ผมไม่อยากบวช
ตั้งกระทู้ใหม่
1. เราไม่อยากนอนในวัดเพราะอารมณ์แบบเราไปเข้าค่ายลูกเสือ รด. มันไม่สบายเนื้อสบายตัว เราอยากนอนบ้าน
2. เราไม่อยากกินข้าววัดเพราะเป็นคนเรื่องมาก เลือกกิน ไม่ได้ติดหรูนะแต่หมายถึงเราไม่กินเผ็ด ไม่กินผัก ไม่กินนู่นนี่
3. ไม่อยากโกนผมโกนคิ้ว เพราะเราเป็นคนหวงผมมากอะ รู้สึกไม่หล่อเวลาหัวเกรียนตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว
4. คือเราคิดว่ามันก็มีสิ่งอื่นที่เราตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ได้ เช่น เราเรียนจบแล้วมีงานทำเลี้ยงดูพ่อแม่ พอท่านแก่ ป่วย เราก็ดูแลเพราะคือหน้าที่ของลูก ที่เห็นด้วยตาได้จริงๆว่าเราทดแทนคุณพ่อแม่ที่เลี้ยงเรามา
ทั้งนี้ ผมก็รู้สึกไม่ดีนะที่ไม่ยอมบวชเพราะความกดดันที่เขาจะให้เราบวช แต่เราไม่อยากบวชอะ จะบาปไหม
22 ความคิดเห็น
ไม่บาปครับ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าบวชแล้วเป็นทุกข์ มันจะเรียกว่าได้บุญไหม
การบวชคือการศึกษาพระธรรม ถ้าเราโดนบังคับให้เรียนในสิ่งที่ไม่อยาก มันก็ไม่ได้อะไรหรอก
ก่อนอื่นขอชม จขกท ก่อนว่า
บอกถึงเหตุผลที่ไม่อยากบวชแบบตรง ๆ ชัดเจนดี (แม้อาจทำให้คนรักศาสนาไม่ค่อย happy ก็เถอะ 555)
คือผมมีมุมมองแบบนี้ครับ... เราสามารถตอบแทนพ่อแม่ด้วยวิธีอื่นได้
แต่การที่มีลูกบวชให้พ่อแม่มันเป็น "เทรนด์" ของผู้ใหญ่หลาย ๆ คน ที่เมื่อทำแล้วพวกเขาจะมีความสุขครับ // คือผมหมายถึงมันเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นหรอก แต่มันคือความสุขเล็ก ๆ ของพวกเขา ถ้าไม่เหลือบากกว่าแรง มันก็ไม่เสียหลายที่จะมอบความสุขเล็ก ๆ นี้ให้เขานะ :)) // เมื่อเราพร้อมน่ะ 555
ปล. ผมโชคดีที่ที่บ้านไม่ให้บวช เพราะเขาบอกว่าบวชไปทำไม เปลืองตังค์ 55555
กลับกัน ผมเป็นคนบอกที่บ้านว่าบวชไปทำไมเปลืองตังค์555 ว่าจะบอกกับเขาด้วยเหตุผลพวกนี้แหละแต่ยังไม่กล้า กลัวเขาเสียใจนี่สิแบบผิดหวัง แต่สักวันก็ต้องบอกอยู่ดี
ถ้าไม่ตั้งใจที่จะบวชจริงๆ ไม่ต้องบวช ไม่งั้นทั้งคนบวช ทั้งคนกดดัน จะได้เป็นบาปกันหมด ไม่รู้คุณคิดอะไรอยู่ถึงมีคำถามว่าไม่อยากบวชแล้วจะบาปไหม?? ถามจิ๊ง เรื่องพวกนี้ควรเป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องคิดเองได้สิ ศาสนาก็เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ควรก้าวก่ายหรือมาบังคับกัน ถ้านับถือศาสนาแล้วต้องทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่ว่าจะกายหรือใจ แบบที่แม่คุณกำลังทำอยู่ ไม่มีหรอกบุญกุศล มีแต่บาปกับบาป
