Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

(อุธาหรณ์)โดนอาจารย์มหา'ลัยใส่ร้าย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ คือวันนี้เราจะมาเล่าเรื่องที่อัดอั้นตันใจมาตลอดหนึ่งปีเต็ม มันเป็นความรู้สึกที่แย่มากๆกับการโดนสายตาคนที่ครั้งหนึ่งเราเคารพเขา แต่เขากับพูดจาทำร้ายและทำลายเรา
เรื่องนี้เกิดในมหาลัยรัฐบาลดังที่มีชื่อเสียง วิทยาเขตหนึ่ง
เรื่องมันเกิดตอนปีสองเทอมหนึ่งค่ะ วิชานี้เป็นวิชาพื้นฐานของเมเจอร์ที่เรียน ทุกคนต้องลง และแน่นอนมันถูกร่ำลือเรื่องความยาก ยากมากยากโคตรๆมานาน เราก็ลงเรียนไปไม่คิดอะไรเพราะตัวเองไม่ใช่คนเรียนแย่ แต่ก็ไม่ได้เรียนดีนะ เราก็เรียนปกติไปนี่แหล่ะค่ะ เข้าเรียนบรรยายทุกคาบ หลับบ้างนิดหน่อย แต่ก็กลับหอมาทวนผ่านๆทุกครั้ง ก่อนไปเรียนแลปจะอ่านไปก่อนเพราะมีควิดในห้อง ทุกอย่างโอเค อาจารณ์ที่เรียนด้วยสอนดีทุกท้านตอนนั้นชอบวิชานี้มาก แบบอาจารณ์ที่สอนอัธยาสัยดีมีเรื่องเล่าสนุกๆ มุกฮาๆ โดยมีท่านหนึ่งชอบเป็นพิเศษเพราะท่าน ดูเป็นคนใจเย็น พูดช้าๆนิ่มๆ ดูผู้ดี ดูรักเด็ก จะคอยเล่าเรื่องเมื่องนอกที่เขาไปมา พุดว่าชีวิตเขาเจอคนดีดีๆแบบไหน ลูกศิทย์ดีๆอย่างไงคนนู้คนนี้เป็นไง เราก็ดีเนอะ เหมือนได้คนมีประสบการณ์มาเราอะไรให้ฟังจะได้เอาเป็นแนวทางชีวิต เราคิดแบบนี้นจริงๆ จนวันที่ทุกอย่างพลิกชีวิต ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบกลางภาค เนื่องจากเทอมนี้วิชาตัวเรียนหนักและเป็นวิชาท่องจำทั้งหมด เราก็เอาวะ ท่องจำไม่เคยกลัว กลัวคำนวณ แล้วเทอมนั้นก็ตั้งเกณไว้ว่าจะเอา 3.75ให้ได้ เลยตั้งใจก็โหมอ่านหนังสือหนักมาก เพื่อนๆกลุ่มเราก็โหมอ่านกัน จนวันสอบวิชาใกล้นี้มาถึงมันสอบวิชาสุดท้ายเลยของปีนั้น เราเป็นไข้ตัวลุมๆมาสองสามวันแล้ว แต่แบบหยุดอ่านหนังสือไม่ได้เพราะกลัวมากยิ่งรู้ว่าเป็นไข้ก็ยิ่งกลัว กินยาจะล้มตัวนอนมันก็นอนไม่หลับกลัวไปหมดจริงๆ คืนก่อนหน้าวันสอบวิชานี้เราก็ไข้เล่นงาน ทรุดแบบไม่มีแรงขยับตัวเลย เราเลยตัดสินใจนอนที่โต๊ะหนังสือไม่ยอมขึ้นเตียงเพื่อนจะอ่านหนังสือ พรุ้งนี้เช้าแปดโมงครึ่งจะสอบวิชานี้แล้ว เราเครียดมาก อ่านๆๆๆๆ จำได้ว่าไม่เคยทรมารอะไรขนาดนี้มาก่อน อ่านจนเหมือนจะอวก หัวจะระเบิดปวดหัวมาก