รีวิววิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ปี 1 เทอม 1 (Part 1)
สวัสดีคร้าบบน้องๆ เรามาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นเด็ก65 ซึ่งเข้าปีนี้ก็ขึ้นปี 2 ละะ ....เข้าประเด็นเลยละกัน กระทู้นี้จะขอรีวิวแบบตรงไปตรงมา ว่าประสบการณ์ เพื่อนเป็นยังไง เรียนอะไรบ้าง ยากมั้ย และอาจารย์แต่ละคนเป็นยังไง ละปีเราก็เป็นปีแรกที่ได้กลับมาเรียนออนไซต์!
(อ้างอิงตามที่ตัวเองได้เจอมาก็คือปีการศึกษา 2565 ครับ)
Biomedical Engineering at Mahidol University
อย่างที่เรารู้นะครับ วิศวกรรมชีวการแพทย์ คือการรวมศาสตร์ของวิศวะและแพทย์เพื่อมาสร้างนวัตกรรมที่จะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยในโลกใบนี้ได้มากขึ้น ทุกเครื่องมือการแพทย์ที่เราเห็นตามโรงพยาบาล เรามีหน้าที่ซ่อมแซมและดูแลความเรียบร้อยเกี่ยวกับเครื่องมือเหล่านั้น และแต่ละมหาวิทยาลัยจะมีเนื้อหา การเรียนการสอนของวิชาภาคที่แตกต่างกันไปตามแล็บ ซึ่งของมหิดลจะมีหลายแล็บมาก เอาจริงๆคือมีหลายทางให้นศ.ได้เลือกตั้งแต่ เขียนโปรแกรม หุ่นยนต์ การสั่งการจากคลื่นสมอง การทำอวัยวะเทียม หรือแม้กระทั้งระบบการส่งยาระดับนาโน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าบางแล็บก็ฟิสิกส์บ้าง โปรแกรมบ้าง เคมีบ้าง ซึ่งค่อนข้างเยอะทีเดียว ความแตกต่างที่มหิดลไม่เหมือนมออื่นๆคือ ต้องการสร้างนศ.ให้เป็นผู้สร้าง (Innovator) นวัตกรรม มากกว่าการซ่อม.
สำหรับคนที่สงสัยว่า วิศวกรรมชีวการแพทย์ กับหลักสูตรแพทย์ 7 ปี เหมือนกันมั้ย ?
- ไม่เหมือนกันนะครับ วิศวกรรมชีวการแพทย์ คือเรียน 4 ปีปกติเลย
ข้อมูลเกี่ยวกับแล็บเพิ่มเติม
1. One Day With ตะลุยห้องแล็บ วิศวกรรมชีวการแพทย์ ม.มหิดล We Mahidol
https://www.youtube.com/watch?v=Pq2Z4vCutjw
2. พาชมแลปวิศวกรรมชีวการแพทย์ (โดยนศ.หลักสูตร M.D.,M.Eng)
https://www.youtube.com/watch?v=YUkkr3o3NTM
เพื่อนๆ
จำนวนเพื่อนๆที่เรียนโดยรวมแล้ว มีทั้งหมด 30 กว่าคน เช่นเดียวกับรุ่นพี่ปีอื่นๆ ถึงรอบ Early admission + Portfolio round จะรับไปแล้ว70กว่าคน เพื่อนๆทุกคนน่ารักคุยสนุกกันทุกคน ทั้งเรื่องเล่นและเรื่องการเรียน ในใจทุกคนก็อยากที่จะเล่น แต่สถานการณ์(เนื้อหาวิชา) มันเป็นตัวผลักดันให้เราต้องเรียน เวลาช่วงใกล้สอบก็จะเกาะกลุ่มกันอ่านหนังสือรายวิชาไป รู้สึกว่าเพื่อนในภาควิชานี้สำคัญเพราะบางอย่างเราไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยตัวเอง ต้องการให้คนมาอธิบายเพิ่มด้วย บางอันก็คือไม่เข้าใจจริงๆ(หรือเราอาจจะโง่5555) ในกลุ่มก็จะมีเพื่อนคนนึงที่แบกเสมอ แต่กลุ่มเราคือแต่ละคนเก่งวิชาต่างกัน ก็คือให้เพื่อนติวเรียงกันไปเลย5555 เอาจริงๆแล้วแต่ว่าเราจะเลือกเพื่อนแบบไหน คิดว่าเราคุยกับใครแล้วลงตัว อยู่ด้วยกันได้ก็ดีไป หรือถ้าแบบเรื่องงานไม่ทำไรก็ต้องคอยปรับๆกันไป