ประเด็นคือเราอยากเลือกเอง เลือกทำในสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบก็ไม่ทำ ซึ่งผมไม่ชอบการบวชผมเลยเลือกที่จะไม่ทำตามเหตุผลข้างบน แค่นั้นเอง แต่เขามีความเชื่อกันเรื่องบวชแต่เราไม่เชื่อ เราก็ทดแทนแบบอื่นได้ทำไมต้องบวช ผมคิดแบบนี้ครับ
คิดแบบนั้นก็สบายใจดีหนิ คุณไม่เชื่อ ก็ไม่ต้องทำตาม แต่ งง คุณจะมีคำถามทำไม ว่าคุณไม่บวชแล้วจะบาปไหม? ในเมื่อคุณคิดแบบนั้น มันไม่ควรจะมีคำถามอะไรพวกนี้เกิดขึ้นในหัวแล้วด้วยซ้ำ
ขอไปรักษาศิล นั่งสมาธิที่วัดก็พอ พระสมัยนี้นั่งเขี่ยมือถือ บางรูปจะเอาเงินไม่เอาของใส่บาตร ที่แย่เคยเห็นโยนผลไม้ทิ้งกลางทาง ส่วนใหญ่จะชอบเข้าวัด หยอดเงินใส่ตู้ซะมากกว่า ไม่ชอบใส่บาตร
ใช่ วัดคือธุรกิจมากสมัยนี้ มีรูปปั้นต่างๆนานา ที่เป็นของพราหมณ์-ฮินดู ถามตรงๆ"พุทธที่เเท้จริงๆ" มีเเต่รูปปั้นทางพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าปัจเจ้า เเค่นี้
ผมไม่อยากบวช
ทั้งนี้ ผมก็รู้สึกไม่ดีนะที่ไม่ยอมบวชเพราะความกดดันที่เขาจะให้เราบวช แต่เราไม่อยากบวชอะ จะบาปไหม
สวัสดีค่ะ
เม้นต์นี้ เม้นต์เข้ามาให้กำลังใจนะคะ
คำถามในวรรคสุดท้ายของคุณนะคะ เจ้าของเม้นต์นี้ตอบว่า ไม่เป็นบาปแต่อย่างใดค่ะ
คือ ศาสนานะคะ เป็นความเชื่อในส่วนบุคคลเท่านั้นค่ะ
ซึ่งการบวช พิธีบวช ผู้ที่มีความปรารถนาที่จะบวช เพื่อสัมผัสธรรมะ เพื่อเรียนรู้ธรรมะ ตามคำสั่งสอนของพระศาสดาในศาสนาพุทธ ที่มีอยู่ ทั้งนี้ รวมเข้าด้วยกัน เกิดเป็นศาสนา และความเชื่อในส่วนบุคคลขึ้น
คือ เข้าใจแบบนั้นนะคะ
ซึ่ง ในการนี้ ก็มีความจริงที่เป็นสำคัญในคำสั่งสอน ภายใต้ความเชื่อ ในปรัชญาแห่งพุทธ ศาสนาดังที่มีอยู่ว่า สิ่งใดก็ตามที่เรา รู้ เห็น ว่าเป็นสิ่งดี และเมื่อได้ทำสิ่งดี ๆ นั้น ๆ แล้ว เราเอง ผู้กระทำจะเป็นผู้ที่พึงได้รับ ซึ่งเป็นคำกล่าวของศาสดาที่มีอยู่ และเป็นปรัชญา เป็นแก่นสาร เป็นเนื้อแท้ของพุทธศาสนานะคะ
