพราะเราเองเจอเหตุการณ์นี้มาแล้ว เช่นอึน้องแหมวหรือเลือดตอนทำแผล บางครั้งเองก็เป็นตัวเองนี่แหละค่ะที่
ทำโพวิโดน ไอโอดีนเลอะเสื้อ ล้าง! ไม่! ออก! หรือจะใส่ผ้ากันเปื้อนก็ได้นะคะ ก็จะช่วยได้อีกชั้นเลย และเรื่องอื่นๆที่อยากให้ย้ำเตือนนั่นก็คือ ดูแลตัวเองให้ดีๆค่ะ เรื่องการปฏิบัติงานต่างๆทำด้วยความระมัดระวังไม่ประมาท เรียกได้ว่าสติอยู่กับตัวอยู่ตลอด เราตอนที่ฝึกอยู่หูตาตื่นตลอดเวลาก็จริงแต่บางครั้งเองความเคยชินของเรากับน้องหมาน้องแมวที่บ้านก็ใช้กับแมวคนอื่นไม่ได้จริงๆค่ะ ในหลายๆเหตุผลเลย และสุดท้ายเลยเราอาจจะเจอแต่น้องแมวป่วยหนักไม่ร่าเริง หรืออาการแย่มากๆ อยากให้ทำใจตั้งแต่เนิ่นๆเลยล่ะค่ะงานสายนี้นั้นช่างยากเย็นยิ่งนัก! เพราะฉะนั้นอย่าเอามาเป็นอารมณ์นอกเวลานะคะ นึกถึงในแง่ของการเรียนรู้ได้แต่ไม่ควรอาลัยอาวรเท่าไร มันส่งผลต่อจิตใจของเราจริงๆค่ะ
 
      3.ทุกอย่างพร้อมแล้ว ฝึกงานกัน!!
มาจนถึงขั้นตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการบอกว่า ฮึ้บ สู้! ดูเวลาเข้างานให้ดีค่ะไปให้ตรงเวลา พยายามสังเกตการทำงานของพี่ๆ ไม่ว่าจะการรักษาหรือทักษะการพูดคุยกับเจ้าของ เป็นไปได้จะเขียนไดอารี่ก็ได้ หรือขี้เกียจก็ไม่เป็นไรเลย เขียนแค่ตารางบันทึกนั้นก็ได้ค่ะ แล้วก็เหมือนกับข้อก่อนหน้านี้เลย ไม่ประมาท มีสติ สำคัญมากจริงๆค่ะ งานนี้มีความเสี่ยงในหลายๆทางมากจริงๆ มีเวลาก็พูดคุยกับพี่ๆที่ดูแลการฝึกงานของเราไปด้วยก็ดีค่ะ เราจะไม่เหงาแล้วก็ผ่อนคลายมากขึ้น และดีไม่ดีเราอาจจะได้เทคนิคหรือประสบการณ์ส่วนตัวของพี่ๆเขาก็ได้นั่นเองค่ะ 

ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่เราพอจะนึกได้ ถ้าหากว่าต้องการข้อมูลใน่สวนอื่นๆเพิ่มเติมสามารถบอกกันได้นะคะ แล้วก็ข้อมูลต่างๆของเราที่เรานำมาใช้ในการเขียนกระทู้นี้นั้นเป็นข้อมูลที่มาจากสิ่งที่เราเจอบวกกับคำบอกเล่าของพี่ๆอีกนิดนึง หากมีข้อผิดพลาดหรือข้อเสนอแนะสามารถบอกกล่าวด้วยถ้อยคำน่ารักๆได้นะคะ ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านจริงๆค่ะ 

Contact 
IG : deksabstory
Facebook : Nattamon Deksab


 

แสดงความคิดเห็น

>

11 ความคิดเห็น

deksab2 10 มิ.ย. 66 เวลา 14:52 น. 1-1

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะขอให้โชคดีเจอที่ฝึกงานดีๆได้ประสบการณ์ดีๆเยอะๆน้า

0
กวง 1 มี.ค. 66 เวลา 16:09 น. 2

อันนี้คือไปคนเดียวหรอคะ ตอนไปบรรยากาศเป็นยังไงบ้างหรอคะ เราสนใจจะไปแล้วไม่มีเพื่อนไปด้วยเลยอะค่ะ

2
deksab2 10 มิ.ย. 66 เวลา 14:53 น. 2-1

ใช่ค่ะ เพราะว่าไม่มีเพื่อนที่สนใจจะไไปเลยต้องบุกเบิกเองลองไปเองคนเดียวค่า บรรยากาศแบบการทำงานปกติเลยค่ะ เรียกได้ว่าพี่หมอเจอเคสแบบไหนเราจะได้เห็นทุกเคสเลยเพราะว่าเป็นคลินิกเลยได้ทำอะไรเยอะค่า

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

นำรูปถ่าย หรือข้อมูลของผู้อื่น ที่มิได้เป็นบุคคลสาธารณะมาลง โดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม หรือมีลงเบอร์โทรศัพท์/ที่อยู่จริง

ice 4 มี.ค. 66 เวลา 22:31 น. 3

สอบถามนะคะ อยากทราบว่าเอกสารรับรองจากทางโรงเรียนอันนี้จำเป็นมั้ยคะ หรือว่าแค่เอาเอกสารแสดงชั่วโมงการฝึกงานก็พอแล้วคะ

