Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ขั้นตอนเหมือนง่ายในการสอบเข้า COSCI

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่



ก่อนอื่นก็ขอกล่าวทักทาย และ ขอบคุณทุกคนที่หลงผิดเปิดกระทู้นี้มาอ่านนะครับ #ล้อเล่น

ก็ขอเรียกตัวเองว่าพี่ละกันนะครับ มาแนะนำตัวกันก่อนพี่ชื่อ บอส  นิสิตปี 4 

วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม สาขาภาพยนตร์และสื่อดิจิตอล เอกการแสดง และ กำกับการแสดง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

หรือ ชื่อเต็มภาษาอังกฤษ   
“College Of Social Communication Innovation”

หรือ ชื่อย่อที่ทุกคนรู้จักกันดี
“COSCI”

หลายหรือเหลือเกิน (=___=) ….


ตลอดระยะเวลา 4 ปีในรั้วมหาลัยที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่สั้นมากสำหรับพี่ ตอนนี้ก็รู้สึกใจหายอยู่เหมือนกันที่อีกไม่นานพี่จะต้องหยุดชีวิตการเป็นนิสิต แล้ว ก้าวเข้าสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัวแล้ว (;__;)

สำหรับน้องๆนักเรียนที่สนใจเลือกเดินสายนิเทศ หรือ ภาพยนตร์ หนึ่งในหลายๆตัวเลือก คงหนีไม่พ้น วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม แห่งนี้ ซึ่งพี่จะขออนุญาตไม่เจาะลึกถึงสาขาวิชาต่างๆในวิทยาลัยนะครับ เดี๋ยวจะยาวไป5555

เอาเป็นว่าเข้าเรื่องกันเลยเถอะครับ ความตั้งใจของพี่ในการเขียนกระทู้นี้เกิดขึ้นหลังจากที่คุยกับรุ่นน้องผู้หญิงที่ได้มีโอกาสไปสอบสัมภาษณ์กับเหล่าอาจารย์ที่ COSCI (สัมภาษณ์ออนไลน์เพราะโควิท) ซึ่งน้องเขาได้เล่าว่าในช่วงสุดท้ายก่อนที่น้องเขาได้ร้องไห้ต่อหน้าเหล่าอาจารย์  และ ดึงดราม่าขอให้อาจารย์รับตนเข้า...

ซึ่งพี่ก็ตอบน้องที่น่ารักกลับไปด้วยความอ่อนโยนว่า
“-โง่รึเปล่า-น้อง ทำแบบนั้นได้ยังไง!!!”
พร้อมกับเขกหัวไปหนึ่งที


อ่านมาถึงตรวนี้น้องๆอาจสงสัยว่า
“อ้าว พี่ ถ้าอย่างงั้นเราควรทำแบบไหนถึงจะดีล่ะครับ”


ก็ตามชื่อกระทู้เลยครับน้อง “ขั้นตอนเหมือนง่ายในการสอบเข้า COSCI”
สิ่งที่พี่จะพูดหลังจากนี้ไม่มีเรื่องตายตัว เป็นสิ่งที่พักสังเกตุ และ ครูพักลักจำ จากประสบการณ์ที่ได้คุยกับรุ่นน้องหลายๆรุ่น มาสรุปเป็น HOW TO ให้น้องๆลองดูกันนะครับ ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

เดี๋ยวพี่จะแยกเป็น 4 ด่านมหาโหด ล่ะกันจะได้จำง่ายๆ (นรก,มหันตภัย,มหาภัย,โคตรอันตราย)  


1.นรกพอร์ตโฟลิโอ
#พี่ไม่แน่ใจนะครับว่าปัจจุบันวิทยาลัยเปลี่ยนระบบเป็นแบบไหนบ้าง อาจเป็นการส่งไฟล์ JPG ทางเมลแทน การยื่นพอร์ตเป็นเล่ม และ มีการจำกัดจำนวนหน้ามากขึ้น อันนี้พี่ก็ไม่ได้ตามเลย ใครพอทราบก็สามารถอัพเดตกันได้นะครับ ขออภัยด้วยจริง555

พอร์ตของเราเป็นเหมือน first impression ที่ทำให้อาจารย์เห็นถึงความสามารถ และ จุดแข็งของเรา เพราะฉะนั้นการทำพอร์ตออกมาเล่มหนึ่งออกมา เพื่อให้น่าจดจำ และ สะดุดตา ไม่ใช่ว่าอยากจะเอาอะไรมาใส่หน้าพอร์ตก็ได้ แต่เราควรจะใส่ใจกับทุกๆรายระเอียด และ การตกแต่ง ในหน้าพอร์ตเล่มนั้น เพื่อให้พอร์ตหนึ่งเล่มสะท้อนความเป็นตัวเราออกมาให้ได้มากที่สุด หรือเรียกง่ายๆว่า ควรมีธีม ของพอร์ต นั่นเอง