คือ พุทธเป็นเพียงปรัชญานะคะ และปรัชญา มีความหมายว่า เป็นวิชาแห่งความรู้ ที่เป็นความจริง ที่มีอยู่จริง และเกิดขึ้นได้จริง นั้นหรือ ก็เป็นความจริงนะคะ
คือ ตามคำสั่งสอน ภายใต้ปรัชญาของพระศาสดา ท่านบอกเล่า ผ่านประสบการณ์จริง หรือด้วยประสบการณ์ที่ท่านพยายามบำเพ็ญเพียรมา ด้วยตัวของท่านเอง ด้วยที่ว่า คนเรานะคะ เมื่อทำสิ่งดี ๆ ได้เมื่อไร เราเองที่จะพบเจอความสุข และความดีค่ะ
ทั้งนี้ การบวช คือ วิธีการเข้าถึงศาสนาโดยตรง
ทั้งนี้ คือ เมื่อที่คุณบวช คุณต้องศึกษาธรรมะโดยตรง และการศึกษาธรรมะ
(ธรรมะ แท้จริงคือคำสั่งสอน ที่ถูกค้นพบโดยพระศาสดา ซึ่งเป็นปรัชญา เกี่ยวกับเหตุ ปัจจัย สาเหตุ และผล ที่มา ที่ไป...ในการดำเนินไปในธรรมชาติ ตามธรรมชาติ ภายใต้การเป็น อยู่ คือ ของเหล่าสัพสิ่ง ทั้งสิ่งที่มีชีวิตหรือไม่มี ก็ตามที เช่น คนสัตว์ สิ่งของ ตามครรลอง ตามธรรมชาติ...ตามแก่นสารที่มันเป็นนะคะ)
คือ การที่คนเรานะคะ การที่เราจะเข้าไปรู้จัก รู้เห็น เข้าใจ ในการเกิด การเป็นไป ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวาระต่าง ๆ หรือการเปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนไป...ของสัพสิ่ง หรือ ทั้งหมดนี้ เราเข้าใจ และสามารถยอมรับได้ถึงกลไกแห่งธรรมชาติทั้งหมดดังกล่าวนี้ว่า คือเท่ากับการเข้าถึงธรรมะนั้นเองค่ะ
ซึ่งนั้นก็เป็นความหมายเดียวกันนะคะ คือจักทำให้ผู้ที่มีโอกาสเข้าใจเกิดเป็น... เกิดมี... เป็นความสุข สงบ ร่มเย็น เยือกเย็น สันติ ภายใต้การดำรงไป ตราบที่มีชีวิต บนโลกนี้ของคน นั้นเป็นความจริงค่ะ
การเข้าถึงธรรมะ ซึ่งเป็นความหมายเดียวกันดังกล่าวมานะคะ จักทำให้ผู้ที่มีโอกาสมีความสุข สงบ ร่มเย็น เยือกเย็น สันติ ภายใต้การดำรงไป ตราบที่มีชีวิต บนโลกนี้ของคนค่ะ
ทั้งหมดนี้ เป็นแก่นแท้ของพุทธนะคะ เป็นศาสนา เป็นปรัชญา เป็นสิ่งที่ดี ๆ ที่มีค่ายิ่งนัก ต่อชีวิต ต่อการเป็นอยู่ของคนค่ะ และทั้งหมดนี้ เกิดเป็นความเชื่อถือขึ้นมาตาม ๆ กัน และแน่นอนคุณพ่อคุณแม่ของคุณ ท่านก็มีความเข้าใจ และยึดถือด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ดูจะเป็นสาเหตุ ทั้งนี้ท่านจึงมีความปรารถนาอยากให้คุณมีโอกาสประสบความดี ความสุข ตามธรรมชาติ ที่พ่อแม่ จะหยิบยื่นให้ลูกได้ แบบนั้นค่ะ
