How to ถึงหลุดพอร์ตก็ยังติดหมอศิริราชรอบ 3 ได้ (2/4)
สวัสดีค่ะ เราเป็น dek66 จบจากโรงเรียนแห่งหนึ่งแถวสามย่าน ตอนนี้ติดคณะแพทย์ศิริราชรอบกสพท ด้วยคะแนนรวม 72.2892 นะคะ ตอนแรกตั้งใจจะเข้าคณะแพทย์ในรอบ1 portfolio ยื่นพอร์ทไปหลายที่มากๆทั้งในกรุงเทพ อินเตอร์ และต่างจังหวัด แต่หลุดหมดทุกที่เลยค่ะ วันนี้เราเลยอยากจะมารีวิวว่าที่ผ่านมาเราทำยังไงให้สอบรอบ3 ได้ในเวลาที่เหลือจากรอบพอร์ทไม่มากค่ะ
อันนี้คือคะแนนของเราค่า
เราจะมีทั้งหมด 4 กระทู้นะคะ อันแรกจะเป็นเกี่ยวกับ timeline การเตรียมตัวของเราทั้งรอบ1 และรอบ3 เล่าถึงข้อผิดพลาดต่างๆของเรา
กระทู้ที่สองเกี่ยวกับรายละเอียดการเตรียมตัวแต่ละวิชา หนังสือ ที่เรียนพิเศษของเรา
ส่วนกระทู้ที่สามเกี่ยวกับทริคที่เราใช้ตอนม.6
และกระทู้สุดท้ายคือการเตรียมตัวช่วงสัปดาห์ก่อนสอบค่ะ
ลิ้งค์กระทู้แรก https://www.dek-d.com/board/view/4088631
ลิ้งค์กระทู้ที่ 2 อันนี้ค่ะ
ลิ้งค์กระทู้ที่ 3 https://www.dek-d.com/board/view/4088638
ลิ้งค์กระทู้ที่ 4 https://www.dek-d.com/board/view/4088642
วิธีการที่เราใช้เรียน หนังสือ ที่เรียนต่างๆ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราเท่านั้น แต่ละคนมีวิธีการเรียนที่เหมาะกับตัวเองต่างกัน สิ่งที่เหมาะกับเรา อาจจะไม่เหมาะกับคนอื่นๆก็ได้นะคะ ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
..
.
กลับมาแล้วกับกระทู้ที่ 2 ของซีรีย์ติดแพทย์ศิริราชหลังหลุดรอบพอร์ตของเรานะคะ กระทู้นี้เราจะเล่าถึงที่เรียนพิเศษ หนังสือที่ใช้ และก็วิธีที่เราเรียนแต่ละวิชานะคะ
ขอออกตัวก่อนว่าเราเป็นคนที่จู่ๆมีเรื่องต้องออกนอกบ้านโดยที่ไม่รู้ล่วงหน้าบ่อยๆ เพราะงั้นถ้าคอร์สเรียนพิเศษมี e-book เราก็จะซื้อ e-book มาด้วย และก็จดโน้ตต่างๆบน ipad หรืออะไรที่มันพกพาง่ายๆ เผื่อต้องออกไปเรียนนอกบ้านจะได้พกใส่กระเป๋าได้เลยไม่หนักมากค่ะ
อังกฤษ
วิชานี้เป็นวิชาที่เราค่อนข้างถนัดอยู่แล้ว ทำให้เราไม่ต้องเตรียมตัวมาก เราเรียนพิเศษที่ Wall Street English ช่วง ม.2-ม.5 แต่ที่นี่ไม่ใช่สถาบันกวดวิชานะคะ เพราะเป็นที่เรียนของคนวัยทำงานเป็นหลัก เพราะงั้นจะไม่มีการท่องคำศัพท์ การเรียน grammar หนักๆแบบของหลักสูตรไทยนะคะ เราพยายามให้อังกฤษอยู่ในชีวิตประจำวัน จะได้ไม่ต้องท่องแกรมม่า แต่ที่นี่จะไม่เหมาะสำหรับคนที่เริ่มเตรียมตัวช่วงใกล้สอบแล้วนะคะ เพราะไม่ได้มีติว a-level อะไรเลย ถ้าอยากได้แบบนั้นแนะนำว่าเรียนที่สถาบันอื่นดีกว่าค่ะ