ยกตัวอย่างเช่นหน้าของพี่ ในตอนที่อาจารย์เปิดพอร์ตดูระหว่างการสัมภาษณ์ พี่ฉวยโอกาสช่วงเดดแอร์ ขายพอร์ตผลงานของตัวเอง

ว่าที่ออกแบบมาเป็นสีขาวกับทอง เพราะต้องการสื่อถึงความเรียบง่าย และ มินิมอล แต่ก็แฝงไปด้วยความล้ำค่า และ งดงาม ดั่งทอง...

เพราะพี่มีนิสัยไม่ชอบความยุ่งยาก ไม่ชอบอะไรที่มันเยอะจนเกินไป แต่ภายในความเรียบง่ายนั้น ต้องแฝงไปด้วยรายละเอียด และ ความประณีตของงานๆนั้นด้วย...



ส่วนต่อมาคือส่วนของผลงานของน้องๆนะครับ อย่างน้อยก็ควรมีผลงาน 2 – 3 อย่าง หรือ เกียรติบัตรที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่เราอยากเข้า อะไรที่เด่น อะไรที่เกี่ยวข้องมากที่สุด พยายามนำมาวางไว้ด้านหน้าๆ ให้ผลงานเด่นๆของน้องเป็นพระเอกนำร่องให้อาจารย์อยากที่จะเปิดไปหน้าถัดไป 

ส่วนการจัดวางอันนี้พี่ขอให้เป็นแล้วแต่คนชอบล่ะกันนะครับ ไม่มีรูปแบบตายตัว แต่ขอแนะนำให้เน้นภาพให้เยอะเข้าไว้ ให้เห็นชัดๆว่าเราทำอะไรมาบ้างจะดีกว่า เพราะอาจารย์ไม่มีเวลามานั่งอ่านทุกตัวอักษรของน้องหรอกครับ เขียนสรุปให้อาจารย์เข้าใจพอ ว่าทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เกี่ยวกับอะไร บ้างก็พอแล้ว
เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่ยังไม่ค่อยมีผลงาน หรือ ยังไม่มีผลงานเด่นๆ พี่แนะนำให้เรารีบลงมือทำเลยครับ เพราะวิทยาลัยนี้แข่งขันกันด้วยความคิดสร้างสรรค์ และ ผลงาน จริงๆ

2. มหันตภัยคะแนนสอบเข้า (สำหรับรอบยื่นคะแนนสอบ)
#เหมือนกับ ด้านบนนะครับ พี่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงระบบอะไรบ้าง รับคะแนนอะไรเพิ่มรึเปล่าจาก GAT เพราะฉะนั้นอย่างลืมที่จะตรวจสอบกับทางเว็ปไซต์ของคณะให้ดีก่อนส่งพอร์ตนะครับ
สำหรับคะแนนสอบเข้า พี่ขอพูดรวมๆไม่เจาะจงโครงการ เด็กดีมีที่เรียน หรือ ความสามารถพิเศษนะครับ...เพราะลืมไปแล้ว555555
ในส่วนคะแนนสอบเข้าในปีของพี่จะมี คะแนนเกรดเฉลี่ยจากมัธยม คะแนน GAT เชื่อมโยงในปีพี่ส่วนใหญ่จะเต็มกันหมดทุกคน ส่วน 9 วิชาสามัญก็ถือว่าเอาเรื่อง เพราะการแข่งขันสูงขึ้นทุกปีๆ เพราะฉะนั้นพี่แนะนำให้น้องๆตั้งใจดีๆ ถึงคะแนนจะไม่ใช่ทุกอย่าง และ ไม่ใช่เกณฑ์หลักในการเลือกเราเข้ามาเป็นนิสิตวิทยาลัยแห่งนี่ก็ตาม อย่ามุ่งแต่สร้างพอร์ตผลงานจนทำให้การเรียน และ คะแนนเสีย

“เพราะวิทยาลัยของพี่เน้นย้ำเสมอว่าการทำกิจกรรม และ ใฝ่รู้ใฝ่เรียน คือสิ่งที่ควรมาควบคู่กัน ไม่ใช่ เทหนักไปข้างใด ข้างหนึ่ง”


3.ภาษากายมหาภัย  
ต่อมาคือภาษากายมหาภัย ซึ่งสิ่งนี้จะมาควบคู่กับ การ พรีเซ็นต์โคตรอันตราย เลย
แต่การที่เราสื่อสารผ่านทางกายได้ หรือ ไม่มีนั้นแทบไม่เกี่ยว เพราะนั่นถือเป็นส่วนยิบย่อยสุดๆของการสัมภาษณ์เลยก็ได้....แล้วทำไมพี่ถึงเลือกที่จะหยิบมาพูดล่ะ?

