"เพราะอะไรชื่อมหาลัยถึงสำคัญต่อการสมัครงาน"
ตั้งกระทู้ใหม่
การเรียนต่อในอุดมศึกษาในแต่ละมหาวิทลัยถึงมีผลต่อการเข้าสมัครทำงานหรอคะ ?
ในเมื่อแต่ละมหาวิทยาลัยมีคณะและสาขาหรือเนื้อหาการเรียนรู้ ที่เหมือนหรือคล้ายกัน แต่ในบางบริษัทที่เปิดรับสมัครงานต้องดูว่าจบมาจฃกที่ไหน ถึงจะสามารถบอกได้ว่าจะรับเข้าทำงานหรือแต่ โดยที่ไม่สนหรือคำนึงถึุงปัจจัยอื่นๆ แล้วอย่างนี้เด็กที่กำลังจะเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาควรจะเลือกเข้ามหาวิทลัยอย่างไรคะ
9 ความคิดเห็น
ก็คงต้องเลือกจุฬา ธรรมศาสตร์ มหิดล แค่ 3 ที่ ทั้งประเทศมีแค่ 3 มหาลัยนี้ที่คนอยากได้(มั้ง) อย่างว่าแหละหลายคนยังยึดติดกับอดีต ถ้าเจอบริษัทคุณหนูหน่อยคงอยากได้ แต่ถ้าเจอบริษัทลุนๆเค้าไม่เอาหรอกคนพวกนี้ ไม่อดทนงานหนักๆๆๆๆ (อันนี้ไม่ได้พูดเอง แค่เอาคำพูดคนอื่นมาถ่ายทอด อิๆ)
(พิมพ์ผิด บริษัทลุยๆ)
เด็กจบใหม่ไม่มีประวัติทำงาน ก็ไม่มีอะไรให้ดูนอกจาก มหาลัยกับเกรดไงครับ มันก็ดูได้แค่นั้น ถ้าทำงานมาแล้วซัก2-3ปี+พอมีประวัติให้ดู มหาลัยหรือเกรดก็ไม่ค่อยมีความสำคัญแล้ว
ที่เคยได้ยินได้ฟังมา อย่างบางสายงานถ้าไม่ใช่ "น้ำใจน้องพี่สีชมพู" เขาไม่รับเลย สาเหตุคาดว่ามาจากหลักสูตรที่สอนและอบรม คือเรียนมาตำราเดียวกัน หลักการเดียวกัน อาจารย์เดียวกันจึงเชื่อฝีมือ หรือหากมองให้ลึกลงกว่านั้นคือเขาตรวจสอบกลับไปได้ง่าย ๆ ด้วยความสัมพันธ์ เช่นติดต่อกลับไปถามอาจารย์ที่คณะว่ารุ่นน้องคนนี้นิสัยประมาณไหน รับผิดชอบดีหรือไม่ อันนี้เป็นอีกมุมหนึ่งที่ดูเทา ๆ จนบางคนอาจจะบอกว่าเป็นเรื่องของเส้นสายและการกีดกัน แต่เชื่อเถอะครับว่าโลกแห่งการทำงาน องค์กรไหน ๆ ก็อยากได้คนที่มีความรู้ความสามารถ รับผิดชอบ และไม่เสียจริตบ้า ๆ บอ ๆ ฝักใฝ่บางเรื่องแบบสุดโต่ง
ที่ทำงานมีสิทธิเลือกพนักงาน และพนักงานก็มีสิทธิเลือกบริษัท ดังนั้นถ้ามั่นใจว่าตัวเราเองมีความรู้ ความสามารถ และความรับผิดชอบมากพอ บริษัทไหนๆ ก็ต้องการครับ
ต้องทราบก่อนว่าคุณคิดว่ามหาลัยสำคัญมั้ย
ถ้ามองว่าสำคัญ ก็เพราะ
1. การจบจากมหาวิทยาลัยที่ดี การัญตีได้ส่วนหนึ่งว่าคุณมีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ฝึกงาน ผ่านการตรากตรำถึงได้ปริญญามาได้ ทราบไหมครับบางมหาวิทยาลัยมีการปล่อยเกรด เพื่อให้เด็กจบ และอาจารย์ผ่านประเมิน
2. คุณภาพของตัวคุณเองจากข้อ 1 คือคุณมีความสามารถจนจบจากมหาวิทยาลัยคุณภาพมาได้ ดังนั้นก็คาดหวังผลงานจากคุณได้
ถ้ามองว่าไม่สำคัญ ก็เพราะ
1. คุณมองว่างานที่คุณทำต้องการคนที่มีทัศนะคติ บุคลิก นิสัยใจคอที่เข้ากันมากกว่าความสามารถที่มี อาจเพราะปัญหาในการทำงานส่วนใหญ่เป็นงานที่อาจไม่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ หรือความแปลกใหม่ แค่ต้องการการทำงานร่วมกันเป็นทีม
