Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เรากลัวเราทำบาปกับพ่อแม่ แต่สิ่งที่พ่อแม่ทำกับเรานี่บาปไหม?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
คือเราเกิดมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์เท่าไร พ่อเราเคยติดเหล้า ขี้โมโห พอเวลาเมาก็ซ้อมเรากับแม่ตอนช่วงวัยรุ่นตอนต้นเราโดนสารพัด ทั้งเตะ เอามีดจ่อคอ ปาข้าวของใส่ แต่พอเราโตขึ้นพ่อป่วยไม่ได้กินเหล้าแล้วก็ดีขึ้นแต่ยังขี้โมโหเหมือนเดิม ส่วนแม่เราเป็นโรคประสาท ชอบคิดว่าเราไม่ใช่เราคิดว่าเป็นผีมาสิง แล้วต้องเข้ารักษาช็อกไฟฟ้าทุกเดือน พอกลับมาก็จำอะไรไม่ได้ จำไม่ได้ว่าเคยว่าเรา ด่าเรา ตีเรา เคยจะพยายามจุดไฟเผาเราทั้งเป็นในวันแม่ที่เราจะเอาพวงมาลัยไปไหว้ด้วย เวลาที่แม่ได้รับยาเเล้วก็อาการจะไม่กำเริบมากแต่จะทำกับเราไม่ดี เพราะจำไม่ได้ว่าเราพาไปหาหมอ ทำนู้นทำนี่ให้ ชอบไปเล่าให้คนอื่นฟังว่าเราไม่ดี คนแถวบ้านเราก็ชอบนินทาเราว่าเราไม่ดี เราก็ไม่ได้สนใจแล้วก็ไม่อยากพูดกับใครด้วยเพราะรู้สึกว่า คนแบบนี้ไม่น่าคบหาสมาคม ต่างกับน้องสองคนที่แม่บอกว่าดีนัก ดีหนา เป็นห่วงเป็นใยมากเป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่น้องตะโกนใส่เเม่ ว่าแม่เเรงแต่แม่ก็รักมาก
เราพยายามไม่พูดกับแม่เพราะเราไม่อยากเถียงพ่อเถียงแม่ อาเราบอกว่ามันจะเป็นบาปมหันต์ ตายไปจะเป็นเปรตแต่ก็อยากรู้ว่าสิ่งที่พ่อแม่ทำกับเรานี่ไม่ผิดเหรอ ทั้งทำร้ายร่างกาย ทำร้ายจิตใจแบบนี้ไม่บาปเหรอ? ทำไมเราบาปคนเดียว

แสดงความคิดเห็น

17 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

คนธรรมดา 10 เม.ย. 61 เวลา 18:58 น. 3

อย่าเอาเรื่องความเชื่อมาปนจนเกินพอดีเลยค่ะ ลองพิจารณาดูเราก็คน พวกเขาก็คนเหมือนกัน ต่างคนก็ทำผิดได้ คำว่าพ่อแม่ไม่อาจเอามาอ้างว่าตนเองจะทำทุกอย่างได้โดยไม่ผิด พ่อแม่ต้องมาพร้อมกับบทบาทและหน้าที่ จากที่เราอ่านเรื่องราวของจขกท เราไม่เห็นพวกเขาจะปฏิบัติหน้าที่อย่างพ่อแม่ ลองเทียบดูกับคนที่คลอดลูกแต่เอาลูกไปทิ้งนะคะ คนแบบนั้นเราก็ไม่เรียกว่าพ่อแม่เหมือนกัน


เป็นกำลังใจให้จขกทนะคะ อดทนและขอให้สู้ คิดและทำสิ่งดี ไม่ช้าไม่นานสิ่งเหล่านั้นจะกลับมาหาเราแน่นอนค่ะ

0
A R O N A M 10 เม.ย. 61 เวลา 19:53 น. 4

อดทนไว้นะคะ เข้มแข็งไว้ค่ะ เราเข้าใจความรู้สึกของเธอนะ แล้วทุกอย่างจะผ่านไป อยากให้เธอคิดแบบนี้ค่ะ เป็นกำลังใจให้

ปล.เราไม่แน่ใจค่ะว่าบาปมั้ยนะ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเราเลิกศรัทธาในเรื่องนี้ไป เราไม่เชื่อเรื่องบาปบุญ เทวดา ตกนรก หรืออะไรก็ตามแต่ แต่เราเชื่อหลักเหตุและผลค่ะ เราเชื่อว่าตกนรกอาจเป็นคำอุปมาหมายถึงรับผลเสียจากการกระทำหรือปล่าว ไม่รู้สิ การคิดแบบนี้อาจช่วยปลอบประโลมได้ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่อยากให้เธอเอาคำๆนี้มาบั่นทอนความรู้สึกของตัวเองเลยค่ะ การที่เธอจะรู้สึกไม่พอใจ หรือเกลียดคนแบบนี้ จะเป็นไรไปคะ เฟดตัวเองออกมาเมื่อพร้อมก็ได้ค่ะ

ปล.2 อาจไม่สอดคล้องกับค่านิยมของสังคมไปนิด ต้องขอโทษด้วยค่ะ

ปล.3สภาพจิตใจของตนเองสำคัญนะคะ

0
หมีมอยยายมี 11 เม.ย. 61 เวลา 00:28 น. 5

มันเปนแค่ความเชื่อที่ถูกปลูกฝังจนเกินพอดี เลยทำให้พ่อแม่ในประเทศนี้เปรียบเสมือนเจ้านาย และลูกเปรียบเสมือนทาส เผลอๆไม่ใช่คนด้วยซ้ำ เราไม่ได้ขอพวกเขามาเกิด แต่พวกเขาก็เอาบุญคุณมาคล้องคอเรา ทำร้ายลูกๆอย่างพวกเราซ้ำๆพร้อมปลูกฝังว่าต้องรัก ภักดีไปจนตาย และการกระทำเหล่านั้นเขาคิดว่าคือความหวังดีสำหรับพวกเขา ใครขัดขืน พวกเขาก็จะใช้ชาวบ้านเป็นเครื่องมือ บีบลูกให้ทำตามใจ นี่ล่ะพ่อแม่ไทย อย่าไปคิดมาก เขาแค่ไม่เห็นคุณค่าที่คุณทำให้เขา พาพวกเขาไปพบจิตแพทย์เถอะ

2
G.Tenju 11 เม.ย. 61 เวลา 01:25 น. 6

น้องครับพี่มีเรื่องจะบอกตั้งใจอ่านดีๆ


บาปไหม?