เพราะภาษาทางกาย จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ และ ส่งเสริมให้การพรีเซ็นต์ของเรา กลายเป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น
การสบตา, มือที่ขยับไปพร้อมกับคำพูด, รอยยิ้ม สิ่งต่างๆเหล่านี้ มันคือรายละเอียดเล็กๆที่ตัวเราอาจไม่รู้ แต่มันคือคลื่นใต้น้ำ หรือ soft power ที่จะส่งออกไปสู่คนที่ฟังเราอยู่ ภาษากาย จะช่วยให้บรรยากาศระหว่างการสัมภาษณ์ผ่อนคลายลงไปหลายขุม และ แน่นอนครับว่าเราคงไม่อยากเอามือกุมไข่ เท้าจิกพื้นจนตะคริวกินไปตลอดการสัมภาษณ์ ถูกไหมล่ะ 5555555555

4.การพรีเซ็นต์โคตรอันตราย
การพรีเซ็นต์ถือเป็นประตูด่านสุดท้ายที่สามารถชี้เป็นชี้ตายในการสอบเข้า หรือ สมัครงาน ไม่ว่าจะที่ไหนๆก็ตาม
อย่างที่เกริ่นไปช่วงต้นกระทู้ ว่าการร้องไห้ต่อหน้าอาจารย์ที่สัมภาษณ์เรา หรือ ผู้สัมภาษณ์ แล้วมา ดึงดราม่าขอให้เขารับเราเข้า เป็นวิธีการที่ไม่ฉลาด และ ผิดพลาดมากๆในการสอบสัมภาษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์เข้าที่ไหนก็ตาม ลองคิดตามพี่สิว่าในทุกๆปี มีเด็กมากมายที่มาสอบสัมภาษณ์ที่วิทยาลัยนี้ แล้วน้องคิดจริงๆหรอครับว่ามีแค่น้องคนเดียวที่ร้องไห้เป็น พี่เชื่อว่าพวกอาจารย์เขาเห็นจนเบื่อแล้ว ไม่ต้องมองที่ไหนไกล ตอนพี่มาสัมภาษณ์ที่มหาลัย(สัมภาษณ์ที่มหาลัย/ก่อนยุคโควิท) คนเข้าไปก่อนหน้าพี่ เดินน้ำตาท่วมหน้าออกมาจากห้องสัมภาษณ์เลย ใจอีพวกนั่งรอข้างนอกก็คือหล่นลงตาตุ่มกันเป็นแถบ แต่อาจารย์ในห้องหน้านิ่งเฉยมาก (-_-)

จำไว้เลยนะครับน้องๆ การแสดงจุดอ่อนให้ผู้สัมภาษณ์เห็น มันเหมือนเป็นการ ฆ่าตัวเราทิ้งตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ไม่ว่าจะสมัครงาน สมัครสอบ สมัครเรียน ทุกๆอย่างที่เป็นการแข่งขัน สิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือการดึงจุดเด่นที่สุดของเราออกมาให้กับคนรอบตัวเห็น ขายให้เก่ง ขายให้ฉลาด แสดงความมั่นใจในผลงาน และ ในตัวเอง ทำให้ผู้สัมภาษณ์เปิดพอร์ตของเรารัวๆระหว่างฟังเราพูด ทำให้เขารู้สึกว่า อยากที่จะรับเราเข้า และ เขาต้องพลาดแน่ๆที่ไม่รับเราเข้า.....โคตรบิ้วอารมณ์5555555

พี่แนะนำได้ในฐานะพี่สู่น้อง และหวังว่าน้องจะได้ความรู้ดีๆจากกระทู้นี้นะครับ อาจไม่ใช่วิธีที่ถูกที่สุด ก็หวังว่าน้องๆจะสามารถนำมาปรับใช้กันได้ไม่มากก็น้อย แล้วพบกันในกระทู้ถัดไป...ถ้าพี่ไม่ขี้เกียจ

Facebook: Pattaradech Hirantrakul
​น้องคนไหนแอดมาโปรดแจ้งให้พี่รู้ผ่านข้อความด้วยนะครับ :)
 
 

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น