พาร์ท reading เราฝึกจากการเตรียมสอบ IELTs เราทำโจทย์จากเว็บ mini ielts กับ IELTS online tests ช่วยให้ชินกับการอ่านบทความภาษาอังกฤษยาวๆ เจอศัพท์หลากหลาย คุ้นชินกับรูปประโยคที่ถูกต้องค่ะ
Mini ielts https://mini-ielts.com/reading
IELTs online tests https://ieltsonlinetests.com/reading-test-collection
นอกจากนี้จะมีช่องทางติวฟรีที่เราดูตอนช่วงใกล้ๆสอบค่ะ เราเตรียมครั้งแรกตอนหนึ่งสัปดาห์ก่อนสอบ TGAT จดเอาไว้ แล้วก็เอามาอ่านอีกทีช่วง 5 วันก่อนสอบ a-level ค่ะ
เราดูพวก idiom ในชีวิตประจำวันจากใน Youtube แต่ในข้อสอบถ้าเจออันที่ไม่รู้ ก็ใช้วิธีเดาเอา แต่อย่าแปลศัพท์ตรงๆ เพราะสำนวนมันไม่แปลตรงตัวอยู่แล้ว
ภาษาอังกฤษที่คนมักเข้าใจผิดจาก Youtube channel We Mahidol
พวกทริคต่างๆและก็สิ่งที่ออกข้อสอบบ่อยจาก Youtube channel พี่หมอนิริน
ส่วนตอนคืนใกล้ๆสอบจะมีอีเวนท์ติวฟรีคืนหมาหอน TGAT กับ a-level ของ enconcept จัดผ่านระบบ ZOOM เราว่าดีเลยนะ มีชีทให้ทวน เนื้อหาเหมาะกับการเก็บตกมากๆ แต่รับจำนวนจำกัดต้องลงทะเบียนผ่าน google form ล่วงหน้านะ ติดตามประกาศจาก facebook เค้าได้เลยนะ
เลข
ด้วยความที่ไม่ชอบวิชานี้เป็นการส่วนตัวก็เลยหนีมันมาตลอด มาเตรียมจริงๆจังๆตอนท้ายๆ (และก็กรรมตามสนอง 555) และก็เพราะไม่ชอบวิชานี้ทำให้ไม่ได้มีที่เรียนพิเศษที่ไหนที่ชอบเป็นพิเศษค่ะ
ตอนใกล้ๆสอบ a-level เราซื้อคอร์ส math TCAS กับ upskill ของออนดีมานด์ เราซื้อ e-book เค้าไปด้วย จะได้โหลดมา 2 เวอร์ชั่น อันนึงฝึกทำโจทย์แล้วก็เขียนเฉลย ส่วนอีกอันนึงใช้ฝึกทำโจทย์เองอีกที จะได้ไม่ต้องไปนั่งซีรอกซ์เอกสาร และก็พอเป็นไฟล์มันพกไปทวนง่ายกว่าเป็นหนังสือเล่มหนาๆค่ะ จะเรียนพิเศษเมื่อไหร่ก็ได้ด้วย ขอแค่มี ipad กับหูฟัง
แต่เพราะเวลากระชั้นมากๆแล้ว สุดท้ายก็เลยเรียนแค่คอร์ส upskill ไปเลย แล้วเรียนจากหน้าสรุปเนื้อหากับเรียนจากเฉลยข้อสอบเก่าในคอร์ส upskill ไปเลยค่ะ หลักๆคือเรียนจากข้อสอบเก่าไปเลย ตรงพาร์ทข้อสอบจำลองที่ครูเค้าแต่งเองเราก็ไม่ได้ทำนะ ทำไม่ทัน เดี๋ยวเก็บวิชาอื่นไม่ทันไปด้วย 5555 ตอนทำโจทย์เราก็จดเรื่องที่เรามักผิด โดยเฉพาะผิดง่ายๆ พวกสะเพร่าที่มักทำบ่อยๆ จดแยกเอาไว้อ่านตอนช่วง 5 วันก่อนสอบเลย ถ้ามีเวลาไม่แนะนำให้ทำตามเลยนะคะ มันเสี่ยงมากๆ