จากประสบการณ์ เจ้าของเม้นต์นี้เคยบวช ซึ่งด้วยที่เรานะเป็นผู้หญิง ก็บวชได้เพียงชีพราหมณ์ แต่ก็บวชนะคะ ตั้งใจบวชด้วย เป็นความประสงค์ เป็นความปรารถนาของตนค่ะ
บวชเป็นพราหมณ์หลาย ๆ ครั้ง เมื่อที่โรงเรียนปิดเทอม แต่ก็เพียงระยะสั้น ๆ เพราะด้วยที่ตนรักกิจกรรมต่าง ๆ อื่น ๆ มากมาย เช่นกีฬา การท่องเที่ยวไป ในที่ต่าง ๆ ก็รักมาก จึงจำเป็นต้องแบ่งเวลา แต่มีเวลาเมื่อไร ต้องเข้าวัดบวชพราหมณ์ค่ะ
ซึ่งก็มีการบวชจริง (บวชแบบพระ ในครั้งหนึ่ง) คือบวชด้วยวิธี มีอุปัชฌาย์บวชให้ มีพิธีบวชที่ดูจะใหญ่โต มีการทำบุญใหญ่ จากการตั้งใจของครอบครัวพร้อมหน้า และบวชได้สามเดือนเต็ม ๆ ซึ่งเป็นสายวัดป่าด้วยนะคะ
เคร่งครัดมากในการศึกษา และปฎิบัติธรรม ทั้งนี้ ทำให้รู้สึกดี เป็นสุข รู้สึกว่าสว่างไสวภายใน สงบ เป็นสุข ร่วมเย็น ภายใน เหตุเช่นนี้เกิดขึ้นได้จริงภายใต้การศึกษาธรรมะที่แท้จริงค่ะ
และ ที่มากกว่านั้น ทุก ๆ คนในบ้านเป็นสุขไปด้วยกับเรา ซึ่งเรารู้ เห็น สัมผัสได้จากสีหน้า แววตา และคำพูดของทุกคน จากเหตุที่เราบวชด้วยค่ะ
ด้วยที่มีประสบการณ์ ในการบวชแม้จะเป็นเพียงการบวชของผู้หญิง ซึ่งเป็นได้เพียงชีพรามหมณ์ก็ตามที แต่ก็เป็นความสุขที่แปลกประหลาดมาก ๆ จึงอยากแนะนำคุณ ว่า หากคุณนะคะมีโอกาส คุณก็บวชนะคะ
(งานบวชของเจ้าของเม้นต์ เมื่ออายุ 19 ปีค่ะ ด้วยที่ถือเลข 9...ว่าเป็นมงคลนะคะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถือเป็นกฤษดีค่ะ เชื่อว่าดีนะ ทุกอย่างก็ดีหมดล่ะ )
แม้ว่าในขณะนี้ คุณมีอายุ 20 ปี แต่การบวชนะคะ จะบวชเมื่อไรก็ได้ เมื่อคุณพร้อมค่ะ
ผู้ชายในพุทธศาสนา ส่วนมากจะบวชในวัยเบนจเพสนะคะ คือ ในวัยราว ๆ 25 ปี เป็นส่วนใหญ่ และเป็นวัยที่ถือว่าดี ในการบวช ทั้งนี้ ด้วยที่เป็นวัยที่โตพอ และพร้อมที่จะเข้าใจอะไร ๆ ได้ดีพอแล้ว จึงถึงเวลาที่จักต้องศึกษาธรรมะ เพื่อให้จิตใจได้มีระดับสูงขึ้นอีกระดับหนึ่ง ซึ่งจะเกิดเป็นความพร้อมเพียงที่ดี ในส่วนบุคคล เพื่อการดำเนินชีวิต...ในภายภาคหน้า เมื่อคุณมีครอบครัว มีภรรยา มีลูก แบบนั้นนะคะ
และ แน่นอน ผลบุญ หรือความรู้สึกดี ที่คุณจักเข้าใจในธรรมะ หรือ เข้าใจในกลไกแห่งธรรมชาติทั้งหลาย ทั้งปวง เพื่อการอยู่ ของคุณเองนี้แล้ว ก็จะเกิดเป็นผลพลอยได้ ผลดี นั้นก็คือคุณพ่อ คุณแม่ของคุณ และญาติ ๆ และพี่น้องของคุณ ก็จะเป็นสุขด้วย ทั้งหมดนี้ เราเรียกว่าผลบุญนะคะ
