Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

comfort zone ใครๆก็อยากออก (ออกจากบ้าน)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
      จากเด็กมัธยมเข้ามาสู่มหาวิทยาลัย ชีวิตช่างแตกต่างกันมาก การเรียนจบชั้นม.6 อาจเป็นช่วงเวลาที่หลายคนใฝ่ฝัน จะได้ออกจากบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้ฟังพ่อแม่บ่นอีกต่อไป และได้ออกมาใช้ชีวิจของตัวเองได้เต็มที่ 
      ซึ่งวันนี้เราจะมาบอกเกี่ยวกับ commfort zone ที่เด็กมัธยมได้สัมผัสและเด็กมัธยมบางคนอาจจะคิดที่จะออกจาก comfort zone นี้ ไปเป็นเด็กมหาลัยกัน สัก 12 ข้อ โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา


ตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน
-พ่อแม่ปลุกเราตั้งแต่เช้าให้ไปโรงเรียน ทั้งๆที่เขามีหน้าที่อื่นๆที่ต้องทำตอนเช้าอีกมากมายแต่เขายังมาปลุกเราตื่น
บางทีเราอาจจะด่าท่าน เมื่อไม่ต้องการให้ท่านปลุก แต่ท่านก็ไม่เคยปลุกเราและทุกอย่างนี้ทุกวันที่เราต้องไปโรงเรียน
-แม่ทำกับข้าวหรือหาข้าวให้กินตลอด มีอาหารที่อร่อยๆที่ลูกชอบ เขาจะคิดว่าลูกต้องการกินอะไรก็ได้ที่มีประโยชน์ และพ่อแม่อดไม่เป็นไร แต่ลูกต้องอิ่ม 
-แม่ให้เงินไปโรงเรียน ถามว่าเงินที่ให้พอใช้ไหม ตอนเย็นถ้าหิวก็หาอะไรทานก่อนกลับบ้านได้น้า
-แม่รีดเสื้อผ้าให้เราใส่ไปโรงเรียนทุกวัน เนียบมาก ท่านไม่เคยบ่นที่จะต้องมาทำให้เรา หรือท่านอาจจะบ่นว่าให้เราทำเอง แต่ท่านไม่มีวันไหนที่ไม่รีดชุดให้เราไปโรงเรียนถ้าเราขอร้อง
-พ่อและแม่ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองไม่เคยบกพร่อง ถึงแม้ต้องดูแลเราในตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน บางทีเราอาจเห็นพ่อเตรียมกับข้าวกับแล้วเอามาให้แม่ทำอาหาร แม่ต้องจัดเตรียมชุดให้พ่อไปทำงานแต่เช้า แม่ต้องแต่งตั้งและเตรียมออกไปทำงานแต่เช้าเช้นกัน
-อวยพรให้ลูกเจอแต่สิ่งดีๆ ตั้งใจเรียนเป็นเด็กดีของพ่อแม่ และครูบาอาจารย์ รวมทั้งให้ลูกเป็นที่รักของเพื่อนๆ