____________________________________________________
เนื้อหาเรียนเทอม 1
8 วิชาที่ใช้ตัดเกรด ส่วนอีก 3 วิชาคือ OSU (ไม่มีผลต่อเกรด มีแค่ผ่านกับไม่ผ่าน)
วิชาที่ตัดเกรด
1. Biomedical Engineering in The Real World (1 หน่วยกิต)
- รหัสวิชา EGBI 100
- สถานที่เรียน: วิศวกรรมศาสตร์ ตึก 1
เป็นวิชาภาคที่จะได้เจอกับอาจารย์ภาควิชา และได้เรียนร่วมกับนศ.แพทย์รามา (M.D.-M.eng) หลักสูตร 7 ปีด้วย วิชานี้คือทุกสัปดาห์ก็จะวนอาจารย์ไป ส่วนใหญ่จะเป็นออนไลน์เพราะบางทีจารย์ก็ไม่สะดวกออนไซต์ หรือบางคนก็บอกให้มาเรียนที่มอ เราจะได้เรียนทุกแล็บที่มีในภาควิชา ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน และได้รู้ว่ามีความสำคัญยังไงและเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ยังไง คะแนนส่วนใหญ่จะมาจากการทำการบ้านและการสอบ มิดเทอมกับไฟนอล ตัวอย่างการบ้าน(มีแค่อย่างเดียว) คือให้คิดนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หรือมาปรับปรุงให้ดีขึ้น ก็ทำเหมือนวาดชิ้นงานและอัดวิดีโอส่งปกติ ส่วนการสอบคือเป็นเทคโฮม แต่ละข้อเกี่ยวกับแต่ละแล็บที่อาจารย์สอนในคาบนั้นๆ เป็นคำถามตรงบ้าง ปลายเปิดบ้าง แต่ต้องมีการรีเสิช หาข้อมูลเพื่อมาตอบ และห้าม copy ลงมาเพราะจารย์จะเช็ค Plagiarism ซึ่งอันตรายมาก ห้ามทำไม่งั้นได้ F เลย วิชานี้หนักเวลาสอบเพราะต้องหาข้อมูลเยอะ แต่โดยรวมออกมาโอเค ...ที่สำคัญ ได้รู้ว่าอาจารย์แต่ละคนนิสัยเป็นยังไง
____________________________________________________
2. Entrepreneur Skills in Biomedical Engineering (1 หน่วยกิต)
- รหัสวิชา EGBI 180
- สถานที่เรียน: วิศวกรรมศาสตร์ ตึก 3
เป็นวิชาภาคอีกตัวที่แต่ละคนก็บอกว่า WOW 555555 จะว้าวเพราะเรื่องไรด่ะมารู้กัน เป็นวิชาที่เรียนเพื่อฝึกทักษะการเป็นผู้ประกอบการ มีการฝึกทำโปรเจคและนำเสนอสวัตกรรมยังไงเพื่อให้ลูกค้าสนใจและอยากที่จะซื้อสินค้าชิ้นนี้ เหมือนเรียนเป็นบทๆไป และสัปดาห์หน้าก็ต้องนำเสนอโดยใช้เนื้อหาที่ได้เรียนมา เป็นอีกวิชาที่ได้เรียนร่วมกับนศ.แพทย์รามา จารย์จะเป็นคนจัดกลุ่มให้ก็เลยได้อยู่กับนศ.แพทย์ด้วย ก่อนจบเทอมก็ จะมีให้อัดคลิปนำเสนอภาพรวมเกี่ยวกับธุรกิจชิ้นงานนั้นส่ง ตอนแรกนึกว่าจบแล้ว หมดแล้ว ไม่ค้าบบ มีสอบไฟโอเพ่นบุ๊ค ทุกคนก็เครียด ว่าจะได้เกรด A กันมั้ยเพราะมันตัดคะแนนที่ 90.. (จารย์บอกต้นคาบว่า ผมใจดีมาก ให้คะแนนง่าย ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ) พอเกรดออก ตู้ม B+ กันเต็มเลย 555555 (ปีเราเป็นปีสุดท้ายที่จารย์สอน จบปุ๊ปจารย์ลาออกไปทำงานต่อที่ต่างประเทศปั๊ป) ข้อมูลที่เหลือขอไม่เปิดเผย T-T แต่บางคนที่ตั้งใจทำงานมากๆๆ ตรงข้ามกับบางคน แล้วคนนั้นต้องเสียเกรดเพราะแค่วิชานี้ ก็ยังเป็นคำถามมาถึงทุกวันนี้