ตัวร้อนจนแก้มไม่มีความรู้สึก จนตีสองเราไม่ไหวแล้วแบบขนาดคำศัพท์ที่เคยท่องได้นึกยังไม่ออก ที่เคยจำได้ก็ลืม มันเบลอไปหมด ห้องหมุนติ้วๆเลย หน้ากระดาษที่อ่านลอยติดตาแต่กับเขียนคำศัพท์ไรไม่ได้เลย เราโทรไปร้องไห้กับแม่ว่า หนูไม่ไหวแล้ว ไม่มีแรงลุกไปนอนที่เตียงด้วยซ้ำ คิดว่าน่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ แม่เลยให้ไปนอน พอเช้าตื่นมา แบบแค่นิ้วเรายังขยับแทบไม่ได้แม่นั่งรถจากบ้านตีห้ามาถึงมอ แปดโมงมาเอาเราลงจากหอจะกลับบ้าน แต่เราขอแม่ไปสอบบรรยายเพราะอย่างน้อยถึงสติไม่ครบเบลอจะตายแต่อย่างน้อยก็ได้แนว ข้อสอบก็ผ่านตาเราเลยลากสังขารไปสอบบรรยาย เพื่อนเราตกใจสภาพเราวันนั้นเลยแหล่ะกลัวเราสลบคาห้องด้วยซ้ำ แม่ก็ห้ามแล้วเตรียมหามกลับบ้านแล้วสุดท้ายก็ไป ไปอ่านผ่านเขียนตอบไปเท่าที่สติพอจะนึกอออก แล้วก็นอนในห้องนั้นเลยขนาดเปิดกระดาษเพื่ออ่านโจทย์ยังไม่มีแรงแบบฟุบหลับหลายรอบเพื่อฟื้นมาอ่านข้อสอบ จนไม่ไหวจริงๆตาลายแล้วเลยส่งกระดาษไปจำได้ว่าทำแค่สามห้าแรกๆตอบน้อยมากจับปากกาสั่นแล้ว เลขศูนย์ยังเบี้ยวเราเลยคิดว่าเอ็งไปเถอะ ก่อนที่จะเป็นลมคาห้องสอบให้ดังไปทั้งมอ
แล้วตอนเย็นมันจะมีสอบแลปคือไม่สอบแล้ว เรารู้ผลตั้งแต่เช้าแล้วทำไปแค่นั้นยังไงคะแนนก็เน่ามากกกกกกแน่ๆ คือเตรียมดรอปได้เลย เราร้องไห้หนักมาก โทรบอกป้ารหัสปรึกษาว่าเอาไงดีโทรไปร้องเลยเพราะกลัวการดรอปมาก ไม่เคยดรอปเลียนมาก่อน แล้วเพื่อนกลุ่มเราไม่มีใครดรอปแน่ๆเพราะเรียนค่อนข้างดีกันหมด เหลือเราคนเดียว มันแย่ๆๆๆๆๆๆๆแย่ที่สุด ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนขอให้พรุ้งนี้โลกแตกไปเลยดีกว่าโคตรเฟล สุดท้ายก็กลับไปพักที่บ้านโดยไม่ได้สอบแลป กินยานอนอยู่บ้านไม่ได้ไปหาหมอเพราะเป็นช่วงเสาร์อาทิตย์ แล้วก็เลยนอนยาวจนหยุดเรียนชวงวันต้นสัปดาห์ไปสองสามวันจนกลับมาอีกทีวันที่มีเรียนแลปวิชานี้เพื่อเตรียมกดดรอปเรียน พอเข้าคาบไป ก็ฟังอาจารณ์ท่าที่เราคิดว่าน่าจะคุยกันง่ายเพราะดูท่านใจดี ท้ายคาบ ท่านก็ถามหาว่าหมู่นี้วิชาแลปใครไม่ได้มาสอบมันขาดไปคนหนึ่ง เราเลยบอกว่า หนูเองค่ะ ไม่สบายหนักเลยขาด คิดว่าคงต้องดรอปค่ะพระวิชาบรรยายกับแลปวิชานี้รหัสเดียวกัน อาจารย์ท่านนี้พูดว่า “อาจารย์ให้โอกาสเธอ” คือพูดแบบว่าให้มาสอบแลปเถอะเดี๋ยว