ส่วนตัวพี่ไม่ชอบเรื่องบาปบุญตามที่คนทั่วไปเชื่อ เพราะพี่เป็นหนึ่งในเหยื่อความงมงายของแม่ที่กลัวลูกตกนรก เถียงเมื่อไหร่ลงไม้ลงมือแบบไม่มีเหตุผลด้วยสารพัดอาวุธอุปกรณ์ เตารีดร้อนๆ ตะหลิวทอดน้ำมัน สายไฟลากคอ โดนตบปากด้วยมีดอีโต้ ทุกอย่างจบด้วยข้ออ้างว่ารัก + กลัวพี่ตกนรก


อยากให้น้องเห็นเป็นกฎของการกระทำมากกว่า (พี่เกลียดคำว่ากฎแห่งกรรม เพราะคนทั่วไปชอบตีความหมายให้เป็นเรื่องสิ่งศักสิทธิ์ + ทรมานคนผิดเอาสะใจ)


แม่ของพี่ทำกับพี่สารพัด จนพี่ต้องเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ทุกวันนี้แม่พี่ก็เองทรมานมากเพราะเพิ่งจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป แล้วพี่ก็มีปัญหาจนทำงานหาเงินแบบคนทั่วไปไม่ได้ (นี่แหละกฎแห่งการกระทำ)


ทุกอย่างทรมานพี่จนหนักถึงขั้นฆ่าตัวตายไป 2 ครั้ง (แล้วดันรอด) พี่เลยได้สติคิดหาทางใหม่เพราะรู้สึกสงสารคนที่โดนแบบเดียวกัน พี่ไปศึกษาพวกจิตวิทยาและพยายามหัดสังเกตสิ่งต่างๆ + วิเคราะห์ เพื่อต่อรองหาทางเอาตัวรอด แต่แล้วสุดท้ายพอศึกษาไปลึกๆ สุดท้ายมันก็ไปจบที่ธรรมะอยู่ดี


พวกธรรมะสมัยก่อนอาจารย์แต่ละท่านจะมีกลวิธีการสอนไม่เหมือนกัน บางครั้งต้องออกอุบายหลอกลูกศิษย์ให้เชื่อบางสิ่ง เพื่อจะฝึกบางสิ่ง แต่ปัญหาคือบางคนไม่เข้าใจความนัยที่แอบแฝง ทำให้เขาส่งต่อคำสอนแบบผิวเผินต่อๆกันมามั่วๆ คล้ายกับการออกอุบายเช่น...


"อย่าหวีผมตอนกลางคืนเดี๋ยวจะเจอผี"


ความจริงคือ เขาออกอุบายไม่ให้ผู้หญิงแต่งตัว จะได้ไม่กล้าหนีเที่ยวไปกับผู้ชายตอนกลางคืน


เช่นเดียวกันกับการขู่ให้คนเรากลัวบาปหรือนรก นั่นก็เพื่อให้คนที่ไม่คิดจะศึกษาธรรมะไม่กล้าทำบาปแทน เพราะคนส่วนใหญ่ไม่คิดจะศึกษาธรรมะกันอยู่แล้ว แต่คิดว่าบุญเป็นเหมือนธนาคารที่เอาเงินไปฝากเพื่อใช้ชาติหน้าแบบทำธุรกิจกับพระ


ประเด็นของแม่น้องมันไม่สำคัญหรอกว่าบาปหรือไม่บาป น้องต้องถามใจตัวเองว่าอยากทำอะไรกันแน่?


พี่ไม่มีหน้าที่ตัดสินใคร แต่ถ้าน้องทรมานแล้วอยากหาทางออก พี่หาคนช่วยชี้ทางให้ได้


line : g.tenju


แต่ถ้าน้องแค่อยากระบายเฉยๆ พี่ก็จะขอบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับน้องมันมีเหตุผลเสมอ โลกมันชอบมอบบทเรียนแปลกๆเพื่อให้เราฝึกฝน หรือมีภูมิต้านทานบางอย่าง (หรือแม้กระทั่งเห็นใจคนแบบเดียวกัน) เราแค่ต้องหาทางใช้ประโยชน์จากมันให้เจอ


ขนาดพี่เองโดนมาสารพัด พยายามใช้ชีวิตตัวเองให้ดีคอยช่วยเหลือคนอื่นมาตลอด พี่ยังโดนด่าว่า 'โลกสวย' อยู่บ่อยๆ ทั้งที่คนเหล่านั้นไม่ได้คิดเลยว่าพี่เองก็ผ่าน 'โลกเน่าๆ' มานับไม่ถ้วนแล้ว จนตอนนี้พี่ไม่สนใจว่าใครจะเกลียดพี่ พี่มองแค่ว่าจะช่วยคนอื่นยังไงให้มากที่สุด เพราะพี่รู้ว่าอะไรมันสำคัญกว่ากันระหว่างเสียงของคนอื่นที่ไม่ได้รู้จักตัวพี่เลย กับเสียงของหัวใจพี่เองที่จะอยู่เพื่อช่วยคนอื่น


ขอให้น้องฉลาดตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าจะทำยังไงถึงแก้ปัญหาพวกนี้ได้ ถ้าทำเองไม่ไหวก็ยืมมือผู้ใหญ่ซะ องค์กรที่พร้อมจะช่วยเหลือหรือให้คำปรึกษาน้องมีเยอะแยะ เวลาคนเราอ่อนแอ มักจะหาเหตุผลมายืนยันว่าตัวเองอ่อนแอได้เก่งมาก น้องต้องชนะอารมณ์ด้านลบพวกนี้ให้ได้เพื่อมีชีวิตรอดต่อไป แล้วสักวันน้องจะเข้าใจเองว่าทำไมน้องต้องเกิดมาเจอเรื่องแบบนี้

3
โซระ สึบากิ 21 เม.ย. 61 เวลา 09:47 น. 6-2

ความจริงเราเป็นคนเชื่อเรื่องบาปกรรมนะ แต่ไม่ใช่ของไทย เราเชื่อเรื่อง7บาป เช่น

ลูซิเฟอร์ บาปแห่งเย่อหยิ่ง

ซาตาน บาปแห่งโทสะ

แอสโมดิวส์ บาปแห่งราคะ

แมมม่อน บาปแห่งโลภะ

เบลเซบับ บาปแห่งตะกละ

เบลเฟกอล์ บาปแห่งเกียจคร้าน

ลิเวียธาน บาปแห่งริษยา

อะไรแบบนี้

0
ผู้โหยหา 12 ส.ค. 64 เวลา 00:06 น. 6-3

ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อเลยคำตอบของพี่ทำให้หนูที่เป็นเด็กคนนึงใช้เหตุผลมาได้สักทีเชื่อเรื่องกฏของการกระทำเหมือนกันค่ะ พี่ช่วยเด็กๆที่ผ่านเข้ามาในกระทู้นี้ได้ดีทีเดียวเลยค่ะ ขอบคุณมากๆจริงๆ