ตอนเย็นหลังกลับจากโรงเรียน
-แม่เตรียมกับข้าวให้เราทาน นั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน มีพ่อ แม่ ลูก ภาพเหล่านี้จะเห็นได้ก็ถึงช่วงที่เราเรียนอยู่มัธยมเท่านั้นแหละ ยิ่งลูกโตขึ้นยิ่งมีเวลาให้พ่อแม่น้อยลง
-เวลาลูกไม่สบาย พ่อแม่จะเป็นห่วง หายามาให้ลูกกิน พาลูกไปหาหมอ มาไถ่ถามอาการของลูกเป็นพัก บางทีพ่อแม่อาจจะรู้สึกว่าลูกไม่ชอบใ้มาถามจู้จี้ จุกจิก แต่พ่อแม่ก็ยังถามลูกอยู่ดี
-เวลาลูกอยากไปวิ่ง ออกกำลังกาย แล้วลูกมาชวนพ่อแม่ไปด้วย ท่านก็จะไปวิ่งกับเราด้วย ถ้าจะไม่ปฏิเสธเราถึงแม้วันนี้ท่านจะทำงานหนักแค่ไหน หรือเหนื่อยแทบไม่อยากไปไหนแล้ว แต่เพราะจะทำเพราะลูกต้องการ พ่อแม่ต้องทำตัวเองให้ active อยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าวันนี้ท่านจะทำงานหนักแค่ไหน เราอาจเคยถามว่าท่านเหนื่อยไหม ทำไมท่านถึงทำงานหนักขนาดนี้ ส่วนใหญ่คำตอบที่ได้มาคือรอยยิ้มขอท่าน และคำพูดว่าท่านทำทุกอย่างเพื่อเรา ถ้าสักวันหนึ่งที่เราไม่มีเขา เราต้องอยู่ให้ได้ (ฟังแล้วรู้สึกรักท่านมาก จะมีสักกี่คนที่ยอมเหนื่อยเพื่อรัก รักและทำให้เราแบบไม่มีเงื่อนไขมากมายขนาดนี้ บางคนฟังแล้วน้ำตาซึมเลย)
-ท่านจะอยู่กับเราตอนอ่านหนังสือทุกคืน บางคืนท่านอาจง่วงนอนแล้ว ท่านก็ยังจะมาคุยกับเราก่อนแล้วค่อยไปนอน
-ท่านนอนน้อยกว่าเรา ทำงานหนักกว่าเรา แต่ท่านจะคอยเตือนเราตลอดเลยว่าให้เรานอนให้เพียงพอ อ่านหนังสือหนักก็พักบ้าง ท่านพยายามหากิจกรรมอื่นๆให้เราทำตลอด บางทีก็หาของกินอร่อยมาให้เราทานกลัวเราจะหิวตอนดึก
-ก่อนนอนทุกคืนท่านจะสวดมนตร์ นั่งภาวนาขอบคุณวันนี้ที่ผ่านไปด้วยดีและขอให้พรุ่งนี้เจอแต่เรื่องดีๆ ให้ลูกมีความสุข ลูกเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนหนังสือ และขอให้ทุกคนมีความสุข 

เด็กหลายคนอาจไม่รู้เหตุผลว่าทำไมท่านถึงต้องการให้เราเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนหนังสือ และเจอแต่สิ่งที่ดี
ท่านอยากให้เราเป็น...

#เด็กดี เพราะ ต้องการให้เราเป็นคนขยัน อดทน สู้งาน มีระเบียบวินัย มีความจริงใจ ซื่อสัตย์ สุจริต มีความกตัญญูรู้คุณผู้ใหญ่จะทำให้เจริญ การที่ฝึกให้เป็นคนดีตั้งแต่เด็ก สามารถฝึกง่ายกว่าเมื่อโตขึ้น ท่านอยากให้เราเป็นต้นกล้าที่ดี พอต้นขึ้นไปจะได้เป็นต้นกล้าที่ใหญ่และแข็งแรง และเกิดประโยชน์ต่อสังคม

#ตั้งใจเรียน เพราะต้องการให้เราทำหน้าที่ของเราให้เดีที่สุด แค่หน้าที่ง่ายตั้งใจเรียนลูกยังทำได้ พอลูกโตขึ้นและไปทำงานลูกก็จะสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเช่นกัน และความรู้ที่เราได้รับจะไม่มีวันสูญหาย ใครก็ไม่สามารถมาขโมยเราได้ เมื่อเรามีความรู้ เราจะได้มีงานที่ดี มีอาชีพที่ดี และเราจะได้เลี้ยงดูตัวเองได้ พ่อแม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเมื่อท่านแก่ชรา

#เจอแต่สิ่งที่ดีๆ เพราะ เมื่อเราโตขึ้นอาจเจอสังคมที่แตกต่างจากตอนมัธยมมากมาย ท่านอาจจะมาดูแลเราไม่ได้ มาคอยสอนหรือตักเตือนไม่ได้ แต่ถ้าเราเจอเพื่อนที่ดี อาจารย์ที่ดี รุ่นพี่ที่ดี สังคมที่ดี สภาพแวดล้อมที่ดีอาจจะนำพาให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น หรือเป็นคนที่อายากจะเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นเหมือนคนรอบข้างที่เราได้เจอ 

แสดงความคิดเห็น

>