นอกจากนี้เราก็จดสรุปสูตรลงบนกระดาษ A4 พับเป็นแผ่นเล็กๆใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้อ่านระหว่างรอคิวต่างๆค่ะ แต่ตอนนี้ทำกระดาษนั้นหายไปเเล้วเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูค่ะ 555
ชีวะ
วิชานี้เป็นวิชาที่เราชอบมากๆๆๆเป็นการส่วนตัว เราเก็บเนื้อหาจากหนังสือชีวะปลาหมึกควบคู่กับหนังสือ สสวท แล้วก็เรียนในโรงเรียนอย่างเดียว ไม่ได้เรียนพิเศษที่ไหนเลย เวลาเรียนแต่ละบทก็จะจดสรุปเอาไว้ แต่ด้วยความที่เราเป็นคนเขียนช้า และก็ไม่ชอบใช้เวลาไปกับการวาดรูปกับคัดลายมือ เราก็เลยใช้วิธีพิมพ์ในแอป onenote ใน ipad เอา แล้วก็พกไปทุกที่ ก็เลยทวนได้บ่อย
หนังสือเล่มปลาหมึกของดร.ศุภณัฐ เป็นหนังสือเนื้อหาที่อธิบายละเอียดและเข้าใจง่าย แต่มีเกินหลักสูตรเหมือนกัน เราเลยอ่านหนังสือ สสวท ไปด้วย เพื่อกำหนดขอบเขตเนื้อหา ยังไงคนออกข้อสอบ a-level พวกวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ก็ออกโดยสสวทอยู่แล้ว ไม่เกินหลักสูตรแน่ ส่วนวิธีการทวนของเรามักจะเป็นการสอนเพื่อน มันจะเป็นการช่วยทวนตัวเองไปในตัวค่ะ
ตอนช่วงใกล้ๆสอบเราทำโจทย์จากหนังสือเล่มดอกไม้ชื่อ A-level Biology Mock-up Exams1 ของดร.ศุภณัฐเหมือนกัน ส่วนตัวชอบโจทย์ของเค้านะ แต่ข้อเสียคือเฉลยไม่ละเอียด เราดูเฉลยของเค้าเพื่อให้รู้คร่าวๆว่าคำตอบคืออะไร เกี่ยวกับบทไหน แล้วไปเช็คทำความเข้าใจจากสรุปของตัวเองอีกทีค่ะ
ในแต่ละข้อ เราไม่ได้ดูแค่เฉลยตอบข้อไหน แต่เราไปดูว่าใน choice อื่นมีอะไรที่เราไม่รู้บ้าง และก็จดเอาไว้บนเล่มใกล้ๆโจทย์ข้อนั้นนั่นแหละ จดด้วยปากกาแดงจนความสวยงามของหนังสือมันหายไปเพราะรกไปด้วยร่องรอยการจดนี่แหละ 5555 บางข้อก็แต่งโจทย์เองเพิ่มด้วย ประมาณว่าต้องเปลี่ยนคำถามยังไงให้คำตอบที่ถูกต้องคือ choice อื่น เรียกได้ว่าโจทย์ข้อนึงใช้คุ้มมาก 555 ส่วนหน้าไหนที่อยากกลับมาทวนหน้าห้องสอบก็เอาโพสต์อิทมาแปะเอาไว้ค่ะ
ฟิสิกส์