0
เบญญาภา 11 เม.ย. 61 เวลา 09:52 น. 7

ทุกๆการกระทำมีผลของมันเสมอ. สาเหตุที่คุณพ่อคุณแม่น้องทำกับน้อง เพราะเหตุนั้นๆน้องมีสติรู้ทันก็ดีแล้ว อย่าไปถือสาสร้างเวรสร้างกรรมต่อเลย ให้น้องเมตตาท่านทั้งสอง เพราะมีท่านเราถึงได้เกิดมา เพราะสร้างกรรมมาร่วมกันทั้งกรรมดีและร้าย เรามีได้แค่ตอนนี้ ขณะนี้ ที่น้องจะสร้างเป็นกรรมกีรึกรรมร้ายให้น้องเลือกเอา. การนิ่ง ไม่โต้ตอบ และเข้าใจในเหตุจะทำให้น้องผ่านพ้นเรื่องร้ายๆไปได้. คุณพระคุณเจ้ารักษานะคะ.

0
.... 11 เม.ย. 61 เวลา 11:30 น. 8

การด่าหรือเถียงไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นนะครับ
ไม่ต้องถามเรื่องบาปไม่บาปด้วยซ้ำ ถามว่าด่าหรือเถียงพ่อแม่ไปแล้วได้อะไรดีกว่าครับ
หาทางออกที่ดีกว่านี้ดีกว่า
ถ้าถามเรื่องบาปคุณทำคุณผิดคุณก็บาป เขาทำในความผิดเขาเขาก็บาปเช่นกัน
คุณบาปเรื่องเถียง เขาบาปเรื่องทุบตี
ส่วนตัวคิดว่าหาทางออกจากจุดนี้ดีกว่า เอาเวลาไปนั่งเถียง เพราะมันไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมาเรยนอกจากจะแย่ลง
คุณรู้นิสัยพ่อแม่คุณมากกว่าใครที่งหมดในนี้ ส่วนตัวคิดว่าลึกๆต้องทำตัวอย่างไรจึงเอาตัวเองออกาสถาณการณ์นั้นได้ ส่วนตัวไม่ทราบนิสัยคุณเลยครับ จึงไม่สามารถบอกได้ แต่คุณมีปัญหากับ พ่อ-แม่ ไม่ควรเอาน้องมาเกี่ยวเลยถึงน้องจะนิสัยแบบไหนก็ตาม

ในแง่มุมเรา ถ้าเขาเป็นแบบนั้นทั้งบ้านตามที่คุณว่าจริง ก็บอกได้แค่ว่าที่ตรงนั้นไม่ใช่ที่ของคุณครับหาทางพาตัวเองออกมาเถอะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณต้องลองไปคุยกับตัวเองก่อนว่า ตัวเราเองไม่ได้กำลังพูดเข้าข้างตัวเองอยู่ใช่ไหมหรือเราไม่ได้ต้องการผลักภาระเรื่องแม่ใช่ไหม ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงตามที่คุณว่าแต่ต้นก็หาทางเอาตัวเองออกจากจุดนั้นครับ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

เพี้ 11 เม.ย. 61 เวลา 18:49 น. 10

คนไทยชอบพูดว่า "พ่อแม่รักเรามากที่สุด" ทั้งๆที่พ่อแม่บางคนไม่ได้อยากให้เราเกิดมาด้วยซ้ำ แค่เป็นข้อผิดพลาด และมักจะบอกเด็กว่า"พ่อแม่ ถูกเสมอ""ต้องขอโทษพ่อแม่ก่อน แม้ว่าเราจะถูก" พ่อแม่ก็เป็นคน จะถูกไปตลอดได้ยังไง ถ้าเรามีลูกเราจะไม่สอนแบบนี้เด็ดขาด เราจะขอโทษหากว่าเราผิด และลูกสามารถทักท้วงเราได้หากว่าเราทำผิด คนอื่นอาจจะคิดว่าเราจะเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กไม่เคารพผู้ใหญ่ แต่ความจริงเราแค่จะให้ความเป็นจริงแก่ลูก

1
เกย์อักษรฯเอกปรัชญา 11 เม.ย. 61 เวลา 22:26 น. 10-1

จริงเลย เห็นด้วยมากๆ มันเป็นวาทกรรมเพื่อรักษาอำนาจเหนือเหตุผลของพวกผู้ใหญ่ เป็นการเมืองในระดับครอบครัวปัจเจกชน เราเป็นคนหนึ่งที่จ้องจะเปลี่ยนแปลงมัน

0
`kwkaiwan 11 เม.ย. 61 เวลา 19:01 น. 11

น้อง พี่บอกเลย มีเพียงความเห็นที่ 5 และ 6 เท่านั้นที่น้องควรเชื่อ ให้ปัจจุบันสำคัญที่สุด ออกมา สภาพจิตใจสำคัญที่สุด ขืนน้องทนต่อไป น้องเป็นเหมือนแม่น้องแน่ บาปบุญไม่ต้องกลัว แค่ไม่ทำมห้ใครเดือดร้อนก็พอ พ่อแม่ไม่ได้รักลูกทุกคน พ่อแม่ไม่ใช่คนดีทุกคน สังคมไทยเลี้จงเด็กให้เป็นทาสพ่อแม่ส่วนใหญ่


มีคนพิสูจน์เรื่องชีวิตหลังความตายได้มั้ย ที่พิสูจน์ได้คือชีวิตตอนนี้ของน้อง ชีวิตที่มีอยู่จริงๆ พ่อแม่แย่มาก ถ้ารักลูกจริงควรปรับตัว น้องลองไปอยู่กับญาติคนอื่นนะ ไปหาจิตแพทย์ด้วย พ่อแม่คงไม่ยอมไปหรอก

0
come on 11 เม.ย. 61 เวลา 19:42 น. 12

บาปหมดแหละ ก่อนอื่นจขกท.ต้องเข้าใจก็ว่าพ่่่แ ม่ จขกท.ไม่ปกติ ทำให้เวลาท่านว่าจขกท.ซึ่งเป็นเด็กดีแต่ท่านมองผิดไป ต่างกับน้องที่นิสัยเสียเป็นเด็กไม่ดีแต่ท่านก็ชอบนั่นมันเป็นเพราะความผิดปกติทางด้านจิตใจ จขกท.ปกติก็อย่าไปถือสาท่านเลย เราแนะนำให้เข้ารร.ประจำ เช่น จุฬาภร เพราะฟรีและดีด้วย