และ การบวชนะคะ ยังเป็นการทนุบำรุง ดูแลรักษาศาสนา ให้มีอยู่... และคงอยู่...ต่อ ๆ ไปด้วยค่ะ
ซึ่งแน่นอน นั้นเท่ากับคุณนะคะ ได้มีส่วนดูแล ทนุบำรุงศาสนา(พุทธ) ซึ่งเป็นปรัชญา เป็นศาสนาที่สำคัญมากกกกกกกกกกกกกกก ต่อการอยู่ของเหล่าผู้คน ผู้ที่ต้องการมีสิ่งที่ดี ๆ เป็นหลักยึดมากมาย อีกด้วยค่ะ
ทั้งหมดนี้ จักเกิดขึ้นได้ ภายใต้การบวชของคุณ ซึ่งเป็นผลที่ดี เยี่ยมมาก ๆ นะคะ ทั้งตัวคุณเอง และเพื่อพ่อแม่ และเพื่อนมนุษยชาติด้วยกัน ทั้งสิ้นค่ะ
ด้วยที่เข้าใจเช่นนี้ และมีประสบการณ์ที่ดี ๆ เกี่ยวกับผลการบวช...จึงอยากแนะนำให้คุณคิดอีกที เมื่อคุณพร้อมนะคะ
หรือ หากคุณไม่อยากบวช ก็ไม่เป็นไร ไม่เป็นบาปแต่อย่างใดค่ะ
เพียงแต่เมื่อคุณบวช คุณจะเป็นผู้ที่จะได้ บุญกุศล ดังคำสั่งสอนของพระศาสดา ที่มีอยู่ว่า...ผู้ที่พึงปฎิบัติเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ที่พึงได้รับ...ค่ะ
หากถึงวันเวลาที่ผ่านไป และคุณไม่อยากบวชอยู่ดี คุณก็ไม่ต้องคิดมากนะคะ ขอเพียงคุณให้เหตุผลที่ดี ๆ ที่เป็นของคุณเอง ต่อคุณพ่อ คุณแม่ เท่านั้นก็น่าจะดีพอค่ะ
ไม่เป็นบาปแต่อย่างใดค่ะ
ขอร่วมเป็นกำลังใจให้คุณค่ะ
-----------------------------
เรื่อง เกี่ยวกับการบวชนะ
มีเพลงเพราะ ๆ และ มีความหมายดี ที่เจ้าของเม้นต์ชอบอยู่ด้วยค่ะ
นำมาฝากคุณรับฟังเล่น ๆ ด้วยกันนะคะ
ก็ไม่ต้องบวช แต่เรื่องแค่นี้ไปคุยกับพ่อแม่ให้ชัดเจนค่ะไม่ใช่มาตั้งกระทู้ถาม เอาเหตุผลนั่นแหล่ะไปกางแล้วพูดอย่างมีเหตุผล
ทำใจอยู่ครับ เขาจะเสียใจน่ะสิ แต่ก็ต้องบอกอยู่ดี
ไม่บาปครับ
จริง ๆ ผมก็คล้าย ๆ คุณเลย 5555 หาคำตอบอยู่นาน สุดท้ายก็คิดได้ว่ามันเป็นค่านิยม ในเมื่อเราไม่อยากและมันไม่ได้เป็นเรื่องจำเป็น ก็ไม่จำเป็นต้องทำ ไม่ได้ต่อต้านการบวชแต่และยังนับถือศาสนา แต่รู้สึกว่าถ้าต้องบวชเพื่อความสบายใจของคนอื่น และเราต้องลำบากใจมาก ๆ ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่อะไรที่ดีอะครับ พ่อแม่จะยินดีจริง ๆ หรือที่รู้ว่าลูกต้องฝืนใจตัวเองขนาดนั้น
ขอแค่เราเป็นคนดี ไม่เบียดเบียนใคร ไม่สร้างปัญหาให้ท่าน เท่านั้นก็ดีมากแล้วครับ