อาจารย์จะจัดสอบย้อนหลังให้ ข้อสอบคนละชุดกับเพื่อน เพราะเขามาหลายชุด คือ ตอนนั้นเราก็คิดว่าเอาไงดีถึงทำได้เต็มกันก็แค่สิบห้าเปอร์ ที่ทิ้งตอนข้อสอบบรรยายมันสามสิบเปอร์ เอามาแทนกันไม่ได้ยังไงก็ ด๊อกไม่ก็เอฟ แน่เลยแต่อาจารย์เขาก็พูดว่ามีโอกาสให้แล้วทำไมไม่เอา เราก็เอาว่ะ สอบ แต่ก็บอกเขาแล้วว่าไม่มีใบรับรองแพทย์นะ เราไปหาหมอไม่ไหวจริง แล้วเราก็เป็นคนเกลียดโรงบาลเลยไม่อยากไปชอบหายากินมากกว่า อาจารย์ก็บอกว่าเชื่อใจเรา เราก็กลับไปอ่านลุยเลยกะว่าพาทนี้ต้องเต็มเพื่อฉุดคะแนนกลับมา อย่างน้อยได้เท่ามีหรือต่ำกว่ามีไม่เกินสามคะแนนเราจะสู้ต่อได้ c ก็เอาได้ d+ก็ยอมอยากผ่านไปพร้อมเพื่อน วันถัดมาก็สอบเลยจ้า หลังจากคุยกับอาจาย์เมื่อวาน โดยมีเพื่อนไปนั่งดูเราสอบเป็นเพื่อน จำได้ว่าอาจารย์แลดูใจดีมากกกกกก ระหว่างสอบมีการเอาขนมมาให้กินสอบแบบชิวๆ แต่ในใจเราโคตรเครียดเป็นแลปแว๊ป เปลี่ยนสไลย ในppt จำได้ว่าพอทำได้แต่ก็เว้นไปหลายข้ออยู่แต่ก้พยายามเติมที่คุ้นที่สุด หลังจากนั้นหลายวันเหมือนคะแนนใกล้จะประกาศ อาจารย์ท่านนี้ก็โทรมาหา ถาม อยู่มอป่าวให้มาพบหน่อย พอดีเราอยู่กรุงเทพเลยบอกว่าจะไปพบวันจันทร์ได้ไหม (วันนั้นวันเสาร์) เพราะกลับมอเช้าวันจันทร์ พอวันจันทร์ เรากับเพื่อนเราทั้งแก๊ง ก็ไปหาอาจารย์ตอนเย็น ก่อนวิชาบรรยายซึ่งเรียนเวลาประมาณสี่โมงเย็น อาจารย์ก้เรียกเราไปคุย พูดว่า คะแนนเราดี ได้พาทของเขากับอาจารย์อีกท่านสูง กับเต็มเลยมั้ง (ในส่วนของแลปนะ) แต่เขาบอกว่า อาจารย์ที่สอนร่สมไม่ยอม บอกว่าให้เด้กคนนี้สอบได้งัย ไม่มีใบรับรองแพทยฺ เราก็คิดในใจว่าเอาแหล่ะเป็นเรื่องและ เพราะวันนั้น สายตาที่อาจารย์มอง มองเราไม่ดีเลย มองเราเปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยยิ้มให้ มันมีร่องรอยแปลกๆตั้งแต่น้ำเสียงตอนโทรมาหาแล้ว ซึ่งก่อนเข้าห้องมาพบอาจารย์ก็ได้บังเอิญเจอกับอาจารย์อีกท่านซึ่งสอนร่วมวิชานี้มา เขาก็ยิ้มแบบแปลกๆให้เราแล้วก็รีบปิดประตูเข้าห้องพักไปเลย จนคุยกันมาเหมือนอาจาย์ถามว่า หักเรายี่สิบห้าเปอร์เซ็นได้ไหม เราก็แบบเข้าใจค่ะว่าสอบย้อน ควรหัก เพราะเนื่องจาก แม่ของเราเองก็เป็นครูและก็ใช้วิธีนี้จึงไม่คิดมาก แต่ก็แอบคิดนะว่าแล้วเราจะเหลื่อกี่คะแนน