0
เกย์อักษรฯเอกปรัชญา 11 เม.ย. 61 เวลา 22:20 น. 13

โอ้โฮ...น่าเห็นใจมากๆเลยนะนี่ เราขอมอบความเห็นอกเห็นใจให้ จขกท. ละกันนะ


จากที่เราอ่านข้อความของ จขกท. พร้อมๆกับความเห็นอื่นๆ เราขอตอบคำถาม จขกท. ที่ว่า "...เราพยายามไม่พูดกับแม่เพราะเราไม่อยากเถียงพ่อเถียงแม่ อาเราบอกว่ามันจะเป็นบาปมหันต์ ตายไปจะเป็นเปรตแต่

ก็อยากรู้ว่าสิ่งที่พ่อแม่ทำกับเรานี่ไม่ผิดเหรอ ทั้งทำร้ายร่างกาย ทำร้ายจิตใจแบบนี้ไม่บาปเหรอ? ทำไมเราบาปคนเดียว "


ตอบ พวกท่านบาปแน่นอน และหากจำกัดบริบทเฉพาะความเท่าที่จขกท. เล่ามา จขกท.ไม่ได้บาปเลยแม้แต่นิด


อย่ายอมแพ้กับอำนาจเหนือเหตุผลนะ ในฐานะที่เราเรียนปรัชญามา เราขอแนะนำให้จขกท.เป็นคนที่มีเหตุผลพร้อมกับยังต้องมี "อำนาจเหนือเหตุผล" ด้วย


ทำยังไงคนธรรมดาอย่างเราๆถึงจะได้รับอำนาจเหนือเหตุผลล่ะ?


ก็ต้องแสร้งศรัทธาในศาสนาไง เราก็เป็นคนหนึ่งที่รู้วิชาการมากมีเหตุผลมาก แต่กลับมีศรัทธาในพุทธศาสนา ท่ามกลางความฉงนงุนงงของเพื่อนๆอเทวนิยมที่เรียนปรัชญามาด้วยกัน เพราะอะไรเราถึงตัดสินใจมีศรัทธา? เพราะเราตระหนักได้ว่าการศรัทธาอย่างมีเหตุผล มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ มันไม่เสียหายอะไร มันเข้ากันได้กับพุทธวิสัย และที่สำคัญ...

มันมอบอำนาจเหนือเหตุผลให้กับเรา เราจึงเป็นคนที่มีทั้งเหตุผลและอำนาจเหนือเหตุผลไปพร้อมๆกัน


หาก จขกท. มีตรรกศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็จะสามารถเริ่มใช้เหตุผลไปพร้อมกันกับใช้อำนาจเหนือเหตุผลเพื่อต่อรองพ่อแม่ได้ เพราะบารมีของพระพุทธเจ้าสูงส่งกว่าบารมีของพ่อแม่อย่างแน่นอน นี่คือความรู้พื้นฐานทางวัฒนธรรมไทย


ขอยกตัวอย่างการใช้วาทศิลป์ที่นอกจากมีเหตุผลแล้วยังแฝงอำนาจเหนือเหตุผล:

โดยจากที่ จขกท. เล่าว่า

"พ่อเราเคยติดเหล้า ขี้โมโห พอเวลาเมาก็ซ้อมเรากับแม่ตอนช่วงวัยรุ่นตอนต้นเราโดนสารพัด ทั้งเตะ เอามีดจ่อคอ ปาข้าวของใส่"


การที่พ่อติดเหล้า จขกท. ก็สามารถพูดวาทศิลป์ได้ว่า พ่อกำลังทำบาปนะ พ่อกำลังทำผิดศีลข้อ 5 เมื่อตายไปคุณพ่อจะต้องตกนรกที่มีชื่อว่า "ตามโพทนรก" เป็นนรกที่มีหม้อเหล็กต้มน้ำทองแดงปนด้วยหินกรวด ร้อนระอุตลอดเวลา พ่อจะได้เป็นสัตว์นรก ต้องรับทุกข์ โดยการถูกกรอกด้วยน้ำทองแดง และกรวดหินเข้าไปทางปาก จนกว่าจะสิ้นผลกรรมที่กำลังทำไว้ในชาตินี้ นั่นคือ มัวเมาประมาท ดื่มกินสุราเมรัย แสดงอาการคล้ายคนบ้าเป็นเนืองนิจ น่าสงสารจริงๆ ข้าพเจ้าขอแผ่เมตตาให้กับว่าที่สัตว์นรกตนนี้ด้วยเถิด

การที่พ่อทำร้ายร่างกายก็ส่งผลให้ไปยัง "ปิสสกปัพพตนรก" อันมีภูเขาใหญ่ 4 ทิศ เคลื่อนที่ได้ไม่หยุดหย่อน กลิ้งไปมาบดขยี้สัตว์นรกที่มาเกิดให้บี้แบนกระดูกแตกป่นละเอียดจนตายแล้วฟื้นขึ้นมาอีก ถูกบดขยี้อีกจนตายเรื่อยไปจนสิ้นกรรมของตน น่าสงสารจริงๆ ข้าพเจ้าขอแผ่เมตตาให้กับว่าที่สัตว์นรกตนนี้ด้วยเถิด

พ่อทำให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้รับความทุกข์ พ่อจะได้ไปเกิดใน "สีตโลสิตนรก" เต็มไปด้วยน้ำเย็นยะเยือก เมื่อสัตว์นรกที่มาเกิดตกลงไปก็จะตายฟื้นขึ้นมาก็ถูกจับโยนลงไปอีกเรื่อยไปจนสิ้นกรรมชั่วของตน

น่าสงสารจริงๆ ข้าพเจ้าขอแผ่เมตตาให้กับว่าที่สัตว์นรกตนนี้ด้วยเถิด


แม่ชอบด่าว่า ตีเรา มีความคิดพยายามจะจุดไฟเผาข้าพเจ้า ถือว่าเป็นบาป แม่จะต้องตกนรก น่าสงสารจริงๆ ข้าพเจ้าขอแผ่เมตตาให้กับว่าที่สัตว์นรกตนนี้ด้วยเถิด แม่ชอบนินทา นั้นก็เป็นบาป ผิดศีลข้อ 4 เพราะการนินทาย่อมทำให้คนแตกร้าวกัน ในพระไตรปิฎกมีความว่า"...พระสมณโคดม ละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด ฟังจากข้างนี้แล้วไม่ไปบอกข้างโน้น เพื่อให้คนหมู่นี้แตกร้าวกัน หรือฟังจากข้างโน้น แล้วไม่มาบอกข้างนี้ เพื่อให้คนหมู่โน้นแตกร้าวกัน..."