เราเรียนพิเศษที่ apply physics ที่เดียวเลย เราเรียนคอร์สเนื้อหากับคอร์ส entrance แต่เรียนตะลุยโจทย์ไม่ทัน ข้อดีของที่นี่คือมีโจทย์หลากหลาย และเค้าก็จะให้เวลาเราทำ 3 นาทีก่อนที่เค้าจะเฉลยในแต่ละข้อ มีหน้าสรุปเนื้อให้ ซึ่งเรารอดมาได้ตอนที่ทิ้งสิ่งที่เรียนไปนาน ลืมไปเกือบหมดจากการอ่านหน้าสรุปนี่แหละ ความผิดพลาดของเราคือไม่เคลียร์สิ่งที่สงสัยตั้งแต่เนิ่นๆ บางบทตอนเรียนก็เหม่อแต่กลับไปทวน น้องๆควรทำความเข้าใจเนื้อหาตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าให้สงสัยอะไรค้างคาเอาไว้ และอย่าลืมหมั่นทบทวนบทเรียนนะคะ
จริงๆเราซื้อหนังสือฟิสิกส์ขนมหวานมาด้วย เป็นเล่มเนื้อหาฟิสิกส์ที่เขียนละเอียดดี แบบปูพื้นฐานเลย มีทั้งหมด 3 เล่ม แต่เราอ่านไปแค่บทไฟฟ้าสถิตที่เราไม่เข้าใจมากเป็นพิเศษค่ะ (เรื่องของเรื่องคืออ่านไม่ทัน 5555)
สำหรับบทที่เราดูสรุปจากหนังสือที่เรียนพิเศษไม่เข้าใจ เราจะเข้าไปดูคลิปสรุปเนื้อหาบทนั้นๆของ youtube channel ฟิสิกส์โกเอก ค่ะ ซึ่งนอกจากจะใช้ดูเนื้อหาที่ยังไม่เข้าใจแล้ว เรายังดูเฉลยข้อสอบเก่า 9 วิชาสามัญจากที่นี่ด้วยนะคะ แต่รู้สึกว่าข้อสอบ a-level ปีนี้จะเน้นทำความเข้าใจคอนเซ็ปท์ต่างๆมากกว่า ไม่ค่อยคำนวณเท่าไหร่ ข้อสอบไม่ค่อยตรงแนว 9 วิชาสามัญปีที่ผ่านๆมาค่ะ
วิชาฟิสิกส์เป็นอีกวิชาที่เราจดสรุปสูตรลงกระดาษ A4 เอาไว้อ่านตอนรอคิวต่างๆค่ะ แต่ตอนนี้ทำกระดาษหายไปแล้วเหมือนสรุปสูตรเลขเลยค่ะ 55555
พอช่วงใกล้ๆสอบก็จะมีไลฟ์เก็งข้อสอบฟรีใน Youtube ของพี่เกรท ออนดีมานด์ มีเก็งข้อสอบต่างๆ เราก็เข้าไปดูด้วยค่ะ จะบอกว่าปีเรามีบางข้อออกตรงกับที่พี่เค้าเก็งเลยแหละ 5555
เคมี
เราเรียนกับอ.อุ๊ที่เดียวเลยค่ะ ทั้งคอร์สเนื้อหาตั้งแต่ม.5 (เราเริ่มเรียนพิเศษตอนม.5 ค่ะ เลยไม่ได้เรียนเนื้อหาม.4) คอร์ส entrance และก็ตะลุยโจทย์ค่ะ แต่สารภาพว่าตอนซื้อคอร์สตะลุยโจทย์คือเหลืออีกสองสัปดาห์จะสอบ และวิชาอื่นเราก็น่ากลัวมาก เลยเรียนไปแค่พาร์ททำข้อสอบที่อาจารย์เค้าคิดขึ้นเอง ไม่ได้เรียนตรงที่เค้าสรุปเนื้อหาค่ะ
สิ่งที่เราพลาดที่สุดคือการไม่ทบทวน และไม่ได้จดสิ่งที่เราทำพลาดค่ะ คือเราจดข้อควรระวังไว้ในเล่มแต่ไม่ได้เน้นเอาไว้ ตอนมาอ่านทวนมันเลยต้องมานั่งงมค่ะ และจริงๆเราน่าจะจดจุดหลอกในสมุดแยกออกมา เอาไว้ทวนหน้าห้องสอบเร็วๆ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาสุขภาพนะคะ วันสอบเตรียมยาอะไรไปเผื่อด้วย ตอนสอบเคมีเราไม่สบาย จนตอนนี้เราก็ยังสงสัยอยู่ว่าถ้าทำข้อสอบชุดเดียวกันตอนที่สบายดีคะแนนจะเยอะกว่านี้มั้ย แต่อดีตมันแก้อะไรไม่ได้นะคะ
ไทย
เราเรียนพิเศษตัวต่อตัว 3 ครั้ง ครั้งละ 2 ชั่วโมงตอนใกล้ๆสอบค่ะ แต่เพราะเวลาที่เหลือน้อย เราอยากใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด เราจึงทำข้อสอบเก่าไปก่อน 3 ปี ตอนตรวจคำตอบเราก็จะพอรู้แล้วว่าพาร์ทไหนที่เราถนัด พาร์ทไหนที่เรายังทำได้ไม่ดี เราก็ขอให้อาจารย์ช่วยสอนเฉพาะพาร์ทที่เรายังทำได้ไม่ดีนักไปเลยค่ะ
ข้อสอบมักออกสำนวน 1 ข้อ เราอ่านบทความสำนวนในชีวิตประจำวันผ่านๆตอนใกล้สอบเพื่อให้คุ้นกับสำนวนต่างๆค่ะ แต่ย้ำว่าเราอ่านตอนใกล้สอบมากๆ แบบก่อนสอบ 1 วัน เพราะถ้าทวนวิธีนี้แป้บเดียวลืมแน่นอนค่ะ
ลิ้งค์สำนวนที่เราดู https://www.wongnai.com/news/thai-proverb-aphorism-idiom
สังคม
สังคมเราเริ่มเตรียมตัวราวๆ 1 เดือนก่อนสอบค่ะ เราเริ่มจากดูคลิปติวฟรีสู้ covid ของครูป๊อปใน youtube channel At Home มีทั้งหมด 5 คลิปของ 5 กลุ่มสาระ (ภูมิศาสตร์ ศาสนา หน้าที่พลเมือง ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์) คลิปละราวๆ 3 ชั่วโมงค่ะ
คลิปศาสนา https://youtu.be/6RvJEDwuL6k
คลิปหน้าที่พลเมือง https://youtu.be/OlK0rBOH6Ys
คลิปประวัติศาสตร์ https://youtu.be/OyoiiTAffWA
คลิปเศรษฐกิจ https://youtu.be/MuKgHo2kuXY
คลิปภูมิศาสตร์ https://youtu.be/-dUuq0vI5Ig
จากนั้นเราก็เรียนพิเศษตัวต่อตัวค่ะ ส่วนใหญ่เป็นการทำโจทย์ ข้อสอบเก่า เรียนรู้จากโจทย์ไปเลย
นอกจากนี้เราก็ซื้อหนังสือ พกโพยสังคมสามัญ ของครูป๊อปค่ะ มันเป็นหนังสือเล่มเล็กๆพกไปทวนง่ายค่ะ ตอนนั้นเชื่อที่ครูเค้าบอกสนิทใจว่าในเล่มนี้เก็บครบเนื้อหาส่วนใหญ่ของสังคม 9 วิชาสามัญแล้ว เราก็ทวนแค่จากเล่มนี้ แต่ตั้งเป้าจะจำให้ได้ทุกบรรทัดเลยค่ะ ซึ่งมันก็เป็นประโยชน์ในการตัด choice มากๆ ตอนเราทำข้อสอบจริงบางข้อเราไม่รู้ว่าคำตอบที่ถูกคืออะไร แต่ตัด choice จนเหลือแค่ตัวเลือกเดียวเลยค่ะ แนะนำเล่มนี้สุดๆ
TPAT1