ขอเป็นกำลังใจให้นะครับบ //อยากเม้นท์ให้ตลก ๆ แต่ทำไมมันดูซีเรียสจังเลยครับ 55555
เราก็นับถือศาสนาปกตินี่แหละ ไหว้พระ ทำบุญ อยู่แล้ว แค่ไม่อยากบวชแค่นั้นครับ55
ใช่เลย ครับ เหมอนผม เลย
ผมก็ไม่ได้บวช ที่บ้านก็ไม่ได้บังคับ ผมมีความเชื่อว่าถ้าบวชจากไม่ได้ศรัทธา จะได้ประโยชน์อะไร แล้วหลังๆคือไม่ค่อยนับถือพระสงฆ์ จากข่าวต่างๆนาๆ ที่เห็นกันทุกวันนี้ เคยมีคนถามด้วยนะ ทำไมไม่บวช ที่บ้านไม่ว่าหรอ ก็บอกไปเลย "แม่ไม่ว่า คุยกับแม่แล้ว" เลิกเอาบรรทัดฐานตัวเอง มาตัดสินคนอื่นเถอะนะ
ใช่ ข่าวพระสงฆ์สมัยนี้ กิเลสหนากว่าคนทั่วไปก็ว่าได้ !!! เงิน เงิน เงิน เงิน
การทดแทนคุณพ่อแม่ตามคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ใช่การบวช
https://www.dhammahome.com/webboard/topic/26366
แนะนำครับ อย่าบวชเลยครับ เท่าที่อ่านมาคือยังไม่รู้ว่าความหมายของการบวชคืออะไร ไม่เข้าใจหลักธรรมใดๆเข้าไปก็พาลจะบาปเสียเปล่า การบวชโดยที่ไม่เข้าใจเข้าไปก็เท่ากับกินข้าวชาวบ้านเปล่าๆไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย อยู่เป็นฆารวาส ทำความเข้าใจว่าพุทธศาสนาสอนอะไร ปฎิบัติตนได้ตามธรรมเบื้องต้นให้เข้าใจท่องแท้ก่อนครับ แนะนำว่าถ้าอยากจะรู้ว่าการบวชที่ดีเป็นแบบไหน ลองฟังพุทธวจนก่อนนะครับ
ใช่ ไม่ควรบวช เลย พระคือเงินเเก่เงินมาก ส่วนใหญ่ !!!
ก่อนอื่นคงต้องทำความเข้าใจถึงความเชื่อความศรัทธาของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรา ว่าท่านมีความเชื่อในเรื่องบุญการบวชถือว่าเป็นการทำมหาบุญมหากุศลอย่างหนึ่งที่ เหล่าฆราวาสอุบาสกอุบาสิกาพึงกระทำได้ อนิสงส์จากการบวชทำให้เราได้เรียนรู้ ฝึกฝนปรับเปลี่ยนวิธีคิด มีเวลาในการศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนในทางพุทธศาสนา ทำความเข้าใจ ได้รับการฝึกฝนในช่วงที่บวช อนิสงส์ที่ได้รับจะเป็นการทำให้เราเป็นคนเลี้ยงง่าย เข้าใจและปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้ มีสติในทุกขณะในการปฏิบัติธรรมระหว่างอยู่ในช่วงที่บวช มีการฝึกสติให้มีความรู้แจ้งถึงประโยชน์ และโทษจากการได้พิจารณาอาหารที่ได้รับบิณฑบาต เกิดปัญญาให้มีความเข้าใจถึงประโยชน์ในขณะบริโภคอาหารอย่างมีสติ ละเรื่องการปรุงแต่งจากสิ่งรอบกาย เพื่อเป็นอุบายในการฝึกฝนให้เรามีวุฒิภาวะสูงขึ้น เข้าใจถึงธรรมชาติของสิ่งปรุงแต่งที่เป็นที่มาของกิเลส ตัญหาอุปทานต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม การตอบแทนคุณพ่อแม่มีหลายวิธี สุดท้ายคงต้องอยู่ที่วิธีคิดของตัวเราเองว่ามีความพร้อมที่จะตอบแทนคุณพ่อแม่ในลักษณะใดได้ับ้าง หากสิ่งที่ทำไปโดยเฉพาะเรื่องบวช หากเรายังไม่มีความพร้อมหรือเข้าใจถึงประโยชน์ที่ได้ ฝีนทำไปรังแต่จะก่อให้เกิดโทษได้มากกว่าคุณ ซ้ำร้ายหากเราไม่สามารถปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบของพระธรรมวินัยได้ จะก่อให้เกิดทุกข์และปาบแทนที่จะได้บุญอุทิศส่วนกุศลทดแทนคุณให้พ่อแม่ หากยังคิดไม่ได้หรือรู้สึกไม่ดีในเรื่องบวชอาจจะเนื่องมาจากเรายังไม่มี่ความพร้อมหรือศรัทธาแล้ว เราสามารถตอบแทนคุณหรือทดแทนด้วยวิธีอื่น ๆ ได้ และอย่างไปยึดกับความรู้สึกที่ไม่ดี ขอให้เข้าใจว่าวิธีตอบแทนคุณพ่อแม่มีหลายวิธีที่คนเราไม่สามารถทำได้เหมือนกันได้หมดทุกคน เพราะแต่ละคนล้วนมีข้อจำกัดมีทัศนะคติที่แตกต่างกันได้ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดหรือไม่ดี
แนะนำไปวิปัสสนาหลักสูตรอาจารย์โกเอ็นก้าค่ะ เราไปศูนย์ธรรมกาญจนามา มีหลายศูนย์ทั่วประเทศ พระก็ไปกันเยอะ เหมือนได้บวชเลยค่ะ ได้ศึกษาพระธรรมและได้ลองปฏิบัติการขจัดทุกข์เหมือนกัน
ไม่ต้องโกนหัว ที่นอนสะดวกสบาย อาหารการกินไม่ต้องห่วง (กินเจ แต่เราขึ้นชื่อเรื่องกินยากและเรืี่องมากสุดๆ ถ้าเรากินได้คือบอกเลย ทุกคนอยู่ได้) พ่อแม่ได้เกาะชายผ้าเหมือนกันค่ะบอกเลย ไปแล้วได้อะไรมาเยอะมากกกก
แนะนำอยากให้ไปจริงๆค่ะ (ไม่มีกิจทางศาสนาอะไรทั้งนั้น)
พึ่งรู้ว่ามีแบบนี้ด้วย
ฝากคำถามไว้ให้น้องถามตัวเองนะครับว่าคิดดีๆ แล้วตรองดูให้ถี่ถ้วน
"ตอนนี้ไม่อยากบวช ถ้าวันหนึ่งเกิดมีใครสักคน(พ่อหรือแม่)เสียชีวิตจะบวชไหม"
บางคนต้องรอคนที่รักตายถึงบวชให้รอบวชหน้าไฟทั้งๆ ที่คนที่เราบวชให้ก็ไม่ได้รับรู้อะไรแล้ว ถ้าคำตอบที่น้องได้ว่าจะบวชพี่ว่าบวชตอนนี้ไปเถอะบวชตอนที่แกยังอยู่ให้แกสบายใจไม่ต้องรอให้ใครตายก่อนแล้วมาเสียใจทีหลังทำไมไม่บวชให้แต่แรก แต่ถ้าคำตอบของน้องยังคงเดิมยังไงก็ไม่บวชแน่นอนนี่จะเป็นสิ่งยืนยันความตั้งใจของน้องเองได้เป็นอย่างดี