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑

ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ๑. พรหมชาลสูตร

เรื่องสุปปิยปริพาชกกับพรหมทัตตมานพ จุลศีล

หลักฐานอ้างอิง: http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=09&A=1&Z=1071


[๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกอย่างหนึ่ง เมื่อปุถุชนกล่าวชมตถาคต พึงกล่าวเช่นนี้ว่า-

๔. พระสมณโคดม ละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ พูดแต่คำจริง ดำรงคำสัตย์

มีถ้อยคำเป็นหลักฐาน ควรเชื่อได้ ไม่พูดลวงโลก.

๕. พระสมณโคดม ละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด ฟังจากข้างนี้แล้วไม่ไป

บอกข้างโน้น เพื่อให้คนหมู่นี้แตกร้าวกัน หรือฟังจากข้างโน้น แล้วไม่มาบอกข้างนี้ เพื่อให้

คนหมู่โน้นแตกร้าวกัน สมานคนที่แตกร้าวกันแล้วบ้าง ส่งเสริมคนที่พร้อมเพรียงกันแล้วบ้าง

ชอบคนผู้พร้อมเพรียงกัน ยินดีในคนผู้พร้อมเพรียงกัน เพลิดเพลินในคนผู้พร้อมเพรียงกัน

กล่าวแต่คำที่ทำให้คนพร้อมเพรียงกัน.

๖. พระสมณโคดม ละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ กล่าวแต่คำที่ไม่มีโทษ

เพราะหู ชวนให้รัก จับใจ เป็นของชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่พอใจ.

๗. พระสมณโคดม ละคำเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ พูดถูกกาล พูดแต่คำ

ที่เป็นจริง พูดอิงอรรถ พูดอิงธรรม พูดอิงวินัย พูดแต่คำมีหลักฐานมีที่อ้าง มีที่กำหนด

ประกอบด้วยประโยชน์ โดยกาลอันควร.


"...อาเราบอกว่ามันจะเป็นบาปมหันต์ ตายไปจะเป็นเปรต..." คุณอานั่นแหละอวิชชาในพุทธวจน ไม่มีหรอกเถียงพ่อแม่แล้วจะเป็นบาปมหันต์ เราไม่ได้เถียงพ่อแม่แต่เรากำลังชี้ทางสว่างให้พ่อแม่ต่างหาก ซึ่งนับเป็นกุศลกรรม

และหากคุณอามีเจตนาในการพูดเพื่อกดขี่เรา บิดเบือนพุทธธรรม ระวังนะมันจะบาปที่ตัวคุณอาเองนั่นแหละ เพราะการบิดเบือนพุทธธรรมเท่ากับการโกหก เท่ากับพูดเพ้อเจ้อไร้หลักฐาน หากคุรอายังพูดเช่นนี้อีกก็ระวังจะตกนรกนะ เดี๋ยวเราแผ่เมตตาให้ว่าที่สัตว์นรกตนนี้ละกัน


นรกสวรรค์ มีในพระพุทธศาสนาอย่างแน่นอน สำหรับใครที่สงสัยไม่แน่ใจ

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖

มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ พาลบัณฑิตสูตร (๑๒๙)

หลักฐานอ้างอิง: http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=14&A=6312&Z=6749


[๔๗๔] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงหยิบแผ่นหินย่อมๆ ขนาดเท่า

ฝ่ามือ แล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความ

ข้อนั้นเป็นไฉน แผ่นหินย่อมๆ ขนาดเท่าฝ่ามือที่เราถือนี้กับภูเขาหลวงหิมพานต์

อย่างไหนหนอแลใหญ่กว่ากัน ฯ

ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แผ่นหินย่อมๆ ขนาดเท่าฝ่ามือที่ทรงถือนี้

มีประมาณน้อยนัก เปรียบเทียบภูเขาหลวงหิมพานต์แล้ว ย่อมไม่ถึงแม้ความนับ

ย่อมไม่ถึงแม้ส่วนแห่งเสี้ยว ย่อมไม่ถึงแม้การเทียบกันได้ ฯ

พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ทุกข์โทมนัสที่บุรุษถูกแทง

ด้วยหอกสามร้อยเล่มเป็นเหตุ กำลังเสวยอยู่นั้น เปรียบเทียบทุกข์ของนรกยังไม่

ถึงแม้ความนับ ยังไม่ถึงแม้ส่วนแห่งเสี้ยว ยังไม่ถึงแม้การเทียบกันได้ ฯ

[๔๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลจะให้คนพาลนั้นกระทำ

เหตุชื่อการจำ ๕ ประการคือ ตรึงตะปูเหล็กแดงที่มือข้างที่ ๑ ข้างที่ ๒ ที่เท้า

ข้างที่ ๑ ข้างที่ ๒ และที่ทรวงอกตรงกลาง คนพาลนั้นจะเสวยเวทนาอันเป็น

ทุกข์กล้า เจ็บแสบ อยู่ในนรกนั้น และยังไม่ตายตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลจะจับคนพาลนั้นขึงพืดแล้วเอาผึ่ง

ถาก คนพาลนั้นจะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบอยู่ในนรกนั้น และยัง

ไม่ตายตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลจะจับคนพาลนั้นเอาเท้าขึ้นข้างบน

เอาหัวลงข้างล่างแล้วถากด้วยพร้า คนพาลนั้นจะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บ

แสบ อยู่ในนรกนั้น และยังไม่ตายตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลจะเอาคนพาลนั้นเทียมรถแล้ว ให้

วิ่งกลับไปกลับมาบนแผ่นดินที่มีไฟติดทั่ว ลุกโพลงโชติช่วง คนพาลนั้นจะเสวย

เวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อยู่ในนรกนั้น และยังไม่ตายตราบเท่าบาป-

*กรรมยังไม่สิ้นสุด ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลจะให้คนพาลนั้นปีนขึ้นปีนลงซึ่ง

ภูเขาถ่านเพลิงลูกใหญ่ที่มีไฟติดทั่ว ลุกโพลง โชติช่วง คนพาลนั้นจะเสวย

เวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อยู่ในนรกนั้น และยังไม่ตายตราบเท่าบาป-