1
deksab2 10 มิ.ย. 66 เวลา 14:50 น. 3-1

ขอโทษที่ตอบช้านะคะ เอกสารค่อนข้างจำเป็นมากๆเลยค่ะ เพราะว่าพอร์ตสำหรับแต่ละมหาวิทยาลัยต้องการการรับรองรองจากทางโรงเรียนค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า

0
อิอิ 26 มี.ค. 66 เวลา 23:00 น. 4

เอกสารที่ออกจากทางโรงเรียนนี่คือยังไงบ้างอะค่ะแล้วเอกสารนี้คือที่จะเอาไปลงพอร์ตหรือยื่นที่ฝึกงานคะ

1
deksab2 10 มิ.ย. 66 เวลา 14:51 น. 4-1

เป็นรูปแบบที่โพสต์ลงกระทู้เลยค่ะ นี่คือทุกอย่างที่มีแล้ว แต่ว่าต้องศึกษากำหนดการของทางมหาลัยนั้นๆด้วยนะคะ เพราะแต่ละที่อาจจะมีแบบฟอร์มที่ไม่เหมือนกัน ขอโทษที่ตอบช้านะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า

0
deksab2 8 ก.พ. 67 เวลา 21:42 น. 5-1

เป็นใบอนุญาตเลขที่ของใบรับรองสัตวแพทย์นะคะ ตรงนี้เป็นข้อมูลส่วนตัวของพี่สัตวแพทย์ที่ช่วยฝึกให้เราค่า

0
Mukk 21 ม.ค. 67 เวลา 14:44 น. 6

ขอถามไว้เป็นความรู้หน่อยได้มั้ยคะ คือ เราไปฝึกงานที่ รพ.กับเพื่อนได้ใบรับรองการฝึกมา อยากรู้ว่าเวลานำไปใส่พอร์ตจะได้มั้ยคะเเต่ไม่มีรูปตอนฝึกเพราะ จนทไม่อนุญาตให้ถ่ายค่ะ

1
deksab2 8 ก.พ. 67 เวลา 21:55 น. 6-1

จนท.ทำถูกแล้วนะคะ ส่วนใบรับรองการฝึกสามารถยื่นแยกไปพร้อมกับพอร์ตโฟลิโอได้เลยค่า เพราะว่าบางมหาลัยเขาก็มีฟอร์มของเขา อย่างเช่นม.เกษตร ที่จะมีฟอร์มกำหนดเอาไว้ให้ หรือม.เชียงใหม่ที่ใช้เป็นตารางแบบในกระทู้ ก็ยื่นแยกจากพอร์ตได้เลยค่า

0
deksab2 8 ก.พ. 67 เวลา 22:01 น. 7-1

แนะนำค่ายที่เป็นค่ายจากรุ่นพี่ของมหาวิทยาลัยที่เราสนใจหรือรุ่นพี่ที่เรียนคณะสัตวแพทย์นะคะ เช่น ม.สารคาม หรือ ม.ขอนแก่น ค่ายไหนก็ได้ที่เป็นค่ายจากมหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายจากเอกชนค่ะ (ไม่ได้จะดิสเครดิตค่ายเอกชนนะคะ ค่ายเอกชนเองก็สามารถไปได้แต่มันจะไม่มีความเด่นมากเท่าไร เหมือนกับการร่วมกิจกรรมที่สนใจเฉยๆเท่านั้นค่ะ)

0
deksab2 8 ก.พ. 67 เวลา 22:02 น. 7-2

สามารถติดตามได้จากเพจคณะสัตวแพทย์ของแต่ละมหาวิทยาลัยได้เลยค่า

0
mmmmimi 16 ก.พ. 67 เวลา 22:08 น. 8

ขอถามเพิ่มเติมนะคะ คือหนูตั้งใจจะไปฝึกงานที่คลินิกสัตว์อะค่ะ อยากรู้ว่าโดยทั่วไปเราควรฝึกกี่วัน และกี่ชม./วัน แล้วก็ตารางเก็บชั่วโมง สามารถขอได้จากไหนคะ

0
ขนม ถ้วยฟู 12 มี.ค. 67 เวลา 15:30 น. 10

ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์นะคะนี่กำลังเคว้งเลยค่ะอยู่ในช่วงม.4จะขึ้นม.5บอกได้เลยว่าหาแหล่งข้อมูลต่างๆยากมากค่ะคนรอบตัวก็ไม่มีคนที่รู้อะไรเรื่องนี้เลยเรียกง่ายๆว่าต้องค้นควายเองหมดค่ะแถมทางบ้านก็ไม่ค่อยสนับสนุนเท่าไหร่ดิ่งมากเลยค่ะ พอมาเจอโพสต์นี้รู้สึกมีความหวังเลยค่ะเราว่าจะไปหาฝึกงานอยู่เหมือนกันขอบคุณสำหรับการแชร์ประสบการณ์นะคะมันมีค่ากับเรามากเลย️

0