เดิมทีข้อสอบนี้มันชื่อความถนัดแพทย์ค่ะ มีทั้งหมด 3 พาร์ท คือเชาวน์ปัญญา จริยธรรม และเชื่อมโยงค่ะ ในส่วนของข้อสอบเชาวน์ปีนี้ไม่ตรงกับข้อสอบเก่าหรือหนังสือโจทย์ที่ไหนเลย จะมีแค่ข้อสอบปี 65 เท่านั้นที่ใกล้เคียง คือก่อนหน้านี้ข้อสอบเชาวน์มันจะมีพวกลำดับอนุกรม การคิดเลขพื้นฐาน ตรรกศาสตร์ จับใจความภาษาไทยอะไรประมาณนี้ แต่ปีนี้จะเน้นการวิเคราะห์กราฟ กับอ่านจับใจความบทความภาษาไทยมากกว่าค่ะ ถ้าน้องๆอยากฝึกโจทย์พาร์ทเชาวน์ปัญญาแนะนำให้ฝึกจากข้อสอบ BMAT ค่ะ มันเป็นแนวเดียวกันเลย แต่เป็นภาษาอังกฤษค่ะ
ลิ้งค์ข้อสอบเก่า BMAT https://www.admissionstesting.org/for-test-takers/bmat/preparing-for-bmat/practice-papers/
พาร์ทจริยธรรมเราว่ายิ่งทำข้อสอบเยอะจะยิ่งงง โจทย์ข้อเดียวกันแต่คนละสถาบันกวดวิชาเฉลยคำตอบยังต่างกันเลยค่ะ ส่วนใหญ่เราตอบตามความรู้สึกเราไปเลย เราก็ฟังเนื้อหาพวกการแพทย์จากคอร์สของ ondemand ไป แต่เพราะเราเริ่มเรียนช้า แล้วก็ไม่ได้เรียนความเร็ว x2 ด้วย กลัวจะเรียนไม่ทันสอบแน่ๆ เราเลยนั่งฟังบนรถระหว่างเดินทางกลับจากโรงเรียนไปเลยค่ะ
พาร์ทเชื่อมโยงเป็นพาร์ทที่ฝึกได้มากที่สุด โจทย์ไม่ได้เปลี่ยนแนวค่ะ เราเรียนและทำโจทย์จาก ondemand ที่เดียวเลย แต่ตอนนั้นเราทำโจทย์แค่จากเล่มเนื้อหา ไม่ได้แตะเล่ม upskill เลย ครูก็จะมีเทคนิค มีการเตือนจุดหลอกต่างๆ มีประโยชน์มากๆค่ะ ในเล่มเนื้อหาก็จะมีโจทย์ไล่จากง่ายไปยากและแนวข้อสอบเก่าด้วย แต่ด้วยความที่เวลาจำกัด เราไม่ได้ทำโจทย์ทุกบทความค่ะ บทความที่เค้าบอกว่าง่ายหรือปานกลางเราจะทำแค่ให้พอชินมือ แล้วข้ามไปทำแนวข้อสอบจริงเลยค่ะ
และนี่ก็คือหนังสือที่เราใช้และที่เรียนพิเศษแต่ละวิชาของเรานะคะ แต่ว่าแต่ละคนมีวิธีการเรียนที่ต่างกัน ที่เรียนพิเศษที่เหมาะกับเรา หนังสือที่เราคืดว่าดี อาจจะเหมาะกับแค่บางคนเท่านั้น เพราะฉะนั้นก่อนจะซื้อคอร์สเรียนพิเศษที่ไหน น้องๆควรทดลองเรียนกับแต่ละสถาบันดูก่อนนะคะ และสำหรับหนังสือที่เราแนะนำ ก่อนที่น้องๆจะซื้ออยากให้น้องๆลองเปิดอ่านเนื้อหา เปิดเฉลยดูก่อนว่าน้องๆอ่านเข้าใจมั้ยนะคะ
ในกระทู้ถัดไป เราจะเล่าถึงเทคนิคที่เราใช้ในช่วงม.6 หลังจากสอบของรอบพอร์ท การสอบที่ทำให้เรารู้ว่าต้องเตรียมสอบรอบ 3 แน่แล้วนะคะ เราจะเล่าให้ฟังว่าราวๆ 5 เดือนที่เหลืออยู่เราเตรียมตัวยังไงจนติดแพทย์ได้นะคะ
แสดงความคิดเห็น