*กรรมยังไม่สิ้นสุด ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลจะจับคนพาลนั้นเอาเท้าขึ้นข้างบน

เอาหัวลงข้างล่าง แล้วพุ่งลงไปในหม้อทองแดงที่ร้อนมีไฟติดทั่ว ลุกโพลง

โชติช่วง คนพาลนั้นจะเดือดเป็นฟองอยู่ในหม้อทองแดงนั้น เขาเมื่อเดือดเป็น

ฟองอยู่ จะพล่านขึ้นข้างบนครั้งหนึ่งบ้าง พล่านลงข้างล่างครั้งหนึ่งบ้าง พล่านไป

ด้านขวางครั้งหนึ่งบ้าง จะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อยู่ในหม้อ

ทองแดงนั้น และยังไม่ตายตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลจะโยนคนพาลนั้นเข้าไปในมหานรก

ก็มหานรกนั้นแล

มีสี่มุมสี่ประตูแบ่งไว้โดยส่วนเท่ากันมีกำแพงเหล็กล้อมรอบ

ครอบไว้ด้วยแผ่นเหล็ก พื้นของนรกใหญ่นั้นล้วนแล้วด้วยเหล็ก

ลุกโพลงประกอบด้วยไฟ แผ่ไปตลอดร้อยโยชน์รอบด้าน

ประดิษฐานอยู่ทุกเมื่อ ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเรื่องนรกแม้โดยอเนกปริยายแล เพียงเท่านี้

จะกล่าวให้ถึงกระทั่งนรกเป็นทุกข์ไม่ใช่ทำได้ง่าย ฯ

[๔๘๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพาลนั้นนั่นแล ถ้าจะมาสู่ความเป็น

มนุษย์ในบางครั้งบางคราว ไม่ว่ากาลไหนๆ โดยล่วงระยะกาลนาน ก็ย่อมเกิด

ในสกุลต่ำ คือ สกุลคนจัณฑาล หรือสกุลพรานล่าเนื้อ หรือสกุลคนจักสาน

หรือสกุลช่างรถ หรือสกุลคนเทขยะ เห็นปานนั้น ในบั้นปลาย อันเป็นสกุลคน

จน มีข้าวน้ำและโภชนาหารน้อย มีชีวิตเป็นไปลำบาก ซึ่งเป็นสกุลที่จะได้ของ

กิน และเครื่องนุ่งห่มโดยฝืดเคือง และเขาจะมีผิวพรรณทราม น่าเกลียดชัง ร่าง

ม่อต้อ มีโรคมาก เป็นคนตาบอดบ้าง เป็นคนง่อยบ้าง เป็นคนกระจอกบ้าง เป็น

คนเปลี้ยบ้าง ไม่ได้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่

นอน ที่อยู่อาศัย และเครื่องตามประทีป เขาจะประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต

มโนทุจริต ครั้นแล้วเมื่อตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ฯ

[๔๘๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก บัณฑิตเห็นราชาทั้งหลาย

จับโจรผู้ประพฤติผิดมาแล้ว สั่งลงกรรมกรณ์ต่างชนิด คือ

(๑) โบยด้วยแส้บ้าง

(๒) โบยด้วยหวายบ้าง

(๓) ตีด้วยตะบองสั้นบ้าง

(๔) ตัดมือบ้าง

(๕) ตัดเท้าบ้าง

(๖) ตัดทั้งมือทั้งเท้าบ้าง

(๗) ตัดหูบ้าง

(๘) ตัดจมูกบ้าง

(๙) ตัดทั้งหูทั้งจมูกบ้าง

(๑๐) ลงกรรมกรณ์วิธี หม้อเคี่ยวน้ำส้ม บ้าง

(๑๑) ลงกรรมกรณ์วิธี ขอดสังข์ บ้าง

(๑๒) ลงกรรมกรณ์วิธี ปากราหู บ้าง

(๑๓) ลงกรรมกรณ์วิธี มาลัยไฟ บ้าง

(๑๔) ลงกรรมกรณ์วิธี คบมือ บ้าง

(๑๕) ลงกรรมกรณ์วิธี ริ้วส่าย บ้าง

(๑๖) ลงกรรมกรณ์วิธี นุ่งเปลือกไม้ บ้าง

(๑๗) ลงกรรมกรณ์วิธี ยืนกวาง บ้าง

(๑๘) ลงกรรมกรณ์วิธี เกี่ยวเหยื่อเบ็ด บ้าง

(๑๙) ลงกรรมกรณ์วิธี เหรียญกษาปณ์ บ้าง

(๒๐) ลงกรรมกรณ์วิธี แปรงแสบ บ้าง

(๒๑) ลงกรรมกรณ์วิธี กางเวียน บ้าง

(๒๒) ลงกรรมกรณ์วิธี ตั่งฟาง บ้าง

(๒๓) ราดด้วยน้ำมันเดือดๆ บ้าง

(๒๔) ให้สุนัขทึ้งบ้าง

(๒๕) ให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็นๆ บ้าง

(๒๖) ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง ในขณะที่เห็นนั้น บัณฑิตจะมีความรู้สึกอย่าง

นี้ว่า เพราะเหตุแห่งกรรมชั่วปานใดแล ราชาทั้งหลายจึงจับโจรผู้ประพฤติผิดมา

แล้วสั่งลงกรรมกรณ์ต่างชนิด คือ โบยด้วยแส้บ้าง ฯลฯ ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง

ปรกติเหล่านั้นไม่มีอยู่ในเรา และเราก็ไม่ปรากฏในปรกติเหล่านั้นด้วย ดูกรภิกษุ

ทั้งหลาย บัณฑิตย่อมเสวยสุขโสมนัสข้อที่สองดังนี้ในปัจจุบัน ฯ


ในศาสนาพุทธ บาป หมายถึง ความชั่วร้าย ได้แก่ อกุศลกรรมทั้งหลาย

ทางแห่งอกุศลกรรม เรียกว่าอกุศลกรรมบรรถ มี 10 ประการ แบ่งเป็น กายกรรม 3 วจีกรรม 4 และมโนกรรม 3 ดังนี้