____________________________________________________
3. General Biology Laboratory I (1 หน่วยกิต)
- รหัสวิชา SCBE 102
- สถานที่เรียน: ตึกวิทยาศาสตร์ ตึก 3
เป็นวิชาที่รู้สึกชอบที่สุด เพราะเราชอบชีวะอยู่แล้ว ซึ่งจะเรียนหลากหลายมากตั้งแต่เริ่มตั้งแต่การใช้ Microscope แล้วก็ได้ใช้สำหรับคาบต่อไป เช่น Cell structure, Animal/Plant tissues, Cell division, Diversity, และ Animal Behavior วิชานี้เราจะเรียนร่วมกับนศ.คณะวิทย์อินเตอร์เหมือนกัน ห้องเรียนกว้าง ปลอดโปร่ง สะอาด facilities ทุกอย่างคือโอเคสำหรับการเรียน เวลาทำทำแล็บก็ต้องมีทำรีพอร์ต บันทึกข้อมูล เป็นจดบ้าง กูเกิ้ลฟอร์มบ้าง ส่วนข้อสอบก็ถือว่าหินใช้ได้ ทั้งเนื้อหาและวิธีการทำแล็บคือออกหมด ข้อที่มีรูปภาพ บางรูปก็จางเหลือเกินนน55555 แต่คะแนนกับเกรดออกมาโอเค ถือว่าเป็นวิชาที่สนุกสุดๆ
____________________________________________________
4. General Chemistry (3 หน่วยกิต)
- รหัสวิชา SCCH 161
- สถานที่เรียน: ตึกวิทยาศาสตร์ ตึก 1
วิชาเคมีทั่วไปที่เคยเรียนมาแล้วในม.ปลาย ตั้งแต่เรื่องอะตอม, พันธะ, สถานะ, เทอร์โมต่างๆ และก็ ไฟฟ้าเคมีต่างๆ เนื่องจากเราเป็นคนที่ลืมเนื้อหาเคมีง่ายมาก ก็ต้องกลับไปอ่านให้รื้อฟื้นความทรงจำหน่อย มีสอบเก็บคะแนนบ้าง การบ้านบ้าง หลังอาจารย์สอนเสร็จ มีอาจารย์ 2 คนสอนเป็นมิดเทอม ไฟนอล ใจดีมากกกก เวลาสงสัยอะไรก็ถามได้ตลอด วิชานี้ถือว่าโอเค ถ้าได้เนื้อหาเคมีพื้นฐานแล้วก็ไม่มีปัญหาเลย
____________________________________________________
5. Chemistry Lab (1 หน่วยกิต)
- รหัสวิชา SCCH 169
- สถานที่เรียน: ตึกวิทยาศาสตร์ ตึก 4
- แล็บแรกที่รู้สึกสนุกสุดคือ Miscibility and Separation คือเกี่ยวกับการแยกสาร ซึ่งเราจะได้ทำกระบวนการหลายอย่างมากก เพื่อแยกคาเฟอีน ออกมาจากน้ำชา ส่วนในรีพอร์ตคือเขียนแค่ตัวเลขและน้ำหนักของคาเฟอีนต่อน้ำหนักใบชา
- แล็บที่สองตลกมากก Aspirin ที่ตอนแรกละลายอยู่แล้ว เราเอามาสกัดโดยการให้กลับมาแข็งตัวมาเป็นผงอีกครั้ง จุดที่พีคคือตอนวัดน้ำหนัก ตอนแรกคู่เราได้เยอะมากก แปปแทบไม่มีค่า human error ก็ดีใจ ละอยู่ๆลมก็แกล้ง พัดผงที่กำลังจะเทลงถุงเอาไปส่ง ..ตกลงพื้นเกือบหมด ก็นั่งกวาดเอามาใส่บางอันที่เลอะๆฝุ่นก็ต้องทิ้งไป แอบเสียดายแต่ก็ยังได้เยอะอยู่55555 ตลก
Part 2 มาแล้วน้าาา ไปอ่านต่อกันได้เลยยย
https://www.dek-d.com/board/view/4086823/
**ถ้ามีข้อมูลตกหล่นหรือผิดพลาด ขออภัยด้วยนะครับ หรือถ้ามีคำถามสามารถก็ถามได้เลยคับ**
Facebook:
https://www.facebook.com/bmemahidol/
EGMU Website:
https://www.eg.mahidol.ac.th/egmu/
3 ความคิดเห็น
ขอบคุณที่เอาประสบการณ์มาแชร์ให้พวกหนูอ่านนะคะะ ในฐานะเด็ก67ท่ี่ติดbmeมหิ อ่านแล้วสบายใจขึ้นเยอะเลยค่ะ กลัวอาจารย์ดุ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?