สุดท้ายเราตกลง รอคะแนนประกาศ คะแนนประกาศ บรรยายได้มา7จาก30ซึ่งเกินคาดทำไปสามหน้าแบบเขียนแย่มาก บางคนยังได้น้อยกว่าเราอีก เราก็งงว่าได้มาได้ไง แต่ก็ถือว่าต่ำมากอยู่ดีกลุ่มเพื่อนเราได้ยี่สิบกว่าหรือเกิบยี่สิบกันหมดเลย คะแนนแลปได้มา 9จาก15ถือว่าใช้ได้อยู่ถ้าเทียบกับมีนเพราะสูงกว่า แต่9นี่คือหัก25เปอร์แล้ว คะแนนจริงเราคิดคือ ได้12จาก15 เราก็บอกเพื่อน สำหรับเรามันไม่ได้สูงนะแค่เท่าๆเพื่อนเพราะเพื่อนกลุ่มเราก็ได้กัน 12ตั้งสองคน เราก็เลยคิดว่า มันแปลกตรงไหน ทำไม อาจารย์เหล่านี้จึงดูตกอกตกใจ เรียกเราไปคุยอย่างซีเรียส อุส่านึกว่าได้เต็ม พอเอาคะแนนมารวมกันมันก็ยังได้ต่ำกว่ามีนอยู่นะ ถ้าจำไม่ผิด แต่ตอนนั้นคิดว่าถ้าแลปได้ต่ำว่า12ต้องดรอป แน่ๆอยู่แล้ว เลยกดดรอป อาจาย์ท่านก็ถามนะว่า ดรอปไปหรอดรอปทำไม แต่ตอนถามสายตาคำพูดเขารู้เลยว่าเปลี่ยนไป คือเรางงมาก เราก็ตอบตามตรงว่าคะแนนต่ำ คิดว่าจะเริ่มใหม่ เพราะเตรียมใจดรอปแต่แรกแล้ว จนผ่านไปได้หลายเดือนเลยแหล่ะ มีรุ่นพี่ที่รู้จักคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า ตอนไปเรียนกับอาจารย์ท่านนี้ เขาเล่าเรื่องเด็กโกงข้อสอบเมื่อกลางภาคให้ฟัง เขา เอ่ยชื่อว่าอยู่เมเจอร์เรา บอกว่า “เด็กคนนี้บอกว่าป่วย มาสอบช่วงเช้าได้ แต่ไม่มาสอบแลปตอนเย็น พอผ่านมาเกิบอาทิตย์ก็มาขอสอบ อาจารย์ใจดีก็ให้สอบ แต่อยู่ดีๆก็ดรอปไปอาจารย์ก็ไม่รู้ว่าเขาทุจริตหรือป่าว” แล้วคือพี่คนนี้ก็รู้ว่าช่วงนั้นเราป่วย ซึ่งก่อนไปสอบย้อนหลังแลปก็โทรถามเขาว่าเราควรจะสอบไหมหรือดรอปไปเลยดีพี่คนนี้ก็บอกว่าอาจารย์ใจดีไปสอบเถอะ คือแบบพอได้ยินเราช็อกแล้วก็ร้องไห้เลย เพราะไม่คิดว่าอาจาย์ที่ภายนอกบุคลิกดูดีมาก ดูใจดี จะพูดลับหลังกับเราแบบนี้ เพราะทั้งเมเจอร์มีเราคนเดียวในปีนั้นที่ป่วยและสอบย้อนหลัง อาจารย์เอ่ยถึงทุกอย่างจนพี่เขาเดาได้ว่าพูดถึงเราขาดแค่บอกชื่ออ่ะ เรารู้สึกแย่กับอาจารย์ไปเลย ไปขี่รถออกจากหอไปร้องไห้ไกลๆเลย รับไม่ได้จริงๆ มันเหมือนโดนตบหน้า เหมือนเขาหยามทั้งชีวิตของเรา หยามพ่อแม่เรา หยามต้นตะกูลเรา เพราะทางบ้านเรา รับอาชีพเป็นครูสสายสามัญกันหมด เราอยู่ในแวดวงครู จริยธรรมของความเป็นครู เราเสียใจที่ทำให้แม่ถูกดูถูกทางอ้อมว่าลูกสาวทุจริต เราไม่ใช่คนเรียนเก่ง