กายกรรม

ปาณาติบาต หมายถึง การฆ่า

อทินนาทาน หมายถึง การเอาของที่เจ้าของไม่ได้ให้

กาเมสุมิจฉาจาร หมายถึง การประพฤติผิดในกาม

วจีกรรม

มุสาวาท หมายถึง คำโกหก

ปิสุณาวาจา หมายถึง คำส่อเสียด

ผรุสวาจา หมายถึง คำหยาบ

สัมผัปปลาปะ หมายถึง คำพูดเพ้อเจ้อ

มโนกรรม

อภิชฌา หมายถึง การเพ่งเล็งอยากได้ของเขา

พยาบาท หมายถึง การคิดร้ายผู้อื่น

มิจฉาทิฏฐิ หมายถึง ความเห็นผิด

เมื่อได้กระทำกรรมใดกรรมหนึ่งใน 10 อกุศลกรรมบรรถแล้วจึงถูกจัดว่าเป็นบาป


มีหลักฐานจากพระไตรปิฎก http://www.84000.org/tipitaka/read/?24/165/285

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖

อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต จุนทสูตร

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรจุนทะ ถ้าเช่นนั้น ท่านจงฟัง จงใส่ใจให้ดี

เราจักกล่าว นายจุนทกัมมารบุตรทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้

ตรัสว่า ดูกรจุนทะ ความไม่สะอาดทางกายมี ๓ อย่าง ความไม่สะอาดทางวาจา

มี ๔ อย่าง ความไม่สะอาดทางใจมี ๓ อย่าง ฯ

ดูกรจุนทะ ก็ความไม่สะอาดทางกายมี ๓ อย่าง อย่างไรเล่า ดูกรจุนทะ

บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีปรกติฆ่าสัตว์ หยาบช้า มีมือชุ่มด้วยโลหิต ตั้งอยู่

ในการฆ่าและการทุบตี ไม่มีความเอ็นดูในสัตว์มีชีวิต ๑ เป็นผู้ถือเอาสิ่งของที่เขา

ไม่ได้ให้ คือ ถือเอาวัตถุอันเป็นอุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่นของ

บุคคลอื่น ซึ่งอยู่ในบ้านหรืออยู่ในป่า ที่เจ้าของมิได้ให้ ด้วยจิตเป็นขโมย ๑ เป็น

ผู้ประพฤติผิดในกาม คือ เป็นผู้ถึงความประพฤติล่วงในสตรีที่มารดารักษา บิดา

รักษา พี่ชายน้องชายรักษา พี่สาวน้องสาวรักษา ญาติรักษา ธรรมรักษา สตรีมี

สามี ผู้มีอาชญาโดยรอบ โดยที่สุดแม้สตรีผู้ที่บุรุษคล้องแล้วด้วยพวงมาลัย ๑

ดูกรจุนทะ ความไม่สะอาดทางกายมี ๓ อย่าง อย่างนี้แล ฯ

ดูกรจุนทะ ความไม่สะอาดทางวาจามี ๔ อย่าง อย่างไรเล่า ดูกรจุนทะ

บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีปรกติพูดเท็จ คือ เขาอยู่ในสภา ในบริษัท ใน

ท่ามกลางญาติ ในท่ามกลางเสนา หรือในท่ามกลางราชสกุล ถูกผู้อื่นนำไปเป็น

พยานซักถามว่า มาเถิดบุรุษผู้เจริญ ท่านรู้สิ่งใดจงพูดสิ่งนั้น ดังนี้ บุคคลนั้น

เมื่อไม่รู้กล่าวว่ารู้ หรือเมื่อรู้กล่าวว่าไม่รู้ เมื่อไม่เห็นกล่าวว่าเห็น หรือเมื่อเห็น

กล่าวว่าไม่เห็น ดังนี้ เป็นผู้กล่าวเท็จทั้งรู้ เพราะเหตุแห่งตน เพราะเหตุแห่งผู้

อื่น หรือเพราะเหตุเห็นแก่อามิสเล็กน้อย ด้วยประการดังนี้ ๑ เป็นผู้พูด

ส่อเสียด คือ ฟังข้างนี้แล้วไปบอกข้างโน้นเพื่อทำลายคนหมู่นี้ หรือฟังข้างโน้น

แล้วมาบอกข้างนี้เพื่อทำลายคนหมู่โน้น ยุยงคนทั้งหลายผู้สามัคคีกันให้แตกกัน

หรือส่งเสริมชนทั้งหลายผู้แตกกันแล้ว ชอบความแยกกัน ยินดีความแยกกัน

เพลิดเพลินในความแยกกัน กล่าวแต่คำที่ทำให้แยกกัน ๑ เป็นผู้พูดคำหยาบ คือ

กล่าววาจาที่หยาบคายกล้าแข็ง ทำให้ผู้อื่นข้องใจ เดือดร้อนแก่ผู้อื่น ใกล้ต่อ

ความโกรธ ไม่เป็นไปเพื่อสมาธิ ๑ เป็นผู้พูดเพ้อเจ้อ คือ กล่าวไม่ถูกกาล

กล่าวไม่จริง กล่าวไม่อิงอรรถ ไม่อิงธรรม ไม่อิงวินัย กล่าววาจาไม่มีหลักฐาน

ไม่มีที่อ้าง ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ โดยกาลไม่ควร ๑ ดูกรจุนทะ

ความไม่สะอาดทางวาจามี ๔ อย่าง อย่างนี้แล ฯ

ดูกรจุนทะ ความไม่สะอาดทางใจมี ๓ อย่าง อย่างไรเล่า ดูกรจุนทะ

บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้อยากได้ของผู้อื่น คือ อยากได้วัตถุเป็นอุปกรณ์แก่

ทรัพย์เป็นเครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่นของบุคคลอื่นว่า ไฉนหนอ วัตถุเป็นอุปกรณ์แก่

ทรัพย์เครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่นพึงเป็นของเรา ดังนี้ ๑ เป็นผู้มีจิตปองร้าย คือ มี

ความดำริในใจอันชั่วร้ายว่า สัตว์เหล่านี้จงถูกฆ่า จงถูกทำลาย จงขาดสูญ จง

พินาศ หรืออย่าได้เป็นแล้ว ดังนี้ ๑ เป็นผู้มีความเห็นผิด คือ มีความเห็นวิปริต

ว่า ทานที่บุคคลให้แล้วไม่มีผล การเซ่นสรวงไม่มีผล การบูชาไม่มีผล ผลวิบาก

แห่งกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดา

ไม่มี สัตว์ผู้เป็นอุปปาติกะไม่มี สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินไปโดยชอบ ผู้ปฏิบัติ

ชอบผู้ทำโลกนี้และโลกหน้า ให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองแล้วสอนผู้อื่น