ถ้าคำตอบมันออกมาว่าไม่บวชผลัดพ่อแม่แกไปก่อนครับรอเรียนจบ รอได้งาน ทำงานแล้วลาไม่ได้....แล้วดูแลพวกเขาให้ดีพอพ้นวัยไปแล้วเดี๋ยวก็กลายเป็นเลยตามเลยไปเอง ส่วนเรื่องบาปหรือไม่บาปนั้นบุญบาปมันอยู่ที่ใจเราครับถ้าบวชแล้วทุกข์มันก็ไม่ใช่เส้นทางบุญอยู่ดี หวังว่าคำตอบนี้จะมีประโยชน์บ้างไม่มีใครตัดสินใจแทนตัวเราได้ดีกว่าตัวเราเองครับ
คิดเหมือนกันครับเรื่องบวชหน้าไฟ แต่ผมไม่อินกับการบวช ถึงตอนนั้นผมก็คงจะไม่บวช เพราะตอนนี้ผมก็ไม่บวชอยู่แล้ว ผมคิดว่าทำดีกับพ่อแม่ตอนที่มีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว (ตอนแรกคิดนะว่าถ้าไม่บวชหน้าไฟเราจะเป็นคนลูกอกตัญญูรึป่าว แต่คิดไปคิดมามันไม่เกี่ยว อยู่กับความจริง ทำตอนนี้ให้ดีที่สุดพอ)
เป็นพ่อแม่ ผมก็ไม่บวชให้คับ และผมเชื่อว่าพวกท่านก็จะไม่ได้บังคับผมด้วย
ผมเคยพูดกับยาย เพราะแกเคยถาม คือผมไม่ได้มีความคิดอยากจะบวชเลย ผมถือว่า ถ้าตอบปัญหาเรื่องธรรมมะสู้ผมไม่ได้ ผมจะไม่ให้ใครมาบวชแน่นอน พระเดี๋ยวนี้มีส่วนมากมีแค่เปลือกคับ คนธรรมดาอย่างเรา ยังมีคนที่ศึกษาธรรมจนเข้าใจได้เยอะกว่าอีก แล้วทำไมต้องบวชด้วย
คือเอาจริงผมก็ไม่ได้รู้เรื่องหลักธรรม พวกชื่อสูตรนั้นสูตรนี้มากหรอก แต่ผมรู้หลักการของศาสนาพุทธ ซึ่งผมมองว่าแค่นี้ก็เพียงพอกับการใช้ชีวิตแล้วคับ การบวชนี้ไม่จำเป็นเลย
ไม่บาปๆๆๆๆ อยู่ที่เรา ผ้าเหลือง ก็เเพ้ นารี ได้ไง ตามที่เป็นข่าว
กิเลส มีได้ทุกคน เเค่มีวิธีการปฏิบัติธรรม ไม่ว่าใครหน้าไหนในโลกนี้ รวมไปถึงพระอรหันต์เเต่ท่านไม่ใช้ อ้างอิง พอจ.ชานนท์ สาธุ
เเนะนำไปวัดสายวัดป่า
#วัดป่าเจริญธรรม ชลบุรีพระอาจารย์ชานนท์ หรือไม่ชมผ่านยูทูป ได้เลย วิธีปฏิบัติดีมาก ขอลองเองนะ #สาธุ
ปัจจุบันก็เลิกทำบุญในวัดไปละ เห็นข่าวพระมีเงินเก็บมากมาย เลิกเเล้ว หันมาทำกับคนชรา เด็กเล็ก คนยากจน คนผู้ป่วยติดเตียงในโรงพยาบาลดีกว่า !!!
ไม่จำเป็นต้อง"บวช" บวชในใจ นี่เเหละ สำคัญที่สุด ๆ
ข่าวฉาวมากวงการพระสงฆ์ ปัจจุบัน อลเวงไปกันหมด!!
วัดสมัยนี้ตู้หยอดเงินเต็มไปหมด เหมือนต้องเงินมาก เเล้วทุกสตางค์ก็เข้าวัดอยู่ดี จะหาเงินทีาไกนมาหยอด ละสิ!!!
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?