แต่ก็เกรดตั้งแต่เรียนมาทั้งชีวิตไม่เคยต่ำกว่า 3.00 แม่พูดเสมอว่า ห้ามคิดทุจริตเด็ดขาด มันเป็นสิ่งที่แย่มากแม่เตือนพูดตั้งแต่ประถมอ่ะ เราฝังใจมากกับคำพูดแม่ แต่เรากับถูกกล่าวหาว่าทุจริต เราช็อค โทรไปร้องไห้กับแม่บอกแม่ว่า ถ้าเขาพูดชื่อหนูนะหนูไม่ยอมแน่ๆ มันรุนแรงมากสำหรับเรา เขาหยามครอบครัวเรา หยามพ่อแม่เรามาก แต่เราก็จำต้องปล่อยผ่านไป ได้แต่ร้องไห้ ทำไรไม่ได้ เพราะดรอปก็ดรอปแล้ว หลักฐานอะไรไม่มี เขาก็ไม่มีหลักฐานว่าเราทุจริต เพราะข้อสอบก็เปลี่ยน เขาก็อยู่ในห้องสอบกับเราตลอด เพื่อนที่ไปเป็นเพื่อนก็นั่งอยู่ด้วยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเลยตลอกช่วงทำข้อสอบ เขานั่งคุมสอบห่างจากเราไม่เกินสองเมตรด้วยซ้ำ คิดได้ไงว่าเราทุจริต คือ คงงงมาก ว่าคำกล่าวหานี้ มาจากไหน ใช้อะไรวัดใช้อะไรตัดสิน หรือตัดสินจากการที่เราทำคะแนนได้ดี ไม่เหมือนพวกที่มาสอบย้อนหลังรุ่นก่อนๆที่ต้องทำไม่ได้ ทำได้น้อยหรอ หรือวัดจากข้อสอบบรรยาย เราที่ได้คำแนนต่ำ(แต่มีคนปกติที่ต่ำกว่า) ป่วยจะตายอยู่แล้ว ไม่มีปัญญาจะเขียนเลขข้อให้ตรงด้วยซ้ำจะเอาสติ เอาสมองส่วนไหนมาคิดคำตอบ หลังจากนั้นผ่านไปปีหนึ่ง เราต้องจัดแผนการเรียนใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ได้เกรดอยู่ในเกณที่ต้องการ ปีการศึกษานั้นเราไดเกรดเฉลี่ยรวมมากกว่า 3.5 ทำให้เราได้เหรียญเรียนดี แต่เป็นเหรียญที่เราไม่ภูมิใจเพราะเราต้องดรอปวิชานี้ไป เพื่อนกลุ่มเราก็ได้กันครึ่งกลุ่มเราดีใจนะที่ได้พร้อมเพื่อนแต่เสียใจที่เพื่อนได้เพราะความสามารถจริงๆเรียนครบตรงตามหลักสูตรไม่ต้องดรอปเรียนแล้วติดไว้แบบเรา เรามาลงวิชานี้ใหม่ปีสามเทอมหนึ่งเพราะวิชานี้เปิดแค่เทอมหนึ่ง เราลงเรียนไปเรียนปกติ วันแรกที่เข้าแลป พี่แลปมองเรา ถามเรา ชื่อนี้ใช่น้องที่ป่วยแล้วดรอปไปป่าว เราก็ ค่ะ เขาก็มองเราแปลกๆ ยิ้มนิดหนึ่งแล้วไม่ยุ่งกับเราอีก มีมองเราทุกครั้งที่มาเรีย อาจารย์ที่เข้ามาสอนท่านอื่นก็มองเรา แต่ก็ไม่ได้มองเหมือนๆที่เคยเท่าไหรแต่เราก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้อะไร แต่พออาจารย์คนนี้เข้ามา เขามองเรา เขาพูดทักทายเพื่อนร่วมเมเจอร์เรา เขาจำได้เพราะเพื่อนคนนี้คะแนนต่ำจึงดรอปมาพร้อมเรา