พ่อแม่ชอบโกหก ทำไงดี เรารับไม่ได้

พ่อแม่คงมีเหตุผลของเค้าแหละมั้งงง ถ้าสื่งที่เค้าโกหกไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเรา ก็ปล่อยผ่านไปค่ะ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอแล้ววว

น้องเก่งมากเลยที่รู้ผิดชอบชั่วดี

ก็ดูเค้าไว้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แล้วอย่าทำตามก็พอค่ะ

กลับไปดูสาเหตุค่ะว่าเพราะอะไรท่านถึงโกหก ทำไมถึงหน้าบางไม่ยอมรับความจริง อาจจะช่วยให้เข้าใจเค้ามากขึ้น

แม่เราเป็นคนสวยเรียนเก่งมาก สอบติดคณะดีๆ แต่ไม่ได้ไปเรียนเพราะพลาดท้องก่อน แถมคลอดมาแฟนก็ทิ้ง อับอายสังคมมาก ออกมาอยู่คนเดียวและโกหกสารพัดเพื่อดิ้นรนมีภาพลักษณ์ชีวิตที่ดีจนมาเจอพ่อพี่ ถึงขั้นได้แต่งงานมีลูกกัน

ปัจจุบันแม่โกหกจนต้องอยู่คนเดียว ไปอยู่กับใครนิสัยโกหกก็เหมือนไฟ เผาจนบ้านแตก พ่อเราต้องล้มละลายจากนักธุรกิจเจ้าของโรงแรมรีสอร์ทที่ร่ำรวยต้องพาลูกเล็กๆไปอยู่กระต๊อบ พี่ต้องทำงานพิเศษหลายอย่างรวมถึงเก็บขยะขายตั้งแต่อนุบาล เหนื่อยมากกว่าจะจบมหาวิทยาลัย ก็เพราะพิษความโกหกของแม่

ใครที่บอกให้มองข้ามเรื่องโกหก คนโกหก คุณอาจจะเจอคนโกหกเล็กน้อยไม่เจอผลกระทบรุนแรงแบบเรา ใครที่เคียดแค้น เอาแต่ด่านิสัยโกหก ไม่มองที่มาที่ไปคุณก็อาจไม่เข้าใจเค้า

เราพูดในฐานะคนที่ปลงตกกับคนโกหกแบบสุดๆ เคยพยายามแก้ปัญหาด้วยจิตวิทยาไม้อ่อนไม้แข็งหลายอย่าง สุดท้ายก็ทำใจให้เมตตาว่าที่เค้านิสัยแบบนี้เพราะแผลเค้าแหละ ถ้าเราแก้ไม่ได้ พัฒนาเค้าไม่ไหว ก็เอาเวลามาพัฒนาตัวเองแทน เราทำหน้าที่ลูกตามความเหมาะสมก็พอ

บางคนอาจจะมีปมในอดีตค่ะ อันนี้เราแนะนำนะ ลองใช้ความกล้าในการถามดู แต่ถามแบบดีๆนะคะ ว่าพ่อแม่เคยผ่านเรื่องไม่ดีอะไรมาบ้าง ลองเข้าไปกอดท่านดู แล้วค่อยๆให้ท่านพูดไปเรื่อยๆ เราว่าถ้าถามจี้จุดแบบนี้จะโกหกยากขึ้นค่ะ เพราะในหัวอาจจะไม่ทันได้คิดว่าจะโกหกว่าอะไร ลองทำดูก็ได้นะคะ ลองคุยดีๆนะ

ถ้าโกหกเรื่องที่ไม่มีผลต่อเป้าหมายชีวิตอย่างจะซื้อคอมพ์ให้ แต่สุดท้ายไม่ซื้อ หรือนามสกุล (แซ่ลี้แล้ว??) ก็ฟังผ่านๆ ไป

แต่ว่า เค้าว่ากันว่าคนบางคนก็โกหกเป็นนิสัยด้วยนะคะ แม้จะเรื่องเล็กๆ อย่างแค่ถามว่า กินข้าวแล้วยัง (จริงๆ เป็นแค่คำทักทายทั่วไป) ทั้งๆ ที่ก็กินแล้ว แต่เพราะติดนิสัยโกหกก็จะบอกว่ายัง

แล้วก็จะลามไปเรื่องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

แม่เคยโกหกคนอื่นว่าเราเป็นออทิสติก ถ้าเราเป็นออทิสติกจริงเราก็ไม่รู้เรื่องนะ เราถามแม่ว่ารู้ได้ไงแม่โกหกว่าหมอบอก