ให้รู้ตาม ย่อมไม่มีในโลก ดังนี้ ๑ ดูกรจุนทะ ความไม่สะอาดทางใจมี ๓ อย่าง

อย่างนี้แล ฯ

ดูกรจุนทะ อกุศลกรรมบถมี ๑๐ ประการนี้แล ดูกรจุนทะ บุคคลผู้

ประกอบด้วยอกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้ เมื่อลุกขึ้นจากที่นอนแต่เช้าตรู่ ถึง

แม้จับต้องแผ่นดิน ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้ไม่จับต้องแผ่นดิน ก็เป็น

ผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้จับต้องโคมัยสด ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึง

แม้ไม่จับต้องโคมัยสด ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้จับต้องหญ้าอันเขียว

สด ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้ไม่จับต้องหญ้าอันเขียวสด ก็เป็นผู้ไม่

สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้จะบำเรอไฟ ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้จะ

บำเรอไฟ ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้เป็นผู้ประนมอัญชลีนอบน้อมพระ

อาทิตย์ ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้จะเป็นผู้ไม่ประนมอัญชลีนอบน้อม

พระอาทิตย์ ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้จะลงน้ำ ๓ ครั้งทั้งเวลาเย็นเวลา

เช้า ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ถึงแม้จะไม่ลงน้ำ ๓ ครั้งทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า

ก็เป็นผู้ไม่สะอาดอยู่นั่นเอง ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าอกุศลกรรมบถ ๑๐

ประการนี้ เป็นความไม่สะอาดด้วย เป็นตัวกระทำไม่สะอาดด้วย ดูกรจุนทะ ก็

เพราะเหตุแห่งการประกอบด้วยอกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้ นรกจึงปรากฏ

กำเนิดดิรัจฉานจึงปรากฏ เปรตวิสัยจึงปรากฏ หรือว่าทุคติอย่างใดอย่างหนึ่งแม้อื่น

จึงมี ฯ


0
iame-2008 16 พ.ค. 64 เวลา 09:19 น. 15

อืม ทุกคนฟังเรานะ ก็เป็นแบบทุกคนในนี้นะแต่มีใครเป็นแบบเราไหมหน่ะ คือเวลาทะเลาะกับแม่แล้วแม่ชอบตะโกนแล้วในบางทีแก้วหูของเราก็ดับไปเลย บางทีก็บอกว่าจะโทรแจ้งตำรวจ เราบอกว่าถ้าแน่ก็โทรเลย แต่แม่ไม่ทำแต่กลับถีบเราตกบันไดบ้างหล่ะ หยิบมีดมาจะแทงบางหล่ะ และในตอนที่ไปสมัครสอบเราก็พึ่งรู้ว่าเราเป็นลูกบุตรธรรม แล้วแม่แท้ๆเราก็คือพี่ที่เราเรียกมาตลอดเลย และเราก็พึ่งรู้ว่ามีแฝด 3 คนเลย

เราเสียใจมากแต่พอแม่เล่าในฟังประวัติแม่แท้ๆของเราเคยติดคุกก็เลยขออยู่กับแม่เลี้ยงหรือเราจะเรียกว่าแม่แท้ๆๆๆๆๆของเรา เราสัญญาว่าจะขอเกิดเป็นลูกแม่เราอีกครั้งและทุกๆๆๆๆๆๆๆชาติไปปปhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-03.png https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-big-11.png

0
aomjai 15 ก.ค. 64 เวลา 23:38 น. 16

ชอบทะเลาะกับพ่อ คือเราไม่ชอบตอนที่พ่อด่าแม่ไล่แม่ ทุกวันนี้แม่เราเกมือนที่รองรับอารมณ์ของพ่อ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เราเด็กๆเราไม่รู้ว่าพ่อมีปัญหาอะไร เครียดอะไร ถ้าเรื่องเราเราก็นึกไม่ออกจริงๆว่าเราบกพร่องตรงไหน คือเราอยู่ในครอบครัวที่ค่อนข้างยากจน พ่อกับแม่ทะเลาะกันบ่อย เราพยายามสอบจนได้รับราชการเพราะเรารู้ว่านั่นคือความคาดหวังของพ่อ ถึงแม้มันอาจจะไม่ใช่ตัวตนของเราสักเท่าไหร่ ตอนแรกเราคิดว่าถ้าเราทำตามที่เค้าคาดหวังได้ทุกๆอย่างในครอบครัวเรามันจะดีขึ้น แต่ตอนนี้พ้อยังเป็นแบบเดิม ด่าแม่แบบเดิม ไล่แม่เหมือนเดิม เราก็ต้องทะเลาะกับพ่ออย่างเดิม เพราะเราทนที่พ่อทำกับแม่ไม่ไหว เราควรจะทำยังไงดีให้ครอบครัวเรามันดีขึ้นกว่านี้ ทุกครั้งที่ทะเลาะกับพ่อไม่มีความสุขเลย มีแต่ ความรู้สึกผิด ความเป็นห่วงท่านเต็มไปหมด

0
คุณ นก 13 ม.ค. 67 เวลา 00:12 น. 17

กรรม คือ การกระทำค่ะ ไม่ว่า ดี หรือชั่ว เราจะเป็น ผู้รับผลของกรรม นั้น ลูกแก้ว ที่มี ศีล สมาธิ ปัญญา เมตตา กรุณา มุทิตา แล้ว ต้องมีอุเบกขา ด้วยค่ะ ช่วย เท่า ที่ ใจมีสุข สงบ เพราะ การช่วยเหลือ แต่ใจเป็นทุกข์ ก็ไม่ใช่ สิ่งที่ดีค่ะ ถ้าช่วย ไม่ได้ ก็ปล่อยวางค่ะ ส่วน ที่พ่อแม่ ทำร้ายลูก เค้าก็ต้องรับผลกรรมนั้น หนักเบา ขึ้นอยู่กับ เจตนาค่ะ ดิฉัน ก็โดน ทำร้าย ร่างกาย ตั้งแต่เล็ก จนโต ตอนนี้ ยังโดย ว่า ให้ไปตายซะ แต่ดิฉัน ก็นำมาพิจารณาว่า ถ้าตายไป ใครจะเลี้ยงดู แม่ และตัวเอง ก็ต้องการอยู่ต่อ เพื่อสั่งสมบุญ กุศล และ ไม่อยากตกนรก เลย ให้อภัย แม่ และ ดูแล เหมือน เดิม แต่บอกแม่ว่า ลองฟังเสียงสวดมนต์ หรือฟังเสียงพระเทศน์ ดีไหม แม่บอกดี ฟังแล้ว หลับสบายดี เลย วิน ๆ ทั้งคู่ค่ะ ขอเป็นกำลังใจ ให้เจ้าของกระทู้ด้วยนะคะ

0