2. คุณมองว่าคุณภาพของคนเกิดจากประสบการณ์การทำงานจริงการแก้ปัญหาต่างๆ ของตัวบุคคลนั้นๆ มากกว่าการจบจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง
และอื่นๆ อีกครับที่มีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกคนมาทำงาน
ตอนนี้น้องที่ตั้งกระทู้เรียนอยู่ชั้นอะไรครับ มีการเตรียมตัวมามากขนาดไหน เพราะที่ทราบการเตรียมสอบในปัจจุบันโหดมาก หากน้องมีคะแนนสอบดี และสามารถเลือกมหาวิทยาลัยได้ มีเงินจ่ายค่าเทอม หรือมีทุนการศึกษา ก็แนะนำเลือกมหาวิทยาลัยดีดีมีชื่อของประเทศไทยเลยครับ หรือน้องสามารถไปต่างประเทศได้ ก็เดินทางไปต่างประเทศเลยครับ หากครอบครัวไม่ลำบากเรื่องค่าใช้จ่าย มีอะไรให้เตรียมตัวและคิดเยอะ เลือกสิ่งที่ดีให้ตัวเอง จะเปิดทางสู่อนาคตได้มากกว่าคนอื่นๆ แน่นอนครับ เริ่มสร้างโปรไฟล์ตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ อยากทำงานอะไรที่ต้องการจะไม่ลำบากเลยครับ ไม่ต้องกังวลอย่างเรื่องที่ทำงานคัดคนจากมหาลัยเลยครับ น้องจบจากมหาวิทยาลัยที่ดีน้องไม่ต้องมาคิดเรื่องนี้ให้ปวดหัวด้วยซ้ำครับ
เห็นด้วยเลยครับ ผมทำงานเกี่ยวกับวิศวกรรม ถ้างานที่เกี่ยวกับทฤษฎีหรือวิชาการมากๆ เช่น พวกงานออกแบบ บริษัทจะเลือกดูมหาลัยและเกรดเป็นหลัก แต่ถ้างานที่ต้องใช้คำสั่ง การอยู่กับคน ควบคุมคนงาน จะเลือกดูที่บุคลิก การพูด เป็นหลัก จะไม่ได้ดูมหาลัยหรือเกรดเลยครับ
สรุปคืออยู่ที่ทัศนคติของคนในบริษัทกะคนที่ไปสมัคร ถ้าตรงกันก็อยู่ด้วยกันได้ ถ้าไม่ตรงกันต่อให้จบดีแค่ไหนก็อาจทนอยู่ไม่ไหว เรียนจบดีๆออกมาก็ต้องหาเงินให้คุ้มทุนด้วย ไม่ใช่จบโทเมืองนอกเงินเดือนต่ำกว่าคนป.ตรีอีก ระยะยาวต้องคุ้ม อาจจะปรับขึ้นรึอะไรก็ว่าไป
ขอเข้ามาตอบในฐานะที่ทำบริษัทเอง
ตอนประกาศรับสมัครงานไม่เคยคัดจากมหาลัยเลย ไม่ดูใน Resume ด้วยซ้ำว่ามาจากไหน แต่สุดท้ายคนที่เราสัมภาษณ์เข้าบริษัทมาก็จะเป็นม.ท็อปๆพวก จุฬา ธรรมศาสตร์ 3พระจอม
ถ้าให้เดา คิดว่าเป็นเพราะการแข่งขันภายในคณะสูงมาก กว่าจะจบต้องพยายามเอาชีวิตรอดในหมู่คนที่เก่งๆจนมีสกิลมากมายที่คนจากม.อื่นไม่มี ทั้งด้านการพรีเซ้นท์ การมองโจทย์ การหาวิธีการแก้ไขสถานการณ์ และบริษัทส่วนใหญ่ก็ชอบให้คนแบบนี้มาทำงาน White collar (พนักงานออฟฟิศ) เพราะทำงานด้วยง่าย
แต่ข้อเสียก็มี คือพวกเขาเก่งและมีทางเลือกเยอะ ถ้ารูปแบบงานไม่ถูกใจ เขาก็พร้อมที่จะออกไปหาที่ใหม่ บางคนจะเรียกว่าไม่ทนงาน แต่ในมุมของเราคือเขาเก่งเลือกได้ ในเมื่อเขามีความสามารถพอที่จะหาที่ที่เหมาะกับเขามากกว่านี้ทำไมเขาจะต้องมาทนทำสิ่งที่ไม่ชอบ
1. เพราะมหาลัยท็อปๆเขาคัดคนมาแล้ว มันก็เหมือนรวมตัวคนเก่ง หากหลับตาสุ่มหยิบ 1 คน ก็จะได้คนที่เก่งกว่ามาตรฐานแล้ว แน่นนอนว่ามันก็จะมีข้อยกเว้น อย่างเพชรในโคลนตม หรือพวกช้างเผือก เขาจึงไม่ได้ปิดโอกาสถ้าหากเราได้เกียรตินิยมหรือคะแนน+ความสามารถสูงจริงๆ เขาก็ยังรับพิจารณา 2.เนื้อหาการเรียนรู้แต่ล่ะที่มีความต่างกันแน่ๆ หัวเรื่องอาะจะเหมือนกัน แต่ความยาก-ง่ายและในแต่ละมหาลัยต่างกันแน่นอน เนื่องจากนักศึกษาถูกคัดความรู้ความสามารถมาแล้วระดับหนึ่งตอนยื่นคะแนนเข้าเรียน เด็กที่เก่งก็จะไปได้เร็วกว่าและไปเนื้อหาที่ซับซ้อนได้มากกว่า ในขณะเด็กที่อ่อนก็จะไปได้ช้ากว่าทำให้ไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่มีความซับซ้อนได้ 3.ถ้าจะเลือกเรียนแบบครบจบเลยก็ต้องจุฬา แต่ถ้าไม่ไหวหรือไม่อยากเข้าก็ต้องไปดู Rank แต่ละสาขาของแต่ละมหาลัย เพราะแต่ละมหาลัยก็จะมีจุดเด่นของแต่ละที่ เช่น มธ.ก็จะเด่นทาง กฎหมาย การเมือง ฯลฯ มหิดลก็จะเด่นพวก สายวิทย์สุขภาพ 3พระจอมก็จะเด่น วิดวะ ศิลปากรก็จะเด่นพวกสายศิลป์ ไรงี้
เขาไม่อยากเสียงกับเพชรในตมค่ะ บริษัทต้องการเพชรก็หาเอาในบ่อเพชรมันง่ายกว่า
แต่สุดท้ายมันก็ขึ้นกับตัวบุคคลด้วย ว่าใช้ชีวิตมาแบบไหน สร้างโปรไฟล์มาแบบไหน
ถ้าสร้างโอกาสให้ตัวเองเสมอๆ ขยันเรียนรู้ และมีลักษณะที่ ทำงานได้ตามที่เขาต้องการ บริษัทก็ยังมีที่สำหรับคนที่พยามเรียนรู้เสมอค่ะ
ชื่อมหาลัยมันก็การันตีได้ระดับหนึ่ง แต่มันก็วัดกันหน้างานด้วยเช่นการพรีเซ็นต์ตัวเองตอนสัมฯ ตอนทดลองงาน
เกริ่นก่อนว่าทำงานกับคนจากหลายมหาลัย มันต่างกันจริงๆ แต่เราไม่มีปัญหากับใคร แต่ด่านที่ต้องผ่านเพื่อเข้าไปทำงานได้ คือด่านสัมภาษณ์แรกๆเลย
คือก็มีผล ถ้าเจอหัวหน้า,เจ้านาย,hr ที่เคยมีประสบการณ์ไม่ดีกับบางมหาลัยมาก่อน ก็จะตั้งธงไว้ในใจเลย เจอแบบนี้ อย่าไปพิสูจน์อะไรเลย5555
ส่วนตัวเคยได้ยินคนเม้าท์ตอนเข้าห้องน้ำ ตั้งแต่ฝึกงานแล้วว่า “Top Rank เขาก็ท็อปฟอร์มของเขา ทำงานชิ้นเดียวกัน แต่ต่างกันมาก ตั้งแต่วิธีคิดยันผลงาน จริงๆไม่ได้อยากจะเปรียบเทียบ แต่ลองวางงานไว้ งานมันก็เปรียบเทียบกันเอง” เราว่าเนี่ย คือปัจจัยอื่นๆ ที่เขาคำนึงถึงแล้ว
แน่นอนว่าจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์ ก็ไม่มีอะไรให้คำนึงมาก แต่พอบวกกับประสบการณ์การทำงานที่ดีของรุ่นพี่แต่ละมหาลัย มันอาจจะทำให้การตัดสินใจเลือกที่ “ชื่อมหาลัย+เกรด” ค่อนข้างการันตีคำตอบ
ส่วนมหาลัยที่ไม่ใช่ top rank บ.จะรีเควสประสบการณ์ก่อนเลย ถ้ามีประสบการณ์ ก็ไม่ค่อยปฏิเสธนะ เพราะระยะเวลาที่ทำงานกับบ.อื่นมาก็พิสูจน์แล้วว่าเราทำงานได้
สิ่งหนึ่งที่เราเชื่อคือ ไม่ว่าจะ top rank หรือไม่top จบมาก็ต้องพิสูจน์ตัวเองกันทั้งนั้น ถ้าได้โอกาสแล้ว ก็อย่าลืมทำให้ดีไว้ก่อน
ไม่รู้ว่าจะตอบตรงคำถามมั้ย ถ้าไม่ตรง ก็ต้องขออภัยนะค้าา
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?