แต่เขาไม่ทักเราเลยไม่พูดมองเราเป็นอากาศ จนสอบกลางภาค ไม่อยากจะคิดเราแทบไม่ได้อ่านวิชานี้เลยเพราะมันดันสอบวันเดียวกับอีกวิชาหนึ่งซึ่งก็ยาก เราเทวิชานี้ ยอมรับว่าทำใจอ่านแบบที่เคยอ่านไม่ได้พอจับชีทก็เห็นหน้าอาจารย์คนนี้ลอยมา เราเกลียดวิชานี้ไปเลย แถมเหมือนมันเป็นกรรมเวณอะไรกับอีวิชานี้ไม่รู้ เราเป็นหวัดวันสอบวิชานี้อีกครั้งแต่ไม่ได้อาการหนักอัดยาไปสอบไหว ผลสอบออกมา คะแนนค่อนข้างดี ถึงจะไม่ได้ดีมากแต่สูงกว่ามีนค่อนข้างเยอะ วิชาแลปที่ได้มาคือ11กว่าๆต่ำว่าคะแนนเดิม(ที่ไม่ได้หัก25%)นิดเดียวจริงๆ คือได้เท่าเดิมเลยจ้า ก็ถือว่าพิสูจ ตัวเองไดแล้วว่า สมองเรามันอยู่ระดับนี้ เห็นไหม ได้เท่าเดิมเลย ขนาดอ่านน้อยกว่าเดิมเยอะมาก น้อยกว่าเดิมสามเท่าอ่ะ จนเพื่อนทักว่า สอบวิชานี้ทำไมไม่อ่าน ทำตัวชิว เราก็ได้แต่บอกว่า ทำใจอ่านไม่ได้ พอคะแนนประกาศพี่ที่แลป ก็พูดกับเราว่า ได้คะแนนดีนิ เราก็รู้แหล่ะว่า ทั้งสาขานี้เขาจำชื่อเราได้หมดแน่ๆเลย เรื่องเราคงดังมาก หลังจากนั้นก็บังเอิญไปเจอ เพื่อนจากโรงเรียนเก่า เขาอยู่กับอาจารย์ท่านนี้ เราก็ทัก เขาถามว่าทำไมพึงเรียน (วิชานี้ต้องเรียนตอนปีสอง) เราก็บอกป่วยเลยดรอปเขาก็อ้อ อยู่….ชื่อเมเจอร์เรา… หรอ เพื่อนคนนี้ก็ยิ้มๆไม่ได้ว่าต่อแต่รู้เลยว่ามันมีอะไร แต่เพื่อนคนนี้ไม่สนิทก็จริงแต่เขาต้องรู้จักเราบ้างเพราะอยู่โรงเรียนเก่าเราเป็นเด็กกิจกรรม เด็กตัวแทนแข่งขัน ได้ขึ้นหน้าเสาธงบ้าง เขาต้องรู้แน่ๆว่าเราไม่ใช่คนที่จะเป็นอย่างคำบอกเล่าแน่ๆ หลังจากนั้นอีกสักพัก ก็ได้ข่าวมาอีกว่า พี่ทีเอ ที่อยู่กับอาจารย์ท่านนี้ พูดว่า เราเหมือนทำให้อาจารย์เดือดร้อน จะดรอปแล้วมาสอบย้อนหลังทำไม เขาถามนิสัยเราจากคนที่พอจะรู้จักเรา อาจารย์ท่านนี้ก็ถามว่า เราเป็นคนนิสัยยังไงจากคนที่เขารู้จัก (เราก็รู้จักด้วย) จากหลายๆเหตุการณ์ ที่คนของตรงนั้นมองเราแปลกๆ จากเรื่องที่ผ่านหูมาเลื่อยๆ เขาคงเอาเรื่องเราไปเล่าให้ใครๆฟัง เพราะ มีพี่ที่รู้จักอีกคนหนึ่งก็พูดว่า เขาเล่าเรื่องเด็กโกงคนนี้ให้ทั้งห้องฟัง แต่ก็ไม่เอ่ยชื่อ คาดว่าเขาน่าจะเล่าเป็นเรื่องสนุกปากเหมือน เรื่องที่ตอนเราเคยเรียนในห้องกับเขาแล้วเขาเล่าประสบการณ์ในชีวิตเขาให้คนอื่นฟัง ตอนนี้เราคงกลายเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ เขาเล่าว่า เขาเคยให้โอกาสเด็กคนหนึ่งที่แกล้งป่วย แต่เด็กคนนี้ทุจริต แล้วอยู่ดีๆก็ดรอปไป คงเล่าว่าเขาเป็นแม่พระขนาดไหน เหมือนทุกๆเรื่องที่เขาเล่าว่าเขาเป็นคนดี เป็นคนมองคนออกเป็นคนมองนิสิตออกว่าใครจะหาผลประโยชน์กับเขา มองออกว่าใครดี ใครไม่ดี พอถึงจุดๆนี้ จุดที่เราไม่คิดว่าจะถูก อาจารย์มหาลัย ใส่ร้าย อาจารย์ที่ครั้งหนึ่งเราคิดจะเอาเขามาเป็นแบบอย่างทางความคิด อาจารย์ที่ใครๆพอเอ่ยชื่อนิสิตก็ชื่นชมว่าใจดี อาจารย์ที่ภายนอกดูดีทุกกระเบียดนิ้ว พูดจาหวานนิ่มเชื่องช้า จนไม่มีใครคิดว่าสิ่งที่เขาพูดมาจะเป็นเรื่องแต่ง เขาดูน่าเชื่อถือกว่านิสิต ที่มีแค่คำบอกเล่าปากป่าว ใบรับรองแพทย์ไม่มี มีแต่คำบอกเล่าจากเมตร่วมห้อง คำบอกเล่าจากเพื่อว่า นิสิตคนนี้เกิบตายคาห้องสอบมาแล้ว ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะร้องแล้ว เพื่อนทั้งกลุ่มรู้พ่อแม่รู้ พี่รู้แม้แต่ วันที่เขาเอ่ยช่วนให้เราสอบย้อนหลัง เพื่อนกว่าครึ่งห้องก็ได้ยิน เราไม่ได้อ้อนวอนขอสอบเลย เพราะเรารู้ตัวว่าสอบให้ได้เต็ม เกรดมันก็ออกมาไม่รู้จะผ่านเอฟหรือป่าว มันเจ็บที่เราให้ความเคารพแล้วก็โดนทรยศ ทำให้ลายเกีรติของเรา เขาขาดจริยธรรมของคำว่าครู ลืมไปเขาเป็นอาจารย์มหาลัย ผู้มีครอบครัวตระกูลสูง มีใบปริญญาจากนอก เราแค่เด็กบ้านนอกที่โง่ๆ เขาเลยเอาไปพูดเป็นเรื่องเล่าของผู้ดีได้ แต่อย่าลืมว่า นิสิตโง่ๆคนนี้มีหัวใจ มีความคิด มีครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนมาก่อนจะมาเจอคุณคนนี้ มรนามสกุลมีลุงป้าน้าอา ที่ทำอาชีพสั่งสอนนักเรียน เราเห็นคุณครูที่ทำเพื่อนักเรียน ทุ้มเทมากมาย กินอุดมการณ์ไปอยู่ป่าเขา ตามหาแม่ที่หายไปให้นักเรียน ไปร้องไห้ต่อหน้าศพนักเรียนที่กินยาฆ่าตัวตาย ว่าครูสอนเธอไม่ดี เจอแต่ครูที่เด็กเข้ามาไหว้ขอยืมตังค์ก็ให้ทันทีโดยไม่ได้คืน เราไม่เคยคิดว่าจะมาเจอคนที่อาศัยชื่อครูภาพลักษณ์ของครู ทำร้ายภาพลักษณ์ของวิชาชีพนี้เลย ถึงเราไม่เข้าสายนี้แล้วแต่ เลือดของวิชาชีพนี้มันฝังลึก เราเคารพครูมากเราได้มาเส้นท่งนี้เพราะครูดีๆหลายท่านเข้าใจแต่พอมาเจอแบบนี้ที่ มอ ที่ที่คิดว่าปัญญาชนอยู่ มันก็ทำให้ความรู้สึกเราพังทลายลง ตอนนี้เราก็ร้องไปพิมพ์ไป มันแน่จริงๆ อยากเตือนเพื่อน น้องๆ เป็นอุทาหรณ์ว่าคนบางคนมองภายน้องไม่ได้เลยจริงๆ ถ้าโลกใบนี้ไม่กลม คนที่เขาเอาเรื่องเราไปพูดเล่าเป็นคุ้งเป็นแควบังเอิญรู้จักเราหลายคน เราคงไม่ได้ยินเรื่องนี้ เพราะไม่เคยคิดจะเชื่อเลย แต่ สามสี่คนแล้ว ไม่เชื่อคงเป็นคนมองโลกแง่ดีเกินไป ในมหาลัยไม่ควรเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เรายังหวั่นว่าจะถูกแกล้งลดคะแนนหักคะแนนในพาทเขาเลย เพราะเป็นข้อสอบเขียน อีกอย่าระบบการประเมิณที่ขาดประสิทธิภาพ มันไม่สามารถพัฒนาระบบการศึกษามหาลัยได้หรอก ถ้าเราติดเอฟ เราคงได้แต่ปลง และคิดว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมให้กับคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดอีกแล้ว พ่อแม่เราแค่คนธรรมดาจะต่อสู้กับคนมีอิทธิพลไม่ได้ นี่แหล่ะโลกความจริงที่โหดร้ายที่มาค้นพบในชีวิตมหาลัยแห่งนี้


อาจจะพิมพ์ผิดบ้างเพราะรีบพิมพ์ อยากบอกเล่าจริงๆ ความเจ็บที่ร้องเรียนใครไม่ได้เลย

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

เหมือนกัน 27 ธ.ค. 59 เวลา 11:40 น. 1

แถวบ้านน้อง ศูนย์ดำรงธรรม มีไว้ประดับจังหวัดเฉยๆ หรือน้อง ไม่คิดจะเดินไปร้องเรียน

ร้องเรียนได้ แจ้งความได้ กรณีมีคนผิดจริง แล้วน้องมาพูดแบบนี้ หลักฐานไม่มี ใบแจ้งความไม่มี เอกสารร้องเรียนไม่มี คือไม่มีอะไรเลย มันต่างอะไรกับใส่ร้ายป้ายสี ?

1
จขกท 31 ธ.ค. 59 เวลา 20:33 น. 1-1

ถ้ามีจะอัดอั้นไม๊คะ? จะมาตั้งกระทู้เตือนหรอ คงแจ้งความไปนานแล้ว อ่านสิคะ ว่าหาหลักฐานเป็นคลิปไม่ได้ ได้แต่คำบอกเล่า แล้วเขากำเกรดเราอยู่ในมือนะคะ ถ้าคุณแนะนำด้วยภาษาสุภาพไม่ได้อย่าเลยค่ะ แล้วถ้าจะใส่ร้ายป้ายสี ดิฉันคงใส่ชื่อ อ ใส่ชื่อ มหาลัยแล้ว กรุณาอ่านอย่างละเอียดนะคะ

0
AKASHI. 2 ม.ค. 60 เวลา 22:23 น. 2

ลองปรึกษาตำรวจดูไหมคะ แบบนี้เราว่ามันเข้าข่ายทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและส่งผลต่อสุขภาพจิตนะคะ ลองปรึกษาเขาดูนะคะว่าถ้าจะแจ้งความมันใช้หลักฐานประเภทไหนได้บ้าง อันนี้รู้กันทั้งมหาลัยน่าจะพอเป็นหลักฐานได้รึเปล่าอ่ะไม่แน่ใจ เราต้องทวงศักดิ์ศรีกับชื่อเสียงเราคืนนะคะในเมื่อเขาไม่เห็นหัวเราเราจะไปเห็นหัวเขาทำไม ยังไงก็ขอให้ผ่านช่วงแย่ๆไปได้นะคะ

0